หน้าหลัก / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

แชร์

วิถีสุริยะพิชิตเวหา
วิถีสุริยะพิชิตเวหา
ผู้แต่ง: นักเขียนหนุ่มจอนสโนว,ธารน้ำแข็งแห่งขุนเขา,大冰山

บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-20 21:30:19

เสียงนกร้องแว่วมาเข้าหูเป็นสัญญาณแห่งยามเช้า จางอี้หมิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงสว่างรอบตัว เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องนอนที่แปลกตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคย

ผนังห้องถูกประดับด้วยภาพวาดภูเขาและสายน้ำ ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นผลงานวาดภาพของบิดา มุมหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือเก่าที่เขาเคยอ่านในวัยเด็ก และบนโต๊ะไม้ใกล้เตียง มีโถยาที่ส่งกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูก

นี่คือห้องของเขาในจวนสกุลจาง บ้านเดิมของเขา แต่เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?

จางอี้หมิงพยายามลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวที่หน้าอกทำให้เขาต้องนิ่งอยู่กับที่ เขาก้มลงมองร่างกายตนเองและพบว่ามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันรอบหน้าอก บ่งบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

“เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำ

ทันใดนั้น สายตาของเขาหันไปเห็นสตรีร่างเล็กนางหนึ่ง นางนั่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียง เส้นผมยาวสยายปกคลุมไหล่ เสื้อผ้าของนางเรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน แลดูมีความน่าเอ็นดูผสมอยู่

“ซงเอ๋อร์?” เขาเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ

สตรีนางนั้นคือสาวใช้แห่งจวนสกุลจางที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก นางดูเหนื่อยล้าเหมือนเฝ้าดูแลเขามาหลายคืน

“เป็นที่แน่ชัดว่าข้าอยู่ที่บ้าน ที่นี่ไม่ใช่สำนักเทียนหยาง”

สำนักเทียนหยาง เป็นสำนักฝึกตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของเมือง เป็นสถานที่ฝึกฝนของผู้ที่มั่นเข้าสู่วิถีเซียนยุทธ์ได้ฝึกฝนกัน และเขาคือศิษย์แห่งสำนักเทียนหยางแห่งนั้น

จางอี้หมิงรู้สึกกระหายน้ำ เขาเหลือบไปเห็นถ้วยน้ำบนโต๊ะที่อยู่กลางห้อง สัญชาตญาณบอกให้เขายื่นมือออก ใช้พลังปราณเพื่อดูดถ้วยน้ำมาหาตนเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความว่างเปล่า

“พลังปราณของข้า...หายไป!”

เขาลองอีกครั้ง แต่ยังคงไร้ผล เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามไรผม เขาสำรวจลึกลงในร่างกายของตนเอง และพบว่าจุดชีพจรทั้งหมดในร่างเหมือนถูกปิดกั้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” เขาพึมพำในใจ ความวิตกกังวลแล่นเข้ามาในจิตใจ

จากนั้นเขาจึงพยายามรวบรวมความทรงจำถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ครานั้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ภัยพิบัติเกิดขึ้นในอาณาจักรต้าเฉิง…

เมื่อ 1 ปีก่อน

กลางท้องฟ้าเหนืออาณาจักรต้าเฉิง

จางอี้หมิงยืนทรงตัวบนดาบวิเศษเล่มยาว สีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงความมุ่งมั่น ด้านหลังของเขาสะพายดาบใหญ่เล่มหนึ่ง ใบดาบหนาและหนักเหมือนอาวุธของนักรบ แต่ในมือของเขากลับถือพู่กันยาว และกระดาษยันต์หลายแผ่นติดอยู่ที่เอว

รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยเพลิงสีส้มแดงที่ปักษาอัคคีพ่นออกมา เพลิงนั้นไม่ได้เพียงแค่เผาทำลาย แต่ยังร้อนแรงจนทำให้ปราณธรรมดาสลายไปได้ ศิษย์สำนักเทียนหยางที่อยู่ด้านล่างช่วยกันสร้างตาข่ายเวทสีทองครอบคลุมเมืองหลวงเพื่อปกป้องผู้คน

“อาจารย์กับศิษย์พี่คนอื่นเผชิญหน้ากับจอมปีศาจที่ชายแดน ที่แห่งนี้มีเพียงข้าที่ระดับสูงสุด กับพวกระดับเล็กที่อยู่ด้านล่าง”

ณ ที่แห่งนี้เหลือเพียงเขาแต่เพียงผู้เดียวที่รับมือกับปักษาอัคคีตัวนี้ได้ หากเป็นภัยคุกคามธรรมดา พวกทหารกับเจ้าหน้าที่รัฐคงรับมือมิยาก แต่เมื่อเป็นตัวประหลาดเช่นนี้ ยังไงก็ต้องถึงมือสำนักเทียนหยางอยู่ดี

จางอี้หมิงเพ่งมองปักษาอัคคีที่บินวนไปมา มันส่งเสียงกรีดร้องลั่น ร่างกายใหญ่โตเป็นเงาตะคุ่มกลางเปลวไฟที่แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า

เขากระชับพู่กันในมือ ใช้พลังปราณสะบัดพู่กันเขียนตัวอักษรโบราณบนกระดาษยันต์แผ่นหนึ่ง ก่อนจะปาใส่เปลวไฟที่มุ่งหน้าเข้ามา

“ดูดกลืน!”

ทันใดนั้น กระดาษยันต์แผ่นเล็กๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น เปลวไฟของปักษาอัคคีถูกดูดกลืนเข้าไปจนหมด ราวกับกระดาษนั้นมีชีวิต

“ปักษาอัคคี ข้าอยากได้เจ้ามาเลี้ยงดูเล่นเสียจริง!” จางอี้หมิงตะโกนลั่น ก่อนจะเขียนยันต์อีกสี่แผ่นในพริบตา

เขาปากระดาษยันต์เหล่านั้นขึ้นสู่ท้องฟ้า กระดาษแต่ละแผ่นลอยขึ้นและเปล่งแสงสีทองสว่างไสว กลายเป็นตาข่ายพลังงานขนาดใหญ่ล้อมรอบปักษาอัคคีไว้

ปักษาอัคคีพยายามดิ้นรน มันพ่นเพลิงใส่ตาข่าย แต่ตาข่ายยันต์กลับดูดกลืนเปลวเพลิงนั้นจนหมด

จางอี้หมิงสะบัดพู่กันขึ้นฟ้า ตัวอักษรโบราณลอยเด่นอยู่กลางอากาศราวกับถูกสลักไว้ด้วยพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ เขากางมือทั้งสองข้างออก สะกดพลังให้ตัวอักษรนั้นกลายเป็นตราผนึกขนาดใหญ่

“ปิดฉาก!”

พลังงานจากตราผนึกแผ่กระจายออก ปักษาอัคคีส่งเสียงร้องสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะถูกดูดเข้าไปในอักษรโบราณ ตัวอักษรลอยหมุนวนอยู่กลางอากาศ ส่องแสงสว่างวาบจนท้องฟ้ากลับมาเป็นสีฟ้าอีกครั้ง

เหมือนว่าทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดี แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

เสียงหวีดแหลมของอาวุธที่พุ่งทะยานมา

หอกสีดำทะลุผ่านตาข่ายเวทพุ่งตรงมายังจางอี้หมิง ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว หอกนั้นแทงเข้าที่ทรวงอกของเขาอย่างจัง โลหิตไหลทะลัก ร่างของเขากระตุกและลอยร่วงลงจากดาบ

“ใครกัน!” เขาคิดในใจ รู้สึกถึงความเจ็บปวดและพลังปราณที่ค่อยๆ จางหาย

จากนั้นทุกอย่างก็มืดลง...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

    ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจจางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊ะ! เจ็บ…”ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”“อืม…” เขาพยักหน้าเมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

    จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียทีจากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอายเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?” จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?” หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21

บทล่าสุด

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

    จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียทีจากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอายเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?” จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?” หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดู

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

    ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจจางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊ะ! เจ็บ…”ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”“อืม…” เขาพยักหน้าเมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยา

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

    เสียงนกร้องแว่วมาเข้าหูเป็นสัญญาณแห่งยามเช้า จางอี้หมิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงสว่างรอบตัว เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องนอนที่แปลกตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยผนังห้องถูกประดับด้วยภาพวาดภูเขาและสายน้ำ ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นผลงานวาดภาพของบิดา มุมหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือเก่าที่เขาเคยอ่านในวัยเด็ก และบนโต๊ะไม้ใกล้เตียง มีโถยาที่ส่งกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกนี่คือห้องของเขาในจวนสกุลจาง บ้านเดิมของเขา แต่เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?จางอี้หมิงพยายามลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวที่หน้าอกทำให้เขาต้องนิ่งอยู่กับที่ เขาก้มลงมองร่างกายตนเองและพบว่ามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันรอบหน้าอก บ่งบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส“เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำทันใดนั้น สายตาของเขาหันไปเห็นสตรีร่างเล็กนางหนึ่ง นาง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status