หน้าหลัก / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 3 เกิดใหม่ในดินแดนมนุษย์

แชร์

ตอนที่ 3 เกิดใหม่ในดินแดนมนุษย์

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-23 18:02:42

สิ้นคำพูดของซ่งอี้ เทพเซียนที่เกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของนาง

“ขอเทียนจวินตัดสินด้วยเถิด” ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

เทียนจวินมองไปที่หยางซือซือ เวลานี้ใบหน้าของนางราวกับครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ แต่ไม่มีสีหน้าแสดงความกังวลใจต่อบทลงโทษ

“เซียนน้อยหยางซือซือ ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจทำหน้าที่ต่อจากผู้เฒ่าหยางมาด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากแต่ครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้น ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อความเดือนร้อนได้ จงลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ผ่านด่านเคราะห์และบำเพ็ญตบะให้แกร่งกล้า เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ถูกลงโทษเป็นครั้งที่สอง” เทียนจวินตรัสกับนาง

“หม่อมฉันน้อมคำตัดสินเพคะ ขอบพระทัยเทียนจวิน” หยางซือซือทำความเคารพ ก่อนที่ทุกคนในห้องโถงใหญ่แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนต่อ มีเพียงเซียวอวี้เทียนเดินหน้าเศร้ามาหานางเพราะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของนาง วิหคเพลิงมีเงื่อนงำบางอย่างถึงได้ปรากฏตัวขึ้น

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้านักหรอกน่า เซียวอวี้เทียน ช่วงชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น เดี๋ยวข้าก็กลับขึ้นมาบนสวรรค์ได้เช่นเดิมแล้ว” หยางซือซือปลอบใจเขาเหมือนอย่างเคย นางมักจะลืมเรื่องของตนเองแล้วใส่ใจความรู้สึกของเขาเสมอ

“อื้ม ข้าจะรอเจ้า เอาไว้กลับมาแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้านะ หยางซือซือ” เซียวอวี้เทียนยิ้มให้นาง ก่อนที่จะมีองครักษ์บอกเขาว่าเทียน จวินต้องการพบเขาด้วยเรื่องสำคัญ

“ไปเถอะ” หยางซือซือตบไหล่เขาเบา ๆ เป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย นางกลับไปที่ตำหนักของตนเองพร้อมกับเซียนน้อยจำนวนหนึ่ง

หลังจากที่เก็บของในตำหนักและส่งมอบหน้าที่ให้เซียนน้อยที่มาด้วยกันแล้ว นางเดินไปที่ใจกลางตำหนักมองดูเปลวไฟโคมดวงจิตที่เหลืออยู่ส่องแสงสว่างอย่างที่เคยเป็น ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าโคมน้อยดวงเดิม

“เจ้าโคมน้อย หวังว่าเจ้าจะผ่านด่านเคราะห์ไปได้ด้วยดีนะ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้กลับสวรรค์ก่อนข้าเสียอีก ดูแลตัวเองด้วยนะตอนที่ข้าไม่อยู่” หยางซือซือจิ้มนิ้วชี้ไปแตะโคมน้อยเบา ๆ นางยืนขึ้นแล้วหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว สายตามองไปที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ รอบตำหนัก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องจากบ้านไปนานถึงเพียงนี้

เซียนน้อยพานางมาที่ลานจุติ หยางซือซือพยายามมองหาเซียวอวี้เทียน สหายเซียนของนางแต่ไม่พบวี่แวว เมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องลงไปเกิดใหม่ จึงได้ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหลับตากระโดดลงไป

ณ ดินแดนมนุษย์

เซียนน้อยหยางซือซือลงมาเกิดใหม่บนที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก จิตวิญญาณเซียนของนางได้ตื่นขึ้นยามที่นางรับรู้ถึงสายลมพัดเอื่อยเบา ๆ กลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าปะทะเข้าจมูกของนางไม่ขาดสาย ก้อนอะไรบางอย่างเย็น ๆ อยู่ใต้เท้าของนาง พลันได้สติว่าตนเองกำลังถูกลงโทษให้มาเกิดเป็นมนุษย์ ทั้งยังต้องบำเพ็ญตบะเซียนเก้าขั้นก่อนจะหมดอายุขัยเพื่อกลับสวรรค์ นางจะรอช้าไม่ได้ คิดเช่นนั้นก็รีบลืมตาขึ้น

“เอ๊ะ! ความรู้สึกของมนุษย์เป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ รอบตัวข้าควรจะรายล้อมไปด้วยคนที่ข้าเรียกว่าท่านพ่อ ท่านแม่ หรือไม่อย่างน้อยก็มนุษย์ที่ดูอายุมากกว่าข้าสักคน ทำไมข้ามองเห็นแต่ต้นหญ้า เหมือนที่อยู่บนตำหนักสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น” หยางซือซือไม่เข้าใจ คิดว่าจะต้องมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นกับการเกิดใหม่

ทว่าเรื่องจริงก็เป็นอย่างที่นางคิดไว้ หยางซือซือกระพริบตาเพื่อมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง พยายามจะยกขาขึ้นเดินไปดูข้างหน้า แล้วก็รู้สึกได้ว่าขานางมีบางอย่างมัดติดไว้อยู่

“ขาข้าติดอะไรนะ เอ๊ะ!” นางเอามือปิดปาก แต่ก็ได้รับรู้ว่ามือของนางก็ผิดปกติเช่นกัน “มือข้า มือข้า นิ้วหายไปที่ใด เจ้าสีเขียวแบน ๆ นี่น่ะหรือมือของข้า ร่างมนุษย์ของข้าทำไมถึงแปลกไปเช่นนี้” หยางซือซือพยายามนึกอยู่นานว่าสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้คืออะไร

“โธ่ถัง ข้าก็นึกตั้งนานว่าเหมือนอะไร ที่แท้ข้าก็มาเกิดเป็นต้นไม้หรอกหรือเนี่ย แล้วข้าจะบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นเมื่อใดเล่า ซือมิ่ง ท่านแกล้งข้าหรือ ไหนบอกว่าให้ข้ามาเกิดเป็นมนุษย์” เสียงของหยางซือซือตัดพ้อเขา หากมองจากภายนอกก็จะเห็นเพียงต้นอ่อนที่มีใบเลี้ยงสองใบพัดไหวไปมากับลำต้นที่โอนเอนไปซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่

แต่ไม่ว่าอย่างไร หยางซือซือก็ไม่สามารถหนีจากโชคชะตาครั้งนี้ไปได้ นางเคยได้ยินมาว่า มนุษย์นั้นบำเพ็ญตบะเซียนเก้าขั้นได้เร็วกว่าผู้อื่น ต้นไม้ดอกไม้บนโลกมนุษย์ใช้เวลานานสุด “บังเอิญจริง ๆ”

การเกิดเป็นต้นดอกท้อทำให้นางได้มีสมาธิบำเพ็ญตบะเซียนเพราะไม่ต้องวุ่นวายกับใคร แถมยังมาเกิดที่ริมผาเดียวดาย จะมีผู้ใดเล่ามารบกวนนางถึงตรงนี้ได้ “อย่างมากหนึ่งหมื่นปีข้าก็จะได้กลับสวรรค์”

เรื่องราวของหยางซือซือ ต้นดอกท้อริมผาเดียวดายแห่งนี้ดำเนินมาอย่างเรียบง่าย ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปี จากต้นอ่อนต้นเล็กสูงเท่าต้นหญ้าบริเวณรอบ ๆ บัดนี้ลำต้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก นางยังคงค่อย ๆ บำเพ็ญตบะเซียนอย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าช่วงหลัง ๆ จะติดเกียจคร้านไปบ้าง

“ผ่านมาหลายพันปี ข้าเพิ่งจะบรรลุตบะเซียนขั้นที่สองเองหรือ” หยางซือซือพูดกับตัวเอง ดูเหมือนว่าเวลาที่นางคาดว่าจะกลับสวรรค์คงไม่ใช่หมื่นปีอันใกล้นี้แล้ว แต่นางก็ยังคงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะรู้สึกว่าชีวิตตรงนี้ก็สบายดี นางได้นั่งดูก้อนเมฆ มองท้องฟ้า อาบแสงดาวแสงจันทร์ กินน้ำค้างยามเช้า “ไม่มีอะไรสบายไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องกลับสวรรค์ก็ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน”

ในวันหนึ่งของฤดูหนาว หยางซือซือได้ยินเสียงหนึ่งใกล้เข้ามา เสียงที่นางไม่ได้ยินมาเป็นเวลานานแล้ว นางรีบตื่นจากหลับใหลเพื่อมองหาต้นเสียงนั้น

“มานี่สิ พักตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางต่อ” เสียงเล็ก ๆ เจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้น

“อื้ม ข้าหิวน้ำ” เด็กหญิงตัวน้อยพูดกับพี่ชาย นางดูเหน็ดเหนื่อยเพราะเดินทางมาเป็นเวลานาน ทั้งสองคนนั่งลงที่ใต้ต้นดอกท้อ เอนหลังพิงกับลำต้น ทอดสายตาไปยังข้างหน้า แหงนมองท้องฟ้าและตะวันที่กำลังตกดิน

“มนุษย์หรือ ข้าเจอมนุษย์แล้วหรือ นานเหลือเกิน” นางเห็นความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ จึงแผ่พลังเซียนอันน้อยนิดของนางเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็หลับผล็อยไป

หยางซือซือมองเห็นความทรงจำเมื่อไม่กี่วันก่อนของพวกเขาขณะที่กำลังหลับฝัน เด็กน้อยทั้งสองคนนี้วิ่งไปมาที่ลานหน้าบ้าน อดมื้อกินมื้อจนไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่ยังคงความสดใสตามวัยเอาไว้ได้ หลายวันนี้เดินทางตามพ่อแม่มาหาของในป่า เจอสัตว์ป่าดุร้ายจึงพากันวิ่งหนีไปคนละทางจนพลัดหลง คนพี่พยายามดูแลน้องสาวเป็นอย่างดีตลอดทาง เห็นเช่นนี้แล้วนางรู้สึกอยากให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ยืนยาว ร่างกายแข็งแรง เติบโตเป็นอย่างดีจริง ๆ

คืนนั้นเอง นางจึงเข้าไปในความฝันของทั้งสองคน เตือนว่าหากตอนเช้าตื่นมาแล้วอย่าลืมนำถุงผ้าที่วางไว้ข้าง ๆ กลับไปด้วย นางใส่ของวิเศษมากมายที่เคยได้ยินยามที่อยู่ดินแดนสวรรค์ เอาไว้ให้ครอบครัวนี้ได้ใช้ ทั้งยังถ่ายทอดพลังตบะเซียนเพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรง โชคดี และมีความสุข โดยไม่ห่วงว่าตบะเซียนของนางจะลดลงแต่อย่างใด

หลังจากนั้นทุก ๆ พันปี นางจะได้มีโอกาสพบมนุษย์อยู่สองสามคน และทุกครั้ง หยางซือซือจะแปรเปลี่ยนตบะเซียน ประทานพรแก่พวกเขาเรื่อยมา กาลเวลาที่นางเคยคิดว่าหนึ่งหมื่นปีคงได้กลับสวรรค์ บัดนี้ล่วงเลยมาเกือบแสนปีแล้ว พร้อมตบะเซียนแปดขั้นครึ่ง อีกเพียงนิดเดียวด่านเคราะห์ของนางบนโลกมนุษย์จะสำเร็จลุล่วง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 4 เสิ่นชิวผู้อาภัพ

    ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ ทางทิศใต้ของภูเขาลูกใหญ่ เด็กชายอายุสิบขวบกำลังนั่งขอทานอยู่ริมถนนในตลาด สภาพหน้าตามอมแมมของเขาจำแทบไม่ได้เลยว่าเป็นลูกของผู้ใด เขานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งบ่ายก็ยังไม่ได้เงินสักอีแปะเดียว เวลานี้ขอเพียงมีคนใจดีแบ่งปันซาลาเปาซักลูกแก่เขาก็ดีใจมากแล้ว“นี่เจ้าตัวอัปมงคล ไปนั่งที่อื่นไกล ๆ พวกข้าเสียที มีเจ้าอยู่แถวนี้ พวกข้าเลยพลอยไม่ได้เงินขอทานสักอีแปะ” ชายวัยกลางคนโพล่งขึ้นทำลายความเงียบ ทุกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา พยายามจะพูดไล่ให้เด็กชายสิบขวบไปไกล ๆ แต่พอเห็นเขาไม่ขยับคล้ายไม่ยอมฟังคำพูดทำหูทวนลม ก็พาลโกรธคิดว่าเด็กชายกำลังท้าทาย“พูดดี ๆ ด้วย ไม่ได้ยินหรืออย่างไร ข้าบอกให้ไปซะ” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกขึ้นยืนแล้วถุยน้ำลายใส่ แต่เด็กน้อยยังคงไม่ขยับ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะร่างกายเขาแทบจะไม่มีแรงลุกขึ้นไปที่ไหน ท่าทางของเขายิ่งทำให้ขอทานโมโหจนออกแรงยกเท้าเตะไปที่ลำตัวแห้งผอมของเขา หวังให้ตกใจรีบวิ่งหนีไป แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เด็กชายล้มลงไปตามแรงที่ส่งมา โดยไม่มีเสียงร้องสักแอะ“มันตายแล้วหรือ” ขอทานคนหนึ่งพูดขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 5 ลู่ฟางหรงเข้าช่วยเหลือ

    “ซิ่วอิง ตรงนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทำไมคนมุงเต็มไปหมด” เสียงเล็กจากเด็กหญิงผู้หนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะนาน ๆ ทีถึงได้ออกมาเที่ยวในเมือง จึงรู้สึกสงสัยใคร่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง“ฟางหรง เจ้าไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก วันนี้ท่านพ่อให้เจ้ามาทำธุระกับเถ้าแก่ร้านหยกไม่ใช่หรือ ไปช้าเดี๋ยวก็โดนดุอีกหรอก” ซิ่วอิงที่ดูโตกว่านางสักสามปีตักเตือน“เอ๋! นาน ๆ ทีได้ออกมาเที่ยวในเมืองบ้าง ช้าไปนิดหน่อย ท่านลุงไม่กล้าว่าอะไรนางหรอกน่า เจ้าก็จริงจังเกินไปแล้ว” หนิงเหอผู้เป็นน้องสาวของนางโต้แย้งอย่างมีเหตุผล“ใช่ ๆ หนิงเหอพูดถูก เจ้าเคยเห็นท่านพ่อดุข้าหรือ” ฟางหรงยิ้มร่าแล้ววิ่งไปทางนั้นพร้อมกับหนิงเหอ“พวกเจ้าสองคนนี่ เล่นเป็นเด็กไปได้ เมื่อไรจะโตเสียที” ซิ่วอิงบ่นเสียงดังก่อนรีบตามทั้งสองคนไปฟางหรงเดินแหวกฝูงชนที่กำลังมุงดูเสิ่นชิว นางมุดลอดช่องว่างเข้าไปจนเข้าถึงตัวเขาในไม่ช้า เลือดที่ไหลรินบนใบหน้าทำให้นางตกใจ ทั้งยังเสื้อผ้ายับเยิน มีแต่รอยเท้าฝากฝังไว้ทั่วร่าง ฟางหรงทำใจเห็นคนที่อายุพอกันกับนางมีสภาพเช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ นางจึงแตะไปที่ตัวเขา เรียกเบา ๆ เผื่อเขาจะตื่น“นี่ นี่ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-23
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 6 พิธีอัญเชิญจิตวิญญาณ

    ห้าปีผ่านไปเสิ่นชิวเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ เขาคอยช่วยงานคนในหมู่บ้าน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ผู้คนรอบตัวต่างมีน้ำใจต่อเขา“ท่านแม่ ท่านคงไม่ต้องเป็นห่วงข้าแล้วล่ะ ท่านเห็นหรือไม่ ข้าเติบโตมาอย่างดี หวังว่าท่านจะอยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุขนะขอรับ” เสิ่นชิวมองท้องฟ้าสีครามยามเช้าสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่คิดถึงนาง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาตั้งใจใช้ชีวิตอย่างที่นางหวัง เพียงแค่กินอิ่ม นอนหลับ ร่างกายแข็งแรง นางก็ดีใจมากแล้ว“เสิ่นชิว ทำอะไรอยู่หรือ” ฟางหรงนั่งลงข้าง ๆ เขา ซบหัวลงพิงไหล่อย่างสนิทสนม “มัวแต่คิดอะไรอยู่หรือ วันนี้มีงานสำคัญ อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมแล้ว” นางถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เขาไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน“อ้อ จริงด้วยสิ วันนี้มีงานสำคัญของเจ้านี่นา ข้าเกือบลืมไปเสียสนิท” เสิ่นชิวได้ทีแกล้งนางกลับ ทำให้เขาโดนทุบด้วยฝ่ามือน้อย ๆ ของนางไปหนึ่งที จนไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีก การแกล้งนางนั้นสนุกยิ่งกว่าอะไร“เสิ่นชิว เจ้าแกล้งข้าอีกแล้ว” ทันทีที่พูดจบ นางหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าหมู่บ้าน ได้ยินแต่เสียงตะโกนของเสิ่นชิวดังมา “ฟางหรง อย่างอนข้าเลยนะ แต่ถึงงอนก็ไม่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-26
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 7 นิมิตของแม่เฒ่า

    อีกทางด้านหนึ่งของผาเดียวดาย“โอ๊ย เมื่อย!” เสียงหวานดังขึ้น ร่างโปร่งแสงของนางก้าวออกมาจากต้นดอกท้อที่บัดนี้อายุเกือบแสนปีแล้ว หลังจากนั่งบำเพ็ญตบะเซียนอยู่ครึ่งค่อนวัน นางจึงอยากเดินเล่นแก้เมื่อยเสียหน่อย“นี่เจ้ากระต่ายเวท มานั่งดูท้องฟ้าเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ” นางเรียกกระต่ายเวทตัวหนึ่งที่อยู่แถวนั้นมาอยู่เป็นเพื่อน จริง ๆ เมื่อไม่กี่หมื่นปีก่อน จู่ ๆ นางก็ไม่ได้เจอมนุษย์คนใดอีกเลย นับว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับนางอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเขาลูกนี้ร้างหรือน่ากลัวกันแน่จึงไม่มีมนุษย์คนใดเข้ามาถึงริมผาเดียวดายตอนที่นางกำลังนั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว กระต่ายเวทตัวนี้ก็โผล่มา ลักษณะรูปร่างคล้ายกับว่านางเคยเห็นมาก่อน เพียงแต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ในภพนี้แน่นอน หยางซือซือแทบจะลืมไปแล้วว่าเหตุใดนางถึงมาเกิดเป็นต้นดอกท้อตั้งแต่ได้เจอเจ้ากระต่ายตัวนี้ นางก็เอาแต่เล่นกับมันทั้งวัน จนไม่ได้ฝึกบำเพ็ญตบะเซียน จู่ ๆ กระต่ายเวทก็หายไป แรก ๆ นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นั่งรอมันอยู่ที่เดิมหลายวัน แล้วก็คิดได้ว่ากระต่ายเวทคงจะต้องใช้พลังเซียนหล่อเลี้ยงให้สภาพร่างคงอยู่ นางจึงลองใช้พลังเซียนเรียกมันออกมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 8 นักล่าบุกหมู่บ้าน

    เสิ่นชิวเข้ามาในบ้านของตนเองเพื่อเก็บของสำคัญ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงร้องดังมาจากด้านหน้าหมู่บ้านจึงออกมาดู ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนถืออาวุธครบมือเดินเข้ามาในหมู่บ้านด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ฮึกเหิมและสนุกสนาน แท้จริงแล้วมนุษย์พวกนี้ไม่นับว่าเผ่ากวางนำทางเป็นมนุษย์ดังเช่นพวกเขา ท่าทีของคนพวกนั้นทำราวกับกำลังล่าสัตว์ป่าไม่ต่างกันนักล่าตัวใหญ่คนหนึ่งถือดาบยักษ์เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับกองกำลังของหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงผ่านอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์เข้ามาได้ หากแต่ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือปกป้องกันและกัน เสิ่นชิวรีบถืออาวุธจะวิ่งไปสมทบกับทุกคน พลันมือข้างหนึ่งถูกแม่เฒ่ารั้งไว้“ปล่อยข้าเถิดแม่เฒ่า เวลานี้ ต่อให้ข้าหนีไปก็คงไม่ทันแล้ว ให้ข้าได้ช่วยพวกท่านเถิด ข้าขอร้อง ต่อให้ชีวิตนี้ต้องสูญสิ้น ข้าก็ไม่เสียดาย” เสิ่นชิวพูดกับแม่เฒ่า นางมองหน้าเขาไม่อาจห้ามปราบได้อีกต่อไป เวลานี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นางพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เขาขณะที่เสิ่นชิวกำลังวิ่งเข้าช่วยเหลือ เขาเห็นนักล่าตัวใหญ่ผู้นั้นฟันดาบยักษ์ลงมาที่ผู้ดูแลหมู่บ้าน แรงของดาบทำให้เขาไม่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 9 ดอกท้อแสนปีสละพลังเซียน

    เช้าตรู่ของอีกวัน“โอ้โห เช้าวันนี้อากาศดีเหมือนเดิม นี่กระต่ายน้อย เจ้าอยู่ไหน ออกมาเล่นกับข้าหน่อยสิ” หยางซือซือที่เพิ่งตื่นนอนนั่งลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม หันซ้ายหันขวาหาเจ้ากระต่ายเวทเพื่อนของนาง“เอ๋ เจ้าอยู่ไหนนะ มาเล่นกับข้าหน่อย พรุ่งนี้ข้าอาจจะไม่ได้เจอเจ้าแล้วนะ” หยางซือซือเดินวนรอบต้นไม้สองสามรอบแต่ก็ไร้วี่แวว นางอยากเล่นกับมันทั้งวัน เพราะพรุ่งนี้นางก็จะบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นแล้ว วันเวลาหนึ่งแสนปีบนดินแดนมนุษย์ใกล้สิ้นสุด“ไหน ๆ ข้าก็ต้องกลับสวรรค์วันพรุ่งนี้แล้ว ขอข้าได้เที่ยวเมืองมนุษย์รอบ ๆ นี้ดีกว่า กลับไปแล้วคงจะลงมาเล่นไม่ได้แน่ ๆ” หยางซือซือเคยพยายามถอดจิตวิญญาณเพื่อลงไปเที่ยวล่างเขา หากแต่ว่าพลังเซียนของนางอ่อนแอจึงได้แค่อยู่ที่เดิมริมผาเดียวดายเท่านั้นเมื่อลองเข้าหลาย ๆ ครั้งไม่เป็นผล นับแต่นั้นมาเกือบแสนปีนางก็ไม่เคยลองอีกเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้นางรู้สึกว่าพลังเซียนนางแกร่งขึ้น อาจจะทำได้ จึงลองดูอีกสักตั้ง“โอ๊ะ! ได้ผลจริง ๆ ด้วย ฮ่า ๆ เอาล่ะ วันนี้ข้าขอเที่ยวเล่นให้หนำใจเลยแล้วกัน” หยางซือซือไม่รอช้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 10 หมาป่ากินพืชนามว่าหลินเซิน

    หนึ่งพันปีต่อมาอรุณรุ่งบนยอดภูเขาสูงห่างไกลจากผู้คน ดอกท้อสีชมพูอ่อนหลายพันต้นผลิบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณรับฤดูใบไม้ผลิ ใต้ต้นดอกท้อริมหน้าผามีชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนหลับตาอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวขจี น้ำค้างยามเช้าค่อย ๆ ลู่ลงมาตามใบไม้พลันหยดลงที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาปลุกเขาจากการหลับฝัน เขาลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ยกมือขึ้นบังแสงแดดอ่อนที่กำลังแยงตา พักหนึ่งจึงลุกขึ้นยืนรับอากาศสดชื่นวันใหม่ สายลมพัดเรือนผมยาวสีเทาแกมชมพูปลิวไสวหลินเซิน หมาป่าขนเทาอาศัยอยู่เพียงลำพังบนเขาลูกนี้มาเป็นเวลากว่าพันปีแล้ว ชีวิตของเขาเรียบง่าย ไร้เรื่องกังวลใด ๆ ราวกับคำอวยพรของดอกท้อแสนปีได้สัมฤทธิ์ผล เขาใช้เวลาทั้งวันกับการนั่งเล่น นอนเล่น โดยไม่สนเรื่องราวภายนอก หากแต่ยังสงสัยตนเองอยู่บ้างว่าทำไมหมาป่าอย่างเขาถึงกินผลไม้เป็นอาหาร ดื่มน้ำค้างยามเช้า เขาเคยมีความคิดว่า อาจจะเป็นเพราะเกิดมามีพลังเซียนจึงทำให้เขากลายพันธุ์ไป เลยไม่ได้สนใจที่มาของตนเอง อย่างไรเขาก็มีความสุขมากแล้วการมีพลังเซียนทำให้เขาไม่เคยต้องเหนื่อยใช้แรงงาน หากอยากดื่มน้ำค้าง ใบไม้เหล่านั้นก็จะคอยกักเก็บ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-06
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 11 วันว่างกับแมวน้อย

    นับตั้งแต่มีแมวน้อยสีขาวน่ารักตัวนี้อยู่บนเขาแห่งนี้ด้วย ชีวิตประจำวันของหลินเซินก็เปลี่ยนไปจากเดิม วันเวลาที่อยู่อย่างสงบ ๆ ฟังเสียงสายลม เสียงใบไม้พัดปลิว ก็มีเสียงเหมียว เหมียว ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับกำลังร้องเรียกเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน“อย่าบอกนะว่าเจ้าหิวอีกแล้ว นี่เจ้ากำลังโตหรืออย่างไรถึงได้กินเก่งเช่นนี้” หลินเซินบ่นอุบอิบนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างสะพายหลังเขาเดินลงไปด้านหลังเขาเรื่อย ๆ โดยมีเจ้าแมวน้อยตามมาติด ๆ เสียงสายน้ำไหลเอื่อยเริ่มดังขึ้น หลินเซินหยุดอยู่ริมตลิ่ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมหย่อนขาลงไปในน้ำ มือข้างหนึ่งถือไม้แหลมยาว สายตาสองข้างมองทะลุเข้าไปใต้น้ำใส ๆ คอยมองหาปลาตัวใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นของโปรดเจ้าแมวน้อย“นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่นี่ อาหารของข้าก็ไม่ใช่ เจ้านี่ทำเหมือนข้ากำลังเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ใช่ว่าข้ารับเจ้ามาเลี้ยงด้วยเสียหน่อย” แม้จะบ่นมาเป็นชุดแต่สองตาก็ยังจ้องหาปลาต่อไปไม่ลดละ ในที่สุดเขาก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง เพียงเท่านี้ยังไม่พอ หลินเซินก่อฟืนจุดไฟก่อนจะนั่งย่างปลาที่เขากินไม่ได้อีกด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08

บทล่าสุด

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 48 คำสาปสะท้อนกลับ

    ทันใดนั้นเหล่าลูกสมุนของคนผู้นั้นก็ขึ้นมาจากกองกระดูกด้านล่าง พลังมืดปกคลุมรอบตัวส่งกลิ่นอายความกระหายเลือดเนื้อของคนเป็น เจียลี่บาดเจ็บจากการโจมตีครั้งสุดท้ายมากนัก นางพยายามคลานหนีจากหุ่นเชิดสังหารแต่แรงที่มีกลับถดถอยลงเจียลี่เห็นอาวุธแหลมคมกำลังพุ่งมาทางนาง ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพลิกตัวหลบ คิดในใจว่าสายไปเสียแล้ว ชีวิตของนางคงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ นางหลับตาพร้อมยอมรับชะตากรรมจู่ ๆ มีดบินสามเล่มก็กระทบกับลูกธนู เยี่ยนฟางเหลือบเห็นเหตุการณ์พอดีจึงช่วยนางไว้ได้ทัน“ท่านพี่!” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเยี่ยนฟาง เจียลี่ลืมตาขึ้นถอนหายใจ แล้วเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เฮ้อ น่าเสียดาย ๆ” เขาดูจะพอใจที่ได้เห็นเรื่องราวความเป็นความตายของผู้อื่นยิ่งนักเยี่ยนฟางที่เห็นสภาพของเจียลี่เช่นนั้น พยายามหลบหลีกจากการปะทะกับซิ่วอิงให้เร็วที่สุด แต่นางกลับกัดไม่ปล่อย ซิ่วอิงไม่เปิดจังหวะแม้แต่น้อย นางจึงตะโกนบอกหมิงเฟยให้ร่ายม่านเขตแดนปกป้องเจียลี่เพราะพลังเซียนของนางกำลังถดถอยเมื่อมีม่านเขตแดนของหมิงเฟยเป็นเกราะกำบัง ลูกสม

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 47 ของเล่น

    ขณะที่เยี่ยนฟางและเจียลี่กำลังช่วยกันหาทางออกจากหุบเขากองกระดูกอยู่ข้างบน จู่ ๆ ซิ่วอิงโผล่มาตวัดแส้รัดข้อเท้าของเจียลี่แล้วลากนางลอยออกมาอย่างรวดเร็วจนเยี่ยนฟางคว้าไว้ไม่ทัน ร่างของเจียลี่กระแทกไปตามพื้นขรุขระจนได้แผล“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้” ซิ่วอิงคิดจะแก้แค้นที่เซียวอวี้เทียนสังหารหนิงเหอ นางเอาความโกรธมาลงที่เจียลี่เพราะรู้ว่าเซียวอวี้เทียนรักเจียลี่มากเพียงใด อีกทั้งคนผู้นั้นยังเห็นดีเห็นงามด้วยเพราะนางเป็นคนที่หลินเซินรักมากเช่นกัน หากทำลายนางได้แล้ว หลินเซินคงจะแตกสลายไปเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครขัดขวางแผนการของเขาได้อีก“ฝันไปเถอะ” เยี่ยนฟางปามีดบินใส่นางจนเผลอปล่อยเจียลี่ “กล้าทำร้ายนาง ไม่กลัวเขาหรืออย่างไร” นางเตือนสติซิ่วอิงถึงสิ่งที่หลินเซินเคยพูดไว้“หลินเซินผู้นั้น ไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก เวลานี้แม้แต่จะออกจากความฝันยังทำไม่ได้” ซิ่วอิงไม่มีความเกรงกลัวสิ่งใดเหลืออยู่ นางโกรธแค้นจนอยากจะกำจัดทุกสิ่งที่ทำร้ายเผ่าของนางเยี่ยนฟางกันเจียลี่ไว้ข้างหลัง นางถือมีดบินสามเล

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 46 หุบเขากองกระดูก

    ผู้คนที่ถูกมือลึกลับดึงผ่านหลุมดำต่างปรากฏตัวอยู่ที่หุบเขากองกระดูกด้วยความมึนงง ภาพสยดสยองของโครงกระดูกกองพะเนินเป็นภูเขา อีกทั้งร่างเหือดแห้งไร้เลือดเนื้อยังทำให้คนที่พบเห็นแทบจะคลื่นเหียนอาเจียนออกมาในทันใด มนุษย์ธรรมดาล้มทั้งยืนปล่อยให้ลูกสมุนของคนผู้นั้นดูดกลืนพลังชีวิตได้โดยง่าย แต่เผ่าพันธุ์อื่น ๆ และเทพเซียนดินแดนสวรรค์ยังพอจะตั้งสติได้เร็วกว่าจึงปกป้องตัวเองได้บ้าง“เยี่ยนฟาง” หลังจากที่ตกลงมาพร้อมกัน ทั้งคู่กระเด็นไปคนละทาง เจียลี่พยายามวิ่งหลบลูกสมุนที่กำลังเล่นโยนหัวกระโหลกสนุกสนานไปอีกทาง“ท่านพี่ ท่านมาหลบอยู่หลังข้า” นางดึงมือเจียลี่แล้วร่ายม่านเขตแดนที่หลินเซินเคยสอนเอาไว้ แม้ยามนี้จะกลัวพลังมืดที่อยู่ตรงหน้าแต่นางก็พร้อมสู้ไม่หวั่น“หาทางหนีออกจากที่นี่ก่อนเถิด” เจียลี่กระซิบบอกนางให้ถอยหลังไปตรงที่ไม่มีใครอยู่เพื่อดูลาดเลา เสียงร้องโหยหวนสลับกับเสียงหัวเราะของผู้ที่เหนือกว่าดังสลับกันเป็นระยะคล้ายกับเสียงหลอกหลอนจนแทบจะประคองสติไว้ไม่อยู่ทันทีที่หมิงเฟยโฟล่มายังที่แห่งนี้ จักรพรรดิจิ้งจอกไม่รอให้เขาได

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 45 สวรรค์ปั่นป่วน

    ดินแดนสวรรค์เวลานี้กำลังโกลาหลวุ่นวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คำสาปของเซียวอวี้เทียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ายกำลังถูกควบคุมจิตใจเมื่อช่วงเช้า เซียนน้อยในตำหนักกำลังยืนกวาดใบไม้บนลานกว้างอยู่ดี ๆ กลับถูกเซียวอวี้เทียนร่ายเวทปลิดชีวิตในท่วงที กระนั้นเพียงแค่ชีวิตเดียวยังคงไม่หนำใจ เขาหายตัวไปหาอีกคนที่กำลังยืนตะลึงงันกับสิ่งที่เขาทำกับสหายเซียนแล้วใช้มือข้างขวาเสียบทะลุร่างของเซียนที่น่าสงสารไม่อาจหนีได้ทัน จากนั้นทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างพากันหนีจ้าละหวั่น“เทพสงครามพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพใหญ่กองทัพสวรรค์เข้ามารายงานเหตุการณ์“เกิดเรื่องใด” เทียนจวินนึกสงสัยว่าสิ่งใดทำให้ท่านแม่ทัพเหงื่อตกได้เพียงนี้“เซียวอวี้เทียนกำลังไล่สังหารเหล่าเซียนในตำหนัก ข้าส่งทหารไปคุมคุมตัวเขาแล้ว แต่ไม่อาจหยุดยั้งได้ เวลานี้เทพวายุพยายามต้านทานเขาไว้พ่ะย่ะค่ะ” เขาปาดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้า เทพสงครามที่เก่งกาจที่สุดไล่ฆ่าผู้คนในสวรรค์จะมีสักกี่คนที่สู้กับเขาได้“เทียนจวิน เทพสงครามกำลังมา

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 44 ผนึก

    ดินแดนสวรรค์เทียนจวินได้ข่าวว่าบุตรสาวของตนได้รับบาดเจ็บรีบรุดมาหาด้วยความเป็นห่วง พอได้ตรวจดวงจิตของนางจึงได้รู้ว่าพลังของคนผู้นั้นกลับมาอีกแล้ว เขาร่ายเวทของตนเองลบล้างพลังที่ครอบงำจิตของบุตรสาวอยู่หนึ่งชั่วยามจนพลังของเขาอ่อนแอลงครั้งอดีต คนผู้นั้นเคยล่อลวงซ่งอี้ในวัยเด็กให้สละชีวิตของตนเองให้เขาเพราะพลังของนางยิ่งใหญ่เหลือคณาจนสามารถฟื้นร่างเซียนและพลังทั้งหมดของเขาได้ มารดาซ่งอี้จึงสละชีวิตของตนเองร่ายผนึกเพื่อปกป้องบุตรสาว เวลานั้นเทียนจวินทั้งรู้สึกเสียใจที่สูญเสียคนรักและสงสารบุตรสาวที่กำพร้ามารดาจึงเลี้ยงดูนางตามใจมาโดยตลอด“เสด็จพ่อ ข้า...” ซ่งอี้ที่ฟื้นได้สติมองหน้าบิดาด้วยความสำนึกผิด เมื่อหลุดจากการครอบงำ ซ่งอี้เริ่มจำได้ว่านางทำสิ่งเลวร้ายใดลงไปบ้าง น้ำตาของนางเอ่อล้นเสียใจ ก้มลงมองดูมือที่เปื้อนเลือดชีวิตคนบริสุทธิ์และเหล่าเซียนน้อยที่รับใช้นาง“ซ่งอี้ เจ้าอย่างเพิ่งพูดสิ่งใด” เทียนจวินกอดปลอบนางนึกสงสารบุตรสาวจนต้องร่ายเวทอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้นางจมสู่ภวังค์ด้านเซียวอวี้เทียนเองก็ไ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 43 ฝันลวง

    ในเวลานั้น ซ่งอี้แอบตามเซียวอวี้เทียนลงมายังดินแดนมนุษย์เช่นเดียวกัน นางมองเขาอยู่ห่าง ๆ รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนักที่เห็นเขาคอยวนเวียนอยู่กับเจียลี่ผู้เป็นศัตรูหัวใจของนาง ครั้นพอตกกลางคืนซ่งอี้ได้เข้าไปในความฝันของเซียวอวี้เทียนโดยไม่รู้ตัว นางเห็นภาพในอดีตทุกอย่างของเขา โดยเฉพาะยามที่เซียวอวี้เทียนอยู่กับหยางซือซือที่ตำหนักโคมดวงจิต พลันในใจเกิดความอิจฉาเข้าครอบงำอยากได้รอยยิ้ม ความรัก ความห่วงใยเช่นนั้นจากเขาบ้าง“บอกข้ามาเถิด ความปรารถนาของเจ้าคือสิ่งใด” เสียงลึกลับพูดกับนางในความฝัน พยายามหลอกล่อให้นางติดกับดัก“เจ้าเป็นใคร” นางยืนอยู่ในความมืด หันซ้ายแลขวาถามคนที่แอบซ่อนอยู่ในเงา“ความปรารถนาของเจ้า ข้าช่วยได้” เงามืดขยับไหวรอบตัวนางพลางพูดถึงสิ่งที่นางเห็นในความฝันซ้ำ ๆ จนนางไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตนเองได้ คนที่มีด้ายแดงผูกกับเขาคือนางแต่ทำไมแม้แต่หน้าของนางเขากลับไม่อยากมอง นางคนนั้นแม้จะมีคนรักในชาตินี้ เขาก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างนางโดยไม่หวังสิ่งใด ซ่งอี้ผู้นี้มีทุกสิ่งดังใจแต่ไม่อาจครอบค

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 42 สามีของข้า

    หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนในแคว้นต่าง ๆ เริ่มหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทีละคนสองคน หลายหมู่บ้านอยู่กันอย่างหวาดกลัวคิดว่ามีปีศาจออกอาละวาดจนไม่กล้าออกไปทำมาหากิน ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ต่างประสบปัญหาเดียวกัน แม้จะมีการสืบหาที่มาแต่ทำอย่างไรก็ไม่พบ คนที่ส่งออกตามหาข่าวย่อมสูญหายเช่นเดียวกันเซียวอวี้เทียนได้รับรายงานจากหลายตำหนักว่าเซียนน้อยที่ลงมาทำภารกิจบนดินแดนมนุษย์ไม่กลับขึ้นสวรรค์ตามกำหนด เทียนจวินจึงสั่งให้เขาลงมาสืบหาสาเหตุ เขาตัดสินใจเริ่มต้นหาข่าวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเกิดพลังเวทขุมใหญ่คอยดูดกลืนพลังชีวิตผู้คน เมื่อได้เห็นว่าเป็นหมู่บ้านจิ้งจอกแดงจึงคอยดูความเคลื่อนไหวอยู่รอบนอกครั้นได้เห็นว่าเจียลี่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จึงปลอมตัวปะปนเข้าไปในหมู่บ้านด้วย“แม่นาง ให้ข้าช่วยถือหรือไม่” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพ“ไม่รบกวนท่านดีกว่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” นางตอบปฏิเสธ แล้วหันหลังจะเดินต่อแต่สะดุดบางอย่าง เซียวอวี้เทียนรีบคว้าเอวของนางไว้ไม่ให้ล้มคะมำแล้วรับตะ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 41 อดีตของลู่ฟางหรง

    เช้าวันรุ่งขึ้น พิธีศพของผู้วายชนม์ได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ผู้คนพยายามตั้งสติของตนเพื่อรับมือกับการสูญเสียคนรัก บรรยากาศรอบตัวอึมครึม เสียงร้องไห้คร่ำครวญสลับกับเสียงปลอบใจดังมาเป็นระยะ แม้กระทั่งท้องฟ้ายังมืดมัวมีเมฆครึ้มส่อเค้าฝนหมิงเฟยมองดูร่างของถังลี่ฮวาบนแท่นไม้ที่ก่อเอาไว้ด้วยใจที่แตกสลาย คนที่เขาเพิ่งจะจูงมือเข้าพิธีแต่งงาน ก้มลงคำนับฟ้าดินเพื่ออยู่ด้วยกันจนแก่ชราจากเขาไปแล้ว น้ำตาเอ่อคลอนึกถึงวันวานที่เคยหัวเราะด้วยกันยามที่ได้ฟังนางบรรเลงเพลงพิณ รอยยิ้มสดใสของนางยังคงชัดเจนในใจของเขาเสมอ บัดนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ เขาบอกลานางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางของแทนใจไว้ข้าง ๆ หวังว่าเกิดชาติหน้าจะมีวาสนาได้พบกันอีกครั้นเสร็จสิ้นพิธีส่งดวงวิญญาณ คนที่เหลืออยู่ก็เริ่มหันมารักษาบาดแผลของตนเองที่ยังไม่หายดี ต่างคนต่างคอยให้กำลังใจกันเพื่อที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสียไปให้ได้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องหนึ่งที่พวกเขายังคงหนักใจ การกลับมาของจักรพรรดิจิ้งจอกทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญหนีต้องรีบฟื้นพลังของตนเตรียมรับมือหากต้องเผ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 40 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    ในช่วงเวลาที่ทุกคนไม่คาดคิด หลินเซินพาตัวเจียลี่และเยี่ยนฟางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หนีมาจากที่ตรงนั้นได้ทันท่วงทีจึงไม่ได้รับอันตราย จากนั้นจึงรีบกลับไปช่วยคนอื่นที่อยู่ในงาน เฉิงซานร่ายเวทป้องกันหยางมี่และหลิวอิง แขนของเขาบาดเจ็บจากคมฝนจนแทบจะยกไม่ขึ้น เฉิงเซียวจึงรับช่วงต่อพาทั้งหมดหนีออกจากใจกลางความวุ่นวายหลินเซินกลับเข้ามาในงาน เขาร่ายม่านเขตแดนปกป้องหมิงเฟยและร่างของถังลี่ฮวาเอาไว้ ทันทีที่หลินเซินปรากฏตัว ร่างดำทะมึนจึงค่อย ๆ เผยโฉมของตน“จักรพรรดิจิ้งจอก” เฉิงเซียวตะโกนเสียงดังจากด้านหลัง สิ้นเสียงของเขา คนผู้นั้นระเบิดเวทสายสีดำรัดตัวเฉิงเซียวแน่น ค่อย ๆ บีบที่ลำคอจนเส้นเลือดปูดโปน พลังของจักรพรรดิจิ้งจอกเปลี่ยนไปมาก ทั้งรุนแรงและชั่วร้ายบีบอัดคนที่ตกอยู่ในเงื้อมมือจนร่างแทบจะแหลกเหลวไปตามแรง เยี่ยนฟางโผล่ออกมาจากที่ซ่อนตัวเพื่อตามหาหมิงเฟยเห็นเฉิงเซียวไม่อาจหนีได้จึงร่ายเวทตัดพลังช่วยเฉิงเซียวได้อย่างหวุดหวิดทันใดนั้น ทหารจิ้งจอกหลายสิบคนโผล่ออกมาจากหลุมดำ รัศมีความชั่วร้ายปกคลุมร่างพวกเขา ดวงตาสีขาวโพลนสร้างความหวาดกลัวให้ผู้พบเห็น พวกมันเริ่ม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status