Share

ตอนที่ 3 เกิดใหม่ในดินแดนมนุษย์

สิ้นคำพูดของซ่งอี้ เทพเซียนที่เกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของนาง

“ขอเทียนจวินตัดสินด้วยเถิด” ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

เทียนจวินมองไปที่หยางซือซือ เวลานี้ใบหน้าของนางราวกับครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ แต่ไม่มีสีหน้าแสดงความกังวลใจต่อบทลงโทษ

“เซียนน้อยหยางซือซือ ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจทำหน้าที่ต่อจากผู้เฒ่าหยางมาด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากแต่ครั้งนี้เกิดเรื่องขึ้น ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อความเดือนร้อนได้ จงลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ผ่านด่านเคราะห์และบำเพ็ญตบะให้แกร่งกล้า เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ถูกลงโทษเป็นครั้งที่สอง” เทียนจวินตรัสกับนาง

“หม่อมฉันน้อมคำตัดสินเพคะ ขอบพระทัยเทียนจวิน” หยางซือซือทำความเคารพ ก่อนที่ทุกคนในห้องโถงใหญ่แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนต่อ มีเพียงเซียวอวี้เทียนเดินหน้าเศร้ามาหานางเพราะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของนาง วิหคเพลิงมีเงื่อนงำบางอย่างถึงได้ปรากฏตัวขึ้น

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้านักหรอกน่า เซียวอวี้เทียน ช่วงชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น เดี๋ยวข้าก็กลับขึ้นมาบนสวรรค์ได้เช่นเดิมแล้ว” หยางซือซือปลอบใจเขาเหมือนอย่างเคย นางมักจะลืมเรื่องของตนเองแล้วใส่ใจความรู้สึกของเขาเสมอ

“อื้ม ข้าจะรอเจ้า เอาไว้กลับมาแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้านะ หยางซือซือ” เซียวอวี้เทียนยิ้มให้นาง ก่อนที่จะมีองครักษ์บอกเขาว่าเทียน จวินต้องการพบเขาด้วยเรื่องสำคัญ

“ไปเถอะ” หยางซือซือตบไหล่เขาเบา ๆ เป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย นางกลับไปที่ตำหนักของตนเองพร้อมกับเซียนน้อยจำนวนหนึ่ง

หลังจากที่เก็บของในตำหนักและส่งมอบหน้าที่ให้เซียนน้อยที่มาด้วยกันแล้ว นางเดินไปที่ใจกลางตำหนักมองดูเปลวไฟโคมดวงจิตที่เหลืออยู่ส่องแสงสว่างอย่างที่เคยเป็น ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าโคมน้อยดวงเดิม

“เจ้าโคมน้อย หวังว่าเจ้าจะผ่านด่านเคราะห์ไปได้ด้วยดีนะ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้กลับสวรรค์ก่อนข้าเสียอีก ดูแลตัวเองด้วยนะตอนที่ข้าไม่อยู่” หยางซือซือจิ้มนิ้วชี้ไปแตะโคมน้อยเบา ๆ นางยืนขึ้นแล้วหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว สายตามองไปที่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ รอบตำหนัก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องจากบ้านไปนานถึงเพียงนี้

เซียนน้อยพานางมาที่ลานจุติ หยางซือซือพยายามมองหาเซียวอวี้เทียน สหายเซียนของนางแต่ไม่พบวี่แวว เมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องลงไปเกิดใหม่ จึงได้ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหลับตากระโดดลงไป

ณ ดินแดนมนุษย์

เซียนน้อยหยางซือซือลงมาเกิดใหม่บนที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก จิตวิญญาณเซียนของนางได้ตื่นขึ้นยามที่นางรับรู้ถึงสายลมพัดเอื่อยเบา ๆ กลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าปะทะเข้าจมูกของนางไม่ขาดสาย ก้อนอะไรบางอย่างเย็น ๆ อยู่ใต้เท้าของนาง พลันได้สติว่าตนเองกำลังถูกลงโทษให้มาเกิดเป็นมนุษย์ ทั้งยังต้องบำเพ็ญตบะเซียนเก้าขั้นก่อนจะหมดอายุขัยเพื่อกลับสวรรค์ นางจะรอช้าไม่ได้ คิดเช่นนั้นก็รีบลืมตาขึ้น

“เอ๊ะ! ความรู้สึกของมนุษย์เป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ รอบตัวข้าควรจะรายล้อมไปด้วยคนที่ข้าเรียกว่าท่านพ่อ ท่านแม่ หรือไม่อย่างน้อยก็มนุษย์ที่ดูอายุมากกว่าข้าสักคน ทำไมข้ามองเห็นแต่ต้นหญ้า เหมือนที่อยู่บนตำหนักสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น” หยางซือซือไม่เข้าใจ คิดว่าจะต้องมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นกับการเกิดใหม่

ทว่าเรื่องจริงก็เป็นอย่างที่นางคิดไว้ หยางซือซือกระพริบตาเพื่อมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง พยายามจะยกขาขึ้นเดินไปดูข้างหน้า แล้วก็รู้สึกได้ว่าขานางมีบางอย่างมัดติดไว้อยู่

“ขาข้าติดอะไรนะ เอ๊ะ!” นางเอามือปิดปาก แต่ก็ได้รับรู้ว่ามือของนางก็ผิดปกติเช่นกัน “มือข้า มือข้า นิ้วหายไปที่ใด เจ้าสีเขียวแบน ๆ นี่น่ะหรือมือของข้า ร่างมนุษย์ของข้าทำไมถึงแปลกไปเช่นนี้” หยางซือซือพยายามนึกอยู่นานว่าสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้คืออะไร

“โธ่ถัง ข้าก็นึกตั้งนานว่าเหมือนอะไร ที่แท้ข้าก็มาเกิดเป็นต้นไม้หรอกหรือเนี่ย แล้วข้าจะบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นเมื่อใดเล่า ซือมิ่ง ท่านแกล้งข้าหรือ ไหนบอกว่าให้ข้ามาเกิดเป็นมนุษย์” เสียงของหยางซือซือตัดพ้อเขา หากมองจากภายนอกก็จะเห็นเพียงต้นอ่อนที่มีใบเลี้ยงสองใบพัดไหวไปมากับลำต้นที่โอนเอนไปซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่

แต่ไม่ว่าอย่างไร หยางซือซือก็ไม่สามารถหนีจากโชคชะตาครั้งนี้ไปได้ นางเคยได้ยินมาว่า มนุษย์นั้นบำเพ็ญตบะเซียนเก้าขั้นได้เร็วกว่าผู้อื่น ต้นไม้ดอกไม้บนโลกมนุษย์ใช้เวลานานสุด “บังเอิญจริง ๆ”

การเกิดเป็นต้นดอกท้อทำให้นางได้มีสมาธิบำเพ็ญตบะเซียนเพราะไม่ต้องวุ่นวายกับใคร แถมยังมาเกิดที่ริมผาเดียวดาย จะมีผู้ใดเล่ามารบกวนนางถึงตรงนี้ได้ “อย่างมากหนึ่งหมื่นปีข้าก็จะได้กลับสวรรค์”

เรื่องราวของหยางซือซือ ต้นดอกท้อริมผาเดียวดายแห่งนี้ดำเนินมาอย่างเรียบง่าย ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปี จากต้นอ่อนต้นเล็กสูงเท่าต้นหญ้าบริเวณรอบ ๆ บัดนี้ลำต้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก นางยังคงค่อย ๆ บำเพ็ญตบะเซียนอย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าช่วงหลัง ๆ จะติดเกียจคร้านไปบ้าง

“ผ่านมาหลายพันปี ข้าเพิ่งจะบรรลุตบะเซียนขั้นที่สองเองหรือ” หยางซือซือพูดกับตัวเอง ดูเหมือนว่าเวลาที่นางคาดว่าจะกลับสวรรค์คงไม่ใช่หมื่นปีอันใกล้นี้แล้ว แต่นางก็ยังคงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะรู้สึกว่าชีวิตตรงนี้ก็สบายดี นางได้นั่งดูก้อนเมฆ มองท้องฟ้า อาบแสงดาวแสงจันทร์ กินน้ำค้างยามเช้า “ไม่มีอะไรสบายไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องกลับสวรรค์ก็ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน”

ในวันหนึ่งของฤดูหนาว หยางซือซือได้ยินเสียงหนึ่งใกล้เข้ามา เสียงที่นางไม่ได้ยินมาเป็นเวลานานแล้ว นางรีบตื่นจากหลับใหลเพื่อมองหาต้นเสียงนั้น

“มานี่สิ พักตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้เราค่อยเดินทางต่อ” เสียงเล็ก ๆ เจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้น

“อื้ม ข้าหิวน้ำ” เด็กหญิงตัวน้อยพูดกับพี่ชาย นางดูเหน็ดเหนื่อยเพราะเดินทางมาเป็นเวลานาน ทั้งสองคนนั่งลงที่ใต้ต้นดอกท้อ เอนหลังพิงกับลำต้น ทอดสายตาไปยังข้างหน้า แหงนมองท้องฟ้าและตะวันที่กำลังตกดิน

“มนุษย์หรือ ข้าเจอมนุษย์แล้วหรือ นานเหลือเกิน” นางเห็นความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ จึงแผ่พลังเซียนอันน้อยนิดของนางเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็หลับผล็อยไป

หยางซือซือมองเห็นความทรงจำเมื่อไม่กี่วันก่อนของพวกเขาขณะที่กำลังหลับฝัน เด็กน้อยทั้งสองคนนี้วิ่งไปมาที่ลานหน้าบ้าน อดมื้อกินมื้อจนไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่ยังคงความสดใสตามวัยเอาไว้ได้ หลายวันนี้เดินทางตามพ่อแม่มาหาของในป่า เจอสัตว์ป่าดุร้ายจึงพากันวิ่งหนีไปคนละทางจนพลัดหลง คนพี่พยายามดูแลน้องสาวเป็นอย่างดีตลอดทาง เห็นเช่นนี้แล้วนางรู้สึกอยากให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ยืนยาว ร่างกายแข็งแรง เติบโตเป็นอย่างดีจริง ๆ

คืนนั้นเอง นางจึงเข้าไปในความฝันของทั้งสองคน เตือนว่าหากตอนเช้าตื่นมาแล้วอย่าลืมนำถุงผ้าที่วางไว้ข้าง ๆ กลับไปด้วย นางใส่ของวิเศษมากมายที่เคยได้ยินยามที่อยู่ดินแดนสวรรค์ เอาไว้ให้ครอบครัวนี้ได้ใช้ ทั้งยังถ่ายทอดพลังตบะเซียนเพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรง โชคดี และมีความสุข โดยไม่ห่วงว่าตบะเซียนของนางจะลดลงแต่อย่างใด

หลังจากนั้นทุก ๆ พันปี นางจะได้มีโอกาสพบมนุษย์อยู่สองสามคน และทุกครั้ง หยางซือซือจะแปรเปลี่ยนตบะเซียน ประทานพรแก่พวกเขาเรื่อยมา กาลเวลาที่นางเคยคิดว่าหนึ่งหมื่นปีคงได้กลับสวรรค์ บัดนี้ล่วงเลยมาเกือบแสนปีแล้ว พร้อมตบะเซียนแปดขั้นครึ่ง อีกเพียงนิดเดียวด่านเคราะห์ของนางบนโลกมนุษย์จะสำเร็จลุล่วง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status