หน้าหลัก / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 9 ดอกท้อแสนปีสละพลังเซียน

แชร์

ตอนที่ 9 ดอกท้อแสนปีสละพลังเซียน

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-04 09:00:19

เช้าตรู่ของอีกวัน

“โอ้โห เช้าวันนี้อากาศดีเหมือนเดิม นี่กระต่ายน้อย เจ้าอยู่ไหน ออกมาเล่นกับข้าหน่อยสิ” หยางซือซือที่เพิ่งตื่นนอนนั่งลงบนพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม หันซ้ายหันขวาหาเจ้ากระต่ายเวทเพื่อนของนาง

“เอ๋ เจ้าอยู่ไหนนะ มาเล่นกับข้าหน่อย พรุ่งนี้ข้าอาจจะไม่ได้เจอเจ้าแล้วนะ” หยางซือซือเดินวนรอบต้นไม้สองสามรอบแต่ก็ไร้วี่แวว นางอยากเล่นกับมันทั้งวัน เพราะพรุ่งนี้นางก็จะบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นแล้ว วันเวลาหนึ่งแสนปีบนดินแดนมนุษย์ใกล้สิ้นสุด

“ไหน ๆ ข้าก็ต้องกลับสวรรค์วันพรุ่งนี้แล้ว ขอข้าได้เที่ยวเมืองมนุษย์รอบ ๆ นี้ดีกว่า กลับไปแล้วคงจะลงมาเล่นไม่ได้แน่ ๆ” หยางซือซือเคยพยายามถอดจิตวิญญาณเพื่อลงไปเที่ยวล่างเขา หากแต่ว่าพลังเซียนของนางอ่อนแอจึงได้แค่อยู่ที่เดิมริมผาเดียวดายเท่านั้น

เมื่อลองเข้าหลาย ๆ ครั้งไม่เป็นผล นับแต่นั้นมาเกือบแสนปีนางก็ไม่เคยลองอีกเลย เพียงแต่ว่าครั้งนี้นางรู้สึกว่าพลังเซียนนางแกร่งขึ้น อาจจะทำได้ จึงลองดูอีกสักตั้ง

“โอ๊ะ! ได้ผลจริง ๆ ด้วย ฮ่า ๆ เอาล่ะ วันนี้ข้าขอเที่ยวเล่นให้หนำใจเลยแล้วกัน” หยางซือซือไม่รอช้า วิ่งกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขไปตามทางอย่างไม่มีจุดหมาย ราวกับนางลืมไปแล้วว่าเซียนมีพลังเหาะเหินลอยกลางอากาศได้

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หยางซือซือก็เห็นควันไฟอยู่ลับตา นางคิดว่าแถวนั้นคงจะเป็นหมู่บ้านของมนุษย์ จึงรีบวิ่งไปยังจุดหมายคิดว่าจะได้เห็นอะไรสนุก ๆ เพียงแต่ว่าภาพที่นางได้เห็นกลับผิดไปจากที่คิดมากโข ควันไฟที่นางเห็นนั้น ไม่ใช่ฟืนที่ชาวบ้านก่อขึ้นเพื่อหุงหาอาหาร แต่เป็นควันที่ไหม้หมู่บ้าน มนุษย์ที่นางอยากเห็นกลับนอนเรียงรายบนพื้นดิน พื้นบ้าน เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดโชยแตะจมูก

หยางซือซือก้าวเท้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านนั้นช้า ๆ ทางซ้ายและขวาไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ความหดหู่ในใจนางเริ่มก่อตัวขึ้น สีหน้าของนางซีดเผือก จู่ ๆ นางได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนผู้หนึ่งดังมาไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ หยางซือซือรีบเดินไปที่ตรงนั้น

“เจ้ายังไม่ตายนี่นา” หยางซือซือดีใจ นางพบคนรอดชีวิตคนหนึ่งนอนราบอยู่บนพื้นดิน เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด อาการบาดเจ็บสาหัส หยางซือซือไม่รอช้าร่ายเวทรักษาเพื่อช่วยเขา ผ่านไปค่อนวัน คน ๆ นี้จึงลืมตาตื่นขึ้นมา

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นางถามเขา ลืมไปว่าตนเองเป็นเพียงจิตวิญญาณดอกท้อ ไม่มีผู้ใดมองเห็นนาง ครั้นนึกได้จึงนั่งมองเขาข้าง ๆ

“ทำไมข้ายังไม่ตาย ทำไมถึงเป็นข้าที่ยังไม่ตาย” เสียงสิ้นหวังของเขาดังขึ้น นางรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ดีใจที่ตนเองฟื้นขึ้นมา

นางเคยพบมนุษย์ผู้หนึ่งขึ้นมาที่ริมผาเดียวดายเพราะรู้ตัวว่าเป็นโรคร้าย ชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หลังจากฟังเขารำพึงรำพัน นางก็สงสารใช้พลังเซียนรักษาเขาให้หายดี นางเห็นเขาดีใจกระโดดโลดเต้น ขอบคุณเทพเทวาที่ช่วยเหลือ ผิดกันกับคนที่อยู่ตรงหน้าลิบลับ

หยางซือซือร่ายเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งแล้วแตะที่หน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน “ขอข้าดูความทรงจำของเจ้าได้หรือไม่” เพียงแค่แวบเดียวที่นางได้เห็นภาพในอดีตของเขา นางชักมือกลับในทันที ไม่เพียงแต่เห็นเรื่องราวของเขาในชีวิตนี้ แต่ย้อนกลับไปในอดีตชาติที่เขาเคยผ่านมา สีหน้าหยางซือซือเศร้าสร้อยลงในทันใด นางเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้พูดเช่นนั้น หากเป็นตัวนางเอง ไม่รู้ว่าจะทนได้ไหวสักแค่ไหน

“เสิ่นชิว ข้าเข้าใจแล้ว” นางพึมพำเบา ๆ

เสิ่นชิวมองไปรอบ ๆ เห็นผู้นำนอนจมกองเลือด ดวงตาไม่อาจหลับลงได้ เขาหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปที่ร่างของเขา ค่อย ๆ ลูบเปลือกตาช้า ๆ ท่านลุง ท่านอาที่เคยช่วยเหลือเขาด้วยความเอ็นดู บัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว อีกฟากหนึ่ง เขาหันไปดูร่างลู่ฟางหรง จำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เห็น นางยืนอยู่ตรงนี้ เพียงแต่บนพื้นดินที่ว่างเปล่ามีเพียงแค่สร้อยข้อมือที่เขาเคยให้นางเอาไว้วางอยู่

“ฟางหรง เจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่” เมื่อไม่เห็นร่างของนาง เขายังคงมีความหวังว่านางอาจจะยังรอดชีวิต ต้องมีใครสักคนช่วยนางไว้ได้

เสิ่นชิวเริ่มมีความหวังแม้เพียงเล็กน้อย ร่างกายของเขาหายดีเพราะพลังรักษาของหยางซือซือ เขาขนย้ายร่างของคนในหมู่บ้านมาไว้ที่กลางลาน เรียงท่อนฟืนรอบ ๆ ร่างของพวกเขา จุดไฟทำพิธีการส่งวิญญาณให้คนทั้งหมู่บ้านด้วยตัวคนเดียว ในหัวคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ซ้ำไปซ้ำมา ความคิดเหล่านั้นทำร้ายจิตใจของเขา คำพูดที่เขาลืมมันไปแล้วย้อนกลับมาตอกย้ำอีกครั้ง

“อัปมงคล”

“ลางร้าย”

“หายนะ”

เสิ่นชิวยิ้มเย้ยหยันตนเอง น้ำตาเหือดแห้งจนไม่อาจไหลได้อีกต่อไป หลังเสร็จสิ้นพิธี เขาเดินออกจากหมู่บ้านอย่างไร้จุดหมาย เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำไปบนพื้นดิน คมหิน เศษไม้ แต่ชีวิตเขาไร้ความรู้สึกไปแล้ว

หยางซือซืออยากกอดเขาเหลือเกิน นางพยายามถ่ายทอดพลังเซียนเพื่อให้เขาได้คลายความทุกข์ในใจไปบ้าง หากแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ได้ผล สิ่งใดกำลังปิดกั้นพลังของนางนั้น ไม่อาจรู้ได้ จึงทำได้แค่เพียงเดินอยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ

กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ หยางซือซือมองไปข้างหน้าก็รู้สึกได้ว่ากำลังเดินมาที่ริมผาเดียวดาย นางรีบไปยืนรอเขาอยู่ใต้ต้นดอกท้อที่ยามนี้บานสะพรั่ง

“หากเป็นอาณาเขตของข้า คงจะทำได้กระมัง” หยางซือซือคิดในใจ

เสิ่นชิวเดินมานั่งใต้ต้นดอกท้อ สายตาเลื่อนลอย ไม่รู้ตัวว่าเดินมาไกลเพียงไหน เขาหลับตาลงด้วยความเหนื่อยหวังจะพักเพียงชั่วครู่ จู่ ๆ จิตใจของเขาพลันรู้สึกสงบ สารพัดความรู้สึกที่ประเดประดังตลอดทาง เวลานิ่งเงียบ เขาทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าด้านบนก่อนจะพึมพำกับตัวเอง

“ชีวิตข้า จบสิ้นแต่เพียงเท่านี้ คงจะดีกว่าใช่หรือไม่ สวรรค์! ต่อให้หนีไปที่ใด ข้าก็คงหนีโชคชะตาเช่นนี้ไม่พ้นใช่หรือไม่ ข้าไม่อยากให้คนที่อยู่รอบตัวข้า ต้องพบเจอเรื่องราวเลวร้ายเพราะข้าอีกต่อไปแล้ว จบสิ้นเสียที” เสิ่นชิวพูดเช่นนั้นแล้วลุกเดินมาที่ริมผา เพื่อจบสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องทำ จากนี้ไม่มีอีกแล้วลางร้ายหายนะ

“เสิ่นชิว!” หยางซือซือตะโกนเรียกเขา เพียงแต่สายไปเสียแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงของนางแม้แต่น้อย นางพยายามที่จะช่วยเขาแต่พลังกลับส่งไปไม่ถึง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

นางมองเห็นเสิ่นชิวค่อย ๆ ทิ้งตัวลงจากหน้าผา ปลิดชีวิตตนเองในชาตินี้ “ไม่นะ!” เสียงของหยางซือซือร้องเรียกเขา

“ข้าเข้าใจแล้ว เสิ่นชิว” หยางซือซือสละตบะเซียนเก้าขั้นให้เขาโดยไม่รู้ว่าชีวิตของนางก็จะจบสิ้นลงเพียงเท่านี้เช่นกัน

“ข้า หยางซือซือ ขอให้เจ้า ไม่ว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นผู้ใด ขอให้เจ้าแข็งแรง แข็งแกร่ง มีแต่ความสุข มีแต่โชคดี ปกป้องคนที่เจ้ารักได้ อยู่กับคนที่เจ้ารักตลอดไป” สิ้นคำพูดของนาง ตบะเซียนเก้าขั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นพรอันประเสริฐพุ่งเข้าหาร่างของเสิ่นชิวที่กำลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ สิ่งที่นางทำให้เขาได้มีแค่เพียงเท่านี้จริง ๆ

ในวันนั้นเอง กลีบดอกท้อแสนปีร่วงหล่น ปลิวไปตามสายลม หยางซือซือสลายหายไป กระต่ายเวทที่ปรากฏตัวขึ้นเพราะรับรู้ถึงความผิดแปลกไปรีบกลับคืนสู่เจ้าของ

“หยางซือซือ!” เสียงตะโกนของเขาดังก้อง แม้จะรีบมาหานางเท่าใด ก็ยังคงสายไปอีกครั้ง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 10 หมาป่ากินพืชนามว่าหลินเซิน

    หนึ่งพันปีต่อมาอรุณรุ่งบนยอดภูเขาสูงห่างไกลจากผู้คน ดอกท้อสีชมพูอ่อนหลายพันต้นผลิบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณรับฤดูใบไม้ผลิ ใต้ต้นดอกท้อริมหน้าผามีชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนหลับตาอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวขจี น้ำค้างยามเช้าค่อย ๆ ลู่ลงมาตามใบไม้พลันหยดลงที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาปลุกเขาจากการหลับฝัน เขาลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ยกมือขึ้นบังแสงแดดอ่อนที่กำลังแยงตา พักหนึ่งจึงลุกขึ้นยืนรับอากาศสดชื่นวันใหม่ สายลมพัดเรือนผมยาวสีเทาแกมชมพูปลิวไสวหลินเซิน หมาป่าขนเทาอาศัยอยู่เพียงลำพังบนเขาลูกนี้มาเป็นเวลากว่าพันปีแล้ว ชีวิตของเขาเรียบง่าย ไร้เรื่องกังวลใด ๆ ราวกับคำอวยพรของดอกท้อแสนปีได้สัมฤทธิ์ผล เขาใช้เวลาทั้งวันกับการนั่งเล่น นอนเล่น โดยไม่สนเรื่องราวภายนอก หากแต่ยังสงสัยตนเองอยู่บ้างว่าทำไมหมาป่าอย่างเขาถึงกินผลไม้เป็นอาหาร ดื่มน้ำค้างยามเช้า เขาเคยมีความคิดว่า อาจจะเป็นเพราะเกิดมามีพลังเซียนจึงทำให้เขากลายพันธุ์ไป เลยไม่ได้สนใจที่มาของตนเอง อย่างไรเขาก็มีความสุขมากแล้วการมีพลังเซียนทำให้เขาไม่เคยต้องเหนื่อยใช้แรงงาน หากอยากดื่มน้ำค้าง ใบไม้เหล่านั้นก็จะคอยกักเก็บ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-06
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 11 วันว่างกับแมวน้อย

    นับตั้งแต่มีแมวน้อยสีขาวน่ารักตัวนี้อยู่บนเขาแห่งนี้ด้วย ชีวิตประจำวันของหลินเซินก็เปลี่ยนไปจากเดิม วันเวลาที่อยู่อย่างสงบ ๆ ฟังเสียงสายลม เสียงใบไม้พัดปลิว ก็มีเสียงเหมียว เหมียว ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับกำลังร้องเรียกเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน“อย่าบอกนะว่าเจ้าหิวอีกแล้ว นี่เจ้ากำลังโตหรืออย่างไรถึงได้กินเก่งเช่นนี้” หลินเซินบ่นอุบอิบนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างสะพายหลังเขาเดินลงไปด้านหลังเขาเรื่อย ๆ โดยมีเจ้าแมวน้อยตามมาติด ๆ เสียงสายน้ำไหลเอื่อยเริ่มดังขึ้น หลินเซินหยุดอยู่ริมตลิ่ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมหย่อนขาลงไปในน้ำ มือข้างหนึ่งถือไม้แหลมยาว สายตาสองข้างมองทะลุเข้าไปใต้น้ำใส ๆ คอยมองหาปลาตัวใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นของโปรดเจ้าแมวน้อย“นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่นี่ อาหารของข้าก็ไม่ใช่ เจ้านี่ทำเหมือนข้ากำลังเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ใช่ว่าข้ารับเจ้ามาเลี้ยงด้วยเสียหน่อย” แม้จะบ่นมาเป็นชุดแต่สองตาก็ยังจ้องหาปลาต่อไปไม่ลดละ ในที่สุดเขาก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง เพียงเท่านี้ยังไม่พอ หลินเซินก่อฟืนจุดไฟก่อนจะนั่งย่างปลาที่เขากินไม่ได้อีกด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-08
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 12 เสียงเรียกของหัวใจ

    “เยี่ยนฟาง ข้ารู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีบางคนกำลังเรียกข้าอยู่ รีบเข้าเมืองกันเถอะ” หลินเซินพูดกับเจ้าแมวน้อย ไม่รอช้าอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนลอยลงมาจากเขาด้วยความเร็วอย่างตื่นเต้น จนลมปะทะเข้าที่หน้าเจ้าแมวน้อย ตาเหลือกกว้างไม่สามารถต้านแรงลมไว้ได้ คอที่ตั้งตรงอยู่แทบจะพลิกไปด้านหลัง นางจึงส่งเสียงร้องให้เขารู้ตัว หลินเซินก้มลงมองท่าทางของนางอย่างขบขัน หัวเราะเบา ๆ สนุกสนาน นางจึงยกมือขึ้นพยายามตะปบแขนเขาด้วยความงอน“ข้ารู้แล้ว ๆ” หลินเซินกอดเจ้าแมวน้อยเอาไว้แน่น คอยบังกระแสลมแรง ก่อนจดจ่อกับการเดินทางต่อเมื่อมาถึงทางเดินยาวสุดสายตา หลินเซินพยายามมองหาสิ่งที่กำลังร้องเรียกเขา หากแต่ไม่เจออะไรที่เข้าท่า เขาจึงเดินตามความรู้สึกไป ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ กลิ่นของปลาย่างก็โชยมาที่ปลายจมูกของเขา แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเหมียว เหมียวดังมาจากฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าเจ้าแมวน้อยไปยืนรออยู่หน้าร้านตั้งแต่เมื่อใด“เยี่ยนฟาง อดใจไว้ เดี๋ยวข้าจะพามากิน ข้าให้สองตัวเลย” หลินเซินพยายามโน้มน้าวใจเจ้าแมวน้อย เวลานี้เขารู้สึกอยากตามหาสิ่งนั้นให้พบไว ๆ เสียเหลือเกิน ราวกับว่า ถ้าวันนี้หาไม่เจอค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-10
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 13 แมวน้อยแม่สื่อ

    “เยี่ยนฟาง ตื่นได้แล้ว วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาของอร่อย ๆ นะ” หลินเซินลูบหัวของเจ้าแมวน้อยแผ่วเบา รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าหล่อเหลา เจ้าแมวน้อยงัวเงียค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เพราะเห็นความกระตือรือร้นของหลินเซินในรอบหลายปีเขาอุ้มเยี่ยนฟางไว้ในอ้อมกอดพานางลอยลิ่วลงมายังล่างเขา ก่อนจะไปแวะซื้อปลาย่างร้านโปรด เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวน้อยอิ่มแปล้จนพุงย้อย เขาก็อุ้มนางเดินเล่นในตลาดอยู่สักพัก ครั้นได้เวลา หลินเซินจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของเจียลี่ แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้นางเห็น“ท่านพ่อ วันนี้ต้องไปส่งของที่ร้านเฒ่าแก่ใช่หรือไม่” เจียลี่เอ่ยปากถามพลางจัดของใส่ตะกร้าใบใหญ่“อื้ม เจ้าอยากไปเองหรือ” บิดาถามนางเพราะรู้ใจ“เจ้าค่ะ เชิญท่านพ่อพักผ่อนให้สบายที่บ้านเถิด งานทางนี้ ข้าดูแลเอง ท่านพ่อไม่ต้องกังวล” นางพยายามยกตะกร้าใบใหญ่ด้วยความเงอะงะจนบิดาอดสงสัยไม่ได้“เจียลี่ เจ้าไปคนเดียวได้หรือ”“เจ้าค่ะ” นางตอบเขาก่อนจะพยายามยกตะกร้าขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้กลับยกขึ้นได้อย่างง่ายดายจนตนเองก็แปลกใจ“ไปก่อนนะเจ้าคะ” นางยิ้มให้บิดาแล้วเดินล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-12
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 14 หมาป่าคำราม

    เจียลี่มาพบเขาที่หน้าประตูบ้าน“หลินเซิน ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”“เรื่องอันใดหรือ” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน เงี่ยหูฟังสิ่งที่นางจะบอก“ข้าต้องกลับบ้านแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมาที่นี่อีก หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอเจ้าอีกนะ”หลินเซินครุ่นคิดเรื่องราวในหัวว่าจะทำอย่างไรดี เขายังไม่ได้คำตอบเลยว่าทำไมนางถึงทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเรื่องด้ายสีทองที่ผูกมัดเขากับนางอีก “ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าเจ้าเป็นใคร ทำไมใจข้าต้องเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นหน้าของเจ้า” ราวกับมีคนรู้ทัน เยี่ยนฟางใช้พลังส่งกระแสจิตไปหาเขา “ไปส่งนางที่บ้านสิ”“เอ๋ เยี่ยนฟาง เจ้าพูดได้แล้วหรือ” หลินเซินตาโตประหลาดใจ ส่งกระแสจิตกลับไปหานาง แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ“เจียลี่ ข้าได้ยินมาว่าป่าทางนั้นมีสัตว์ดุร้ายออกอาละวาด โจรป่าชุกชุม แอบปล้นเสบียงของพ่อค้าที่ผ่านไปมาอยู่บ่อย ๆ ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้านดีหรือไม่” หลินเซินเสนอตัวเองอย่างที่เยี่ยนฟา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 15 พันธสัญญาเลือด

    “ข้า... ข้าเข้าใจแล้ว” เจียลี่นิ่วหน้าเหมือนจะร้องไห้ นางไม่อยากโดนสัตว์ประหลาดแทะแขนแทะขานางเหมือนในเรื่องเล่าสยองขวัญของพวกพ่อค้าจึงได้แต่รับปากด้วยความกลัว“พูดไปได้ว่าจะกินนาง เจ้าหมาป่าซื่อบื้ออ่านนิยายแนวนั้นมากไปใช่หรือไม่ เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเจ้าน่ะเป็นสัตว์กินพืช” เยี่ยนฟางบ่นอุบอิบในใจส่งเสียงร้องเหมียว เหมียว แรก ๆ นางเพียงตกใจตามสัญชาตญาณที่ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ที่มีอำนาจมากกว่า เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำกว่าที่คิด นางแค่รอให้เขามาระบายให้ฟังก็จะได้รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ ร้อยปีที่เขาคอยดูแลนางด้วยความห่วงใย ทำให้นางแน่ใจได้ว่าเขาไม่ใช่สัตว์ป่าดุร้ายเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย ทั้งสองพากันเดินกลับที่พักเงียบ ๆ ต่างคนต่างไม่พูดอะไรตลอดทาง“เจียลี่ เจ้าหายไปไหนมา” จวีจิวฝูถามบุตรสาวด้วยความกระวนกระวายใจ เขาตกใจตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคำรามของหลินเซินดังไปทั่วทั้งป่า“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” เจียลี่พยายามทำสีหน้าปกติ นางเกรงว่าบิดาจะกังวลหากเห็นสีหน้าหวาดกลัวของนาง“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 16 บ้านเกิดของเจียลี่

    สองอาทิตย์ผ่านไป“เจียลี่ ถึงบ้านแล้ว” จวีจิวฝูตะโกนบอกบุตรสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า“จริงหรือ” นางเปิดหน้าต่างเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นตาเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นคนที่นั่งข้าง ๆ กำลังจ้องอยู่“ข้าจะต้องทำตามที่เจ้าบอกไปจนถึงเมื่อใด” นางถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมองสายตาของเขาราวกับได้คำตอบแล้วว่า “อีกนาน” นั่นล่ะ คำตอบสั้น ๆ ของเขาลั่วหมิงเฟยได้แต่มองความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ อันที่จริงเขาเห็นมาสักพักแล้วว่าดูแปลก ๆ แต่สิ่งที่แปลกกว่าคือ เจ้าแมวตัวน้อยสีขาวมักจะไม่ชอบให้เขาเข้าใกล้หลินเซินหรือคนอื่น ๆ สักเท่าใดครั้งหนึ่งเขาพยายามจะลูบหัวเพื่อทำความคุ้นเคยกลับโดนตะปบอย่างเลือดเย็น กระนั้นเขาไม่ยอมแพ้เป็นคนคอยหาปลามาย่างให้นางอยู่บ่อย ๆ เอาไม้ตกแมวมาล่อให้นางเล่นด้วยอยู่หลายครั้ง นึกไม่ถึงว่านางไม่ยอมใจอ่อนเป็นมิตรกับเขาบ้างเลยจวีจิวฝูหยุดรถม้าหน้าบ้านหลังเล็ก เขาค่อนข้างกังวลใจว่าจะจัดสรรที่อยู่ในบ้านอย่างไร เดิมทีเขาอาศัยอยู่กับบุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 17 เยี่ยนฟางกลายเป็นมนุษย์

    “เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเจ้าใช้วิธีนี้” เจียลี่อ้าปากค้างคิดไม่ถึง “อย่าได้คิดทำเช่นนี้กับข้า” เจียลี่รีบบอกเขากลัวว่าสักวันนางจะโดนสะกดจิตให้ทำอะไรแปลก ๆ“อย่างเจ้าน่ะ ต้องยอมทำให้ข้าด้วยความเต็มใจ” หลินเซินยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาง “ไปกันเถอะ” เขาชวนนางเดินไปที่ร้านถังหูลู่“ข้าขอสองไม้” หลินเซินใช้วิธีเดิมกับพ่อค้าร้านถังหูลู่ กระนั้นยังมีใจแบ่งให้นางหนึ่งไม้ เจียลี่เห็นเช่นนั้นจึงหันไปจ่ายเงินให้พ่อค้าแทนเขา“เจ้าทำแบบนี้มาตลอดเลยหรืออย่างไร อยู่เมืองมนุษย์ก็ต้องมีเงินเก็บไว้บ้าง” เจียลี่บ่นอุบอิบอยู่ข้างเขา นางรู้สึกว่าเรื่องราวของเขานั้นซับซ้อนจนไม่รู้จะเริ่มถามอะไร“อยู่กับข้าไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” หลินเซินยักคิ้วข้างหนึ่งอารมณ์ดี“อยู่กับเจ้าไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นหรือ รู้เช่นนี้ ข้าน่าจะแต่งงานเสียตั้งแต่ก่อนเจอเจ้า” นางพูดเสียงอ่อยท้อแท้ใจถ้าจะต้องอยู่เหมือนเป็นทาสของหมาป่าจอมโหด“ถ้าเจ้าแต่งงานกับผู้อื่น ข้าคงเสียใจมาก”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20

บทล่าสุด

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 50 โดดเดี่ยว

    TW : ความรุนแรง วัยเด็กในอดีตชาติเมื่อเซี่ยวอวี้เทียนถอนดาบครั้งที่สามจากร่างของเจียลี่ นางกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ล้มลงไปตามแรงนอนแน่นิ่งกับพื้น น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด จากนั้นภาพตรงหน้าก็ดับลงหลินเซินที่อยู่ในความฝันรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องกับเจียลี่ เขาเจ็บแปลบที่หน้าอกอยู่ครู่หนึ่ง ลุกขึ้นเดินกระวนกระวาย ในใจเศร้าระทมไม่รู้ตัวแต่ไม่อาจทำอะไรได้มากจู่ ๆ แสงจากหิ่งห้อยตัวหนึ่งก็ลอยเข้ามาท่ามกลางความมืดมิด พลันภาพอดีตของหลินเซินฉายซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นอดีตชาติอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เสิ่นชิวหมู่บ้านเล็ก ๆ บนที่ราบอันเขียวขจี เขาเห็นเด็กชายตัวน้อยที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะกำลังวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณบ้าน พ่อและแม่ของเขากำลังช่วยกันรดน้ำแปลงผักในสวนข้างบ้าน สีหน้าทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสรับกับสภาพท้องฟ้าสีครามฤดูใบไม้ผลิครั้นตกกลางคืน ครอบครัวนี้กำลังจะนอนหลับใหลต้องตื่นตกใจเพราะเสียงระฆังเตือนภัยดังเหง่งหง่าง ผู้เป็นพ่อเปิดประตูออกมาข้างนอกเห็นภาพของโจรป่านับสิบคนกำลังบุกเข้าไปค้นหาเหยื่อทีละบ้าน ๆเขารีบกลับเข้ามาข

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 49 ฝากที่เหลือด้วย

    “น่าเสียดายอีกแล้ว เจ้านี่โชคดีอะไรเช่นนี้” เสียงลึกลับพูดกับเจียลี่ จนทำให้นางนึกในใจ นี่น่ะหรือโชคดี ถ้าโชคร้ายจะขนาดไหน“ทำไมนางถึงเป็นเช่นนั้น” เจียลี่ได้โอกาสถามเขา ไหน ๆ ก็ไม่มีทางหนี อย่างน้อยถ้าจะตายควรได้รู้ความจริงเผื่อจะช่วยใครได้บ้าง“ข้าควรจะบอกเจ้าดีหรือไม่ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าน่ารำคาญ”“จะบอกก็บอก ไม่ต้องลีลาให้มากนัก” เจียลี่รู้สึกคิดผิดที่ถามเขาไปเช่นนั้น“เจ้ามนุษย์อ่อนด้อย ถ้าไม่ติดว่าเจ้ามีพันธสัญญาเลือด ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ามานั่งว่าข้าเช่นนี้หรอก” น้ำเสียงของเขาโมโหขึ้นมาไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดใจ “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เจ้าตั้งใจฟังข้า”สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมเล่าให้นางฟัง อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเขาทำให้เจียลี่ละเหี่ยใจแต่ก็ต้องกัดฟันนั่งฟังให้จบซิ่วอิงมีทั้งข้อผูกมัดคำสาปและพันธสัญญาเลือดระหว่างนางกับเขา ทางเดียวที่จะช่วยเยี่ยนฟาง รวมถึงเซียวอวี้เทียนก็คือต้องฆ่าเขาเท่านั้น“ต้องทำเช่นไรถึงจะฆ่าเจ้าได้” เจียลี

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 48 คำสาปสะท้อนกลับ

    ทันใดนั้นเหล่าลูกสมุนของคนผู้นั้นก็ขึ้นมาจากกองกระดูกด้านล่าง พลังมืดปกคลุมรอบตัวส่งกลิ่นอายความกระหายเลือดเนื้อของคนเป็น เจียลี่บาดเจ็บจากการโจมตีครั้งสุดท้ายมากนัก นางพยายามคลานหนีจากหุ่นเชิดสังหารแต่แรงที่มีกลับถดถอยลงเจียลี่เห็นอาวุธแหลมคมกำลังพุ่งมาทางนาง ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพลิกตัวหลบ คิดในใจว่าสายไปเสียแล้ว ชีวิตของนางคงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ นางหลับตาพร้อมยอมรับชะตากรรมจู่ ๆ มีดบินสามเล่มก็กระทบกับลูกธนู เยี่ยนฟางเหลือบเห็นเหตุการณ์พอดีจึงช่วยนางไว้ได้ทัน“ท่านพี่!” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเยี่ยนฟาง เจียลี่ลืมตาขึ้นถอนหายใจ แล้วเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เฮ้อ น่าเสียดาย ๆ” เขาดูจะพอใจที่ได้เห็นเรื่องราวความเป็นความตายของผู้อื่นยิ่งนักเยี่ยนฟางที่เห็นสภาพของเจียลี่เช่นนั้น พยายามหลบหลีกจากการปะทะกับซิ่วอิงให้เร็วที่สุด แต่นางกลับกัดไม่ปล่อย ซิ่วอิงไม่เปิดจังหวะแม้แต่น้อย นางจึงตะโกนบอกหมิงเฟยให้ร่ายม่านเขตแดนปกป้องเจียลี่เพราะพลังเซียนของนางกำลังถดถอยเมื่อมีม่านเขตแดนของหมิงเฟยเป็นเกราะกำบัง ลูกสม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status