คำโปรย
การกลับมาเที่ยวบ้านเกิดของ.... ในครั้งนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจากนักท่องเที่ยวกลายเป็นผู้ประสบภัย... ในคำคืนก่อนบินกลับไปเรียน เพื่อนสาวคนสนิท...อยากเลี้ยงอำลา เธอผู้ไม่ชอบแสงสีและเสียงที่ดัง อย่างการเข้าผับบาร์ แต่เพียงเพราะเพื่อนคนสนิทร้องขอ เธอจะปฎิเสธก็กะไรอยู่ ในที่อโคจร....ความประมาทเกิดขึ้น ได้เสมอใช่มันเกิดขึ้นกับเธอเร็วมาก ร่างกายโดนสิ่งแปลกปลอมวิ่งเข้าสู่ ร่างกายทำเธอร้อนรุ่มหาที่เปรียบไม่ ได้นาทีนี้เธอจะตายไหมนะ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิต ในคำคืนนี้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้กับใครคนหนึ่ง...เขาคือใคร...? อันนิกาตื่นขึ้นมาตอนเช้าร่างกายที่ โดนคนบนเตียงปูยี้ปูยำ..ตัวเธอยืน มองชายหนุ่มร่างกำยำผู้พรากความ สาวไปจากเธอ...แต่วินาทีนั้นเธอต้องบินแล้ว "เธอจากมาโดนไม่ลา 3เดือนต่อมาในต่างประเทศ ร่างกายของเธอมีการต่อต้านอาหารที่โปรดปรานเอามาก "อันท้องหรือ... "บ้า..... แต่ในใจเธอมันมีมากกว่าหมื่นแสนล้านคำ..เธอท้องหริอชิบหายคืนนั้นฉันลืมเลยแนะนำตัวละคร
เจแปน หนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เจ้าของโชว์รูมรถชื่อดังที่นำเข้าและขายรถหรู หล่อ รวย เจ้าชู้นิด ๆ ตามแบบฉบับคนโสด
อันนิกา แอนดิสัน ลูกครึ่งไทยสวีเดน สวย เซ็กซี่ ขยี้ใจหนุ่ม ครอบครัวทำธุรกิจขนสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องด้วยเป็นลูกสาวคนเล็กทางครอบครัวจึงห่วงมากเป็นพิเศษ เลยให้ไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ประเทศสวีเดน ให้อยู่ใกล้สายตาพ่อและแม่ที่ตอนนี้คนทั้งคู่ได้มาอยู่ที่ประเทศสวีเดนได้หลายปีแล้วจุดเริ่มต้น
คลับหรูใจกลางเมือง สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจที่ถูกเพื่อนสาวที่สนิทมากนัดมาเลี้ยงส่งที่ผับหรูใจกลางเมือง ถึงแม้อันนิกาจะเรียนและเติบโตอยู่ต่างประเทศแต่ไม่บ่อยครั้งนักที่อันนิกาจะได้ย่างกายเข้าไปในสถานที่อโคจรถึงจะมีบ้างนาน ๆ ทีเพราะอันนิกาไม่ชอบเสียงอึกทึกครึกโครม "อันทางนี้กว่าจะเสด็จมาได้เนอะพวกฉันนั่งรอจนรากจะงอกหมดแล้ว"สาวสวยร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำอวดโชว์หุ่นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างป่านดาวนั่งเคียงคู่กับสาวสวยหุ่นดีดีกรีเป็นถึงดาวมหาลัยอย่างนิสาที่มาในชุดเดรสสีขาวผ้ามันวาวรัดรูป อวดโชว์เนินอกให้หนุ่ม ๆ รอบข้างที่มองสองสาวตาเป็นมันวาว "แหมแกก็ว่าไป มาช้าแค่ 10 นาทีเอง"ฉันนั่งลงเกาอี้ข้างเพื่อนซี้ทั้งสองอย่าง ปานดาว กับนิสา ทั้งสองเป็นเพื่อนรักตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมพอเริ่มเข้าเรียนระดับมัธยม ฉันก็ย้ายโรงเรียนไปเรียนที่สวีเดนตามพ่อกับแม่ พูดง่าย ๆ คือก็ย้ายกันไปหมดนั้นแหละ แต่พอพี่ชายของฉันเรียนจบชั้นไฮสคูลพี่ชายของฉันย้ายมาเรียนมหาลัยที่ประเทศไทย ครั้นพอถึงคราวที่ฉันเรียนจบไฮสคูลขอย้ายมาเรียนที่ประเทศไทยเหมือนพี่ชายบ้างแต่คุณพ่อกับคุณแม่กับไม่อนุญาติโดยให้เหตุผลที่ว่าเราเป็นผู้หญิงจะไปอยู่ได้อย่างไง เราไม่เหมือนพี่ออกัสนะเขาเป็นผู้ชายทำให้ฉันต้องยอมเรียนอยู่ที่ประเทศสวีเดนตามคำสั่งพ่อแม่ แต่ถึงอย่างไรเสียพอขึ้นมหาลัยฉันก็ขอท่านทั้งสองมาเที่ยวที่ประเทศไทย ท่านมีอาการอิดออดไม่อยากให้ฉันมาแต่ฉันก็ยกเหตุผลร้อยแปดจึงได้มาเที่ยวที่ประเทศไทย เพราะอย่างไรก็มีพี่ชายอย่างพี่ออกัสช่วยดูแลเพื่อนทั้งสองที่สนิทกันดีพอรู้ว่าฉันมาเที่ยวไทยก็รีบนัดฉันมายังผับหรู ในใจก็ไม่อยากจะมาเท่าไหร่แต่ขัดนางทั้งสองไม่ได้เลยต้องยอมจำใจมา แล้วเป็นไงนางเล่นสั่งเครื่องดื่มมาซะเต็มโต๊ะนางคิดอะไรอยู่เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องบินกลับประเทศสวีเดนแล้ว
"ฉันไม่รู้ว่าแกชอบดื่มอะไรฉันเลยสั่งเครื่องดื่มให้แกหลายอย่าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะว่าค๊อกเทลพวกนี้จะไม่หมด เพราะอย่างไงฉันกับยัยปานกินหมดอยู่แล้วค๊อกเทลแค่นี้จิ๊บ ๆ ว่าแต่แกแต่งตัวอะไรมาเนี่ยมาผับนะคะ ไม่ได้มาสมัครงาน"เสียงหวานของนิสากล่าวพรางมองไปยังชุดที่เพื่อนใส่มาเที่ยวที่มีลักษณะคล้ายชุดทำงานถึงใส่กระโปรงยีนส์สั้นเหนือเข่าแต่ตัวเสื้อนี่สิที่ถูกคลุมมิดชิดด้วยเสื้อสูทที่ดูเรียบร้อยไม่เหมาะกับสถานที่ที่เพื่อนนัดมาเที่ยวเลย
"ใช่ใส่อะไรมา แกถอดเสื้อสูทออกเลยนะจะใส่คลุมทำเพื่อ..?"ปานดาวเอ่ยขึ้นอีกคนและยังสั่งการให้ฉันถอดเสื้อสูทออกด้วย
ฉันไม่ได้แย้งเพื่อนทั้งสองก่อนจะยอมถอดเสื้อสูทด้านนอกออกเพราะด้านในฉันมีเสื้อสายเดี่ยวสีขาวอีกตัว "เห็นไหมพอแกถอดเสื้อสูทออกดูเซ็กซี่ขึ้นมาเลย ดูสิหนุ่ม ๆ มองแกตาเป็นมันเลย เอ่อฉันว่าจะถามแกทำไมถึงกลับไวจัง ฉันว่าจะชวนแกไปเที่ยวทะเลสักหน่อย"ปานดาวชมชุดที่เพื่อนใส่ก่อนจะมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ปานดาวจึงไม่ลังเลเอ่ยถามเพื่อนในทันที "ก็สัญญากับพ่อไว้แล้ว ถ้าปิดเทอมรอบหน้าอาจจะได้อยู่เที่ยวที่ประเทศไทยนาน ๆ เกือบเดือนเลยนะคราวนี้แหละแกสองคนคงเบื่อขี้หน้าฉันแน่น ๆ "เสียงหวานของฉันเอ่ยบอกเพื่อนสนิททั้งสองพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ "ให้มันจริงเถอะยัยอันไม่ใช่พอถึงวันนั้นจริง ๆ ก็อยู่ได้แค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็รีบกลับอีก ใช่ไหมยัยสา"ปานดาวเอ่ยพร้อมกับหันไปถามนิสาไปในตัวขณะที่นิสาพยักหน้า ฮึก ฮึก เห็นด้วยกับเพื่อน "จริง เบื่อแกอะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่แกจะหวงอะไรกันหนักกันหนา พี่ชายก็เรียนอยู่ที่ประเทศไทยไม่เห็นพ่อแม่แกจะเป็นห่วงพี่ออกัสของฉันเลย"นิสาเอ่ยขึ้นบ้างก่อนจะคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายเพื่อนลอยวนเวียนอยู่ภายในหัว "ก็พี่ฉันเรียนใกล้จบแล้ว และยังต้องดูแลบริษัทที่นี่ด้วยไง พ่อกับแม่เลยไม่อยากให้ฉันมาเป็นภาระพี่ออกัสมั่ง" "อ่อ อย่างไงก็แล้วแต่ ถ้ารอบหน้าถ้าแกมาไทยอีก ฉันสองคนจะลากแกไปเที่ยวเกาะทางใต้ให้ได้แกจำคำพูดฉันเอาไว้เลยนะยัยอันเพราะเราสองคนจองตัวแกล่วงหน้าเลย"นิสากล่าวพรางยกเครื่องดื่มด้านหน้าขึ้นจิบเบา ๆ "โอเค ฉันตามใจแกสองคน ว่าแต่ค๊อกเทลบนโต๊ะพวกเราจะกินหมดเหรอมันเยอะอยู่นะ"ดวงตาคู่สวยของฉันมองไปยังโต๊ะที่วางแก้วใบใสที่ใส่น้ำหลายสีอยู่ในแก้ว "แหมแค่นี้จิ๊บ ๆ แกไม่ต้องห่วง ว่าแต่แกอ่ะไหวหรือเปล่า"ปานดาวพูดขณะยกยิ้มทำใบหน้าทะเล้นส่งมาให้ฉัน "แกสองคนไหวฉันก็ไหว"พูดจบมือเรียวของฉันจับแก้วใบใสข้างในที่มีน้ำสีฟ้ายกขึ้นสูดกลิ่นแอลกอฮอล์ก่อนที่จะส่งน้ำสีฟ้าเข้าปาก ถึงแม้ค็อกเทลด้านหน้าแอลกอฮอล์จะต่ำแต่ถ้าดื่มเข้าไปเยอะ ๆ ก็มีโอกาสเมาได้เช่นกันเวลาเริ่มดึกคนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายส่งผลให้บรรยากาศภายในร้านเริ่มมีนักท่องเที่ยวแน่นและเยอะกว่าทุกวันหรือนี่อาจจะเป็นวันศุกร์ของสิ้นเดือนนักท่องเที่ยวเลยเยอะมากกว่าปกติสามสาวนั่งดื่มค๊อกเทลบนโต๊ะจนเริ่ม หร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ตลอดการนั่งดื่มของสามสาวต่างมีหนุ่ม ๆ ค่อยแวะเวียนมาขอชนแก้วไม่ขาดสายยิ่งดึกเสียงเพลงยิ่งเป็นจังหวะที่สนุกสนามสองสาวอย่างนิสากับปานดาวลุกขึ้นอวดลวดลายโชว์สเต็ปการเต้นข้างโต๊ะที่หญิงสาวนั่งแบบไม่มีใครยอมใครและขาดไม่ได้เลยที่จะมีหนุ่ม ๆ ขยับมาเต้นใกล้ ๆ เพื่อนทั้งสองฉันมองแล้วกับยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็นเพื่อนทั้งสองสนุกขนาดนี้ ก่อนจะรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมาเป็นเพราะปวดฉี่ อยากจะเข้าห้องน้ำก็แหมจะไม่ปวดได้อย่างไรในเมื่อฉันดื่มค๊อกเทลด้านหน้าหมดไปแล้วไม่รู้กี่แก้วแต่ที่รู้คือค๊อกเทลที่สองสาวสั่งมาเราสามคนต่างช่วยกันดื่ม"นี่แกฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"ฉันบอกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายที่ด้านในมีโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ติดตัวไปด้วย"อืม รีบไปรีบมานะ กระเป๋าก็ว่างที่โต๊ะแหละไม่หายหรอก""ว่าจะไปโทรศัพท์หาพี่ออกัสด้วยตั้งแต่มายังไม่ได้บอกพี่ออกัสเลยว่าอยู
ด้านอันนิกา ฉันดีใจมากที่มีผลเมืองดีมาช่วยฉันไว้ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าเขาน่าไว้ใจและดูปลอดภัยกว่าผู้ชายคนนั้นดีเท่าไหร่แล้วที่เมื่อครู่ฉันรวบรวมแรงที่มีอยู่สะบัดท่อนแขนออกจากการจับกุมจากผู้ชายที่อันตรายคนนั้นได้คิดถึงช่วงเวลานั้นฉันยังกลัวไม่หาย เมื่อได้ยินคนใจดีเอ่ยชวนฉันว่าจะไปส่งฉันจึงไม่คิดที่ปฎิเสธเลย ยอมก้าวเดินตามชายรูปร่างสูงไปยังรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะเข้าไปนั่งด้านในรถฝั่งข้างคนขับรถยนต์คันหรูถูกขับออกจากผับที่มี รถสัญจรไม่หนาแน่นเท่าช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ดึกและเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนแต่เมื่อรถถูกขับไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งฉันกับมีอาการบ้างอย่างแล่นเข้ามาภายในร่างกายความรู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน จิตใจเริ่มสั่นไหว"น้องยังไม่บอกพี่เลยว่าบ้านอยู่ไหน"ฉันได้ยินเสียงทุ้มของคนที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามฉัน ขนาดที่สมองกับอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มจะทนอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"...""น้องไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ พี่ถามว่าจะให้พี่ไปส่งที่ไหน"เสียงทุ้มเอ่ยถามฉันอีกรอบ ก่อนที่พี่ชาย
ขณะคนตัวเล็กกับพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอหนาบดเบียดอกนุ่มนิ่มแนบชิดแผงอกแกร่งพร้อมกับส่งสายตาคู่สวยสบตาคมของผมอย่างหยาดเยิ้มสติสัมปชัญญะของผมแตกกระเจิง หัวใจเต้นเร้า ฝ่ามือหนายกขึ้นจับท้ายทอยพร้อมส่งจูบอันเร้าร้อนเข้าไปตักตวงหาความหอมหวานจากโพร่งปากด้านในปลายลิ้นหนากวาดต้อนหาความหอมหวานก่อนจะเกี่ยวตวัดหยอกเหย้าเรียวลิ้นบางที่เปียกชื้นอย่างเร้าร้อน ในขณะที่สาวสวยในอ้อมกอดกับตอบกับเรียวลิ้นหนาเหมืิอนคนไร้ประสบการณ์ แม้จะดูเงะงะไปบางแต่กับทำสร้างความหอมหวานปลุกกระสันความเป็นชายจนไม่อาจจะหักห้ามใจจากตอนแรกคิดจะทัดทานความสัมพันธ์อันจาบจ้วงแต่เมื่อโดนรุกเร้ามาก ๆ ผมไม่อาจจะหักห้ามใจได้เลย มาถึงขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะผมยอมรับผลกรรมมือหนาจับใบหน้าเรียวสวยออกห่างพร้อมกับแนบจมูกโด่งจรดแก้มเนียนใสก่อนจะกระซิบลงข้างใบหูของคนบนตักด้วยน้ำเสียงกระเส่า"ทนได้ไหมเดี๋ยวก็ถึงคอนโดพี่แล้ว"คนร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มขณะที่มือเรียวบางทั้งสองจับไหล่หนาผมไว้แน่น กดส่ายสะโพกบดเบียดเนินเนี้อนางถูไถลงที่ท่อนเอ็นลำใหญ่ ผมถึงกับครางด้วยความเสีย
ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลยสองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น"โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้"มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่ก
ผมออกัสพอฟังน้องสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดด้วยความที่เป็นพี่ชายผมก็ต้องโกรธใช่ไหมล่ะหรือทุกคนจะไม่เป็นแบบผม แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถ้าคืนนั้นผมรับโทรศัพท์และรีบไปหาน้องสาวเรื่องราวทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนผมค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าห้องน้องสาวได้ยินเสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาเบา ๆ หัวใจแกร่งผมก็อ่อนยวบจากเมื่อครู่ที่โกรธเคืองน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นความโกรธเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตา เหลือแต่ความสงสารน้องสาวผมอย่างจับใจเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับน้องสาวผมเลยมือหนายกขึ้นเคาะห้องน้องสาวก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย พี่ขอโทษ"ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในห้อง เสียงร้องไห้เงียบลงเหลือเพียงความเงียบงันทำให้ผมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้ภายห้องนอนของน้องสาวเกิดอะไรอยู่ขึ้นผมจึงตัดสินใจเคาะห้อง อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย ถ้าอันไม่เปิดพี่จะพังประตูจริง ๆ นะ"เสียงเคาะที่ดังขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงใยน้องสาวมากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมผมกำมือค้างไว้กำลังจะเคาะปร
3 เดือนต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียน แต่ก็แปลกพอฉันตื่นขึ้นมากับมีอาการมึนหัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ"ฮึก!!!"สองขาวาดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโก่งคอเอาอาหารที่ทานเมื่อคืนออกมาจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกจากห้องน้ำ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ตาคู่สวยปิดเปลือกตาลงเพื่อที่ต้องการจะพักอีกสักนิดก่อนไปมหาลัยแกร๊ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นขณะที่ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องฉันทันที ก่อนจะได้ยิ่งเสียงหวานอันคุ้นเคยส่งมาให้ฉัน"เป็นอะไรลูกวันนี้ไม่ไปมหาลัยเหรอ"คุณแม่กล่าวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเดินตรงมาที่ฉัน ขณะที่ฉันชันตัวนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง"ไม่รู้คะตื่นมาก็เวียนหัวเลย วันนี้ขอนอนพักนะคะ"ฉันบอกเพราะว่าตอนนี้เริ่มจะรู้สึกหมดแรงถ้าได้หยุดและนอนพักน่าจะดีขึ้น"เป็นเยอะหรือเปล่า ไปหาหมอไหมลูก"แม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่ต้องไปถึงกับไปหาหมอหรอกมั่งแค่นอนพักอีกหน่อยอาการที่เปฺ็นอยู่น่าจะดีขึ้น"ยังพอไหวคะ ขออันนอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น"ฉันบอกแม่ขณะที่แม่ยกฝ่ามืลูบหัวฉันด้วยความห่วงใย"ถ้าไม่หายรีบบอกแม่เล
ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที"หมอว่าไงบ้างลูก"ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ"แม่คะ คือ...""หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้านช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ
หลายเดือนต่อมาอีกด้านที่ประเทศไทย"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโ
รุ่งเช้าของวัน ความบันเทิงก็เกิดขึ้นเมื่อฉันกำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดคนเป็นสามี แต่แล้วเหมือนได้ยินเสียงแหวกเข้ามาในโสตประสาทของหูแต่ก็ไม่ถึงกับดังมาก ฉันค่อย ๆ ลืมตาตื่นจับโฟกัสก่อนจะเห็นว่าคุุณพ่อกับคุณแม่พี่เจแปนยืนอยู่ข้างเตียง ฉันยกมือขึ้นไหว้ก่อนปลายนิ้วจะสะกิดลงที่ท่อนแขนของคนตัวสูงเรื่องของเรื่องคือ เมื่อคุณปู่คุณย่าทราบข่าวว่าลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยทั้งสองตั้งใจออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตั้งใจจะมาหลานสาวตัวน้อย แต่เมื่อเข้ามาด้านในห้องพักฟื้นก็ทำให้คุณย่าถึงปรี๊ดแตก จากอารมณ์ดีใจที่จะได้เห็นใบหน้าหลานสาวตัวเล็กแต่กับเห็นคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงลูกสะใภ้ด้วยความว่าจะทำให้ลูกสะใภ้นอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ เสียงกร่นด่าจึงลอยออกมาจากปากคุณย่าอย่างต่อเนื่องแต่ไอ้ลูกชายกับนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง คนเป็นย่าจึงใช้ฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงต้นแขนจนเสียงดัง เปี๊ยะ!ฝ่ามือร้ายกาจทำให้คนเป็นลูกสะดุ้งตื่น พร้อมร้องออกมาจนเสียงดัง "โอ้ย" ก่อนจะยกมือลูบต้นแขนตัวเองปรอย ๆ ยังงงอยู่ว่าทำไม่แม่ตัวเองถึงส่งฝ่ามืออรหันต์ใส่ตัวเองก่อนจะบ่นออกมาไม่เต็มเสียง"เจ็บนะแม่""เจ็บสิดี มีอย่างที่ไหนแย่งเ
ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่งขณะสองสามีภรรยานอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงอยู่ ๆ ไอ้ก้อนกลม ๆ ที่อยู่ในท้องก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ส่งสัญญาณให้คนเป็นแม่ว่าตัวเองอยากจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว"พี่เจแปนอันปวดท้อง"มือบางสะกิดคนเป็นสามีที่นอนข้างกาย ขณะที่คนตัวสูงดีดลุกขึ้นนั่งก่อนจะประคองสติได้"อันจะคลอดแล้วเหรอ"ผมมองไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มดวงหน้าใสก่อนจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยบอกด้วยความเจ็บปวด มือเรียวกุมหน้าท้องนูนป่องเอาไว้"อืม..น่าจะใช่...อันปวดท้อง"ผมเริ่มตั้งสติได้ก่อนจะวาดเท้าลงจากเตียงคว้าเอกสารสำคัญ ที่น้องอันจะวางไว้ที่หัวเตียงเพื่อมีเหตุฉุกเฉิน ก่อนจะยัดลงกระเป๋าขนาดย่อมที่คนตัวเล็กจัดของใช้บ้างส่วนที่เกี่ยวกับลูกสาวไว้ด้านใน มือหนาจับหูกระเป๋าคล้องลงบนไหล่ ก่อนจะสาวเท้ามาช้อนอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยของคนเป็นภรรยาเดินออกจากห้องทั้งนั้นไม่ลืมที่จะบอกคนเป็นตากับยายถึงเหตุการณ์ฉุกละหุกที่เกิดขึ้นเสียงเข้มตะโกนเรียกพวกท่านอยู่บริเวณหน้าประตูห้องนอนของท่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนผมและคนตัวเล็กนึกถึงตอนนั้นที่พ่อตาแม่ยายสั่งให้ทั้งผมและคนตัวเล็กพาไอ้ต้าวตัวน้อยย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยท่
เวลารุ่งเช้าฉันที่ตื่นขึ้นมาก่อนจะนอนมองคนตัวสูงที่เล่นบทรักกับฉันเมื่อคืนณะตอนนี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ขณะท่อนแขนแกร่งโอบกอดเอวฉันไว้ตลอดทั้งคืน มือเรียวสวยลูบไล้ใบหนาคมไล้ลงมาที่จมูกที่โด่งคมเป็นสันและมาหยุดที่ริมฝีปากหนา พลั้นก็รู้สึกชุมชื่นหัวใจอิ่มเอมกับความสุขให้กระชุ่มกระชวยจิตใจขณะดวงตาคู่คมกระพริบถี่ ๆ ก่อนจะเปิดม่านตาออกเพื่อรับแสงสว่าง"ตื่นแล้วเหรอ..." เสียงแหบพร่าของคนที่ตื่นนอนใหม่ ๆ ถามขณะที่ฉันดึงท่อนแขนออกก่อนคนตัวกับรวบเอวคอดฉันอยู่ในอ้อมกอดเหมือนเดิม"ลุกเถอะคะเช้าแล้ว"คนตัวสูงดีดตัวขึ้นเหมือนคิดอะไรบ้างอย่างได้"จริงสิ วันนี้พี่ต้องพาอันไปหาหมอ ไม่รู้ว่าลูกเราที่อยู่ในท้องอันจะเป็นอย่างไงบ้าง"พูดจบคนตัวสูงก็ช้อนอุ้มฉันเข้าไปอาบน้ำ ขณะที่ฉันเอ่ยปฎิเสธความหวังดีของคนตัวสูงแต่เหมือนคนตัวสูงกับไม่ยอมแค่บอกว่า"อาบน้ำพร้อมกันไวกว่าไม่เสียเวลา อีกอย่างพี่กลัวเราลื่นล้มในห้องน้ำด้วยพี่เป็นห่วงเรากับลูกในท้อง"ฉันจึงยอมจำใจให้คนตัวสูงอาบน้ำให้ ถึงแม้ฝ่ามือหนาจะเน้นย้ำถูลูบไล้จุดสงวนและหน้าอกคู่สวยของฉันเป็นพิเศษก็ตามทีกว่าจะเสร็จก็ร่วมชั่วโมงกว่าเราสองคนจะออกจากห้
พิธีการที่ผมรอมาเกือบจะทั้งวันก็ต้องเป็นพิธีการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นแหละ ทันทีที่แม่ผมมาบอกว่าถึงฤกษ์แล้ว ผมไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปเรียกคนตัวเล็กที่ยืนคุยในกลุ่มเพื่อนของน้องด้วยความไว ถึงแม้จะโดนเพื่อนสนิทอย่างไอ้เหนือกับไอ้ออกัสฉุดรั้งผมไว้ก็ตาม ก่อนหน้านั้นก่อนที่ผมจะสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าสาวแสนสวยของผม"มึงจะรีบไปไหน ไอ้น้องเขย"มือหนาของออกัสฉุดรั้งท่อนแขนของผมไว้ เมื่อมันเห็นว่าผมจะแยกตัวไป ตอนนี้มันเป็นพี่เขยผมเต็มตัวแล้ว พอผมได้เป็นน้องเขยมันแม่งเบ่งชิบหาย"แม่มาบอกว่าถึงฤกษ์ส่งตัวแล้วกูจะไปตามเจ้าสาว""เลทออกไปสัก 5 นาทีไม่เป็นไรหรอกมั่ง"ไอ้เหนือมันพูดบ้างผมรู้แหละว่ามันสองตัวแกล้งผม มันรู้ดีว่าโบราณเขาถือเรื่อง ฤกษ์ยามแค่ไหนใครเขาให้เลทกัน"ไอ้เหนือ ไอ้ออกัสมึงสองตัวแต่งงานอย่าแกล้งกู จริงไหมคุณลิตา"ผมที่อยากหลุดพ้นไอ้เพื่อนสองคนนี้จึงหันไปหาตัวช่วยที่ตอนนี้คุณลิตามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ผมเพราะไอ้ออกัสผู้ไม่กลัวใครนอกจากเมียมันก็คือคุณลิตาที่ยืนอยู่ข้างมันแหละ"พี่ออกัสอย่าแกล้งคุณเจแปนสิคะ"ไม่นานคำขอผมก็เป็นผลเมื่อคุณลิตาเอ่ยปราบไอ้เพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ขยับสถานะมาเป็นพี่เขยผมเ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาพ่อแม่พี่เจแปนเดินทางมาพบพ่อแม่ฉันที่บ้าน เพื่อมาขอโทษแทนลูกชายและมาสู่ขอฉันตามประเพณี การเจรจาพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้เรียกสินสอดอะไรมากมายแต่ขอให้สมน้ำสมเนื้อในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้านและในฐานะลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ ทางคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่เจแปนก็ไม่ติดขัดอะไรพร้อมจัดสินสอดให้โดยที่ทางเราไม่เรียกร้องเห็นแต่สมควร"ผมดีใจนะครับที่ทางคุณยกโทษและให้อภัยลูกชายผม แต่ในเมื่อคุณไม่เรียกสินสอดทางเราจัดสินสอดให้เองแต่ถ้าคิดว่าน้อยไปเรียกเพิ่มเลยนะครับ"พ่อพี่เจแปนที่ทำหน้าเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอเมียให้ลูกชายขณะแม่พี่เจแปนนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน"ใช่คะทางเราคุยกันแล้วว่าจะให้ เงิน 10 ล้าน ทอง 100 บาท เครื่องเพชร 1 ชุด และแหวนเพชร 10 กะรัต ทางคุณคิดว่าน้อยไปหรือเปล่า หรือจะเรียกเพิ่มเรียกได้ตามสบายเลยนะคะ"คุณแม่พี่เจแปนเอ่ยขึ้นฉันถึงกับตาเบิกกว้างไม่คิดว่าทั้งสองจะให้สินสอดฉันเยอะขนาดนี้"เราสองคนคุยกันแล้วว่าจะไม่เรียก แล้วแต่ทางคุณจะให้"แม่ฉันเอ่ยขึ้น"แม่คะไม่เยอะไปเหรอคะ"ฉันรีบแย้งขึ้นทันทีเพราะดูเหมือนสินสอดที่พ่อแม่พี่เจแปนให้มันเยอะไปจริง ๆ ขณะพี่เจแปนที่นั่งบนโ
บ้านอันนิกาผมสั่งให้เลขาจัดหาพานดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถือมาขอขมาท่านทั้งสองที่ได้ล่วงเกินคนตัวเล็กจนพลาดท้องขึ้นมา เมื่อก้าวท้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่ของคนตัวเล็กเอ่ยทักทายเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ขุ่นเคืองหัวใจ และยังยิ้มรับการมาของผมด้วย"สวัสดีครับคุณแม่""จ๊ะสวัสดีเข้ามาก่อน"ไม่น่าเชื่อว่าท่านยิ้มตอบรับไมตรีจากผม ขณะคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาชักสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยสายตาคู่คมของคุณพ่อมองที่ผมแวบนึงก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนาย"มาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลยมาหาตาเร็ว"พ่อของคนตัวเล็กเรียกน้องซีนาย ไม่น่าเชือว่าท่านเป็นคนต่างชาติที่สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างดีเลยทีเดียว ขณะที่น้องซีนายวิ่งเข้านั่งข้างคุณตา"สวัสดีครับคุณพ่อ"ผมทักทายท่านและอีกเช่นเคยพ่อน้องอันพยักหน้าเพียงเล็กใบหน้าช่างดูเรียบตึง จนทำให้ผมรู้สึกเกร็ง ๆ ขึ้นมา ขณะสายตาท่านมองมาที่ผมชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนายต่อ คนตัวเล็กที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์ดีเอื้อมมือบางมาบีบมือผมเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจ"ได้ข่าวว่าไปเที่ยวทะเลสนุกไหมน้องซีนาย"เสียงทุ้มของคุณตาเอ่ยถามไอ้ต้าวตัวน้อยยิ้มก่อนที่เอ่ยเสียงใสเล่าเป็นฉาก ๆ ให้คุณตาฟัง"สนุกมาก
เราเดินทางกลับกรุงเทพช่วงบ่าย แต่แทนที่คนเป็นพ่อของลูกจะพากลับคอนโด แต่กับเลี้ยวรถเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ กว้างขวาง พอ ๆ กับบ้านของฉันที่ประเทศไทย"บ้านใครคะ "ฉันถามด้วยความสงสัยขณะคนตัวสูงเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว"บ้านพี่เอง พี่โทรบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะพาอันกับลูกมาหา"ฉันถึงตกใจไม่น้อยแทนที่จะบอกกันก่อนจะได้เตรียมตัว ก่อนจะก้มมองดูชุดตัวเองที่ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่กับการมาพบผู้ใหญ่"ทำไมไม่บอกกันก่อนคะ ดูสิแต่งตัวก็ไม่เรียบร้อย และยังไม่มีของติดไม้ติดมือมาฝากท่านทั้งสองอีกด้วย""พ่อแม่พี่ใจดีไม่ต้องกังวลหรอก"คนตัวสูงพูดจบก็ลงจากรถทำให้ฉันต้องก้าวลงจากรถตามคนตัวสูง ก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังรถที่ตอนนี้มีไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นนอนหลับอยู่ขณะที่ฉันกำลังโน้มตัวอุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยออกจากรถได้ยินเสียงหวานที่ดังออกมาจากทางด้านหลัง'มากันเหรอลูก"ผู้หญิงวัยน่าจะไรเรี่ยกับแม่ของฉันเอ่ยทักทายทำให้ฉันหันไปตามทิศทางของเสียงนั้น"อันนี้แม่พี่"คนตัวสูงแนะนำ"สวัสดีค่ะ"ฉันยกมือขึ้นไหว้ท่านก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้"สวัสดีจ๊ะ หนูอันต
หลังจากบทรักจบลงคนตัวเล็กถึึงกับหมดเรี่ยวแรงยืนขาสั่น จนผมต้องประคองไว้ในอ้อมกอด มือหนาบีบสบู่เหลวถูให้เกิดฟองก่อนจะลูบไล้ตามผิวกายจนทั่วทั้งตัวแม้แต่จุดซ่อนเร้นที่ผมล่วงล้ำไปเมื่อกี้ผมก็ล้างทำความสะอาดให้อย่างดี ก่อนจะใช้น้ำล้างคราบฟองสบู่ให้สะอาดหมดจดผ้าเช็ดตัวที่แขวนบนราวในห้องน้ำถูกดึงออกนำมาเช็ดซับน้ำตามผิวกายของคนตัวเล็กและของผมพร้อมหยิบเสื้อคลุ่มที่ทางรีสอทร์พับว่างเตรียมไว้สำหรับแขกที่จะเข้ามาพักมาส่วมใส่ให้ร่างบางเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่สบายก่อนจะช้อนอุ้มคนไม่มีแรงมาว่างไว้บนที่นอนนุ่มดึงผ้าห่มมาคลุมให้ความอบอุ่มแก่รางกาย ขณะผมหันหน้านอนตะแครงข้างกอดคนตัวเล็กที่ตอนนี้เหนื่อยจากบทรักในห้องน้ำจนเวลาล่วงเลยสักพักใหญ่คนตัวเล็กที่นอนอยู่กับเริ่มที่จะมีแรง มือบางดึงผ้าห่มที่ผมคลุมให้ออกจากตัวก่อนจะดึงมือของผมที่กอดเอวคนตัวเล็กออกพร้อมลุกขึ้นนั่งตั้งท่าจะลุกเดินออกจากเตียงทว่าผมรีบคว้าท่อนแขนฉุดรั้งไว้ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย "จะไปไหน""อันจะไปนอนกับลูก"คนตัวเล็กบอกพร้อมดึงมือของผมที่จับท่อนแขนไว้แกะออก"นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ พี่อยากนอนกอดหนูทั้งคืน"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ้อนวอ
และแน่นอนท่าที่ผมชอบคือท่านี้ยามเธอนั่งอยู่บนตักผมทำให้ผมคิดถึงท่วงท่าลีลาอันเร้าร้อนในวันนั้นขณะที่คนตัวเล็กเมื่อฟังผมพูดจบกับก้มหน้างุดด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกับผม ขณะที่ฝ่ามือหนาของผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนหันมาถอดเสื้อยืดสีขาวและบราเชียร์คนตัวเล็กออกด้วยความไวจนตอนนี้ด้านบนของเราทั้งสองนั้นเปลือยเปล่า ก่อนผมจะก้มใบหน้าคมส่งจมูกโด่งคมเป็นสันปัดป่ายสูดดมกลิ่นไอความหอมที่เนินเนื้อก้อนกลมทั้งสองข้าง อีกทั้งยังส่งริมปากหนาดูดดึงจุกสีหวานทั้งสองข้างสลับไปมา"อืม..."ขณะที่ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กเชิดขึ้นก่อนเสียงครางอันหวานลื่นหูขึ้นอีกทั้งที่มือเรียวทั้งสองข้างจับไหล่ผมแน่นพร้อมใช้เล็บจิกลงบ่าไหลผม ยามผมใช้ฟันคู่คมขบเม้นจุกสีหวานเบาๆ"เสียวเหรอคนดี"ผมล่ะออกจากอกก้อนกลมเสยใบหน้าคมเอ่ยถามด้วยเสียงกระเส่าก่อนจะก้มใบหน้าหล่อคมพร้อมส่งริมฝีปากหนาใช้เรียวลิ้นวนเล่นที่จุกหวานอีกครั้งทว่าคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดไม่เอ่ยตอบ ทำเพียงส่งเสียงหวานครางเป็นระยะ เป็นระยะ พร้อมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มเหมือนชวนเชิญให้ผมล่วงล้ำในขั้นตอนต่อไปมือหนาที่ตอนแรกลูบไล้อยู่แผ่นหลังขาวเนียนขยับลูบเลื่อนม