หลายเดือนต่อมา
อีกด้านที่ประเทศไทย
"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ
"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ
"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด
"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโชว์ในโชว์รูม"ผมเลือกตอบในสิ่งที่มันถามขณะที่มันยังรอคำตอบอีกคำถามว่าผมจะตอบมันว่าอะไร
"ตกลงมึงจะไปร้านนั้นอีกหรือเปล่าวะ ไม่ใช่อะไรกูเห็นมึงไปร้านนั้นทุกวันเลย"น้ำเหนือถามย่ำขณะที่ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกก่อนจะเห็นร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทอีกคนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งลงโซฟาที่ใช้สำหรับรับแขกภายในห้องทำงานเพื่อน ทำให้คนทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อนอดสงสัยไม่ได้กับท่าทีของเพื่อนที่ลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดไม่ใหญ่มากเข้ามาในห้องทำงานเพื่อน
"แล้วนี้นัดกันมาหรือเปล่ามึงสองคนถึงมาหากูวันเดียวกันได้ แล้วนี่มึงลากกระเป๋ามาด้วยจะไปเที่ยวไหนวะไอ้กัส"เสียงทุ้มของผมเริ่มตั้งคำถามกับเพื่อนสนิททันที
"เปล่า กูมานั่งรอขึ้นเครื่องต้องรีบกลับสวีเดนไปหาน้องสาวกู น้องกูเพิ่งคลอดลูก มึงดูซิหลานกูหล่อไหม"ออกัสเอ่ยบอกเพื่อนขณะล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูมาอวดให้เพื่อนทั้งสองดู มือหนาของเจแปนรับเอาไว้ดูรูปเด็กน้องผิวขาว ใบหน้าน่ารัก ผมดกดำ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้นัก ยิ่งดูยิ่งหลงรัก ถ้าเขามีลูกจะน่ารักแบบนี้ไหมหนอ เขาได้แต่เพียงคิดในใจ
"กูก็ไม่รู้ว่าหล่อหรือเปล่า แต่หลานมึงน่ารักดีนะ ว่าแต่ลูกน้องสาวมึงเหรอ ทำไมกูไม่รู้ว่ามึงมีน้องสาวด้วย"เจแปนเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้น้ำเหนือดูบ้างแล้วถามในสิ่งที่สงสัยเพราะตั้งแต่คบกันมาช่วงเรียนมหาลัยไม่เห็นมันพาน้องสาวมาให้รู้จักหรือพูดถึงน้องสาวของตัวเองเลยสักครั้ง คงไม่แปลกถ้าผมจะไม่รู้ว่ามันมีน้องสาว
"อืม ทำไมพวกกูไม่รู้วะว่ามึงมีน้องด้วย"น้ำเหนือถามย้ำเช่นกัน
"กูมีน้องสาวแท้ ๆ ที่คลานตามกันมาเลยแต่พ่อกับแม่กูเขาไปดูแลบริหารงานที่สวีเดนเลยเอาน้องสาวไปเรียนที่โน่นตั้งแต่ยังเล็กช่วงเรียนจบประถมแล้ว"ออกัสบอกเพื่อนให้หายสงสัยในทันที ก็ไม่แปลกว่าเพื่อนจะไม่รู้ว่าตัวเองมีน้องสาว เพราะตัวเองไม่เคยพามันทั้งสองคนไปเที่ยวบ้านที่สวีเดนสักที
"อ่อ ว่าแต่ หลานมึงน่ารักเนอะ แฟนน้องมึงเป็นคนเอเชียเหรอ ดูสิผมหลานมึงดกดำเชียว"น้ำเหนือดูรูปหลานของเพื่อนถามด้วยความสงสัยเพราะเพื่อนมีผมสีทองคาดว่าน้องสาวก็น่าจะเป็นสีเดียวกับพี่ชายแต่ไง ผมของหลานชายเพื่อนถึงดกดำนั้นแสดงว่า แฟนของน้องสาวเพื่อนคงจะเป็นคนแถบเอเชียแน่ ๆ แต่ทีเรื่องเอะอีกอย่างเด็กน้อยคนนี้ใบหน้าช่างละมายคล้ายกับคนที่เขาน่าจะรู้จักแต่ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกมาเหมือนใคร
"เป็นคนแถบไหนพวกมึงอย่าไปรู้เลย ว่าแต่มึงไม่ต้องทำงานเหรอไอ้เหนือ หรือว่าไอ้เจแปนชวนมึงไปร้านนั้นอีกเลยมานั่งรอไอ้เจแปนเลิกงาน"ออกัสเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของน้ำเหนือแต่กับยิงคำถามขึ้นมาแทน
"กูให้ไอ้เจแปนหารถให้โว้ย มึงเห็นกูเป็นคนยังไงจริงไหมเจแปน"น้ำเหนือตอบเพื่อนทันควันพร้อมกับยิงคำถามไปยังเจแปนให้เพื่อนยืนยันอีกแรงขณะที่เจแปนพยักหน้าเบา ๆ
"อ่อ กูก็นึกว่าพวกมึงสองคนนัดกันไปเที่ยวเสียอีก กูไปก่อนนะใกล้จะถึงเวลาเช็คอินแล้ว"เสียงทุ้มของออกัสเอ่ยบอกพรางลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเดินทางที่ลากเข้ามาในห้องทำงานเพื่อนก่อนจะบอกลาเมื่อใกล้เวลาที่จะต้องเช็คอินขึ้นเครื่องแล้ว
"อืม เดินทางปลอดภัยนะมึง/เดินทางปลอดภัยนะ"ทั้งสองเพื่อนสนิทเอ่ยบอกเพื่อนพร้อมกันขณะที่ออกัสพยักหน้าก่อนจะลากกระเป๋าออกจากห้องทำงานเพื่อน
สวีเดน
ย้อนไปกลางดึกของคืนก่อนขณะที่อันนิกากำลังนอนหลับจู่ ๆ ก็เกิดปวดท้องขึ้นมากระทันหัน ตอนแรกอันนิกาคิดว่าตัวเองปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ เลยเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนชักโครกสีขาว จู่ ๆ กับมีเลือดสีแดงไหลออกมาจากทางช่องคลอด
อันนิการีบจัดเสื้อผ้าในร่างกายให้เหมือนเดิมก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำด้วยจิตใจหวั่นวิตกกลัวว่าลูกที่อยู่ในท้องจะเป็นอันตราย
คนท้องเดินอุ้ยอ้ายออกมาจากในห้องตัวเอง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูของผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ มือบางยกขึ้นเคาะประตูจนเสียงดัง
ปัง ปัง ปัง!
"คุณพ่อ คุณแม่ เปิดประตูหน่อยคะ อันเลือดไหล ช่วยอันด้วย เลือดไหลเต็มเลย"
คนเป็นพ่อกับคนเป็นแม่เมื่อได้ยินเสียงลูกเรียกรีบเปิดประตูก่อนสายตาทั้งคู่จะมองไปที่เรียวขาที่มีเลือดไหลเป็นทางตามเรียวขาของลูกสาว
"สงสัยจะคลอดแล้ว ไม่ต้องกลัวนะเดี๋ยว พ่อกับแม่พาหนูไปโรงพยาบาลเองหนูนั่งรอแม่แป๊บหนึ่งนะเดี๋ยวขอเวลาให้พ่อกับแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน"คนเป็นแม่เอ่ยปลอบลูกสาวก่อนจะพาลูกสาวมานั่งรอในห้องของลูกสาวที่เป็นโต๊ะและเกาอี้สำหรับเขียนหนังสือ
"คะแม่"เสียงหวานเอ่ยตอบด้วยความกังวลกลัวว่าลูกน้อยจะไม่อยู่กับตัวเอง ขณะที่คนเป็นแม่รีบสาวเท้าไปหาคนเป็นพ่อก่อนจะเอ่ยบอกคนเป็นพ่อให้รีบแต่งตัวจะได้พาลูกสาวไปคลอดลูกเสียที
"ไปคุณไปแต่งตัวสงสัยลูกจะคลอดแล้ว"คนเป็นพ่อเมื่อได้ยินภรรยาบอกอย่างนั้นจึงรีบเข้าห้องไปแต่งตัวใหม่
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีคนเป็นแม่รีบเอ่ยเรียกลูกสาวให้ไปโรงพยาบาล โดยไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารการฝากครรภ์ไปด้วย
@โรงพยาบาล
ร่วม 3 ขั่วโมงกว่าเด็กน้อยถึงได้ออกมาลืมตาดูโลกได้ก่อนหน้าที่มาถึงโรงพยาบาลแรก ๆ คุณหมอวินิจฉัยว่าปากช่องคลอดยังไม่เปิดดี เลยเพียงแต่ให้อันนิกานอนรอคลอด ระหว่างที่นอนรอคลอดมีพยาบาลมาดูเป็นระยะและบอกวิธีการเบ่งคลอดไปด้วย
เมื่อถึงเวลานาทีสุดท้ายที่ตอนนี้อันนิกาปวดท้องมากพยายามเบ่งเจ้าก้อนกลมให้ออกจากท้องสุดฤทธิ์เป็นช่วงเวลาที่พยาบาลสาวเห็นไรขนดกดำที่โผล่พ้นออกมาจากทางช่องคลอดพอดี พยาบาลร่างบางจึงเรียกคุณหมอที่เป็นคุณหมอประจำมาทำคลอดให้กับอันนิกา
คุณหมอคนสวยดึงร่างน้อยออกจากช่องคลอดก่อนจะทำความสะอาดคราบสีขาวขุ่นที่ติดตามเนื้อตัวเด็กน้อย ก่อนจะนำเด็กน้อยน่ารักมาฝาดไว้ที่บ่า
"มาแล้วคะ น้องเป็นผู้ชายนะค่ะ"
ขณะที่ฉันพยักหน้าตอบ แต่สายตาฉันมองไปยังเจ้าเด็กตัวเล็กที่ร้องไห้จ๋า หลับตาปรี่ นี่แหละที่เขาบอกว่ารักตั้งแต่เจอครั้งแรกฉันก็พึ่งเข้าใจวันนี้แหละ
เวลาไม่นานฉันถูกย้ายมายังห้องฟักฟื้นที่คุณพ่อกับคุณแม่ฉันได้จองห้องพิเศษไว้ให้
"อันลูกเหนื่อยไหม"
"ไม่เหนื่อยคะ อันทนได้"
"ดีลูก เราเป็นแม่คนแล้วจะเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ"คุณแม่พูดพร้อมกับลูบลงที่หัวฉัน
"คะแม่"
"แล้วหนูตั้งชื่อให้ลูกหรือยังหรือจะให้พ่อกับแม่ช่วยตั้ง"
"ตั้งแล้วคะ หนูจะเรียกลูกหนูว่าน้องซีนายแต่ชื่อไทยยังไม่มีนะคะ ให้แม่ตั้งให้ก็ได้"
"ได้เดียวแม่โทรไปที่ประเทศไทยให้หลวงพ่อที่แม่นับถือตั้งให้แล้วกัน มะแม่ขอถ่ายรูปไปอวดเจ้าออกัสหน่อยมันจะได้รีบบินมาดูหลานเร็ว ๆ
"คุณแม่บอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าก้อนกลมน่ารักของฉันแล้วส่งให้พี่ออกัสดู
พี่ชายอย่างออกัสเมื่อทราบข่าวว่าน้องสาวของตัวเองที่คลอดลูกก็รีบตรงมายังสวีเดน เพื่อที่อยากเห็นหน้าหลานชายของตัวเองว่าจะน่ารักขนาดไหนย้อนไปช่วงเวลานั้นเขายังจำได้ดีว่าทั้งพ่อกับแม่ต่อสายตรงมาต่อว่าเขาเรื่องที่ไม่ดูแลน้องสาวจนพลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และเมื่อเขามารู้อีกว่าน้องสาวที่พลาดเสียความบริสุทธให้กับใครก็ไม่รู้ในคืนนั้นเกิดท้องขึ้นมาเขาก็ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีแต่เมื่อทั้งหมดคุยและปรับความเข้าใจกันและน้องสาวยืนยันที่จะเก็บเจ้าก้อนกลมไว้ เขาที่เป็นพี่ชายจะพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากเห็นดีเห็นงามไปด้วย"มาแล้วเหรอลูก มาดูหลานเร็วนอนหลับปุ๋ย น่ารักมากเลย"คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมาหาน้องสาวที่ห้องฟักฟื้นภายในโรงพยาบาลต่างก็ดีใจ เสียงหวานของคนเป็นแม่รีบเรียกลูกชายให้มาดูหลายชายตัวน้อยใกล้ ๆ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่เป็นน้องสาวของเขา"สวัสดีครับ พ่อแม่ พอผมรู้ก็รีบให้เลขาจองตั๋วมาสวีเดนเลย"ออกัสรีบสาวเท้าเขามายังห้องที่น้องสาวนอน ว่างกระเป๋าเดินทางลงข้างโซฟาภายในห้องพักก่อนขาเรียวยาวจะรีบสาวด้วยก้าวยาว ๆ มาที่เตียงของน้องสาวสายตาคมไล่มองไปยัง
5 ปีต่อมาหลังจากคลอดน้องซีนายได้ 1 ปีฉันก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนคว้าใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจมาฝากพ่อกับแม่ได้สำเร็จ โดยช่วงที่ฉันไปเรียนคุณแม่จะรับหน้าที่ดูแลน้องซีนายให้ ซึ่งแม่ของฉันเต็มใจที่จะดูแลให้อยู่และเพราะน้องซีนายเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องซีนายอายุเข้า 5 ขวบแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าลูกสุดที่รักของฉันจะขาดความรักเพราะน้องซีนายมีทั้งคุณตาคุณยายที่เป็นที่รัก และยังมีทั้งพี่ออกัสพี่ชายฉันที่รักไอ้ต้าวตัวน้อยประหนึ่งลูกชายตัวเอง ไม่ให้คิดแบบนั้นได้ไงเวลาที่พี่ชายฉันกลับมาสวีเดนไอ้ต้าวตัวน้อยก็จะค่อยตามติดเหมือนดังเงา และยิ่งเวลาที่ออกไปข้างนอกไอ้ต้วน้อยจะค่อยออดอ้อนเรียกพี่ชายว่าแดดดี้เวลาคนข้างนอกมองมาจึงไม่แปลกที่จะคิดว่าไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นเป็นลูกชายของพี่ชายฉันถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็ตามเถอะวันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรเพราะอะไรนั้นเหรอก็เพราะคุณแม่อยากกลับมาอยู่ประเทศไทยถาวรและยังเป็นโอกาสเหมาะที่พี่ออกัสกลับมาร่วมงานแต่งของญาติสนิทพอดีพ่อกับแม่เลยให้ฉันกลับมาประเทศไทยก่อนพร้อมกับพี่ชายเพราะคุ
ณะห้างสรรพสินค้าอันนิกาค่อย ๆ เลือกซื้อของอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียงของตัวเองและของลูกชาย อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้อย่างอื่นที่คิดว่าจำเป็นสำหรับทั้งตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อย สายตาคู่สวยสำรวจดูของบนรถเข็นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข็นรถเข็นเพื่อที่จะไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และกลับมายังคอนโดของพี่ชายเมื่อมาถึงคอนโดอันนิกาค่อย ๆ จัดข้าวของที่ซื้อมาให้เข้าที่เข้าทางถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความสะดวกสบายของลูกชาย จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่เป็นเวลาเลิกเรียนของไอ้ต้าวตัวน้อยอันนิกาจึงเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปหาลูกชายที่โรงเรียนโดยมีคุณลุงมาจอดรถรออยู่ที่โรงเรียนอยู่ก่อนแล้วเพราะว่าคืนนี้ต้องกลับไปนอนที่บ้านและต้องโทรไปคุยกับพ่อและแม่เรื่องที่จะย้ายมาอยู่ที่คอนโดของพี่ชายด้วย@โรงเรียน"แม่ครับ"เสียงใสของไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกฉันก่อนจะเห็นไอ้ต้าวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชู้แขนให้ฉันอุ้ม ฉันถึงกับย่อตัวให้ต่ำลงรับไอ้ต้าวตัวน้อยไว้อยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมลงแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง"เป็นไงลูกมาเรียนวันแรก สนุกไหม มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า"ฉันถามไ
รถยนต์คันหรูขับตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ลดล่ะ จนมาหยุดที่ประตูบ้านหลังใหญ่ที่ผมนั้นคุ้ยเคยเป็นอย่างดีขณะที่รถยนต์คันนั้นเลี้ยวเข้าไปในบ้านผมเลือกที่จะจอดอยู่ที่รั่วบ้านที่เป็นมุมอับถ้าคนข้างในมองออกมาจะไม่เห็นรถผมแต่ตรงกันข้ามผมสามารถมองเห็นคนข้างในได้อย่างชัดเจนขณะที่ในหัวของผมกับตั้งคำถามมากมาย บวกกับคำตอบที่นำเข้ามาหักล้างในสิ่งที่ผมคิดกับผู้หญิงคนที่ผมตามหาในช่วงเวลาหนึ่งถึงความเกี่ยวพันกับเพื่อนสนิทผมหรือว่าจะเป็นเมียแต่ทำไมเพื่อนผมไม่เห็นจะบอกอะไรพวกผมเลยทั้งที่เราสนิทกันมาก หรือจะเป็นญาติที่มาพักอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นน้องสาว สมองผมค่อย ๆ ประมวลผลเรื่อยๆ มาหยุดคำว่าน้องสาว ใช่มันมีน้องสาวแล้วน้องสาวมันมีลูกแล้วตอนนั้นมันขยันอัพรูปภาพของหลานชายลงกลุ่มไลน์บ่อย ๆ แต่มาช่วงหลังมันหยุดอัพไม่รู้ว่าเพราะอะไร สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องเจ้าไปทักทายมันที่ทำงานซะหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้นผมจึงหยุดความคิดนี้ไปก่อนของเฝ้าดูคนที่ผมตามหาให้หน่ำใจก่อนค่อยว่ากันขณะที่สายตาคู่คมยังคมมองเข้าไปด้านในที่ตอนนี้สาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งก้าวลงจากรถก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้านผมเลือกที่จะจ
หลังจากโดนเพื่อนสนิทอย่างออกัสชิงหนีไป ผมสาวเท้าออกมาจากบริษัทของเพื่อนด้วยอารมณ์ว้าวุ่น จะโกรธเพื่อนก็ไม่ได้เพราะเพื่อนมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนกันรถยนต์คันหรูขับมุ่งตรงเข้าไปยังโชว์รูมรถหรูเพราะมีเอกสารมากมายที่ต้องเคลียร์เหมือนกันอีกทั้งอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงงานมอเตอร์โชว์แล้ว"คุณเจแปนมาแล้วเหรอครับ"เลขาคนสนิทที่ทำงานตั้งแต่เปิดโชว์รูมใหม่ ๆ เอ่ยถามขณะเห็นร่างสูงของคนเป็นเจ้านายสาวเท้าเข้ามา เจแปนได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอยาพาราเพราะตอนนี้ในหัวของเจแปนรู้สึกปวด และมึนไปหมด น่าจะเป็นเพราะการนอนน้อยและยังมีเรื่องสาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งให้คิดอีก"มีเอกสารอะไรก็เอาเข้ามาให้ผมเซ็นเลยนะ และอีกอย่างผมของยาพาราด้วยรู้สึกปวดหัวอย่างไงไม่รู้""ครับ"เวลาไม่นานเลขาหนุ่มก็ถือเอกสารเข้ามาในห้องก่อนจะออกไปสั่งแม่บ้านให้เอาน้ำและยาที่เจ้านายสั่งเอาไว้ก่อนเข้าห้องทำงานเจแปนเปิดเอกสารเซ็นทีล่ะเล่มจนแม่บ้านยกแก้วน้ำและยามา เขาถึงว่างปากกาลงหยิบเม็ดยาสีขาวเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำอึกใหญ่ขณะเซ็นเอกสารอยู่ยาที่เริ่มทำงานทำให้อาการปวดหัวทุเลา แต่ถ้าได้พักสายตาอีกสักนิดอาการน่าจะกับมาดีเหมือนเดิม เ
เมื่อเข้ามายังห้องของคอนโด คนตัวเล็กที่อุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยไว้แนบอกขณะที่ไอ้ต้าวตัวน้อยยังอยู่ห้วงในนิทรา อันนิการีบสาวเท้าเข้าห้องนอนเพื่อว่างไอ้ต้าวตัวน้อยให้นอนบนเตียงก่อนจะพาตัวเองออกมาเมื่อออกมาถึงก็เห็นของที่ซื้อมาอยู่บนโต๊ะอาหารในโซนที่จัดเป็นครัวทำอาหารแต่กับไร้เงาของคนใจดี จนได้ยินเสียงบานประตูห้องน้ำเปิดออก สายตาคู่หวานมองไปยังห้องน้ำถึงได้รู้ว่าหลังจากคนใจดีว่างของที่ซื้อมาห้างไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คนใจดีนั้นได้เดินเข้าไปยังห้องน้ำแต่เขารู้ได้อยากไรว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนแต่ก็เลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้ถามคนใจดีออกมาคนใจดีสาวเท้าเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขกเรียบร้อยแล้วฉันถึงเลือกที่จะเดินเข้าไปยังโซนห้องครัว เก็บของสด และอาหารที่ต้องแช่เย็นไว้ในตู้เย็นก่อนที่ จะหยิบขวดน้ำรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วถือมาให้คนใจดีโดยไม่ลืมจะที่กล่าวขอบคุณ เอาจริงถ้าไม่ได้เขาฉันก็แย่เหมือนกัน"น้ำคะ""ขอบคุณครับ.คุณชื่ออันใช่ไหม ส่วนผมชื่อเจแปนนะครับ"เจแปนรับแก้วน้ำไว้ในมือก่อนจะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับถามชื่อและแนะนำตัวเองเสร็จสรรพและนี่คือการแนะนำตัวครั้งแรกของเราทั้งสองคนก็ว่าได้เจแปนได้แต่คิด"ขอบคุณคุ
จากตอนแรกที่คิดว่าจะกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเจแปนถึงหันหัวรถยนต์ไปยังบ้านของตัวเองแทนเมื่อมาถึงบ้านก็พบกับความเงียบสนิทคาดเดาว่าคนในบ้านน่าจะหลับกันหมดแล้ว ตัวเองเลยเลือกที่จะขึ้นไปนอนเช่นกันช่วงสายของวันเจแปนตื่นขึ้นมาก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกับพบว่าคนเป็นแม่ที่นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังเปิดดูอัลบั้มรูปที่แม่จะชอบเก็บไว้ในห้องนั่งเล่น"ทำอะไรอยู่ครับแล้วนั้น ดูรูปอะไรอยู่เหรอ"คนเป็นแม่หันไปตามเสียงเรียกพร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนเป็นลูกชายที่นาน ๆ ทีลูกชายจะกลับมานอนบ้านสักครั้งแต่รอบนี้มาแปลกทำไมถึงกลับมานอนบ้านได้"ทำไมถึงกลับบ้านได้ล่ะเรา มาแปลกนะถ้าแม่ไม่เรียกมาหาก็ไม่อยากที่จะกลับบ้านหรอก"คนเป็นแม่เอ่ยออกมาปนน้อยใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเข้าใจดีว่าลูกชายต้องทำงานขณะที่เจแปนที่ได้ยินแม่เอ่ยถึงกับยกยิ้มก่อนจะสาวเท้าเข้ามานั่งโซฟาตัวเดียวกับคนเป็นแม่ก่อนจะกอดเอวและซบลงหัวไหล่คนเป็นแม่อย่างออดอ้อน"คิดถึงแม่ครับเลยมานอนบ้าน แล้วนี่ดูอะไรอยู่ครับแม่"สายตาคมมองไปยังอัลบั้มรูปที่แม่เปิดค้างไว้เขายังจำได้ดีคือรูปตอนเขายังเป็นเด็กแต่ก็ยังแกล้งถามคน
อันนิกานั่งรถพี่ชายมาถึงคอนโดแห่งหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นของพี่ชายตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีรถอีกคันขับตามมาเมื่อพี่ชายอย่างออกัสขับมายังลานจอดรถของคอนโดคนร่างบางของน้องสาวก็ก้าวลงจากรถก่อนที่คนเป็นลูกอย่างไอ้ต้าวตัวน้อยจะลงรถตามคนเป็นแม่มา"อุ้มหน่อย ซีนายเหนื่อย แดดดี้อุ้มซีนายหน่อยครับ"เสียงใสเอ่ยออดอ้อนคนเป็นลุงเมื่อเห็นคนเป็นลุงลงจากรถ แล้วทำท่าจะเดินนำเข้าไปด้านในคอนโด"เรานี่จริง ๆ เลยนะโตขนาดยังจะให้อุ้ม"เสียงทุ้มของคนเป็นลุงบ่นออกมาเบา ๆ แต่ก็ยอมอุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปด้านในคอนโดขณะที่ฉันถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ กับการกระทำของไอ้ต้าวตัวน้อยก่อนจะเดินตามหลังพี่ชายไปติด ๆด้านเจแปนผมขับรถตามรถที่คนตัวเล็กนั่งมาจนถึงคอนโดหรูแห่งหนึ่ง หัวใจผมชาวาบหรือเขาคนนั้นจะเป็นสามีของคนตัวเล็กถ้าอย่างงั้นสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ว่าน้องซีนายเป็นลูกของผม ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดไปเองนะซิผมขับรถมาจอดในลานจอดรถของคอนโดที่มีความรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จึงทำให้ผมเข้าไปภายในคอนโดนั้นไม่ได้ ขนาดจะเข้ามายังพื้นที่ลานจอดรถยังต้องแลกบัตรเลย แล้วอย่าคิดว่าผมจะเข้าไปยังภายในอาคารของคอ