จากตอนแรกที่คิดว่าจะกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเจแปนถึงหันหัวรถยนต์ไปยังบ้านของตัวเองแทน
เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับความเงียบสนิทคาดเดาว่าคนในบ้านน่าจะหลับกันหมดแล้ว ตัวเองเลยเลือกที่จะขึ้นไปนอนเช่นกัน
ช่วงสายของวัน
เจแปนตื่นขึ้นมาก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกับพบว่าคนเป็นแม่ที่นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังเปิดดูอัลบั้มรูปที่แม่จะชอบเก็บไว้ในห้องนั่งเล่น
"ทำอะไรอยู่ครับแล้วนั้น ดูรูปอะไรอยู่เหรอ"คนเป็นแม่หันไปตามเสียงเรียกพร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนเป็นลูกชายที่นาน ๆ ทีลูกชายจะกลับมานอนบ้านสักครั้งแต่รอบนี้มาแปลกทำไมถึงกลับมานอนบ้านได้
"ทำไมถึงกลับบ้านได้ล่ะเรา มาแปลกนะถ้าแม่ไม่เรียกมาหาก็ไม่อยากที่จะกลับบ้านหรอก"คนเป็นแม่เอ่ยออกมาปนน้อยใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเข้าใจดีว่าลูกชายต้องทำงาน
ขณะที่เจแปนที่ได้ยินแม่เอ่ยถึงกับยกยิ้มก่อนจะสาวเท้าเข้ามานั่งโซฟาตัวเดียวกับคนเป็นแม่ก่อนจะกอดเอวและซบลงหัวไหล่คนเป็นแม่อย่างออดอ้อน
"คิดถึงแม่ครับเลยมานอนบ้าน แล้วนี่ดูอะไรอยู่ครับแม่"สายตาคมมองไปยังอัลบั้มรูปที่แม่เปิดค้างไว้เขายังจำได้ดีคือรูปตอนเขายังเป็นเด็กแต่ก็ยังแกล้งถามคนเป็นแม่
"อัลบั้มรูปตอนแกเป็นเด็กไง ดูสิ ดูกี่ทีก็น่ารักไม่คิดว่าเผลอไปแป๊บเดียวเราตัวจะโตขนาดนี้"พูดจบคนเป็นแม่ก็เปิดรูปภาพอีกหลายรูปให้ลูกชายดู ขณะที่เจแปนมองดูรูปสมัยตัวเองยังเด็ก มือหนารีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเปิดเข้าไปในไลน์กลุ่มเลื่อนหารูปที่เพื่อนสนิทส่งมาให้ดู
เจแปนใช้นิ้วเขี่ยรูปภาพที่ล่ะรู้พร้อมกับพินิจพิจารณาดูรูปภาพในอัลบั้มรูปสลับกับโทรศัพท์ของตัวเองจนคนเป็นแม่ที่มองพฤติกรรมที่แปลกประหลาดของลูกอดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
"ดูอะไรอยู่ลูก""
แม่ครับ แม่คิดว่าคล้ายกันไหมครับ"เจแปนส่งโทรศัพท์ให้คนเป็นแม่พร้อมกับรูปภาพที่มีลักษณะหน้าตรงเหมือนกันพร้อมถามความคิดเห็นของคนเป็นแม่
ขณะที่แม่รับโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปภาพก่อนจะดูสลับกับรูปสมัยตอนลูกชายยังเป็นเด็ก สายตาหวานค่อยพิจารณาตั้งแต่เส้นผม หน้าผาก ดวงตา โครงหน้าแม้กระทั่งปากยังมีลักษณะคล้ายกัน ที่ไม่เหมือนคือนัยน์ตาของเด็กในโทรศัพท์มีสีฟ้าแต่ของลูกชายนั้นมีนัยน์ตาสีน้ำตาล
"อืม เหมือนกันมาก มีแต่สีตาเท่านั้นแหละที่ไม่เหมือนกัน"คนเป็นแม่บอก
"ขอบคุณนะครับแม่"
"อย่าบอกนะว่าเราไปแอบไข่ไว้ที่ไหนมา แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรต้องป้องกันดี ๆ แล้วเนี้ยลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้พ่อแม่เขาจะมาฉีกอกแม่หรือเปล่า"เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยบ่นลูกชายยาวยืดจนคนเป็นลูกต้องเบรคก่อนกลัวว่าแม่จะพูดไม่จบง่าย ๆ
"คือผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วผมจะบอก ว่าแต่แม่เถอะถ้าผมมีลูกขึ้นมาจริง ๆ แม่จะไม่ว่าผมเหรอ"
"แม่ไม่ว่าแกหรอก มีมันก็ดีแต่เขาจะยอมรับไหมล่ะ ดูสิเด็กอายุน่าจะ 4-5 ขวบแล้ว แล้วนี่เราเพิ่งรู้เหรอว่าตัวเองไปทำเขาท้องจนมีลูกโตขนาดนี้"คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใย
"ถ้างั้นผมขอเวลาหน่อยขอผมพิสูจน์อีกนิดถ้าผมแน่ใจจะพาหลานมาให้แม่รู้จักนะครับ แล้วนี่พ่อไปไหนครับผมยังไม่เห็นพ่อเลยตั้งแต่ตื่นมา"
"บอกแม่ว่าจะออกไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแถวนี้แหละ เดี๋ยวก็คงกลับ นั้นไงพูดยังไม่ทันขาดคำพ่อเรามาพอดี"คุณเป็นแม่บอกก่อนจะเห็นสามีของตัวเองเดินเข้ามาภายในบ้านขณะที่คนเป็นพ่อมองดูลูกชายกับคนเป็นภรรยาคุยกันโดยใบหน้าลูกชายเหมือนมีเรื่องกังวลอะไรในใจจึงไม่แปลกที่คนเป็นจะเอ่ยถามถึงความห่วงใยส่งตรงมาให้ลูกชาย
"ว่าไงเรา ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอกพ่อ ออกกำลังกายเหนื่อย ๆ กินน้ำเย็น ๆ ก่อนจะได้สดชื่น"คนเปฺ็นแม่รีบเอ่ยขึ้นทันควันถามคนเป็นพ่อถ้าคนเป็นพ่อรู้เรื่องไม่รู้ว่าบ้านจะแตกหรือเปล่า
เวลาไม่นานคนรับใช้ภายในบ้านยกน้ำมาให้คนเป็นพ่อ ขณะที่เจแปนดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนเมื่อเห็นว่าเวลานี้สายมากแล้วตัวเองต้องไปเคลียร์เอกสารที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน กะว่าจะเข้าออฟฟิศก่อนแล้วถึงช่วงเย็นตอนหลังเลิกเรียนจะไปดักรอคนตัวเล็กกับเด็กน้อยที่โรงเรียนและจะถือโอกาสนี้ถามคนตัวเล็กให้รู้เรื่อง เพื่อความจริงที่เขาคิดไว้จะได้กระจ่างเสียที ส่วนโรงเรียนที่เด็กน้อยเรียนนั้นหาไม่ยากเพราะชุดนักเรียนจะเป็นเครื่องแบบประจำโรงเรียนอยู่แล้วและหน้าอกยังมีชื่อย่อของโรงเรียนติดอยู่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยลาทั้งคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แล้วมุ่งตรงไปที่ออฟฟิศทันที
ด้านอันนิกา
วันนี้เจ้าของใบหน้าสวยลูกครึ่งใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกวันตื่นเช้าทำอาหารเช้าให้ลูกก่อนที่จะปลุกไอ้ต้าวตัวน้อยให้อาบน้ำแต่งตัวทานอาหารเช้า ก่อนจะพานั่งรถแท็กซี่มายังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด
โดยอันนิกาคิดว่าอีกไม่นานถ้ามีเวลาต้องหาซื้อรถมาใช้สักคันเพราะเวลาไปรับส่งลูกจะได้สะดวกสบายมากขึ้น
เมื่อกลับมาถึงคอนโดของตัวเองอันนิกานั่งอยู่ที่โซฟาก่อนมือบางจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเลื่อนดูยี่ห้อรถต่าง ๆ ในโทรศัพท์ก่อนจะเห็นวันเวลาจัดงานมอเตอร์โชว์รถอีกไม่กี่สัปดาห์ข้าหน้าในโทรศัพท์ของตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงมีความคิดว่าถ้าไปเลือกดูรถที่งานมอเตอร์โชว์น่าจะดีกว่า เพราะสามารถเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นได้
จนถึงเวลาช่วงเย็นเป็นเวลาที่โรงเรียนไอ้ต้าวตัวน้อยเลิกเรียน คนเป็นแม่นั่งรถแท็กซี่มายังหน้าโรงเรียนลูกก่อน โดยเมื่อตอนกลางวันพี่ชายอย่างออกัสโทรมาบอกว่าจะมารับทั้งสองแม่ลูกไปหาใครบ้างคนอันนิกาจึงนัดคนเป็นพี่ไว้ให้มารับตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อยที่หน้าโรงเรียนเลย
ไอ้ต้าวตัวน้อยเมื่อเห็นแม่มารับจากที่กำลังเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นก็รีบวิ่งมาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจคนเป็นเมื่อเห็นลูกวิ่งมาก็ยื่นแขนก่อนจะอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอด สาวเท้าออกจากโรงเรียน
"เป็นไงวันนี้สนุกไหมครับ"
"สนุกครับ"
"วันนี้แดดดี้บอกว่าจะมารับนะครับดีใจไหม"
"ดีใจสิครับ ซีนายไม่ได้เจอหน้าแดดดี้นานแล้ว คิดถึงแดดดี้จังเลย"ไอ้ต้าวตัวน้อยบอกคนเป็นแม่ขณะที่คนเป็นแม่ถึงกับยิ้มคำว่าคิดถึงแดดดี้ของไอ้ต้าวตัวน้อยที่ที่จริงไอ้ต้าวตัวน้อยไม่ได้คิดถึงอะไรมากมายหรอกน่าจะคิดถึงของเล่นมากกว่า
อันนิกายืนรอพี่ชายอยู่หน้าโรงเรียนไม่ถึง 10 นาทีคนเป็นพี่ชายก็ขับรถมาจอดตรงริมฟุตบาทที่มีสองแม่ลูกนั้นยืนรออยู่
อันนิกาพาไอ้ต้าวตัวน้อยขึ้นมาบนรถก่อนที่ไอ้ตัวตัวน้อยจะกระโจนขึ้นไปหอมแก้มสากของคนเป็นลุงที่ไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกว่าแดดดี้ ก่อนรถยนต์คันหรูจะขับเคลื่อนออกไปจากหน้าโรงเรียน
ขณะที่เจแปนคิดว่าต้องคุยกับคนตัวเล็กให้รู้เรื่องเขาจึงขับรถมาจอดรอรับเด็กน้อยกับคนตัวเล็กที่โรงเรียน วินาทีที่เขาเห็นคนตัวเล็กยืนอยู่ริมฟุตบาท
เขาค่อย ๆ ขยับเคลื่อนรถเข้าไปแต่กับมีรถยนต์คันข้างหน้ามาจอดเทียบและเห็นคนตัวเล็กขึ้นรถคันนั้นไป
ใจแกร่งกระตุกวูบทันที เมื่อเห็นภาพคนในรถอย่างเด็กน้อยกระโดดกอดคอของผู้ชายคนนั้นพร้อมกับหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา มือทั้งสองกำพ่วงมาลัยแน่นไม่พอใจกับภาพข้างหน้า
เมื่อเห็นว่ารถถูกขับเคลื่อนออกไปเขาจึงทำตัวเป็นนักสืบที่ค่อย ๆ ขับรถตามรถคันนั้นไปโดยไม่ห่างกันมาก
อันนิกานั่งรถพี่ชายมาถึงคอนโดแห่งหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นของพี่ชายตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีรถอีกคันขับตามมาเมื่อพี่ชายอย่างออกัสขับมายังลานจอดรถของคอนโดคนร่างบางของน้องสาวก็ก้าวลงจากรถก่อนที่คนเป็นลูกอย่างไอ้ต้าวตัวน้อยจะลงรถตามคนเป็นแม่มา"อุ้มหน่อย ซีนายเหนื่อย แดดดี้อุ้มซีนายหน่อยครับ"เสียงใสเอ่ยออดอ้อนคนเป็นลุงเมื่อเห็นคนเป็นลุงลงจากรถ แล้วทำท่าจะเดินนำเข้าไปด้านในคอนโด"เรานี่จริง ๆ เลยนะโตขนาดยังจะให้อุ้ม"เสียงทุ้มของคนเป็นลุงบ่นออกมาเบา ๆ แต่ก็ยอมอุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปด้านในคอนโดขณะที่ฉันถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ กับการกระทำของไอ้ต้าวตัวน้อยก่อนจะเดินตามหลังพี่ชายไปติด ๆด้านเจแปนผมขับรถตามรถที่คนตัวเล็กนั่งมาจนถึงคอนโดหรูแห่งหนึ่ง หัวใจผมชาวาบหรือเขาคนนั้นจะเป็นสามีของคนตัวเล็กถ้าอย่างงั้นสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ว่าน้องซีนายเป็นลูกของผม ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดไปเองนะซิผมขับรถมาจอดในลานจอดรถของคอนโดที่มีความรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จึงทำให้ผมเข้าไปภายในคอนโดนั้นไม่ได้ ขนาดจะเข้ามายังพื้นที่ลานจอดรถยังต้องแลกบัตรเลย แล้วอย่าคิดว่าผมจะเข้าไปยังภายในอาคารของคอ
ตี 5 ของวันใหม่ฉันรีบตื่นมาแต่เช้ามืดเพื่อต้องการจะปลุกคนหน้ามึนให้ตื่นก่อนไอ้ต้าวตัวน้อยจะตื่นขึ้นมาเพื่อไปโรงเรียนสองขาวาดลงจากเตียงก่อนจะสาวเท้าด้วยความเร็วออกไปทิศทางของโซฟาที่ตอนนี้เป็นที่นอนให้กับคนที่เป็นพ่อของลูก ก่อนจะยื่นฝ่ามือบางเขย่าร่างหนาที่ตอนนี้หลับไม่รู้เรื่อง"คุณ คุณ ตื่นเถอะ กลับไปก่อนเดี๋ยวน้องซีนายตื่นมาเจอ"ขณะที่เจแปนนั้นรู้สึกตัวตั้งแต่คนตัวเล็กเปิดประตูออกมาแล้วแต่เจ้าตัวกับทำตัวเจ้าเล่ห์แกล้งหลับตาเสมือนว่าตัวเองนั้นยังนอนหลับยังไม่ตื่น"อืม..."เสียงทุ้มเปล่งออกมาทำเหมือนรำคาญแต่ในใจกับยกยิ้มก่อนที่เจแปนจะวาดท่อนแขนพร้อมกับส่งฝ่ามือหนาดึงคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด"ว๊าย..."เสียงหวานเปล่งออกด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูงอีกทั้งตอนนี้ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงเซน จนรับรู้ถึงกลิ่นไอลมหายใจของกันและกัน สายตาคู่สวยกวาดมองไปที่ใบหน้าหล่อที่ตอนนี้ปิดเปลือกตาสนิท ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าหลับจริงหรือไม่"หลับจริงหรือเปล่านี่ คุณตื่นเถอะเดี๋ยวน้องซีนายตื่นมาเห็น""....." คนที่แกล้งกับแสดงออกมาอย่าเ
คำโปรยการกลับมาเที่ยวบ้านเกิดของ.... ในครั้งนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจากนักท่องเที่ยวกลายเป็นผู้ประสบภัย...ในคำคืนก่อนบินกลับไปเรียน เพื่อนสาวคนสนิท...อยากเลี้ยงอำลา เธอผู้ไม่ชอบแสงสีและเสียงที่ดังอย่างการเข้าผับบาร์แต่เพียงเพราะเพื่อนคนสนิทร้องขอเธอจะปฎิเสธก็กะไรอยู่ในที่อโคจร....ความประมาทเกิดขึ้นได้เสมอใช่มันเกิดขึ้นกับเธอเร็วมากร่างกายโดนสิ่งแปลกปลอมวิ่งเข้าสู่ร่างกายทำเธอร้อนรุ่มหาที่เปรียบไม่ได้นาทีนี้เธอจะตายไหมนะ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิตในคำคืนนี้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้กับใครคนหนึ่ง...เขาคือใคร...?อันนิกาตื่นขึ้นมาตอนเช้าร่างกายที่ โดนคนบนเตียงปูยี้ปูยำ..ตัวเธอยืน มองชายหนุ่มร่างกำยำผู้พรากความ สาวไปจากเธอ...แต่วินาทีนั้นเธอต้องบินแล้ว"เธอจากมาโดนไม่ลา3เดือนต่อมาในต่างประเทศ ร่างกายของเธอมีการต่อต้านอาหารที่โปรดปรานเอามาก"อันท้องหรือ..."บ้า..... แต่ในใจเธอมันมีมากกว่าหมื่นแสนล้านคำ..เธอท้องหริอชิบหายคืนนั้นฉันลืมเลยแนะนำตัวละครเจแปน หนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เจ้าของโชว์รูมรถชื่อดังที่นำเข้าและขายรถหรู หล่อ รวย เจ้าชู้นิด ๆ ตามแบบฉบับคนโสดอันนิกา แอนดิสัน ล
เวลาเริ่มดึกคนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายส่งผลให้บรรยากาศภายในร้านเริ่มมีนักท่องเที่ยวแน่นและเยอะกว่าทุกวันหรือนี่อาจจะเป็นวันศุกร์ของสิ้นเดือนนักท่องเที่ยวเลยเยอะมากกว่าปกติสามสาวนั่งดื่มค๊อกเทลบนโต๊ะจนเริ่ม หร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ตลอดการนั่งดื่มของสามสาวต่างมีหนุ่ม ๆ ค่อยแวะเวียนมาขอชนแก้วไม่ขาดสายยิ่งดึกเสียงเพลงยิ่งเป็นจังหวะที่สนุกสนามสองสาวอย่างนิสากับปานดาวลุกขึ้นอวดลวดลายโชว์สเต็ปการเต้นข้างโต๊ะที่หญิงสาวนั่งแบบไม่มีใครยอมใครและขาดไม่ได้เลยที่จะมีหนุ่ม ๆ ขยับมาเต้นใกล้ ๆ เพื่อนทั้งสองฉันมองแล้วกับยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็นเพื่อนทั้งสองสนุกขนาดนี้ ก่อนจะรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมาเป็นเพราะปวดฉี่ อยากจะเข้าห้องน้ำก็แหมจะไม่ปวดได้อย่างไรในเมื่อฉันดื่มค๊อกเทลด้านหน้าหมดไปแล้วไม่รู้กี่แก้วแต่ที่รู้คือค๊อกเทลที่สองสาวสั่งมาเราสามคนต่างช่วยกันดื่ม"นี่แกฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"ฉันบอกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายที่ด้านในมีโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ติดตัวไปด้วย"อืม รีบไปรีบมานะ กระเป๋าก็ว่างที่โต๊ะแหละไม่หายหรอก""ว่าจะไปโทรศัพท์หาพี่ออกัสด้วยตั้งแต่มายังไม่ได้บอกพี่ออกัสเลยว่าอยู
ด้านอันนิกา ฉันดีใจมากที่มีผลเมืองดีมาช่วยฉันไว้ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าเขาน่าไว้ใจและดูปลอดภัยกว่าผู้ชายคนนั้นดีเท่าไหร่แล้วที่เมื่อครู่ฉันรวบรวมแรงที่มีอยู่สะบัดท่อนแขนออกจากการจับกุมจากผู้ชายที่อันตรายคนนั้นได้คิดถึงช่วงเวลานั้นฉันยังกลัวไม่หาย เมื่อได้ยินคนใจดีเอ่ยชวนฉันว่าจะไปส่งฉันจึงไม่คิดที่ปฎิเสธเลย ยอมก้าวเดินตามชายรูปร่างสูงไปยังรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะเข้าไปนั่งด้านในรถฝั่งข้างคนขับรถยนต์คันหรูถูกขับออกจากผับที่มี รถสัญจรไม่หนาแน่นเท่าช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ดึกและเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนแต่เมื่อรถถูกขับไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งฉันกับมีอาการบ้างอย่างแล่นเข้ามาภายในร่างกายความรู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน จิตใจเริ่มสั่นไหว"น้องยังไม่บอกพี่เลยว่าบ้านอยู่ไหน"ฉันได้ยินเสียงทุ้มของคนที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามฉัน ขนาดที่สมองกับอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มจะทนอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"...""น้องไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ พี่ถามว่าจะให้พี่ไปส่งที่ไหน"เสียงทุ้มเอ่ยถามฉันอีกรอบ ก่อนที่พี่ชาย
ขณะคนตัวเล็กกับพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอหนาบดเบียดอกนุ่มนิ่มแนบชิดแผงอกแกร่งพร้อมกับส่งสายตาคู่สวยสบตาคมของผมอย่างหยาดเยิ้มสติสัมปชัญญะของผมแตกกระเจิง หัวใจเต้นเร้า ฝ่ามือหนายกขึ้นจับท้ายทอยพร้อมส่งจูบอันเร้าร้อนเข้าไปตักตวงหาความหอมหวานจากโพร่งปากด้านในปลายลิ้นหนากวาดต้อนหาความหอมหวานก่อนจะเกี่ยวตวัดหยอกเหย้าเรียวลิ้นบางที่เปียกชื้นอย่างเร้าร้อน ในขณะที่สาวสวยในอ้อมกอดกับตอบกับเรียวลิ้นหนาเหมืิอนคนไร้ประสบการณ์ แม้จะดูเงะงะไปบางแต่กับทำสร้างความหอมหวานปลุกกระสันความเป็นชายจนไม่อาจจะหักห้ามใจจากตอนแรกคิดจะทัดทานความสัมพันธ์อันจาบจ้วงแต่เมื่อโดนรุกเร้ามาก ๆ ผมไม่อาจจะหักห้ามใจได้เลย มาถึงขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะผมยอมรับผลกรรมมือหนาจับใบหน้าเรียวสวยออกห่างพร้อมกับแนบจมูกโด่งจรดแก้มเนียนใสก่อนจะกระซิบลงข้างใบหูของคนบนตักด้วยน้ำเสียงกระเส่า"ทนได้ไหมเดี๋ยวก็ถึงคอนโดพี่แล้ว"คนร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มขณะที่มือเรียวบางทั้งสองจับไหล่หนาผมไว้แน่น กดส่ายสะโพกบดเบียดเนินเนี้อนางถูไถลงที่ท่อนเอ็นลำใหญ่ ผมถึงกับครางด้วยความเสีย
ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลยสองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น"โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้"มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่ก
ผมออกัสพอฟังน้องสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดด้วยความที่เป็นพี่ชายผมก็ต้องโกรธใช่ไหมล่ะหรือทุกคนจะไม่เป็นแบบผม แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถ้าคืนนั้นผมรับโทรศัพท์และรีบไปหาน้องสาวเรื่องราวทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนผมค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าห้องน้องสาวได้ยินเสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาเบา ๆ หัวใจแกร่งผมก็อ่อนยวบจากเมื่อครู่ที่โกรธเคืองน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นความโกรธเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตา เหลือแต่ความสงสารน้องสาวผมอย่างจับใจเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับน้องสาวผมเลยมือหนายกขึ้นเคาะห้องน้องสาวก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย พี่ขอโทษ"ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในห้อง เสียงร้องไห้เงียบลงเหลือเพียงความเงียบงันทำให้ผมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้ภายห้องนอนของน้องสาวเกิดอะไรอยู่ขึ้นผมจึงตัดสินใจเคาะห้อง อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย ถ้าอันไม่เปิดพี่จะพังประตูจริง ๆ นะ"เสียงเคาะที่ดังขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงใยน้องสาวมากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมผมกำมือค้างไว้กำลังจะเคาะปร