แชร์

สะกดรอย

จากตอนแรกที่คิดว่าจะกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเจแปนถึงหันหัวรถยนต์ไปยังบ้านของตัวเองแทน

เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับความเงียบสนิทคาดเดาว่าคนในบ้านน่าจะหลับกันหมดแล้ว ตัวเองเลยเลือกที่จะขึ้นไปนอนเช่นกัน

ช่วงสายของวัน

เจแปนตื่นขึ้นมาก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกับพบว่าคนเป็นแม่ที่นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังเปิดดูอัลบั้มรูปที่แม่จะชอบเก็บไว้ในห้องนั่งเล่น

"ทำอะไรอยู่ครับแล้วนั้น ดูรูปอะไรอยู่เหรอ"คนเป็นแม่หันไปตามเสียงเรียกพร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนเป็นลูกชายที่นาน ๆ ทีลูกชายจะกลับมานอนบ้านสักครั้งแต่รอบนี้มาแปลกทำไมถึงกลับมานอนบ้านได้

"ทำไมถึงกลับบ้านได้ล่ะเรา มาแปลกนะถ้าแม่ไม่เรียกมาหาก็ไม่อยากที่จะกลับบ้านหรอก"คนเป็นแม่เอ่ยออกมาปนน้อยใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเข้าใจดีว่าลูกชายต้องทำงาน

ขณะที่เจแปนที่ได้ยินแม่เอ่ยถึงกับยกยิ้มก่อนจะสาวเท้าเข้ามานั่งโซฟาตัวเดียวกับคนเป็นแม่ก่อนจะกอดเอวและซบลงหัวไหล่คนเป็นแม่อย่างออดอ้อน

"คิดถึงแม่ครับเลยมานอนบ้าน แล้วนี่ดูอะไรอยู่ครับแม่"สายตาคมมองไปยังอัลบั้มรูปที่แม่เปิดค้างไว้เขายังจำได้ดีคือรูปตอนเขายังเป็นเด็กแต่ก็ยังแกล้งถามคนเป็นแม่

"อัลบั้มรูปตอนแกเป็นเด็กไง ดูสิ ดูกี่ทีก็น่ารักไม่คิดว่าเผลอไปแป๊บเดียวเราตัวจะโตขนาดนี้"พูดจบคนเป็นแม่ก็เปิดรูปภาพอีกหลายรูปให้ลูกชายดู ขณะที่เจแปนมองดูรูปสมัยตัวเองยังเด็ก มือหนารีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเปิดเข้าไปในไลน์กลุ่มเลื่อนหารูปที่เพื่อนสนิทส่งมาให้ดู

เจแปนใช้นิ้วเขี่ยรูปภาพที่ล่ะรู้พร้อมกับพินิจพิจารณาดูรูปภาพในอัลบั้มรูปสลับกับโทรศัพท์ของตัวเองจนคนเป็นแม่ที่มองพฤติกรรมที่แปลกประหลาดของลูกอดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้

"ดูอะไรอยู่ลูก""

แม่ครับ แม่คิดว่าคล้ายกันไหมครับ"เจแปนส่งโทรศัพท์ให้คนเป็นแม่พร้อมกับรูปภาพที่มีลักษณะหน้าตรงเหมือนกันพร้อมถามความคิดเห็นของคนเป็นแม่

ขณะที่แม่รับโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปภาพก่อนจะดูสลับกับรูปสมัยตอนลูกชายยังเป็นเด็ก สายตาหวานค่อยพิจารณาตั้งแต่เส้นผม หน้าผาก ดวงตา โครงหน้าแม้กระทั่งปากยังมีลักษณะคล้ายกัน ที่ไม่เหมือนคือนัยน์ตาของเด็กในโทรศัพท์มีสีฟ้าแต่ของลูกชายนั้นมีนัยน์ตาสีน้ำตาล

"อืม เหมือนกันมาก มีแต่สีตาเท่านั้นแหละที่ไม่เหมือนกัน"คนเป็นแม่บอก

"ขอบคุณนะครับแม่"

"อย่าบอกนะว่าเราไปแอบไข่ไว้ที่ไหนมา แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรต้องป้องกันดี ๆ แล้วเนี้ยลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้พ่อแม่เขาจะมาฉีกอกแม่หรือเปล่า"เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยบ่นลูกชายยาวยืดจนคนเป็นลูกต้องเบรคก่อนกลัวว่าแม่จะพูดไม่จบง่าย ๆ

"คือผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วผมจะบอก ว่าแต่แม่เถอะถ้าผมมีลูกขึ้นมาจริง ๆ แม่จะไม่ว่าผมเหรอ"

"แม่ไม่ว่าแกหรอก มีมันก็ดีแต่เขาจะยอมรับไหมล่ะ ดูสิเด็กอายุน่าจะ 4-5 ขวบแล้ว แล้วนี่เราเพิ่งรู้เหรอว่าตัวเองไปทำเขาท้องจนมีลูกโตขนาดนี้"คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใย

"ถ้างั้นผมขอเวลาหน่อยขอผมพิสูจน์อีกนิดถ้าผมแน่ใจจะพาหลานมาให้แม่รู้จักนะครับ แล้วนี่พ่อไปไหนครับผมยังไม่เห็นพ่อเลยตั้งแต่ตื่นมา"

"บอกแม่ว่าจะออกไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแถวนี้แหละ เดี๋ยวก็คงกลับ นั้นไงพูดยังไม่ทันขาดคำพ่อเรามาพอดี"คุณเป็นแม่บอกก่อนจะเห็นสามีของตัวเองเดินเข้ามาภายในบ้านขณะที่คนเป็นพ่อมองดูลูกชายกับคนเป็นภรรยาคุยกันโดยใบหน้าลูกชายเหมือนมีเรื่องกังวลอะไรในใจจึงไม่แปลกที่คนเป็นจะเอ่ยถามถึงความห่วงใยส่งตรงมาให้ลูกชาย

"ว่าไงเรา ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ"

"ไม่มีอะไรหรอกพ่อ ออกกำลังกายเหนื่อย ๆ กินน้ำเย็น ๆ ก่อนจะได้สดชื่น"คนเปฺ็นแม่รีบเอ่ยขึ้นทันควันถามคนเป็นพ่อถ้าคนเป็นพ่อรู้เรื่องไม่รู้ว่าบ้านจะแตกหรือเปล่า

เวลาไม่นานคนรับใช้ภายในบ้านยกน้ำมาให้คนเป็นพ่อ ขณะที่เจแปนดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนเมื่อเห็นว่าเวลานี้สายมากแล้วตัวเองต้องไปเคลียร์เอกสารที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน กะว่าจะเข้าออฟฟิศก่อนแล้วถึงช่วงเย็นตอนหลังเลิกเรียนจะไปดักรอคนตัวเล็กกับเด็กน้อยที่โรงเรียนและจะถือโอกาสนี้ถามคนตัวเล็กให้รู้เรื่อง เพื่อความจริงที่เขาคิดไว้จะได้กระจ่างเสียที ส่วนโรงเรียนที่เด็กน้อยเรียนนั้นหาไม่ยากเพราะชุดนักเรียนจะเป็นเครื่องแบบประจำโรงเรียนอยู่แล้วและหน้าอกยังมีชื่อย่อของโรงเรียนติดอยู่

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยลาทั้งคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แล้วมุ่งตรงไปที่ออฟฟิศทันที

ด้านอันนิกา

วันนี้เจ้าของใบหน้าสวยลูกครึ่งใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกวันตื่นเช้าทำอาหารเช้าให้ลูกก่อนที่จะปลุกไอ้ต้าวตัวน้อยให้อาบน้ำแต่งตัวทานอาหารเช้า ก่อนจะพานั่งรถแท็กซี่มายังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด

โดยอันนิกาคิดว่าอีกไม่นานถ้ามีเวลาต้องหาซื้อรถมาใช้สักคันเพราะเวลาไปรับส่งลูกจะได้สะดวกสบายมากขึ้น

เมื่อกลับมาถึงคอนโดของตัวเองอันนิกานั่งอยู่ที่โซฟาก่อนมือบางจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเลื่อนดูยี่ห้อรถต่าง ๆ ในโทรศัพท์ก่อนจะเห็นวันเวลาจัดงานมอเตอร์โชว์รถอีกไม่กี่สัปดาห์ข้าหน้าในโทรศัพท์ของตัวเอง

เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงมีความคิดว่าถ้าไปเลือกดูรถที่งานมอเตอร์โชว์น่าจะดีกว่า เพราะสามารถเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นได้

จนถึงเวลาช่วงเย็นเป็นเวลาที่โรงเรียนไอ้ต้าวตัวน้อยเลิกเรียน คนเป็นแม่นั่งรถแท็กซี่มายังหน้าโรงเรียนลูกก่อน โดยเมื่อตอนกลางวันพี่ชายอย่างออกัสโทรมาบอกว่าจะมารับทั้งสองแม่ลูกไปหาใครบ้างคนอันนิกาจึงนัดคนเป็นพี่ไว้ให้มารับตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อยที่หน้าโรงเรียนเลย

ไอ้ต้าวตัวน้อยเมื่อเห็นแม่มารับจากที่กำลังเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นก็รีบวิ่งมาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจคนเป็นเมื่อเห็นลูกวิ่งมาก็ยื่นแขนก่อนจะอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอด สาวเท้าออกจากโรงเรียน

"เป็นไงวันนี้สนุกไหมครับ"

"สนุกครับ"

"วันนี้แดดดี้บอกว่าจะมารับนะครับดีใจไหม"

"ดีใจสิครับ ซีนายไม่ได้เจอหน้าแดดดี้นานแล้ว คิดถึงแดดดี้จังเลย"ไอ้ต้าวตัวน้อยบอกคนเป็นแม่ขณะที่คนเป็นแม่ถึงกับยิ้มคำว่าคิดถึงแดดดี้ของไอ้ต้าวตัวน้อยที่ที่จริงไอ้ต้าวตัวน้อยไม่ได้คิดถึงอะไรมากมายหรอกน่าจะคิดถึงของเล่นมากกว่า

อันนิกายืนรอพี่ชายอยู่หน้าโรงเรียนไม่ถึง 10 นาทีคนเป็นพี่ชายก็ขับรถมาจอดตรงริมฟุตบาทที่มีสองแม่ลูกนั้นยืนรออยู่

อันนิกาพาไอ้ต้าวตัวน้อยขึ้นมาบนรถก่อนที่ไอ้ตัวตัวน้อยจะกระโจนขึ้นไปหอมแก้มสากของคนเป็นลุงที่ไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกว่าแดดดี้ ก่อนรถยนต์คันหรูจะขับเคลื่อนออกไปจากหน้าโรงเรียน

ขณะที่เจแปนคิดว่าต้องคุยกับคนตัวเล็กให้รู้เรื่องเขาจึงขับรถมาจอดรอรับเด็กน้อยกับคนตัวเล็กที่โรงเรียน วินาทีที่เขาเห็นคนตัวเล็กยืนอยู่ริมฟุตบาท

เขาค่อย ๆ ขยับเคลื่อนรถเข้าไปแต่กับมีรถยนต์คันข้างหน้ามาจอดเทียบและเห็นคนตัวเล็กขึ้นรถคันนั้นไป

ใจแกร่งกระตุกวูบทันที เมื่อเห็นภาพคนในรถอย่างเด็กน้อยกระโดดกอดคอของผู้ชายคนนั้นพร้อมกับหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา มือทั้งสองกำพ่วงมาลัยแน่นไม่พอใจกับภาพข้างหน้า

เมื่อเห็นว่ารถถูกขับเคลื่อนออกไปเขาจึงทำตัวเป็นนักสืบที่ค่อย ๆ ขับรถตามรถคันนั้นไปโดยไม่ห่างกันมาก

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status