ตี 5 ของวันใหม่
ฉันรีบตื่นมาแต่เช้ามืดเพื่อต้องการจะปลุกคนหน้ามึนให้ตื่นก่อนไอ้ต้าวตัวน้อยจะตื่นขึ้นมาเพื่อไปโรงเรียน
สองขาวาดลงจากเตียงก่อนจะสาวเท้าด้วยความเร็วออกไปทิศทางของโซฟาที่ตอนนี้เป็นที่นอนให้กับคนที่เป็นพ่อของลูก ก่อนจะยื่นฝ่ามือบางเขย่าร่างหนาที่ตอนนี้หลับไม่รู้เรื่อง
"คุณ คุณ ตื่นเถอะ กลับไปก่อนเดี๋ยวน้องซีนายตื่นมาเจอ"
ขณะที่เจแปนนั้นรู้สึกตัวตั้งแต่คนตัวเล็กเปิดประตูออกมาแล้วแต่เจ้าตัวกับทำตัวเจ้าเล่ห์แกล้งหลับตาเสมือนว่าตัวเองนั้นยังนอนหลับยังไม่ตื่น
"อืม..."เสียงทุ้มเปล่งออกมาทำเหมือนรำคาญแต่ในใจกับยกยิ้มก่อนที่เจแปนจะวาดท่อนแขนพร้อมกับส่งฝ่ามือหนาดึงคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
"ว๊าย..."เสียงหวานเปล่งออกด้วยความตกใจ ก่อนจะตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูงอีกทั้งตอนนี้ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงเซน จนรับรู้ถึงกลิ่นไอลมหายใจของกันและกัน สายตาคู่สวยกวาดมองไปที่ใบหน้าหล่อที่ตอนนี้ปิดเปลือกตาสนิท ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าหลับจริงหรือไม่
"หลับจริงหรือเปล่านี่ คุณตื่นเถอะเดี๋ยวน้องซีนายตื่นมาเห็น"
"....." คนที่แกล้งกับแสดงออกมาอย่าเนียบเนียนจากที่คิดว่าเขาแกล้งหลับหรือว่าเขาละเมอดึงตัวเธอเข้ามามากอดต้องหยุดความคิดนี้ออกจากในหัว เพราะตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองที่อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้กับทำให้หัวใจดวงน้อยนั้นหวั่นไหว เมื่อเห็นความหล่อคมไม่ว่าจะผ่านไปถึง 6 ปีความหล่อขอเขาไม่จางหายไปเลย มีแต่ดูดีขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สายคู่หวานเริ่มสำรวจใบหน้าที่หล่อฉันอดไม่ได้ที่ยกฝ่ามือลูบไล่ที่ปรอยผมทีี่ปกปิดหน้าผาก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบลงจมูกที่โด่งคมเลื่อนต่ำมาที่ปากหนาสีน้ำตาลและมาหยุดที่ปลายคางสากที่ตอนนี้มีต่อหนวดขึ้นออกมาเพียงเล็กน้อยจนเห็นเป็นตอดำ
"อืม...เหมือนมาก เหมือนน้องซีนายมาก"เสียงหวานพึมพ่ำออกมาเบา ๆ ในใจอดน้อยใจลูกตัวเองไม่ได้อุ้มท้องลูกมาตั้ง 9 เดือนกับไม่ส่วนคล้ายแม่เลยมีแต่สีดวงตาเท่านั้นที่เหมือนคนเป็นแม่มากที่สุด
ขณะที่เจแปนนั้นใจเต้นแรงรัวและเร็วเมื่อได้กลิ่นตัวไอความหอมของคนตัวเล็กลอยขึ้นมาปะทะจมูกอีกทั้งตอนนี้หน้าอกที่นุ่มนิ่มบดเบียดแนบชิดยังหน้าอกของตัวเอง ส่งผลให้ไอ้ลูกชายที่นอนหลับไหลอยู่ใต้กางเกงแข็งขืนจนตุงขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นพยายามสงบจิตสงบใจเอาไว้เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะจับได้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นตื่นนอนแล้วและยังแกล้งหลับทำเป็นละเมอดึงคนตัวเล็กมากอด
ทางด้านอันนิกากับฉุดคิดได้ว่าท่าทางของตัวเองนั้นดูหมิ่นเหม่ช่างอันตรายกับร่างกายและจิตใจเหลือเกินอีกทั้งกลัวว่าคนตัวสูงนั้นจะได้ยินจังหวะของหัวใจที่ดังออกมาผิดปกติ ตึก ตึก ตึก!
มือบางแกะมือหนาออกก่อนที่อันนิกาจะพาตัวเองขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างตัวของเจแปนก่อนจะเอ่ยเรียกอีกรอบให้คนตัวสูงรู้สึกตัว
"คุณเจแปนตื่นเถอะ เช้าแล้ว"เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนที่คนตัวสูงจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ ทำเสมือนว่าตัวเองนั้นเพิ่งตื่นนอน
"เช้าแล้วเหรอ ผมขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม"
"ไม่ได้ คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวลูกจะตกใจว่าคุณมานอนที่นี่ได้ไง"
"แต่ผมอยากจะไปส่งลูกผมที่โรงเรียนให้ผมอยู่ต่อเถอะ ผมขอร้อง"
"คุณเจแปนคุณโตแล้วนะ อย่าเอานิสัยเด็ก ๆ มาใช้ได้ไหมพูดให้รู้เรื่องหน่อย ฉันบอกให้กลับก็กลับไปก่อนถ้าลูกไปโรงเรียนแล้วค่อยนัดคุยกันช่วงกลางวันก็ได้"
ขณะที่เจแปนมองคนตัวเล็กที่ขู่ตัวเองอยู่ตอนนี้กับเริ่มใจฟ่อกลัวว่าแม่ของลูกจะไม่ยอมคุยด้วยอีกจึงยอมทำตามใจแม่ของลูกด้วยอาการขัดใจ
"ก็ได้ผมยอมกลับก็ได้ คุณเอาเบอร์คุณมาเดี๋ยวสาย ๆ ผมโทรหา"
เมื่ออันนิกาได้ยินแบบนั้นจึงยอมบอกเบอร์โทรศัพท์ให้พ่อของลูกพร้อมกับคิดว่าดีเหมือนกันส่งลูกเสร็จจะได้คุยกันให้รู้เรื่องว่าจะเอาอย่างไงต่อ ถึงเขาจะไม่ส่งเสียเลี้ยงดูก็ไม่เป็นไรลูกคนเดียวตัวเองเลี้ยงได้อยู่แล้ว หรือถ้าเขาอยากจะทำหน้าที่พ่อตัวเองก็ยินดีเพราะไม่อยากกีดกันให้พ่อเจอลูกอยู่แล้วแต่ก็แล้วแต่คนเป็นพ่อจะทำว่าไงเพราะตัวเองคิดว่าได้หมดถ้าเป็นความสุขของลูก
"08123XXXX สาย ๆ ค่อยโทรมาก็ได้หลังจากฉันไปส่งลูกแล้ว ตอนนั้นว่างทั้งวันจนกว่าจะไปรับลูกตอนเย็น"
ขณะที่เจแปนบันทึกเบอร์ของคนตัวเล็กลงในโทรศัพท์ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสุูง
"ถ้างั้นตอนสาย ๆ ผมโทรนัดคุณอีกทีนะ หรือจะให้ผมมาหาที่คอนโดดี"อันนิการับปฎิเสธทันควันแค่เมื่อกี้ใจดวงน้อยก็ไม่รักดีเต้นแรงจนคิดว่าเป็นโรคหัวใจ กลัวใจตัวเองเหลือถ้าอยู่ใกล้ชิดกับเขามาก ๆ หัวใจดวงน้อยจะเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจให้
"โทรมาอ่ะดีแล้ว จะมาหาทำไมที่คอนโด"
"โอเคโทรก็โทร"เจแปนบอกก่อนจะยอมเดินออกไปดี ๆ
เมื่อเจแปนออกไปแล้วกิจวัตรประจำวันของคนเป็นแม่ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ทำอาหาร ปลุกลูกชายให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่ตัว และสุดท้ายคือไปส่งไอ้ต้าวตัวน้อยที่โรงเรียนกว่าจะเสร็จภารกิจก็กินเวลาช่วงสายของวัน
ช่วงสายหลังจากที่เจแปนโทรนัดอันนิกาที่ร้านอาหารไทยแถวใกล้ ๆ คอนโดของอันนิกา เพราะเจแปนคิดว่านัดกันใกล้ ๆ คอนโดแม่ของลูกจะได้เดินทางสะดวก
"เรื่องซีนายคุณคิดอย่างไง"ทันทีที่เจอกันบนโต๊ะอาหารอันนิกาไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปไกล จึงถามเจาะตรงประเด็นในทันที
"ทานข้าวก่อน ค่อยคุยผมหิวแล้ว"เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพราะตอนนี้อาหารที่สั่งมาเริ่มทะยอยมาเสริฟทีล่ะอย่างขณะที่อันนิกามองดูอาหารตรงหน้าที่ทะยอยมาเสริฟอย่างไม่ขาด จนตอนนี้อาหารถูกจนเสริฟเต็มโต๊ะ
"ทำไมคุณสั่งเยอะจังจะกินหมดไหมเนี่ย"จะไม่ขัดก็ไม่ได้ก็ดูสิกินกันแค่สองคนกับเล่นใหญ่ไฟกระพริบสั่งอาหารมาซะเต็มโต๊ะเหมือนกับกินกันเป็นสิบคน
"คุณดูผอมกว่าตอนนั้นนะ กินเถอะถ้ากินไม่หมดห่อกลับบ้านก็ได้"เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะที่คนตัวเล็กยอมทานอาหารเพราะคิดว่ารีบทานรีบคุยรีบจบจะได้แยกย้ายกันซะที ตัวเองยากจะกลับไปนอนพักผ่อนที่คอนโดแล้วเพราะเมื่อเช้าตื่นแต่เช้ามืดนั้นเอง
"ฉันอิ่มแล้วตกลงคุยกันได้หรือยัง"
"เอาสิคุณว่าไปเลย"สายตาคมมองใบหน้าหวานพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะเอ่ยบอกคนตัวเล็ก
"ฉันแล้วแต่คุณถ้าอยากมาเจอลูกก็มาฉันไม่ได้กีดกัน หรือว่าคุณจะไม่รับแกเป็นลูกก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้ฉันกับครอบครัวให้ความอบอุ่นจนคิดว่าน้องซีนายน่าจะไม่ขาดความรักอยู่แล้ว"เสียงหวานเอ่ยบอกพร้อมกับมองหน้าคนเป็นพ่อ ขณะที่คนเป็นพ่อมองใบหวานของคนตรงหน้าก่อนจะคิดในใจว่าไม่ขาดอะไรได้ไง ตอนนี้ลูกขาดพ่อไงอยากจะบอกคนตัวเล็กที่พูดฉอด ๆ อยู่ด้านหน้า
"ลูกผม ผมต้องรับผิดชอบสิ ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะทำหน้าที่พ่อทุกอย่าง (ว่าทุกอย่าง) "ทุกอย่างของเจแปนคือทุกอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่พ่อหรือหน้าที่สามีด้วย (ในอนาคตเขาต้องได้แม่ของลูกมาครอบครอง) เขาได้แต่คิดในใจ
"ถ้างั้นตามนี้ แล้วแต่คุณเลย ถ้างั้นขอตัวกลับก่อนนะ"เสียงหวานรีบเอ่ยลา
"กลับพร้อมกันสิเดี๋ยวผมไปส่ง"เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะเรียกพนักมาคิดเงิน
"แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอ ฉันกลับเองก็ได้ใกล้ ๆ แค่นี้เองนั่งรถแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึง"จะไม่ถามก็ไม่ได้เพราะช่วงนี้รู้สึกเขาจะตามติดชีวิตของตัวเองและลูกมากเกินไปแล้ว
"ไปส่งคุณก่อนค่อยไปทำงานก็ได้"คนตัวเล็กกรอกตามองบนแต่ก็ยอมให้เขาไปส่งอยู่ดีแม้จะขัดใจอยู่บ้างก็ตาม
คำโปรยการกลับมาเที่ยวบ้านเกิดของ.... ในครั้งนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจากนักท่องเที่ยวกลายเป็นผู้ประสบภัย...ในคำคืนก่อนบินกลับไปเรียน เพื่อนสาวคนสนิท...อยากเลี้ยงอำลา เธอผู้ไม่ชอบแสงสีและเสียงที่ดังอย่างการเข้าผับบาร์แต่เพียงเพราะเพื่อนคนสนิทร้องขอเธอจะปฎิเสธก็กะไรอยู่ในที่อโคจร....ความประมาทเกิดขึ้นได้เสมอใช่มันเกิดขึ้นกับเธอเร็วมากร่างกายโดนสิ่งแปลกปลอมวิ่งเข้าสู่ร่างกายทำเธอร้อนรุ่มหาที่เปรียบไม่ได้นาทีนี้เธอจะตายไหมนะ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิตในคำคืนนี้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้กับใครคนหนึ่ง...เขาคือใคร...?อันนิกาตื่นขึ้นมาตอนเช้าร่างกายที่ โดนคนบนเตียงปูยี้ปูยำ..ตัวเธอยืน มองชายหนุ่มร่างกำยำผู้พรากความ สาวไปจากเธอ...แต่วินาทีนั้นเธอต้องบินแล้ว"เธอจากมาโดนไม่ลา3เดือนต่อมาในต่างประเทศ ร่างกายของเธอมีการต่อต้านอาหารที่โปรดปรานเอามาก"อันท้องหรือ..."บ้า..... แต่ในใจเธอมันมีมากกว่าหมื่นแสนล้านคำ..เธอท้องหริอชิบหายคืนนั้นฉันลืมเลยแนะนำตัวละครเจแปน หนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เจ้าของโชว์รูมรถชื่อดังที่นำเข้าและขายรถหรู หล่อ รวย เจ้าชู้นิด ๆ ตามแบบฉบับคนโสดอันนิกา แอนดิสัน ล
เวลาเริ่มดึกคนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายส่งผลให้บรรยากาศภายในร้านเริ่มมีนักท่องเที่ยวแน่นและเยอะกว่าทุกวันหรือนี่อาจจะเป็นวันศุกร์ของสิ้นเดือนนักท่องเที่ยวเลยเยอะมากกว่าปกติสามสาวนั่งดื่มค๊อกเทลบนโต๊ะจนเริ่ม หร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ตลอดการนั่งดื่มของสามสาวต่างมีหนุ่ม ๆ ค่อยแวะเวียนมาขอชนแก้วไม่ขาดสายยิ่งดึกเสียงเพลงยิ่งเป็นจังหวะที่สนุกสนามสองสาวอย่างนิสากับปานดาวลุกขึ้นอวดลวดลายโชว์สเต็ปการเต้นข้างโต๊ะที่หญิงสาวนั่งแบบไม่มีใครยอมใครและขาดไม่ได้เลยที่จะมีหนุ่ม ๆ ขยับมาเต้นใกล้ ๆ เพื่อนทั้งสองฉันมองแล้วกับยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็นเพื่อนทั้งสองสนุกขนาดนี้ ก่อนจะรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมาเป็นเพราะปวดฉี่ อยากจะเข้าห้องน้ำก็แหมจะไม่ปวดได้อย่างไรในเมื่อฉันดื่มค๊อกเทลด้านหน้าหมดไปแล้วไม่รู้กี่แก้วแต่ที่รู้คือค๊อกเทลที่สองสาวสั่งมาเราสามคนต่างช่วยกันดื่ม"นี่แกฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"ฉันบอกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายที่ด้านในมีโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ติดตัวไปด้วย"อืม รีบไปรีบมานะ กระเป๋าก็ว่างที่โต๊ะแหละไม่หายหรอก""ว่าจะไปโทรศัพท์หาพี่ออกัสด้วยตั้งแต่มายังไม่ได้บอกพี่ออกัสเลยว่าอยู
ด้านอันนิกา ฉันดีใจมากที่มีผลเมืองดีมาช่วยฉันไว้ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าเขาน่าไว้ใจและดูปลอดภัยกว่าผู้ชายคนนั้นดีเท่าไหร่แล้วที่เมื่อครู่ฉันรวบรวมแรงที่มีอยู่สะบัดท่อนแขนออกจากการจับกุมจากผู้ชายที่อันตรายคนนั้นได้คิดถึงช่วงเวลานั้นฉันยังกลัวไม่หาย เมื่อได้ยินคนใจดีเอ่ยชวนฉันว่าจะไปส่งฉันจึงไม่คิดที่ปฎิเสธเลย ยอมก้าวเดินตามชายรูปร่างสูงไปยังรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะเข้าไปนั่งด้านในรถฝั่งข้างคนขับรถยนต์คันหรูถูกขับออกจากผับที่มี รถสัญจรไม่หนาแน่นเท่าช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ดึกและเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนแต่เมื่อรถถูกขับไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งฉันกับมีอาการบ้างอย่างแล่นเข้ามาภายในร่างกายความรู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน จิตใจเริ่มสั่นไหว"น้องยังไม่บอกพี่เลยว่าบ้านอยู่ไหน"ฉันได้ยินเสียงทุ้มของคนที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามฉัน ขนาดที่สมองกับอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มจะทนอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"...""น้องไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ พี่ถามว่าจะให้พี่ไปส่งที่ไหน"เสียงทุ้มเอ่ยถามฉันอีกรอบ ก่อนที่พี่ชาย
ขณะคนตัวเล็กกับพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอหนาบดเบียดอกนุ่มนิ่มแนบชิดแผงอกแกร่งพร้อมกับส่งสายตาคู่สวยสบตาคมของผมอย่างหยาดเยิ้มสติสัมปชัญญะของผมแตกกระเจิง หัวใจเต้นเร้า ฝ่ามือหนายกขึ้นจับท้ายทอยพร้อมส่งจูบอันเร้าร้อนเข้าไปตักตวงหาความหอมหวานจากโพร่งปากด้านในปลายลิ้นหนากวาดต้อนหาความหอมหวานก่อนจะเกี่ยวตวัดหยอกเหย้าเรียวลิ้นบางที่เปียกชื้นอย่างเร้าร้อน ในขณะที่สาวสวยในอ้อมกอดกับตอบกับเรียวลิ้นหนาเหมืิอนคนไร้ประสบการณ์ แม้จะดูเงะงะไปบางแต่กับทำสร้างความหอมหวานปลุกกระสันความเป็นชายจนไม่อาจจะหักห้ามใจจากตอนแรกคิดจะทัดทานความสัมพันธ์อันจาบจ้วงแต่เมื่อโดนรุกเร้ามาก ๆ ผมไม่อาจจะหักห้ามใจได้เลย มาถึงขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะผมยอมรับผลกรรมมือหนาจับใบหน้าเรียวสวยออกห่างพร้อมกับแนบจมูกโด่งจรดแก้มเนียนใสก่อนจะกระซิบลงข้างใบหูของคนบนตักด้วยน้ำเสียงกระเส่า"ทนได้ไหมเดี๋ยวก็ถึงคอนโดพี่แล้ว"คนร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มขณะที่มือเรียวบางทั้งสองจับไหล่หนาผมไว้แน่น กดส่ายสะโพกบดเบียดเนินเนี้อนางถูไถลงที่ท่อนเอ็นลำใหญ่ ผมถึงกับครางด้วยความเสีย
ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลยสองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น"โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้"มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่ก
ผมออกัสพอฟังน้องสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดด้วยความที่เป็นพี่ชายผมก็ต้องโกรธใช่ไหมล่ะหรือทุกคนจะไม่เป็นแบบผม แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถ้าคืนนั้นผมรับโทรศัพท์และรีบไปหาน้องสาวเรื่องราวทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนผมค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าห้องน้องสาวได้ยินเสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาเบา ๆ หัวใจแกร่งผมก็อ่อนยวบจากเมื่อครู่ที่โกรธเคืองน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นความโกรธเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตา เหลือแต่ความสงสารน้องสาวผมอย่างจับใจเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับน้องสาวผมเลยมือหนายกขึ้นเคาะห้องน้องสาวก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย พี่ขอโทษ"ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในห้อง เสียงร้องไห้เงียบลงเหลือเพียงความเงียบงันทำให้ผมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้ภายห้องนอนของน้องสาวเกิดอะไรอยู่ขึ้นผมจึงตัดสินใจเคาะห้อง อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย ถ้าอันไม่เปิดพี่จะพังประตูจริง ๆ นะ"เสียงเคาะที่ดังขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงใยน้องสาวมากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมผมกำมือค้างไว้กำลังจะเคาะปร
3 เดือนต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียน แต่ก็แปลกพอฉันตื่นขึ้นมากับมีอาการมึนหัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ"ฮึก!!!"สองขาวาดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโก่งคอเอาอาหารที่ทานเมื่อคืนออกมาจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกจากห้องน้ำ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ตาคู่สวยปิดเปลือกตาลงเพื่อที่ต้องการจะพักอีกสักนิดก่อนไปมหาลัยแกร๊ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นขณะที่ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องฉันทันที ก่อนจะได้ยิ่งเสียงหวานอันคุ้นเคยส่งมาให้ฉัน"เป็นอะไรลูกวันนี้ไม่ไปมหาลัยเหรอ"คุณแม่กล่าวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเดินตรงมาที่ฉัน ขณะที่ฉันชันตัวนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง"ไม่รู้คะตื่นมาก็เวียนหัวเลย วันนี้ขอนอนพักนะคะ"ฉันบอกเพราะว่าตอนนี้เริ่มจะรู้สึกหมดแรงถ้าได้หยุดและนอนพักน่าจะดีขึ้น"เป็นเยอะหรือเปล่า ไปหาหมอไหมลูก"แม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่ต้องไปถึงกับไปหาหมอหรอกมั่งแค่นอนพักอีกหน่อยอาการที่เปฺ็นอยู่น่าจะดีขึ้น"ยังพอไหวคะ ขออันนอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น"ฉันบอกแม่ขณะที่แม่ยกฝ่ามืลูบหัวฉันด้วยความห่วงใย"ถ้าไม่หายรีบบอกแม่เล
ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที"หมอว่าไงบ้างลูก"ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ"แม่คะ คือ...""หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้านช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ