ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที
"หมอว่าไงบ้างลูก"
ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
"แม่คะ คือ..."
"หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง
"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย
"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน
"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า
"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยน
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้าน
ช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ่อที่เพิ่งเลิกจากการทำงานนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย ตลอดระยะเวลาทานข้าวด้วยบรรยากาศที่เงียบผิดปกติ ส่งผลให้คนเป็นพ่อเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของภรรยากับลูกสาว
"มีเรื่องอะไรจะบอกพ่อหรือเปล่า"พ่อถามขณะที่สายตาคู่คมเลื่อนมองมายังแม่และมาหยุดลงที่ฉันทำให้ฉันต้องก้มหน้าต่ำหลบสายตาพ่อ มือที่จับช้อนเขี่ยอาหารเล่นในจานไปมา
"อัน ถ้าหนูอิ่มแล้วขึ้นไปพักผ่อนเถอะ"คนเป็นแม่บอกก่อนที่ฉันจะรวบช้อนเดินขึ้นข้างบนชั้นสองของบ้าน แต่ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปในห้องอยากรู้ว่าถ้าพ่อรู้เรื่องแล้วพ่อจะว่าอย่างไง ฉันเลยเลือกที่จะยืนฟังคนเป็นแม่พูดกับคนเป็นพ่ออยู่บริเวณบรรไดชั้นสองของบ้าน
"อันไม่สบายเหรอแม่ ลูกป่วยเป็นอะไรพ่อเห็นลูกทานข้าวได้นิดเดียว"เสียงทุ้มของคนเป็นพ่อเอ่ยถามแม่ด้วยความห่วงใยลูกสาว
"คะพ่อ ลูกไม่สบาย"
"ลูกเป็นอะไรเยอะไหมพาไปหาหมอหรือยัง"
"ไปมาแล้ว หมอบอกว่าลูกเราท้อง"เสียงคนเป็นแม่บอกพ่อก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงช้อนร่วงหล่นลงจานข้าว
แพร๊ง!
"แม่ว่าอะไรนะ ไม่พูดเล่นสิแม่"คนเป็นพ่อส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้แม่ขณะที่แม่กับยืนยันว่าสิ่งที่ตัวพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ
"พ่อใจเย็น ๆ ก่อนนะ คือเรื่องที่แม่บอกคือเรื่องจริง"
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวเรา ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้"คุณพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นจนฉันได้ยินถึงกับสะดุ้งเพราะพ่อไม่เคยขึ้นเสียงใส่แม่ขนาดนี้
"ก็ช่วงที่ลูกไปเที่ยวที่ประเทศไทย...."แล้วแม่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้พ่อฟังคราว ๆ ใบหน้าของพ่อเรียบนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
"แล้วไอ้ลูกชายตัวดีไม่ได้ดูแลน้องสาวเลยเหรอ พ่อผิดหวังกับมันจริง ๆ "
"อันนี้แม่ก็ไม่ได้ถามอย่างละเอียดหรือเราจะเรียกออกัสมาสอบถามดี"คุณแม่เสนอความคิดขณะคุณพ่อพยักยอมรับกับความคิดของแม่ ขณะที่ฉันไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้อีกอยากจะโทษเป็นความผิดของพี่ออกัสก็ไม่ได้ ที่จริงแล้วฉันมานั่งคิดดูว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะฉันเองที่ผิดไม่เกี่ยวกับพี่ชายเลย
เมื่อฉันเห็นว่าอารมณ์ของพ่อเริ่มสงบลงแล้วฉันจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านก่อนจะโน้มลำตัวต่ำก้มลงกราบเท้าของคนเป็นพ่อ
"พ่อหนูขอโทษ พ่ออย่าว่าพี่ออกัสเลยที่จริงวันนั้นเป็นหนูที่ผิด ผิดที่เผอเรอไม่ระมัดระวังตัว"
คนเป็นพ่อเมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักก้มลงกราบเท้าจากตอนแรกที่โกรธลูกสาวเช่นกันที่ไปเที่ยวที่อโคจรแบบนั้น ตอนจิตใจเริ่มหายโกรธเคืองลูกสาวเหลือแต่ความสงสารที่ส่งมาให้ลูกสาวแทน ฝ่ามือหนาขอคนเป็นพ่อดึงร่างบอบบางของลูกสาวสุดที่รักขึ้นก่อนจะสวมกอดคนเป็นลูกพร้อมกับยกฝ่ามือลูบที่ศีรษะทุยเพื่อปลอบประโลมลูกสาว"ไม่เป็นไรนะลูกคงไม่อยากให้มีใครเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเราช่วยกันแก้ไขกันไปแล้วกัน"เสียงทุ้มเปล่งบอกฉันด้วยความห่วงใยจนฉันเริ่มน้ำตาซึมอีกรอบ
"คะ พ่อ"ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"ไม่ต้องร้องแล้ว เรามาคุยถึงไอ้ตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาดีกว่าว่าจะตั้งชื่อหลานว่าอะไรดี อ่ออีกอย่างเรื่องเรียนพ่อว่าหนูควรจะ ดอปเรียนเอาไว้ก่อนสักปีสองปีหนูคิดว่าดีไหม"ดีคะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากเลยนะคะ"ฉันก้มลงกราบทั้งสองเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดเริ่มขี้คลายไปในทางที่ดีแล้ว คุณพ่อเสนอให้ฉันดอปเรียนจนกว่าจะคลอดไอ้ต้าวตัวเล็กออกมาก่อน
ซึ่งทางที่พ่อแนะนำเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับฉันถึงแม้ไอ้ต้าวตัวเล็กเป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เขาเกิดมาแต่เมื่อเขาตั้งใจจะเกิดมาอยู่ในท้องฉันแล้วฉันสัญญาว่าจะดูแลให้ความรักเขาให้ดีที่สุดฉันจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขาตลอดระยะเวลาที่ฉันเดินทางไปหาหมอเพื่อตรวจครรภ์คุณแม่จะเป็นคนพาฉันไปพบคุณหมอเสมอและวันนี้ก็เช่นกันวันที่ฉันตื่นเต้นที่สุดเพราะฉันจะได้รู้ว่าไอ้ต้าวตัวเล็กของฉันเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
"คุณนอนรอหมอที่เตียงเลยนะคะ เดี๋ยววันนี้เราจะตรวจดูสุขภาพน้องกับตรวจดูเพศของน้องด้วย"คุณหมอเอ่ยบอกขณะที่ฉันเดินขึ้นไปนอนรอหมอที่เตียงอย่างว่าง่าย ตอนนี้อายุครรภ์ของฉัน 16 สัปดาห์แล้ว ไอ้ต้าวตัวน้อยที่อยู่ในท้องก็ขยันดิ้นไปมา
คุณหมอเดินมานั่งข้างเตียงภายในห้องตรวจก่อนจะทาเจลหล่อลื่นทั่วบริเวณท้องน้อยก่อนจะใช้เครื่อง อัลตร้าซาวด์ลูบลงที่น้องนูนเสียงหวานของคุณหมอเอ่ยบอกฉันเรื่อย ๆ ขณะที่สายตาของฉันมองหน้าจอสี่เหลี่ยมไปด้วยเวลาคุณหมอบอก
"คุณแม่เห็นไหมค่ะ ตรงนี้มือของน้องมีนิ้วครบทั้งสองข้างนะคะ ส่วนนี้เท้าน้องมีนิ้วครบเหมือนกันคะ คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"คุณหมอบอกก่อนที่จะขยับเครื่องตรวจ ขณะที่ฉันจ้องมองจอสี่เหลี่ยมเขม่งไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชายฉันก็ยินดีที่เขาเข้ามาในชีวิตของฉัน
"น้องเป็นผู้ชายนะคะ ดูซิอวดจู๋ให้หมอดูด้วย"ฉันถึงกับอมยิ้มกับภาพตรงหน้าที่ไอ้ต้าวตัวน้อยอวดเบ่งความใหญ่ของตัวเอง
"เสร็จแล้วคะ แล้วช่วงนี้คุณแม่ยังแพ้ท้องอยู่หรือเปล่าคะ"คุณหมอเอ่ยถาม
"ไม่แพ้แล้วคะ ช่วงนี้รู้ว่าสึกกินอะไรได้เยอะขึ้น รู้สึกว่าหิวตลอดเวลาด้วย"ฉันตอบคุณหมอ เพราะช่วงก่อนที่อายุครรภ์อ่อน ๆ ฉันแพ้ท้องมากขนาดทานอะไรแทบไม่ได้เลย เมื่อฉันทานข้าวลงไปไม่ถึง 10 นาทีฉันก็วิ่งไปโก่งคอเอาสิ่งที่เพิ่งทานเข้าไปออกจนหมดแต่เมื่อช่วงอายุครรภ์ได้ 12 สัปดาห์อาการแพ้ท้องของฉันทุเลาลงไปเยอะจนช่วงนี้คือไม่มีอาการแพ้เลย มีแต่หิวอยู่ตลอดเวลาสงสัยไอ้ต้าวตัวเล็กที่อยู่ในท้องคงกินเก่งไม่ใช่เล่น
"ถ้างั้นหมอสั่งยาบำรุงครรภ์ให้กินเหมือนเดิมนะคะส่วนกำหนดคลอดก็ตามกำหนดที่เราแผลนเอาไว้ เสร็จแล้วคะเดี๋ยวรอใบสั่งยากับบัตรนัดด้านหน้าเลย"
"คะคุณหมอ"ฉันเอ่ยขอบคุณคุณหมอก่อนที่จะลุกไปรอหน้าห้องตามที่คุณหมอบอก
หลายเดือนต่อมาอีกด้านที่ประเทศไทย"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโ
พี่ชายอย่างออกัสเมื่อทราบข่าวว่าน้องสาวของตัวเองที่คลอดลูกก็รีบตรงมายังสวีเดน เพื่อที่อยากเห็นหน้าหลานชายของตัวเองว่าจะน่ารักขนาดไหนย้อนไปช่วงเวลานั้นเขายังจำได้ดีว่าทั้งพ่อกับแม่ต่อสายตรงมาต่อว่าเขาเรื่องที่ไม่ดูแลน้องสาวจนพลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และเมื่อเขามารู้อีกว่าน้องสาวที่พลาดเสียความบริสุทธให้กับใครก็ไม่รู้ในคืนนั้นเกิดท้องขึ้นมาเขาก็ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีแต่เมื่อทั้งหมดคุยและปรับความเข้าใจกันและน้องสาวยืนยันที่จะเก็บเจ้าก้อนกลมไว้ เขาที่เป็นพี่ชายจะพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากเห็นดีเห็นงามไปด้วย"มาแล้วเหรอลูก มาดูหลานเร็วนอนหลับปุ๋ย น่ารักมากเลย"คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมาหาน้องสาวที่ห้องฟักฟื้นภายในโรงพยาบาลต่างก็ดีใจ เสียงหวานของคนเป็นแม่รีบเรียกลูกชายให้มาดูหลายชายตัวน้อยใกล้ ๆ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่เป็นน้องสาวของเขา"สวัสดีครับ พ่อแม่ พอผมรู้ก็รีบให้เลขาจองตั๋วมาสวีเดนเลย"ออกัสรีบสาวเท้าเขามายังห้องที่น้องสาวนอน ว่างกระเป๋าเดินทางลงข้างโซฟาภายในห้องพักก่อนขาเรียวยาวจะรีบสาวด้วยก้าวยาว ๆ มาที่เตียงของน้องสาวสายตาคมไล่มองไปยัง
5 ปีต่อมาหลังจากคลอดน้องซีนายได้ 1 ปีฉันก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนคว้าใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจมาฝากพ่อกับแม่ได้สำเร็จ โดยช่วงที่ฉันไปเรียนคุณแม่จะรับหน้าที่ดูแลน้องซีนายให้ ซึ่งแม่ของฉันเต็มใจที่จะดูแลให้อยู่และเพราะน้องซีนายเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องซีนายอายุเข้า 5 ขวบแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าลูกสุดที่รักของฉันจะขาดความรักเพราะน้องซีนายมีทั้งคุณตาคุณยายที่เป็นที่รัก และยังมีทั้งพี่ออกัสพี่ชายฉันที่รักไอ้ต้าวตัวน้อยประหนึ่งลูกชายตัวเอง ไม่ให้คิดแบบนั้นได้ไงเวลาที่พี่ชายฉันกลับมาสวีเดนไอ้ต้าวตัวน้อยก็จะค่อยตามติดเหมือนดังเงา และยิ่งเวลาที่ออกไปข้างนอกไอ้ต้วน้อยจะค่อยออดอ้อนเรียกพี่ชายว่าแดดดี้เวลาคนข้างนอกมองมาจึงไม่แปลกที่จะคิดว่าไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นเป็นลูกชายของพี่ชายฉันถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็ตามเถอะวันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรเพราะอะไรนั้นเหรอก็เพราะคุณแม่อยากกลับมาอยู่ประเทศไทยถาวรและยังเป็นโอกาสเหมาะที่พี่ออกัสกลับมาร่วมงานแต่งของญาติสนิทพอดีพ่อกับแม่เลยให้ฉันกลับมาประเทศไทยก่อนพร้อมกับพี่ชายเพราะคุ
ณะห้างสรรพสินค้าอันนิกาค่อย ๆ เลือกซื้อของอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียงของตัวเองและของลูกชาย อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้อย่างอื่นที่คิดว่าจำเป็นสำหรับทั้งตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อย สายตาคู่สวยสำรวจดูของบนรถเข็นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข็นรถเข็นเพื่อที่จะไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และกลับมายังคอนโดของพี่ชายเมื่อมาถึงคอนโดอันนิกาค่อย ๆ จัดข้าวของที่ซื้อมาให้เข้าที่เข้าทางถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความสะดวกสบายของลูกชาย จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่เป็นเวลาเลิกเรียนของไอ้ต้าวตัวน้อยอันนิกาจึงเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปหาลูกชายที่โรงเรียนโดยมีคุณลุงมาจอดรถรออยู่ที่โรงเรียนอยู่ก่อนแล้วเพราะว่าคืนนี้ต้องกลับไปนอนที่บ้านและต้องโทรไปคุยกับพ่อและแม่เรื่องที่จะย้ายมาอยู่ที่คอนโดของพี่ชายด้วย@โรงเรียน"แม่ครับ"เสียงใสของไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกฉันก่อนจะเห็นไอ้ต้าวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชู้แขนให้ฉันอุ้ม ฉันถึงกับย่อตัวให้ต่ำลงรับไอ้ต้าวตัวน้อยไว้อยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมลงแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง"เป็นไงลูกมาเรียนวันแรก สนุกไหม มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า"ฉันถามไ
รถยนต์คันหรูขับตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ลดล่ะ จนมาหยุดที่ประตูบ้านหลังใหญ่ที่ผมนั้นคุ้ยเคยเป็นอย่างดีขณะที่รถยนต์คันนั้นเลี้ยวเข้าไปในบ้านผมเลือกที่จะจอดอยู่ที่รั่วบ้านที่เป็นมุมอับถ้าคนข้างในมองออกมาจะไม่เห็นรถผมแต่ตรงกันข้ามผมสามารถมองเห็นคนข้างในได้อย่างชัดเจนขณะที่ในหัวของผมกับตั้งคำถามมากมาย บวกกับคำตอบที่นำเข้ามาหักล้างในสิ่งที่ผมคิดกับผู้หญิงคนที่ผมตามหาในช่วงเวลาหนึ่งถึงความเกี่ยวพันกับเพื่อนสนิทผมหรือว่าจะเป็นเมียแต่ทำไมเพื่อนผมไม่เห็นจะบอกอะไรพวกผมเลยทั้งที่เราสนิทกันมาก หรือจะเป็นญาติที่มาพักอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นน้องสาว สมองผมค่อย ๆ ประมวลผลเรื่อยๆ มาหยุดคำว่าน้องสาว ใช่มันมีน้องสาวแล้วน้องสาวมันมีลูกแล้วตอนนั้นมันขยันอัพรูปภาพของหลานชายลงกลุ่มไลน์บ่อย ๆ แต่มาช่วงหลังมันหยุดอัพไม่รู้ว่าเพราะอะไร สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องเจ้าไปทักทายมันที่ทำงานซะหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้นผมจึงหยุดความคิดนี้ไปก่อนของเฝ้าดูคนที่ผมตามหาให้หน่ำใจก่อนค่อยว่ากันขณะที่สายตาคู่คมยังคมมองเข้าไปด้านในที่ตอนนี้สาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งก้าวลงจากรถก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้านผมเลือกที่จะจ
หลังจากโดนเพื่อนสนิทอย่างออกัสชิงหนีไป ผมสาวเท้าออกมาจากบริษัทของเพื่อนด้วยอารมณ์ว้าวุ่น จะโกรธเพื่อนก็ไม่ได้เพราะเพื่อนมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนกันรถยนต์คันหรูขับมุ่งตรงเข้าไปยังโชว์รูมรถหรูเพราะมีเอกสารมากมายที่ต้องเคลียร์เหมือนกันอีกทั้งอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงงานมอเตอร์โชว์แล้ว"คุณเจแปนมาแล้วเหรอครับ"เลขาคนสนิทที่ทำงานตั้งแต่เปิดโชว์รูมใหม่ ๆ เอ่ยถามขณะเห็นร่างสูงของคนเป็นเจ้านายสาวเท้าเข้ามา เจแปนได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอยาพาราเพราะตอนนี้ในหัวของเจแปนรู้สึกปวด และมึนไปหมด น่าจะเป็นเพราะการนอนน้อยและยังมีเรื่องสาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งให้คิดอีก"มีเอกสารอะไรก็เอาเข้ามาให้ผมเซ็นเลยนะ และอีกอย่างผมของยาพาราด้วยรู้สึกปวดหัวอย่างไงไม่รู้""ครับ"เวลาไม่นานเลขาหนุ่มก็ถือเอกสารเข้ามาในห้องก่อนจะออกไปสั่งแม่บ้านให้เอาน้ำและยาที่เจ้านายสั่งเอาไว้ก่อนเข้าห้องทำงานเจแปนเปิดเอกสารเซ็นทีล่ะเล่มจนแม่บ้านยกแก้วน้ำและยามา เขาถึงว่างปากกาลงหยิบเม็ดยาสีขาวเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำอึกใหญ่ขณะเซ็นเอกสารอยู่ยาที่เริ่มทำงานทำให้อาการปวดหัวทุเลา แต่ถ้าได้พักสายตาอีกสักนิดอาการน่าจะกับมาดีเหมือนเดิม เ
เมื่อเข้ามายังห้องของคอนโด คนตัวเล็กที่อุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยไว้แนบอกขณะที่ไอ้ต้าวตัวน้อยยังอยู่ห้วงในนิทรา อันนิการีบสาวเท้าเข้าห้องนอนเพื่อว่างไอ้ต้าวตัวน้อยให้นอนบนเตียงก่อนจะพาตัวเองออกมาเมื่อออกมาถึงก็เห็นของที่ซื้อมาอยู่บนโต๊ะอาหารในโซนที่จัดเป็นครัวทำอาหารแต่กับไร้เงาของคนใจดี จนได้ยินเสียงบานประตูห้องน้ำเปิดออก สายตาคู่หวานมองไปยังห้องน้ำถึงได้รู้ว่าหลังจากคนใจดีว่างของที่ซื้อมาห้างไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คนใจดีนั้นได้เดินเข้าไปยังห้องน้ำแต่เขารู้ได้อยากไรว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนแต่ก็เลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้ถามคนใจดีออกมาคนใจดีสาวเท้าเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขกเรียบร้อยแล้วฉันถึงเลือกที่จะเดินเข้าไปยังโซนห้องครัว เก็บของสด และอาหารที่ต้องแช่เย็นไว้ในตู้เย็นก่อนที่ จะหยิบขวดน้ำรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วถือมาให้คนใจดีโดยไม่ลืมจะที่กล่าวขอบคุณ เอาจริงถ้าไม่ได้เขาฉันก็แย่เหมือนกัน"น้ำคะ""ขอบคุณครับ.คุณชื่ออันใช่ไหม ส่วนผมชื่อเจแปนนะครับ"เจแปนรับแก้วน้ำไว้ในมือก่อนจะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับถามชื่อและแนะนำตัวเองเสร็จสรรพและนี่คือการแนะนำตัวครั้งแรกของเราทั้งสองคนก็ว่าได้เจแปนได้แต่คิด"ขอบคุณคุ
จากตอนแรกที่คิดว่าจะกลับไปนอนที่คอนโดของตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมเจแปนถึงหันหัวรถยนต์ไปยังบ้านของตัวเองแทนเมื่อมาถึงบ้านก็พบกับความเงียบสนิทคาดเดาว่าคนในบ้านน่าจะหลับกันหมดแล้ว ตัวเองเลยเลือกที่จะขึ้นไปนอนเช่นกันช่วงสายของวันเจแปนตื่นขึ้นมาก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านกับพบว่าคนเป็นแม่ที่นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังเปิดดูอัลบั้มรูปที่แม่จะชอบเก็บไว้ในห้องนั่งเล่น"ทำอะไรอยู่ครับแล้วนั้น ดูรูปอะไรอยู่เหรอ"คนเป็นแม่หันไปตามเสียงเรียกพร้อมส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนเป็นลูกชายที่นาน ๆ ทีลูกชายจะกลับมานอนบ้านสักครั้งแต่รอบนี้มาแปลกทำไมถึงกลับมานอนบ้านได้"ทำไมถึงกลับบ้านได้ล่ะเรา มาแปลกนะถ้าแม่ไม่เรียกมาหาก็ไม่อยากที่จะกลับบ้านหรอก"คนเป็นแม่เอ่ยออกมาปนน้อยใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเข้าใจดีว่าลูกชายต้องทำงานขณะที่เจแปนที่ได้ยินแม่เอ่ยถึงกับยกยิ้มก่อนจะสาวเท้าเข้ามานั่งโซฟาตัวเดียวกับคนเป็นแม่ก่อนจะกอดเอวและซบลงหัวไหล่คนเป็นแม่อย่างออดอ้อน"คิดถึงแม่ครับเลยมานอนบ้าน แล้วนี่ดูอะไรอยู่ครับแม่"สายตาคมมองไปยังอัลบั้มรูปที่แม่เปิดค้างไว้เขายังจำได้ดีคือรูปตอนเขายังเป็นเด็กแต่ก็ยังแกล้งถามคน