3 เดือนต่อมา
วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียน แต่ก็แปลกพอฉันตื่นขึ้นมากับมีอาการมึนหัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ "ฮึก!!!"สองขาวาดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโก่งคอเอาอาหารที่ทานเมื่อคืนออกมาจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกจากห้องน้ำ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ตาคู่สวยปิดเปลือกตาลงเพื่อที่ต้องการจะพักอีกสักนิดก่อนไปมหาลัย
แกร๊ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นขณะที่ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องฉันทันที ก่อนจะได้ยิ่งเสียงหวานอันคุ้นเคยส่งมาให้ฉัน"เป็นอะไรลูกวันนี้ไม่ไปมหาลัยเหรอ"คุณแม่กล่าวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเดินตรงมาที่ฉัน ขณะที่ฉันชันตัวนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง
"ไม่รู้คะตื่นมาก็เวียนหัวเลย วันนี้ขอนอนพักนะคะ"ฉันบอกเพราะว่าตอนนี้เริ่มจะรู้สึกหมดแรงถ้าได้หยุดและนอนพักน่าจะดีขึ้น"เป็นเยอะหรือเปล่า ไปหาหมอไหมลูก"แม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่ต้องไปถึงกับไปหาหมอหรอกมั่งแค่นอนพักอีกหน่อยอาการที่เปฺ็นอยู่น่าจะดีขึ้น
"ยังพอไหวคะ ขออันนอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น"ฉันบอกแม่ขณะที่แม่ยกฝ่ามืลูบหัวฉันด้วยความห่วงใย
"ถ้าไม่หายรีบบอกแม่เลยนะ จะได้พาหนูไปหาหมอ อาการอย่างกับคนท้อง เนี่ยถ้าหนูมีแฟนแม่คิดว่าหนูท้องแล้วนะเนี่ย"เสียงหวานที่บอกด้วยความห่วงใยส่งมาให้ฉัน ขณะที่ฉันฉุดคิดถึงสิ่งที่แม่พูดหรือฉันจะท้องกันนะแต่คงไม่ใช่หรอกแค่ครั้งเดียวจะท้องได้ไง
"คะ ถ้าไม่หายอันจะรีบบอกแม่นะคะ สงสัยโรคกระเพาะคงกำเริบช่วงนี้กินข้าวไม่ตรงเวลาอยู่ด้วย"ฉันบอกพลางล้มตัวลงนอนพักบนที่นอน ตื่นมาคงดีขึ้นแหละฉันคิดว่า
"เอาแบบนี้แล้วกันแม่ไปต้มโจ้กให้หนูดีกว่าทานอะไรอุ่น ๆ จะได้สบายท้อง"แม่บอกก่อนที่จะสาวเท้าออกจากห้องเพื่อไปเตรียมต้มโจ๊กให้ฉัน
ขณะที่ฉันพยักหน้าตอบรับพร้อมกับขยับเคลื่อนลำตัวเพื่อที่จะนอนพักผ่อน โดยไม่ลืมที่จะโทรไปบอกแฟรงค์เพื่อนสนิทของฉันที่เรียนเอกเดียวกัน"แฟรงค์ วันนี้อันไม่ได้ไปเรียนนะ"
[ทำไมวันนี้ไม่เข้าเรียนล่ะอัน มีธุระเหรอหรือไม่สบาย]"อาการไม่ค่อยดีอะ ตื่นมาก็เวียนหัวแล้วอ้วกแต่เช้าเลย สงสัยโรคกระเพาะจะกำเริบ วันนี้เราคงไม่ได้ไปเรียนนะฝากนายจดเลคเชอร์ด้วยแล้วกัน"
[อืมได้ กินข้าวกินยานอนพักเยอะ ๆ นะจะได้หายตอนเย็นเราค่อยเอาเลคเชอร์ไปให้อันที่บ้านก็ได้]
"นายไม่ต้องมาหรอกลำบากนายเปล่า ๆ พรุ่งนี้เราค่อยไปเอาที่มหาลัยก็ได้"
[เอาแบบนั้นก็ได้พักผ่อนเยอะ ๆ นะพรุ่งนี้เจอกัน]"อืม"
หลังจากกดวางสายฉันก็พยามยามปิดเปลือกตาลง แต่จู่ ๆ อาการม่วนในท้องก็ตีตื้นขึ้นมาอีกรอบ ฉันจึงรีบลุกออกจากเตียงเพื่อเข้าไปในห้องน้ำเอาสิ่งที่ตีตื้นขึ้นมาจากท้องออก ก่อนจะค่อย ๆ พาตัวเองมานั่งรอแม่อยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือมือของฉันถือหลอดยาดมยกขึ้นมาดมรอแม่ จู่ ๆ ฉันก็คิดสิ่งที่แม่พูดขึ้นมาหรือเราจะท้อง แต่คงไม่หรอกมั่งอะไรจะซวยขนาดนั้น
เพียงไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงแม่เปิดประตู แกร๊ก! ก่อนจะเห็นร่างบางคนเป็นที่ถือถาดอาหารทีี่ในถาดมีถ้วยโจ๊กร้อน ๆ กับยาเคลือบกระเพาะด้วย ถาดสีอาหารสีขาวถูกนำมาว่างด้านหน้าฉัน กลิ่นโจ๊กลอยฟุ้งขึ้นมาติดปลายจมูกฉัน ทำให้ฉันต้องปิดจมูกเพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นนั้นลอยเข้ามา"เป็นอะไรลูก"
"เหม็นคะ แม่ใส่อะไรลงในโจ๊กค่ะ"
"แม่ก็ต้มปกตินั้นแหละ ไม่เหม็นนะ"แม่บอกก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยความสงสัย
"หนูไม่กินได้ไหมค่ะ มันเหม็นมากจนอยากจะอ้วกเลย"ฉันเอ่ยพร้อมกับพยายามลุกออกให้ห่างกลิ่นไม่พึ่งประสงค์นี้
"อัน ไปให้หมอตรวจหน่อยไหม แม่ว่าอาการหนูแปลก ๆ นะ"คนเป็นแม่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนเมื่อเห็นอาการของลูกสาวก็ยิ่งสงสัยหนักขึ้นเพราะอาการที่ลูกสาวเป็นอยู่เหมือนกับอาการของคนที่ท้อง แต่ว่าลูกสาวของตัวเองอยู่ในสายตาตลอดไม่เคยออกนอกลู่นอกทางแล้วจะท้องได้อย่างไงกันล่ะ เพื่อไขความกระจ่างมีทางเดียวตอนนี้คือต้องพาลูกไปหาหมอตรวจให้แน่ใจก่อนว่าอาการที่เป็นอยู่จะใช่อาการที่ตัวเองคิดหรือไม่มือเหนียวย่นลูบที่หัวทุยด้วยความรักและเป็นห่วงลูกสาวจับใจก่อนจะเอ่ยชวนลูกสาวไปหาหมอ
"อันไปหาหมอเถอะ ถ้าเป็นอะไรจะได้รีบรักษาได้ทัน"คนเป็นแม่เอ่ยปะเหลาะลูกสาวขณะที่ลูกสาวยังรั้นยังคนยืนกรานว่าจะไม่ไปหาหมอ
"ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่อันนอนพักอีกหน่อยน่าจะดีขึ้น"
"ถือว่าแม่ขอร้องแล้วกันนะ ไปเถอะ"
"คะ"
โรงพยาบาล
คุณหมอทำการตรวจฉันอย่างละเอียด ไม่ว่าจะตรวจฉี่ เจาะเลือด และขออัลตร้าซาวด์บริเวณท้องน้อยจนฉันคิดว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงหรือเปล่า ก่อนที่คุณหมอจะเอ่ยขึ้นถามฉัน
"ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
เอ่อประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะฉันก็ยุ่งกับการเปิดเรียนภาคใหม่จนลืมเสียสนิทว่ามาเมื่อไหร่"จำไม่ได้ค่ะ ช่วงนี้ยุ่ง ๆ เลยจำไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ เดือนนี้ประจำเดือนยังไม่มาค่ะ คือฉันเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงหรือเปล่าค่ะ"
"ไม่ร้ายแรงหรอกค่ะ คุณแค่ท้องอ่อน ๆ อาการที่คุณเป็นอยู่เกิดจากผลข้างเคียงของการตั้งครรภ์ เดี่ยวหมอจะให้ยาแก้แพ้และยาบำรุงครรภ์นะคะแล้วหมอจะนัดอีกหนึ่งเดือน แล้ววันนี้แฟนคุณได้มาไหมเดี๋ยวหมอจะเจาะเลือดเพื่อตรวจหาพาหะโรคทางพันธุกรรม"
คุณหมอที่บอกอาการที่ฉันเป็นอยู่ในขณะที่ตอนนี้สมองของฉันเหมือนคนไม่สั่งการอะไรฉันท้องจริงเหรอ จะบอกพ่อกับแม่อย่างไงดีตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมด
"คือ ฉันไม่มีแฟนคะ"
"อ่อถ้างั้นวันนี้หมอจะให้ยาแก้แพ้กับยาบำรุงไปทานแล้วอีกหนึ่งเดือนเราค่อยพบกันใหม่ แต่ถ้ามีอาการแพ้มาก ๆ ให้มาหาหมอได้ตลอดเวลาเลยนะคะ"
"คะคุณหมอ"
"เสร็จแล้วคุณออกไปรอข้างนอกรับใบสั่งยากับใบนัด"
หมอบอกก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ พาร่างตัวเองออกจากห้องตรวจเพื่อมารอใบสั่งยากับบัตรนัดในเดือนต่อไป
ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที"หมอว่าไงบ้างลูก"ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ"แม่คะ คือ...""หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้านช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ
หลายเดือนต่อมาอีกด้านที่ประเทศไทย"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโ
พี่ชายอย่างออกัสเมื่อทราบข่าวว่าน้องสาวของตัวเองที่คลอดลูกก็รีบตรงมายังสวีเดน เพื่อที่อยากเห็นหน้าหลานชายของตัวเองว่าจะน่ารักขนาดไหนย้อนไปช่วงเวลานั้นเขายังจำได้ดีว่าทั้งพ่อกับแม่ต่อสายตรงมาต่อว่าเขาเรื่องที่ไม่ดูแลน้องสาวจนพลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และเมื่อเขามารู้อีกว่าน้องสาวที่พลาดเสียความบริสุทธให้กับใครก็ไม่รู้ในคืนนั้นเกิดท้องขึ้นมาเขาก็ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีแต่เมื่อทั้งหมดคุยและปรับความเข้าใจกันและน้องสาวยืนยันที่จะเก็บเจ้าก้อนกลมไว้ เขาที่เป็นพี่ชายจะพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากเห็นดีเห็นงามไปด้วย"มาแล้วเหรอลูก มาดูหลานเร็วนอนหลับปุ๋ย น่ารักมากเลย"คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมาหาน้องสาวที่ห้องฟักฟื้นภายในโรงพยาบาลต่างก็ดีใจ เสียงหวานของคนเป็นแม่รีบเรียกลูกชายให้มาดูหลายชายตัวน้อยใกล้ ๆ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่เป็นน้องสาวของเขา"สวัสดีครับ พ่อแม่ พอผมรู้ก็รีบให้เลขาจองตั๋วมาสวีเดนเลย"ออกัสรีบสาวเท้าเขามายังห้องที่น้องสาวนอน ว่างกระเป๋าเดินทางลงข้างโซฟาภายในห้องพักก่อนขาเรียวยาวจะรีบสาวด้วยก้าวยาว ๆ มาที่เตียงของน้องสาวสายตาคมไล่มองไปยัง
5 ปีต่อมาหลังจากคลอดน้องซีนายได้ 1 ปีฉันก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนคว้าใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจมาฝากพ่อกับแม่ได้สำเร็จ โดยช่วงที่ฉันไปเรียนคุณแม่จะรับหน้าที่ดูแลน้องซีนายให้ ซึ่งแม่ของฉันเต็มใจที่จะดูแลให้อยู่และเพราะน้องซีนายเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องซีนายอายุเข้า 5 ขวบแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าลูกสุดที่รักของฉันจะขาดความรักเพราะน้องซีนายมีทั้งคุณตาคุณยายที่เป็นที่รัก และยังมีทั้งพี่ออกัสพี่ชายฉันที่รักไอ้ต้าวตัวน้อยประหนึ่งลูกชายตัวเอง ไม่ให้คิดแบบนั้นได้ไงเวลาที่พี่ชายฉันกลับมาสวีเดนไอ้ต้าวตัวน้อยก็จะค่อยตามติดเหมือนดังเงา และยิ่งเวลาที่ออกไปข้างนอกไอ้ต้วน้อยจะค่อยออดอ้อนเรียกพี่ชายว่าแดดดี้เวลาคนข้างนอกมองมาจึงไม่แปลกที่จะคิดว่าไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นเป็นลูกชายของพี่ชายฉันถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็ตามเถอะวันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรเพราะอะไรนั้นเหรอก็เพราะคุณแม่อยากกลับมาอยู่ประเทศไทยถาวรและยังเป็นโอกาสเหมาะที่พี่ออกัสกลับมาร่วมงานแต่งของญาติสนิทพอดีพ่อกับแม่เลยให้ฉันกลับมาประเทศไทยก่อนพร้อมกับพี่ชายเพราะคุ
ณะห้างสรรพสินค้าอันนิกาค่อย ๆ เลือกซื้อของอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียงของตัวเองและของลูกชาย อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้อย่างอื่นที่คิดว่าจำเป็นสำหรับทั้งตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อย สายตาคู่สวยสำรวจดูของบนรถเข็นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข็นรถเข็นเพื่อที่จะไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และกลับมายังคอนโดของพี่ชายเมื่อมาถึงคอนโดอันนิกาค่อย ๆ จัดข้าวของที่ซื้อมาให้เข้าที่เข้าทางถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความสะดวกสบายของลูกชาย จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่เป็นเวลาเลิกเรียนของไอ้ต้าวตัวน้อยอันนิกาจึงเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปหาลูกชายที่โรงเรียนโดยมีคุณลุงมาจอดรถรออยู่ที่โรงเรียนอยู่ก่อนแล้วเพราะว่าคืนนี้ต้องกลับไปนอนที่บ้านและต้องโทรไปคุยกับพ่อและแม่เรื่องที่จะย้ายมาอยู่ที่คอนโดของพี่ชายด้วย@โรงเรียน"แม่ครับ"เสียงใสของไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกฉันก่อนจะเห็นไอ้ต้าวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชู้แขนให้ฉันอุ้ม ฉันถึงกับย่อตัวให้ต่ำลงรับไอ้ต้าวตัวน้อยไว้อยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมลงแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง"เป็นไงลูกมาเรียนวันแรก สนุกไหม มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า"ฉันถามไ
รถยนต์คันหรูขับตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ลดล่ะ จนมาหยุดที่ประตูบ้านหลังใหญ่ที่ผมนั้นคุ้ยเคยเป็นอย่างดีขณะที่รถยนต์คันนั้นเลี้ยวเข้าไปในบ้านผมเลือกที่จะจอดอยู่ที่รั่วบ้านที่เป็นมุมอับถ้าคนข้างในมองออกมาจะไม่เห็นรถผมแต่ตรงกันข้ามผมสามารถมองเห็นคนข้างในได้อย่างชัดเจนขณะที่ในหัวของผมกับตั้งคำถามมากมาย บวกกับคำตอบที่นำเข้ามาหักล้างในสิ่งที่ผมคิดกับผู้หญิงคนที่ผมตามหาในช่วงเวลาหนึ่งถึงความเกี่ยวพันกับเพื่อนสนิทผมหรือว่าจะเป็นเมียแต่ทำไมเพื่อนผมไม่เห็นจะบอกอะไรพวกผมเลยทั้งที่เราสนิทกันมาก หรือจะเป็นญาติที่มาพักอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นน้องสาว สมองผมค่อย ๆ ประมวลผลเรื่อยๆ มาหยุดคำว่าน้องสาว ใช่มันมีน้องสาวแล้วน้องสาวมันมีลูกแล้วตอนนั้นมันขยันอัพรูปภาพของหลานชายลงกลุ่มไลน์บ่อย ๆ แต่มาช่วงหลังมันหยุดอัพไม่รู้ว่าเพราะอะไร สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องเจ้าไปทักทายมันที่ทำงานซะหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้นผมจึงหยุดความคิดนี้ไปก่อนของเฝ้าดูคนที่ผมตามหาให้หน่ำใจก่อนค่อยว่ากันขณะที่สายตาคู่คมยังคมมองเข้าไปด้านในที่ตอนนี้สาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งก้าวลงจากรถก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้านผมเลือกที่จะจ
หลังจากโดนเพื่อนสนิทอย่างออกัสชิงหนีไป ผมสาวเท้าออกมาจากบริษัทของเพื่อนด้วยอารมณ์ว้าวุ่น จะโกรธเพื่อนก็ไม่ได้เพราะเพื่อนมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนกันรถยนต์คันหรูขับมุ่งตรงเข้าไปยังโชว์รูมรถหรูเพราะมีเอกสารมากมายที่ต้องเคลียร์เหมือนกันอีกทั้งอีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงงานมอเตอร์โชว์แล้ว"คุณเจแปนมาแล้วเหรอครับ"เลขาคนสนิทที่ทำงานตั้งแต่เปิดโชว์รูมใหม่ ๆ เอ่ยถามขณะเห็นร่างสูงของคนเป็นเจ้านายสาวเท้าเข้ามา เจแปนได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอยาพาราเพราะตอนนี้ในหัวของเจแปนรู้สึกปวด และมึนไปหมด น่าจะเป็นเพราะการนอนน้อยและยังมีเรื่องสาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งให้คิดอีก"มีเอกสารอะไรก็เอาเข้ามาให้ผมเซ็นเลยนะ และอีกอย่างผมของยาพาราด้วยรู้สึกปวดหัวอย่างไงไม่รู้""ครับ"เวลาไม่นานเลขาหนุ่มก็ถือเอกสารเข้ามาในห้องก่อนจะออกไปสั่งแม่บ้านให้เอาน้ำและยาที่เจ้านายสั่งเอาไว้ก่อนเข้าห้องทำงานเจแปนเปิดเอกสารเซ็นทีล่ะเล่มจนแม่บ้านยกแก้วน้ำและยามา เขาถึงว่างปากกาลงหยิบเม็ดยาสีขาวเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำอึกใหญ่ขณะเซ็นเอกสารอยู่ยาที่เริ่มทำงานทำให้อาการปวดหัวทุเลา แต่ถ้าได้พักสายตาอีกสักนิดอาการน่าจะกับมาดีเหมือนเดิม เ
เมื่อเข้ามายังห้องของคอนโด คนตัวเล็กที่อุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยไว้แนบอกขณะที่ไอ้ต้าวตัวน้อยยังอยู่ห้วงในนิทรา อันนิการีบสาวเท้าเข้าห้องนอนเพื่อว่างไอ้ต้าวตัวน้อยให้นอนบนเตียงก่อนจะพาตัวเองออกมาเมื่อออกมาถึงก็เห็นของที่ซื้อมาอยู่บนโต๊ะอาหารในโซนที่จัดเป็นครัวทำอาหารแต่กับไร้เงาของคนใจดี จนได้ยินเสียงบานประตูห้องน้ำเปิดออก สายตาคู่หวานมองไปยังห้องน้ำถึงได้รู้ว่าหลังจากคนใจดีว่างของที่ซื้อมาห้างไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คนใจดีนั้นได้เดินเข้าไปยังห้องน้ำแต่เขารู้ได้อยากไรว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหนแต่ก็เลือกเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้ถามคนใจดีออกมาคนใจดีสาวเท้าเข้าไปนั่งที่โซฟารับแขกเรียบร้อยแล้วฉันถึงเลือกที่จะเดินเข้าไปยังโซนห้องครัว เก็บของสด และอาหารที่ต้องแช่เย็นไว้ในตู้เย็นก่อนที่ จะหยิบขวดน้ำรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วถือมาให้คนใจดีโดยไม่ลืมจะที่กล่าวขอบคุณ เอาจริงถ้าไม่ได้เขาฉันก็แย่เหมือนกัน"น้ำคะ""ขอบคุณครับ.คุณชื่ออันใช่ไหม ส่วนผมชื่อเจแปนนะครับ"เจแปนรับแก้วน้ำไว้ในมือก่อนจะเอ่ยขอบคุณพร้อมกับถามชื่อและแนะนำตัวเองเสร็จสรรพและนี่คือการแนะนำตัวครั้งแรกของเราทั้งสองคนก็ว่าได้เจแปนได้แต่คิด"ขอบคุณคุ