ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า
"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว ที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลย สองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น "โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้" มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้องก่อนจะหยิบชิ้นส่วนทุกชิ้นมากอดกุมไว้ในมือ พร้อมกันค่อย ๆ พาร่างบางที่อ่อนแรงเข้ามายังห้องน้ำ แต่ขณะสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลลงมากระทบผิวเนียนละเอียดกับรู้สึกถึงความเจ็บแสบบริเวณเนินอกทั้งสองข้างใบหน้าเรียวก้มลงมองไปตามความผิวที่รู้สึกเจ็บช่วงเนินอกดวงตากลมโตเบิกขึ้นกว้างทันทีเมื่อเห็นรอยแดงช้ำหลายจุดบนเนื้อผิว "บ้าเอ๋ย"ฉันพึมพำกับตัวเอง นี่เขาเป็นคนใจดีจริงไหมทำไมถึงทิ้งรอยอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ดีนะที่ยังมีเสื้อคลุมถ้าไม่อย่างงั้นคิดไม่ออกเลยว่าจะเดินออกจากห้องด้วยสภาพที่น่าอับอายขนาดไหนคิด ๆ แล้วก็สงสารตัวเองที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ฉันรีบอาบน้ำและแต่งตัวก่อนที่พาตัวเองออกจากคอนโดหรูของคนใจดีที่ตอนนี้นอนหลับสนิทไมรู้เรื่องอยู่บนเตียง คอนโดออกัส มือเรียวสวยค่อย ๆ แง้มประตูหน้าห้องอย่างแผ่วเบาและปิดด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แก๊บ! เพื่อที่จะพาตัวเองไปยังห้องนอนแต่ระยะทางก่อนที่จะถึงห้องนอนของฉันต้องผ่านโซนรับแขกที่มีโซฟาเบรดสีเทาตั้งอยู่ เท้าเรียวสวยค่อย ๆ เดินย่องด้วยความเบาราวกับนุ่ม ด้วยความกลัวว่าพี่ชายจะเห็นการมาในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ อีกทั้งในใจยังภาวนาให้พี่ชายนั้นยังไม่กลับคอนโดหรือยังไม่ตื่นนอนก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ดับสลายเมื่อฉันได้ยินเสียงทุ้มเข้มลอยมาเข้าโสตประสาทชั้นหู "ไปไหนมาทำไมกลับมาตอนนี้"ฉันมองไปตามเสียงนั้นช้า ๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ มือข้างหนึ่งกำคอเสื้อไว้แน่นเพื่อปกปิดร่องรอยสิ่งที่ฉันทำพลาดพลั้งเมื่อคืนขณะที่พี่ออกัสจ้องมองฉันด้วยใบหน้าเรียบตรึงบ่งบอกว่าเจ้าของน้ำเสียงเข้มในอยู่ในอารมณ์ไหน "ก็ไปที่ยวกับปานดาวกับนิสาไงน้องบอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอ"เสียงหวานเอ่ยขึ้นแบบมีพิรุธพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาคมที่นั่งจ้องหน้าฉันเหมือนต้องการให้ฉันเปิดเผยความจริง "ใช่เราบอกพี่แล้ว แต่ทำไมเราถึงกลับมาตอนนี้หรือจะให้พี่บอกพ่อกับแม่ว่าเราไปเที่ยวจนถึงเช้าแล้วค่อยกลับ"สายตาคมไล่มองสำรวจฉันอย่างพิจารณาก่อนจะส่งเสียงดุมาให้ฉันในเชิงตำหนิ กับการทำตัวเหลวไหลไม่ยอมกลับบ้านกับช่องแล้วไงเมื่อก่อนก็ไม่เคยทำจะทำสักครั้งจะเป็นไรไปคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ฉันอยากจะตะโกนบอกพี่ชายให้รู้ไปเลยจะได้ไม่ต้องมาคอยมาจับผิดฉันเหมือนตอนนี้แต่ไม่เอาดีกว่าสงบปากสงบคำไว้ดีแล้วถ้าพ่อกับแม่รู้นะคิดไม่ออกเลยว่าทั้งสองจะให้มาเที่ยวที่ประเทศไทยอีกไหม "พี่จะโทษน้องไม่ได้นะ น้องโทรหาพี่ออกัสแล้วแต่ทำไมพี่ออกัสไม่รับสายล่ะหรือแอบกกสาวที่ไหนอยู่จึงไม่สนใจน้องสาว เนี่ยดูสิเลยต้องอยู่จนดึกเพื่อนตัวดีกลัวว่าจะเป็นอันตรายเลยพาไปนอนที่ห้องด้วยเนี่ยเห็นไหมว่าเป็นความผิดใคร ยังจะมาว่ากันอีก"คำแก้ตัวยาวยืดที่พ่นออกจากฉันอย่างไม่ลดล่ะที่พูดมามีความจริงอยู่บ้างอาจจะพูดออกมาไม่หมดแต่จะว่าใครผิดก็พี่ชายตัวดีเนี่ยแหละผิดที่ไม่ยอมรับสายเรา "อันไปนอนกับใครเอาดี ๆ พี่ให้โอกาสเราบอกพี่อีกครั้ง"เสียงเข้มเอ่ยถามฉันอีกรอบด้วยท่าทีหยังเชิงขณะที่ฉันหลบสายตาไม่กล้าสบตาพี่ชายหันเหมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงที่จะให้พี่ชายจับพิรุธได้ด้านออกัส
คนปากแข็งก็ปากแข็งอยู่วันย่ำค่ำ เพราะเมื่อคืนผมโทรหาน้องสาวอยู่หลายสายแต่กับโทรหาน้องไม่ติด ด้วยความร้อนใจเลยต้องรีบขับรถมาหาน้องที่ผับที่ยัยอันทิ้งพิกัดเอาไว้ในข้อความแต่เมื่อมาถึงกับไม่มีวีแววของน้องสาว จะเห็นมีเพียงเพื่อนของอันนิกาที่เดินออกจากผับพอดี ผมจึงได้โอกาสรีบสาวเท้าไปหาเพื่อนทั้งสองแต่กับได้คำตอบว่าน้องสาวน่าจะกลับคอนโดแล้วผมจึงรีบร้อนขับรถกลับคอนโดของตัวเอง แต่กับไร้วี่แววน้องสาว ผมนั่งรอน้องสาวอยู่ที่โซฟาด้วยความร้อนใจตั้งแต่เมื่อคืนยันถึงเช้าของอีกวันถ้าตอนเช้ายัยอันยังไม่กลับมาผมต้องไปแจ้งความคนหายแน่ ๆ "นอนกับปานดาวนะสิถามได้"เสียงหวานเอ่ยขึ้นยืนกระต่ายขาเดียว ฉันจะกล้าบอกได้อย่างไรว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา "เมื่อคืนพี่ไปผับที่เราไปเที่ยว"ฉันหลบสายตาพี่ออกัสด้วยใจเต้นแรงเหมือนมันจะทะลุออกจากอก ตึก ตึก ตึก! "พี่เจอใครรู้ไหม"พี่ออกัสบอก พรางมองใบหน้าฉันแบบไม่กระพริบตาเหมือนพี่เขาจะสังเกตุอาการอึดอัดของฉันขณะที่ฉันทำได้แค่เพียงหลบสายตามองพื้นห้องเพื่อไม่ให้พี่ออกัสจับสังเกตุได้ "เจอใครน้องจะไปรู้ด้วยเหรอ"เสียงหวานตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ คงไม่เจอเพื่อนตัวดีทั้งสองหรอกมั่งถ้าเจอจบคะ ทุกอย่างจบกันสิ่งที่โกหกเอาไว้เยอะจบกันวันนี้แหละ "พี่เห็นปานดาวกับนิสากำลังเดินออกจากผับพอดี พี่เลยเข้าไปถามหาเราแล้วรู้ไหมว่าเพื่อนเราตอบว่าอย่างไง"พี่ออกัสตะคอกเสียงดังจนฉันทำอะไรไม่ถูกจึงยอมสารภาพความจริงออกมา "พี่ออกัสอันขอโทษคือเมื่อคืน..."ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครืออยู่ ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมา "มีอะไรไหนลองเล่าให้พี่ฟังสิ"พี่ออกัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาฉันที่กำลังค่อย ๆ ไหลออกจากดวงตา "พี่ต้องสัญญาก่อนว่าถ้าน้องเล่าให้ฟังแล้วพี่จะไม่บอกพ่อกับแม่"ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะยกมือปราดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง "พี่สัญญา"เสียงทุ้มของพี่ชายสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนที่ฉันค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องเหตุการณ์และเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ....................................... เมื่อพี่ชายอย่าออกัสที่รักอันนิกามากเมื่อได้ยินทุกถ้อยคำที่น้องสาวเล่าหัวใจด้วยแกร่งรู้สึกเจ็บปวดที่น้องต้องโดนวางยา แต่ยังดีที่มีคนใจดีเข้ามาช่วยน้องสาวเขา แต่ไอ้คนใจดีมันดีจริงไหมนะที่มาปูยี่ปูย่ำน้องสาวแสนบริสุทธิของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี"มันเป็นใครบอกพี่มาไอ้คนใจดีของน้อง"เสียงเข้มเอ่ยขึ้นในเวลาต่อมาอยากจะลากคอไอ้คนใจดีมาชกให้หายแค้นเหลือเกินแทนที่จะพาน้องสาวเขาไปหาหมอแต่กับเลือกใช้วิธีการช่วยเหลือแบบผิด ๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าใจดีจริงไหมหรือใจดีผสมร้ายกันนะ
"พี่ออกัสอันขอล่ะของให้เรื่องทุกอย่างจบแค่วันนี้ได้ไหม เพราะอย่างไงอันก็ต้องกลับสวีเดนแล้วและไม่รู้ว่าจะได้มาไทยอีกเมื่อไหร่ พี่ปล่อยผ่านเถอะอย่างให้เรื่องบานปลายเลย" "ทำไมเราต้องปกป้องมันด้วยฮะยัยอัน"เสียงทุ้มเข้มตะคอกออกมาเสียงดังจนฉันถึงกับสะดุ้งจนตัวโยกกับน้ำเสียงอันน่ากลัวของพี่ชาย "ที่จริงส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของพี่ด้วยนะที่น้องต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าพี่รับสายน้องเรื่องทุกอย่างอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้"ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาพร้อมกับก้มมองพื้นห้องไม่กล้าสบตาพี่ชายก่อนน้ำตาหยดใสจะร่วงหล่นมาที่พื้น "ยัยอันนี่แกว่าเป็นความผิดของพี่เหรอ"เสียงทุ้มตะคอกขึ้นจนเสียงดังกับข้ออ้างที่น้องสาวโยนความผิดมาให้ตัวเอง "หรือพี่คิดว่ามันไม่จริงพี่ลองคิดดี ๆ นะว่าใครผิดถึงทำให้อันเจอกับเหตุการณ์นี้" พูดจบฉันก็ไม่อยากจะฟังอะไรอยู่แล้วฉันรีบวิ่งเข้าไปห้องนอนล๊อกประตูและร้องไห้อยู่คนเดียวภายในห้องผมออกัสพอฟังน้องสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดด้วยความที่เป็นพี่ชายผมก็ต้องโกรธใช่ไหมล่ะหรือทุกคนจะไม่เป็นแบบผม แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถ้าคืนนั้นผมรับโทรศัพท์และรีบไปหาน้องสาวเรื่องราวทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนผมค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าห้องน้องสาวได้ยินเสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาเบา ๆ หัวใจแกร่งผมก็อ่อนยวบจากเมื่อครู่ที่โกรธเคืองน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นความโกรธเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตา เหลือแต่ความสงสารน้องสาวผมอย่างจับใจเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับน้องสาวผมเลยมือหนายกขึ้นเคาะห้องน้องสาวก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย พี่ขอโทษ"ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในห้อง เสียงร้องไห้เงียบลงเหลือเพียงความเงียบงันทำให้ผมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้ภายห้องนอนของน้องสาวเกิดอะไรอยู่ขึ้นผมจึงตัดสินใจเคาะห้อง อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย ถ้าอันไม่เปิดพี่จะพังประตูจริง ๆ นะ"เสียงเคาะที่ดังขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงใยน้องสาวมากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมผมกำมือค้างไว้กำลังจะเคาะปร
3 เดือนต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียน แต่ก็แปลกพอฉันตื่นขึ้นมากับมีอาการมึนหัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ"ฮึก!!!"สองขาวาดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโก่งคอเอาอาหารที่ทานเมื่อคืนออกมาจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกจากห้องน้ำ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ตาคู่สวยปิดเปลือกตาลงเพื่อที่ต้องการจะพักอีกสักนิดก่อนไปมหาลัยแกร๊ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นขณะที่ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องฉันทันที ก่อนจะได้ยิ่งเสียงหวานอันคุ้นเคยส่งมาให้ฉัน"เป็นอะไรลูกวันนี้ไม่ไปมหาลัยเหรอ"คุณแม่กล่าวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเดินตรงมาที่ฉัน ขณะที่ฉันชันตัวนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง"ไม่รู้คะตื่นมาก็เวียนหัวเลย วันนี้ขอนอนพักนะคะ"ฉันบอกเพราะว่าตอนนี้เริ่มจะรู้สึกหมดแรงถ้าได้หยุดและนอนพักน่าจะดีขึ้น"เป็นเยอะหรือเปล่า ไปหาหมอไหมลูก"แม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่ต้องไปถึงกับไปหาหมอหรอกมั่งแค่นอนพักอีกหน่อยอาการที่เปฺ็นอยู่น่าจะดีขึ้น"ยังพอไหวคะ ขออันนอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น"ฉันบอกแม่ขณะที่แม่ยกฝ่ามืลูบหัวฉันด้วยความห่วงใย"ถ้าไม่หายรีบบอกแม่เล
ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที"หมอว่าไงบ้างลูก"ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ"แม่คะ คือ...""หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้านช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ
หลายเดือนต่อมาอีกด้านที่ประเทศไทย"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโ
พี่ชายอย่างออกัสเมื่อทราบข่าวว่าน้องสาวของตัวเองที่คลอดลูกก็รีบตรงมายังสวีเดน เพื่อที่อยากเห็นหน้าหลานชายของตัวเองว่าจะน่ารักขนาดไหนย้อนไปช่วงเวลานั้นเขายังจำได้ดีว่าทั้งพ่อกับแม่ต่อสายตรงมาต่อว่าเขาเรื่องที่ไม่ดูแลน้องสาวจนพลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และเมื่อเขามารู้อีกว่าน้องสาวที่พลาดเสียความบริสุทธให้กับใครก็ไม่รู้ในคืนนั้นเกิดท้องขึ้นมาเขาก็ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีแต่เมื่อทั้งหมดคุยและปรับความเข้าใจกันและน้องสาวยืนยันที่จะเก็บเจ้าก้อนกลมไว้ เขาที่เป็นพี่ชายจะพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากเห็นดีเห็นงามไปด้วย"มาแล้วเหรอลูก มาดูหลานเร็วนอนหลับปุ๋ย น่ารักมากเลย"คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมาหาน้องสาวที่ห้องฟักฟื้นภายในโรงพยาบาลต่างก็ดีใจ เสียงหวานของคนเป็นแม่รีบเรียกลูกชายให้มาดูหลายชายตัวน้อยใกล้ ๆ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่เป็นน้องสาวของเขา"สวัสดีครับ พ่อแม่ พอผมรู้ก็รีบให้เลขาจองตั๋วมาสวีเดนเลย"ออกัสรีบสาวเท้าเขามายังห้องที่น้องสาวนอน ว่างกระเป๋าเดินทางลงข้างโซฟาภายในห้องพักก่อนขาเรียวยาวจะรีบสาวด้วยก้าวยาว ๆ มาที่เตียงของน้องสาวสายตาคมไล่มองไปยัง
5 ปีต่อมาหลังจากคลอดน้องซีนายได้ 1 ปีฉันก็กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนคว้าใบปริญญาสาขาบริหารธุรกิจมาฝากพ่อกับแม่ได้สำเร็จ โดยช่วงที่ฉันไปเรียนคุณแม่จะรับหน้าที่ดูแลน้องซีนายให้ ซึ่งแม่ของฉันเต็มใจที่จะดูแลให้อยู่และเพราะน้องซีนายเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ น้องซีนายอายุเข้า 5 ขวบแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าลูกสุดที่รักของฉันจะขาดความรักเพราะน้องซีนายมีทั้งคุณตาคุณยายที่เป็นที่รัก และยังมีทั้งพี่ออกัสพี่ชายฉันที่รักไอ้ต้าวตัวน้อยประหนึ่งลูกชายตัวเอง ไม่ให้คิดแบบนั้นได้ไงเวลาที่พี่ชายฉันกลับมาสวีเดนไอ้ต้าวตัวน้อยก็จะค่อยตามติดเหมือนดังเงา และยิ่งเวลาที่ออกไปข้างนอกไอ้ต้วน้อยจะค่อยออดอ้อนเรียกพี่ชายว่าแดดดี้เวลาคนข้างนอกมองมาจึงไม่แปลกที่จะคิดว่าไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นเป็นลูกชายของพี่ชายฉันถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็ตามเถอะวันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรเพราะอะไรนั้นเหรอก็เพราะคุณแม่อยากกลับมาอยู่ประเทศไทยถาวรและยังเป็นโอกาสเหมาะที่พี่ออกัสกลับมาร่วมงานแต่งของญาติสนิทพอดีพ่อกับแม่เลยให้ฉันกลับมาประเทศไทยก่อนพร้อมกับพี่ชายเพราะคุ
ณะห้างสรรพสินค้าอันนิกาค่อย ๆ เลือกซื้อของอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียงของตัวเองและของลูกชาย อุปกรณ์เครื่องครัวและของใช้อย่างอื่นที่คิดว่าจำเป็นสำหรับทั้งตัวเองและไอ้ต้าวตัวน้อย สายตาคู่สวยสำรวจดูของบนรถเข็นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข็นรถเข็นเพื่อที่จะไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และกลับมายังคอนโดของพี่ชายเมื่อมาถึงคอนโดอันนิกาค่อย ๆ จัดข้าวของที่ซื้อมาให้เข้าที่เข้าทางถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความสะดวกสบายของลูกชาย จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่เป็นเวลาเลิกเรียนของไอ้ต้าวตัวน้อยอันนิกาจึงเลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปหาลูกชายที่โรงเรียนโดยมีคุณลุงมาจอดรถรออยู่ที่โรงเรียนอยู่ก่อนแล้วเพราะว่าคืนนี้ต้องกลับไปนอนที่บ้านและต้องโทรไปคุยกับพ่อและแม่เรื่องที่จะย้ายมาอยู่ที่คอนโดของพี่ชายด้วย@โรงเรียน"แม่ครับ"เสียงใสของไอ้ต้าวตัวน้อยเรียกฉันก่อนจะเห็นไอ้ต้าวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับชู้แขนให้ฉันอุ้ม ฉันถึงกับย่อตัวให้ต่ำลงรับไอ้ต้าวตัวน้อยไว้อยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมลงแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง"เป็นไงลูกมาเรียนวันแรก สนุกไหม มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า"ฉันถามไ
รถยนต์คันหรูขับตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ลดล่ะ จนมาหยุดที่ประตูบ้านหลังใหญ่ที่ผมนั้นคุ้ยเคยเป็นอย่างดีขณะที่รถยนต์คันนั้นเลี้ยวเข้าไปในบ้านผมเลือกที่จะจอดอยู่ที่รั่วบ้านที่เป็นมุมอับถ้าคนข้างในมองออกมาจะไม่เห็นรถผมแต่ตรงกันข้ามผมสามารถมองเห็นคนข้างในได้อย่างชัดเจนขณะที่ในหัวของผมกับตั้งคำถามมากมาย บวกกับคำตอบที่นำเข้ามาหักล้างในสิ่งที่ผมคิดกับผู้หญิงคนที่ผมตามหาในช่วงเวลาหนึ่งถึงความเกี่ยวพันกับเพื่อนสนิทผมหรือว่าจะเป็นเมียแต่ทำไมเพื่อนผมไม่เห็นจะบอกอะไรพวกผมเลยทั้งที่เราสนิทกันมาก หรือจะเป็นญาติที่มาพักอยู่ด้วย หรือว่าจะเป็นน้องสาว สมองผมค่อย ๆ ประมวลผลเรื่อยๆ มาหยุดคำว่าน้องสาว ใช่มันมีน้องสาวแล้วน้องสาวมันมีลูกแล้วตอนนั้นมันขยันอัพรูปภาพของหลานชายลงกลุ่มไลน์บ่อย ๆ แต่มาช่วงหลังมันหยุดอัพไม่รู้ว่าเพราะอะไร สงสัยพรุ่งนี้ผมต้องเจ้าไปทักทายมันที่ทำงานซะหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้นผมจึงหยุดความคิดนี้ไปก่อนของเฝ้าดูคนที่ผมตามหาให้หน่ำใจก่อนค่อยว่ากันขณะที่สายตาคู่คมยังคมมองเข้าไปด้านในที่ตอนนี้สาวน้อยใบหน้าลูกครึ่งก้าวลงจากรถก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้านผมเลือกที่จะจ
รุ่งเช้าของวัน ความบันเทิงก็เกิดขึ้นเมื่อฉันกำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดคนเป็นสามี แต่แล้วเหมือนได้ยินเสียงแหวกเข้ามาในโสตประสาทของหูแต่ก็ไม่ถึงกับดังมาก ฉันค่อย ๆ ลืมตาตื่นจับโฟกัสก่อนจะเห็นว่าคุุณพ่อกับคุณแม่พี่เจแปนยืนอยู่ข้างเตียง ฉันยกมือขึ้นไหว้ก่อนปลายนิ้วจะสะกิดลงที่ท่อนแขนของคนตัวสูงเรื่องของเรื่องคือ เมื่อคุณปู่คุณย่าทราบข่าวว่าลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยทั้งสองตั้งใจออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตั้งใจจะมาหลานสาวตัวน้อย แต่เมื่อเข้ามาด้านในห้องพักฟื้นก็ทำให้คุณย่าถึงปรี๊ดแตก จากอารมณ์ดีใจที่จะได้เห็นใบหน้าหลานสาวตัวเล็กแต่กับเห็นคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงลูกสะใภ้ด้วยความว่าจะทำให้ลูกสะใภ้นอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ เสียงกร่นด่าจึงลอยออกมาจากปากคุณย่าอย่างต่อเนื่องแต่ไอ้ลูกชายกับนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง คนเป็นย่าจึงใช้ฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงต้นแขนจนเสียงดัง เปี๊ยะ!ฝ่ามือร้ายกาจทำให้คนเป็นลูกสะดุ้งตื่น พร้อมร้องออกมาจนเสียงดัง "โอ้ย" ก่อนจะยกมือลูบต้นแขนตัวเองปรอย ๆ ยังงงอยู่ว่าทำไม่แม่ตัวเองถึงส่งฝ่ามืออรหันต์ใส่ตัวเองก่อนจะบ่นออกมาไม่เต็มเสียง"เจ็บนะแม่""เจ็บสิดี มีอย่างที่ไหนแย่งเ
ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่งขณะสองสามีภรรยานอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงอยู่ ๆ ไอ้ก้อนกลม ๆ ที่อยู่ในท้องก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ส่งสัญญาณให้คนเป็นแม่ว่าตัวเองอยากจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว"พี่เจแปนอันปวดท้อง"มือบางสะกิดคนเป็นสามีที่นอนข้างกาย ขณะที่คนตัวสูงดีดลุกขึ้นนั่งก่อนจะประคองสติได้"อันจะคลอดแล้วเหรอ"ผมมองไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มดวงหน้าใสก่อนจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยบอกด้วยความเจ็บปวด มือเรียวกุมหน้าท้องนูนป่องเอาไว้"อืม..น่าจะใช่...อันปวดท้อง"ผมเริ่มตั้งสติได้ก่อนจะวาดเท้าลงจากเตียงคว้าเอกสารสำคัญ ที่น้องอันจะวางไว้ที่หัวเตียงเพื่อมีเหตุฉุกเฉิน ก่อนจะยัดลงกระเป๋าขนาดย่อมที่คนตัวเล็กจัดของใช้บ้างส่วนที่เกี่ยวกับลูกสาวไว้ด้านใน มือหนาจับหูกระเป๋าคล้องลงบนไหล่ ก่อนจะสาวเท้ามาช้อนอุ้มร่างตุ้ยนุ้ยของคนเป็นภรรยาเดินออกจากห้องทั้งนั้นไม่ลืมที่จะบอกคนเป็นตากับยายถึงเหตุการณ์ฉุกละหุกที่เกิดขึ้นเสียงเข้มตะโกนเรียกพวกท่านอยู่บริเวณหน้าประตูห้องนอนของท่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนผมและคนตัวเล็กนึกถึงตอนนั้นที่พ่อตาแม่ยายสั่งให้ทั้งผมและคนตัวเล็กพาไอ้ต้าวตัวน้อยย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยท่
เวลารุ่งเช้าฉันที่ตื่นขึ้นมาก่อนจะนอนมองคนตัวสูงที่เล่นบทรักกับฉันเมื่อคืนณะตอนนี้กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ขณะท่อนแขนแกร่งโอบกอดเอวฉันไว้ตลอดทั้งคืน มือเรียวสวยลูบไล้ใบหนาคมไล้ลงมาที่จมูกที่โด่งคมเป็นสันและมาหยุดที่ริมฝีปากหนา พลั้นก็รู้สึกชุมชื่นหัวใจอิ่มเอมกับความสุขให้กระชุ่มกระชวยจิตใจขณะดวงตาคู่คมกระพริบถี่ ๆ ก่อนจะเปิดม่านตาออกเพื่อรับแสงสว่าง"ตื่นแล้วเหรอ..." เสียงแหบพร่าของคนที่ตื่นนอนใหม่ ๆ ถามขณะที่ฉันดึงท่อนแขนออกก่อนคนตัวกับรวบเอวคอดฉันอยู่ในอ้อมกอดเหมือนเดิม"ลุกเถอะคะเช้าแล้ว"คนตัวสูงดีดตัวขึ้นเหมือนคิดอะไรบ้างอย่างได้"จริงสิ วันนี้พี่ต้องพาอันไปหาหมอ ไม่รู้ว่าลูกเราที่อยู่ในท้องอันจะเป็นอย่างไงบ้าง"พูดจบคนตัวสูงก็ช้อนอุ้มฉันเข้าไปอาบน้ำ ขณะที่ฉันเอ่ยปฎิเสธความหวังดีของคนตัวสูงแต่เหมือนคนตัวสูงกับไม่ยอมแค่บอกว่า"อาบน้ำพร้อมกันไวกว่าไม่เสียเวลา อีกอย่างพี่กลัวเราลื่นล้มในห้องน้ำด้วยพี่เป็นห่วงเรากับลูกในท้อง"ฉันจึงยอมจำใจให้คนตัวสูงอาบน้ำให้ ถึงแม้ฝ่ามือหนาจะเน้นย้ำถูลูบไล้จุดสงวนและหน้าอกคู่สวยของฉันเป็นพิเศษก็ตามทีกว่าจะเสร็จก็ร่วมชั่วโมงกว่าเราสองคนจะออกจากห้
พิธีการที่ผมรอมาเกือบจะทั้งวันก็ต้องเป็นพิธีการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นแหละ ทันทีที่แม่ผมมาบอกว่าถึงฤกษ์แล้ว ผมไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปเรียกคนตัวเล็กที่ยืนคุยในกลุ่มเพื่อนของน้องด้วยความไว ถึงแม้จะโดนเพื่อนสนิทอย่างไอ้เหนือกับไอ้ออกัสฉุดรั้งผมไว้ก็ตาม ก่อนหน้านั้นก่อนที่ผมจะสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าสาวแสนสวยของผม"มึงจะรีบไปไหน ไอ้น้องเขย"มือหนาของออกัสฉุดรั้งท่อนแขนของผมไว้ เมื่อมันเห็นว่าผมจะแยกตัวไป ตอนนี้มันเป็นพี่เขยผมเต็มตัวแล้ว พอผมได้เป็นน้องเขยมันแม่งเบ่งชิบหาย"แม่มาบอกว่าถึงฤกษ์ส่งตัวแล้วกูจะไปตามเจ้าสาว""เลทออกไปสัก 5 นาทีไม่เป็นไรหรอกมั่ง"ไอ้เหนือมันพูดบ้างผมรู้แหละว่ามันสองตัวแกล้งผม มันรู้ดีว่าโบราณเขาถือเรื่อง ฤกษ์ยามแค่ไหนใครเขาให้เลทกัน"ไอ้เหนือ ไอ้ออกัสมึงสองตัวแต่งงานอย่าแกล้งกู จริงไหมคุณลิตา"ผมที่อยากหลุดพ้นไอ้เพื่อนสองคนนี้จึงหันไปหาตัวช่วยที่ตอนนี้คุณลิตามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ผมเพราะไอ้ออกัสผู้ไม่กลัวใครนอกจากเมียมันก็คือคุณลิตาที่ยืนอยู่ข้างมันแหละ"พี่ออกัสอย่าแกล้งคุณเจแปนสิคะ"ไม่นานคำขอผมก็เป็นผลเมื่อคุณลิตาเอ่ยปราบไอ้เพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ขยับสถานะมาเป็นพี่เขยผมเ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาพ่อแม่พี่เจแปนเดินทางมาพบพ่อแม่ฉันที่บ้าน เพื่อมาขอโทษแทนลูกชายและมาสู่ขอฉันตามประเพณี การเจรจาพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้เรียกสินสอดอะไรมากมายแต่ขอให้สมน้ำสมเนื้อในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้านและในฐานะลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ ทางคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่เจแปนก็ไม่ติดขัดอะไรพร้อมจัดสินสอดให้โดยที่ทางเราไม่เรียกร้องเห็นแต่สมควร"ผมดีใจนะครับที่ทางคุณยกโทษและให้อภัยลูกชายผม แต่ในเมื่อคุณไม่เรียกสินสอดทางเราจัดสินสอดให้เองแต่ถ้าคิดว่าน้อยไปเรียกเพิ่มเลยนะครับ"พ่อพี่เจแปนที่ทำหน้าเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอเมียให้ลูกชายขณะแม่พี่เจแปนนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน"ใช่คะทางเราคุยกันแล้วว่าจะให้ เงิน 10 ล้าน ทอง 100 บาท เครื่องเพชร 1 ชุด และแหวนเพชร 10 กะรัต ทางคุณคิดว่าน้อยไปหรือเปล่า หรือจะเรียกเพิ่มเรียกได้ตามสบายเลยนะคะ"คุณแม่พี่เจแปนเอ่ยขึ้นฉันถึงกับตาเบิกกว้างไม่คิดว่าทั้งสองจะให้สินสอดฉันเยอะขนาดนี้"เราสองคนคุยกันแล้วว่าจะไม่เรียก แล้วแต่ทางคุณจะให้"แม่ฉันเอ่ยขึ้น"แม่คะไม่เยอะไปเหรอคะ"ฉันรีบแย้งขึ้นทันทีเพราะดูเหมือนสินสอดที่พ่อแม่พี่เจแปนให้มันเยอะไปจริง ๆ ขณะพี่เจแปนที่นั่งบนโ
บ้านอันนิกาผมสั่งให้เลขาจัดหาพานดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถือมาขอขมาท่านทั้งสองที่ได้ล่วงเกินคนตัวเล็กจนพลาดท้องขึ้นมา เมื่อก้าวท้าวเข้ามาในบ้าน คุณแม่ของคนตัวเล็กเอ่ยทักทายเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ขุ่นเคืองหัวใจ และยังยิ้มรับการมาของผมด้วย"สวัสดีครับคุณแม่""จ๊ะสวัสดีเข้ามาก่อน"ไม่น่าเชื่อว่าท่านยิ้มตอบรับไมตรีจากผม ขณะคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาชักสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยสายตาคู่คมของคุณพ่อมองที่ผมแวบนึงก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนาย"มาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลยมาหาตาเร็ว"พ่อของคนตัวเล็กเรียกน้องซีนาย ไม่น่าเชือว่าท่านเป็นคนต่างชาติที่สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างดีเลยทีเดียว ขณะที่น้องซีนายวิ่งเข้านั่งข้างคุณตา"สวัสดีครับคุณพ่อ"ผมทักทายท่านและอีกเช่นเคยพ่อน้องอันพยักหน้าเพียงเล็กใบหน้าช่างดูเรียบตึง จนทำให้ผมรู้สึกเกร็ง ๆ ขึ้นมา ขณะสายตาท่านมองมาที่ผมชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจน้องซีนายต่อ คนตัวเล็กที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์ดีเอื้อมมือบางมาบีบมือผมเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจ"ได้ข่าวว่าไปเที่ยวทะเลสนุกไหมน้องซีนาย"เสียงทุ้มของคุณตาเอ่ยถามไอ้ต้าวตัวน้อยยิ้มก่อนที่เอ่ยเสียงใสเล่าเป็นฉาก ๆ ให้คุณตาฟัง"สนุกมาก
เราเดินทางกลับกรุงเทพช่วงบ่าย แต่แทนที่คนเป็นพ่อของลูกจะพากลับคอนโด แต่กับเลี้ยวรถเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ กว้างขวาง พอ ๆ กับบ้านของฉันที่ประเทศไทย"บ้านใครคะ "ฉันถามด้วยความสงสัยขณะคนตัวสูงเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว"บ้านพี่เอง พี่โทรบอกพ่อกับแม่แล้วว่าจะพาอันกับลูกมาหา"ฉันถึงตกใจไม่น้อยแทนที่จะบอกกันก่อนจะได้เตรียมตัว ก่อนจะก้มมองดูชุดตัวเองที่ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่กับการมาพบผู้ใหญ่"ทำไมไม่บอกกันก่อนคะ ดูสิแต่งตัวก็ไม่เรียบร้อย และยังไม่มีของติดไม้ติดมือมาฝากท่านทั้งสองอีกด้วย""พ่อแม่พี่ใจดีไม่ต้องกังวลหรอก"คนตัวสูงพูดจบก็ลงจากรถทำให้ฉันต้องก้าวลงจากรถตามคนตัวสูง ก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังรถที่ตอนนี้มีไอ้ต้าวตัวน้อยนั้นนอนหลับอยู่ขณะที่ฉันกำลังโน้มตัวอุ้มไอ้ต้าวตัวน้อยออกจากรถได้ยินเสียงหวานที่ดังออกมาจากทางด้านหลัง'มากันเหรอลูก"ผู้หญิงวัยน่าจะไรเรี่ยกับแม่ของฉันเอ่ยทักทายทำให้ฉันหันไปตามทิศทางของเสียงนั้น"อันนี้แม่พี่"คนตัวสูงแนะนำ"สวัสดีค่ะ"ฉันยกมือขึ้นไหว้ท่านก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้"สวัสดีจ๊ะ หนูอันต
หลังจากบทรักจบลงคนตัวเล็กถึึงกับหมดเรี่ยวแรงยืนขาสั่น จนผมต้องประคองไว้ในอ้อมกอด มือหนาบีบสบู่เหลวถูให้เกิดฟองก่อนจะลูบไล้ตามผิวกายจนทั่วทั้งตัวแม้แต่จุดซ่อนเร้นที่ผมล่วงล้ำไปเมื่อกี้ผมก็ล้างทำความสะอาดให้อย่างดี ก่อนจะใช้น้ำล้างคราบฟองสบู่ให้สะอาดหมดจดผ้าเช็ดตัวที่แขวนบนราวในห้องน้ำถูกดึงออกนำมาเช็ดซับน้ำตามผิวกายของคนตัวเล็กและของผมพร้อมหยิบเสื้อคลุ่มที่ทางรีสอทร์พับว่างเตรียมไว้สำหรับแขกที่จะเข้ามาพักมาส่วมใส่ให้ร่างบางเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่สบายก่อนจะช้อนอุ้มคนไม่มีแรงมาว่างไว้บนที่นอนนุ่มดึงผ้าห่มมาคลุมให้ความอบอุ่มแก่รางกาย ขณะผมหันหน้านอนตะแครงข้างกอดคนตัวเล็กที่ตอนนี้เหนื่อยจากบทรักในห้องน้ำจนเวลาล่วงเลยสักพักใหญ่คนตัวเล็กที่นอนอยู่กับเริ่มที่จะมีแรง มือบางดึงผ้าห่มที่ผมคลุมให้ออกจากตัวก่อนจะดึงมือของผมที่กอดเอวคนตัวเล็กออกพร้อมลุกขึ้นนั่งตั้งท่าจะลุกเดินออกจากเตียงทว่าผมรีบคว้าท่อนแขนฉุดรั้งไว้ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย "จะไปไหน""อันจะไปนอนกับลูก"คนตัวเล็กบอกพร้อมดึงมือของผมที่จับท่อนแขนไว้แกะออก"นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ พี่อยากนอนกอดหนูทั้งคืน"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ้อนวอ
และแน่นอนท่าที่ผมชอบคือท่านี้ยามเธอนั่งอยู่บนตักผมทำให้ผมคิดถึงท่วงท่าลีลาอันเร้าร้อนในวันนั้นขณะที่คนตัวเล็กเมื่อฟังผมพูดจบกับก้มหน้างุดด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกับผม ขณะที่ฝ่ามือหนาของผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนหันมาถอดเสื้อยืดสีขาวและบราเชียร์คนตัวเล็กออกด้วยความไวจนตอนนี้ด้านบนของเราทั้งสองนั้นเปลือยเปล่า ก่อนผมจะก้มใบหน้าคมส่งจมูกโด่งคมเป็นสันปัดป่ายสูดดมกลิ่นไอความหอมที่เนินเนื้อก้อนกลมทั้งสองข้าง อีกทั้งยังส่งริมปากหนาดูดดึงจุกสีหวานทั้งสองข้างสลับไปมา"อืม..."ขณะที่ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กเชิดขึ้นก่อนเสียงครางอันหวานลื่นหูขึ้นอีกทั้งที่มือเรียวทั้งสองข้างจับไหล่ผมแน่นพร้อมใช้เล็บจิกลงบ่าไหลผม ยามผมใช้ฟันคู่คมขบเม้นจุกสีหวานเบาๆ"เสียวเหรอคนดี"ผมล่ะออกจากอกก้อนกลมเสยใบหน้าคมเอ่ยถามด้วยเสียงกระเส่าก่อนจะก้มใบหน้าหล่อคมพร้อมส่งริมฝีปากหนาใช้เรียวลิ้นวนเล่นที่จุกหวานอีกครั้งทว่าคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดไม่เอ่ยตอบ ทำเพียงส่งเสียงหวานครางเป็นระยะ เป็นระยะ พร้อมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มเหมือนชวนเชิญให้ผมล่วงล้ำในขั้นตอนต่อไปมือหนาที่ตอนแรกลูบไล้อยู่แผ่นหลังขาวเนียนขยับลูบเลื่อนม