เวลาเริ่มดึกคนต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายส่งผลให้บรรยากาศภายในร้านเริ่มมีนักท่องเที่ยวแน่นและเยอะกว่าทุกวันหรือนี่อาจจะเป็นวันศุกร์ของสิ้นเดือนนักท่องเที่ยวเลยเยอะมากกว่าปกติ
สามสาวนั่งดื่มค๊อกเทลบนโต๊ะจนเริ่ม หร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ ตลอดการนั่งดื่มของสามสาวต่างมีหนุ่ม ๆ ค่อยแวะเวียนมาขอชนแก้วไม่ขาดสาย
ยิ่งดึกเสียงเพลงยิ่งเป็นจังหวะที่สนุกสนามสองสาวอย่างนิสากับปานดาวลุกขึ้นอวดลวดลายโชว์สเต็ปการเต้นข้างโต๊ะที่หญิงสาวนั่งแบบไม่มีใครยอมใครและขาดไม่ได้เลยที่จะมีหนุ่ม ๆ ขยับมาเต้นใกล้ ๆ เพื่อนทั้งสอง
ฉันมองแล้วกับยิ้มที่นาน ๆ ทีจะเห็นเพื่อนทั้งสองสนุกขนาดนี้ ก่อนจะรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมาเป็นเพราะปวดฉี่ อยากจะเข้าห้องน้ำก็แหมจะไม่ปวดได้อย่างไรในเมื่อฉันดื่มค๊อกเทลด้านหน้าหมดไปแล้วไม่รู้กี่แก้วแต่ที่รู้คือค๊อกเทลที่สองสาวสั่งมาเราสามคนต่างช่วยกันดื่ม
"นี่แกฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"ฉันบอกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายที่ด้านในมีโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ติดตัวไปด้วย
"อืม รีบไปรีบมานะ กระเป๋าก็ว่างที่โต๊ะแหละไม่หายหรอก"
"ว่าจะไปโทรศัพท์หาพี่ออกัสด้วยตั้งแต่มายังไม่ได้บอกพี่ออกัสเลยว่าอยู่ร้านไหน"
"อืม"เพื่อนทั้งสองรับคำและเป็นอันเข้าใจว่าพี่ชายของเพื่อนนั่นก็ห่วงน้องสาวยิ่งกว่าอะไรดี
หลังจากบอกเพื่อนทั้งสองเป็นที่เข้าใจแล้วฉันรีบสาวเท้าออกจากโต๊ะที่เบียดเสียดนักท่องราตรีทั้งหลายออกมาเข้าห้องน้ำและโทรหาพี่ชายแต่เมื่อฉันพยายามโทรหาพี่ชายอยู่หลายสายกับไม่มีทีท่าว่าพี่ออกัสจะรับสายเมื่อเป็นเช่นนั้นหลังจากที่จะให้พี่ชายมารับที่ผับเลยถูกพับไปก่อนที่ฉันจึงเดินออกจากห้องน้ำ
แต่ทว่าขณะฉันเดินออกพ้นประตูห้องน้ำกับมีฝ่ามือปริศนามากระชากที่ท่อนแขนฉันทำให้ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัว ถลาไปตาแรงกระชากของใครบ้างคน
"อุ้ย"เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจมองไปยังรอบข้างที่ถูกกระชากมาในมุมอับแต่ก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาแต่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่
"มาคนเดียวเหรอครับ"คนตัวสูงหน้าเข้มแบบไทยเอ่ยถามฉันด้วยท่าทีจาบจ้วงและไม่น่าไว้ใจ
"ฉันมากับเพื่อน แล้วก็กรุณาปล่อยมือฉันด้วยเพราะเราไม่รู้จักกัน"ฉันพยายามสะบัดแขนออกจากมือของผู้ชายตรงหน้า แต่พยายามเท่าไหร่ชายตรงหน้ากับจับท่อนแขนฉันไว้แน่น
"พี่ชื่อคิวนะครับ รู้ไหมพี่มองน้องตั้งแต่โต๊ะที่น้องนั่งกับเพื่อนแล้ว"เสียงทุ้มบอกฉันในขณะที่ฉันไม่ต้องการฟังเลยสักนิด
ย้อนไปตอนที่อันนิกาเดินออกมาเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แอบมองหญิงสาวตลอดและสังเกตุว่าถึงแม้จะมีหนุ่ม ๆ เข้ามาขอชนแก้วด้วยสาวสวยใบหน้าลูกครึ่งกับไม่สนใจต่างกับเพื่อนทั้งที่มาด้วยกัน เมื่อเห็นหญิงสาวลุกออกจากโต๊ะคาดว่าน่าจะมาเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงถือโอกาสเพื่อมาดักคุยทำความรู้จักหญิงสาวที่ตัวเองสนใจ
"โอเคคุณชื่อคิว ฉันรู้จักชื่อคุณแล้วคะเพราะฉะนั้นกรุณาปล่อยมือคุณจากแขนฉันได้แล้ว"ฉันมองไปยังมือของชายคนนั้นที่กำข้อมือฉันไว้แน่นก่อนกรอกตามองไปยังใบหน้าของชายผู้ไม่หวังดี พรางคิดหาทางออกที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ด้านหน้าให้ไวที่สุด
"แต่พี่ยังไม่รู้จักหนูเลยนะ หนูชื่ออะไรเอ๋ย"เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแบบกระลิ้มกระเลี่ยทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงอยากจะออกจากสถานการณ์เร็ว ๆ
"อันคะ รู้แล้วก็ปล่อย"ฉันพยายามแกะมือเขาออกจากแขนฉันออกอีกรอบเป็นจังหวะเดียวกันที่ชายคนนั้นยอมคลายมือออกทำให้ฉันเป็นอิสระจากการจับกุม
ฉันหมุ่นตัวและรีบสาวเท้าเร็ว ๆ ไปหาเพื่อนสนิทของฉัน แต่ยังมิวายชายคนนั้นกับเดินตามหลังฉันมาติด ๆ เอ่ยพูดคุยกับฉันตลอดทาง เมื่อถึงโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่ฉันนั่งมากนักเสียงทุ้มของเขาเอ่ยชวนฉันนั่งด้วย"น้องอันนั่งด้วยกันก่อนสิครับ"
ฉันไม่เอ่ยตอบแค่พยายามจะสาวเท้าเดินหนีจากผู้ชายน่ากลัวมายังโต๊ะของตัวเอง แต่ทว่าคนที่ชื่อคิวกับคว้าท่อนแขนฉันเอาไว้อีกรอบเพื่อที่จะดึงฉันให้นั่งที่โต๊ะของตัวเองให้ได้ ขณะที่ฉันพยายามฝืนสุดฤทธิ์
"ไม่นั่ง ปล่อย"
"โอเค ไม่นั่งก็ไม่นั่งครับ ถ้างั้นดื่มเหล้าเพื่อให้เกียรติพี่ที่เรารู้จักกันครั้งแรกนะครับแล้วพี่จะไม่กวนน้องอันอีกเลย"พูดจบผู้ชายที่ชื่อคิวส่งแก้วเหล้าสีชาทรงเตี้ยให้ฉัน สายตาคู่สวยของฉันมองแก้วเหล้าก่อนจะยอมยกดื่มโดยดีเพื่อตัดความรำคาญ
น้ำสีชาถูกส่งเข้าไปในลำคอบางถึงแม้จะมีกลิ่นที่เหม็นและรสชาติขมแต่ฉันก็ยอมฝืนที่จะดื่มเพราะอยากจะหลุดจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดตรงนี้สักที
"แล้วเจอกันนะครับ"เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะที่ฉันดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้วก่อนจะวางลงที่โต๊ะแล้วรีบสาวเท้ามายังที่โต๊ะของตัวเอง
แต่ทว่าพอมาถึงที่โต๊ะแล้วเพื่อทั้งสองกับไม่รู้ว่านางหนีไปเต้นแร้งเต้นกาที่ไหนฉันนั่งรอเพื่อนทั้งสองยังไม่ถึงสิบนาทีเหมือนกับร่างกายร้อนวูบวาบแปลก ๆ และยังหายใจติด ๆ ขัดอีก
ฉันคงกินเหล้าไปเยอะแอลกอฮอล์คงน่าจะออกฤทธิ์ฉันคงต้องเมาแล้วแน่ ๆ เลย
ร่างบางของฉันลุกออกจากโต๊ะ จุดหมายว่าจะต้องรีบกลับบ้านได้แล้วถ้าตัวเองเมามาก ๆ อาจจะกลับไม่ไหวก็ได้ สองขาเรียวของฉันรีบเดินออกจากสถาบันเทิงทันที
ฉันรีบสาวเท้าออกมาเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เพราะก่อนหน้านี้ฉันพยายามโทรหาพี่ชายอยู่หลายสายแต่พี่ชายสุดที่รักก็ไม่ยอมรับสายสักที ไม่รู้ว่าไปแอบกกสาวอยู่ที่ไหนถึงไม่สนใจน้องสาวตัวเอง ถ้ากลับไปถึงสวีเดนจะฟ้องพ่อกับแม่ให้หมดว่าละเลยน้องสาวของตัวเอง
ฉันพยายามพยุงตัวเองมายังด้านหน้าสถานบันเทิงเพื่อตั้งใจว่าจะเรียกแท็กซี่แต่กับมีมือหนาของใครบ้างคนมากระชากท่อนแขนฉันเอาไว้ ทำให้ตัวของเซไปตามแรงจนชนเข้ากับแผงอกกำยำโดยไม่ได้ตั้งใจ
"อุ้ย"สายตามองไปตามแรงฉุดรั้งก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของผู้ชายคนที่ตามตอแย่ฉันตอนอยู่ในผับ
"น้องอันครับเดี๋ยวพี่ไม่ส่งดีกว่า"เสียงทุ้มเอ่ยบอกเหมือนจะหวังดีพร้อมกับจับเรียวแขนไว้แน่นพยายามจะดึงลากฉันให้เดินตามเขาไปที่รถ
ขณะที่ฉันพยายามแกะมือเขาออกจากท่อนแขนฉันแต่ด้วยเรี่ยวแรงของเขานั้นช่างมีเยอะนักฉันพยายามแกะมือเขาออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก แต่ทว่าฉันกับเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลฉันมากนักฉันพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเขาแต่ดูท่าทางเขาจะไม่สนใจฉันสักเท่าไหร่
ด้านเจแปน ผมเดินออกมาจากภายในร้านด้วยอาการหัวเสียเพราะตัวเองได้นัดหมายเพื่อนสนิทอย่างน้ำเหนือและออกัสให้มาดื่มกันที่ร้านประจำ ตอนแรกเพื่อนทั้งสองตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาดื่มด้วยกันแต่ที่ไหนกับโดนเพื่อนทั้งสองเท
สายตาคมของผมมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่ฉุดรั้งกันไปมาซึ่งคนทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ห่างจากผมสักเท่าไหร่ ผมมองด้วยความสงสัยก่อนจะคิดว่า ทั้งสองอาจจะเป็นแฟนกันและอาจจะทะเลาะกันอยู่ก็ได้และผมก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วยสิเรื่องนี้จึงทำให้ผมยอมปล่อยผ่าน
แต่ทว่าขณะที่ผมกำลังจะหมุนตัวเองเพื่อเดินไปทิศทางของรถที่จอดอยู่กับมีมือเรียวของใครบ้างคนมากระชากท่อนแขนผมทำให้ผมต้องหันไปทิศทางตามแรงกระชาก
"ช่วยด้วยคะ ช่วยฉันด้วย"เสียงหวานของสาวใบหน้าลูกครึ่งเอ่ยบอกด้วยท่าทีหวาดกลัวพร้อมกับส่งสายตาเชิงขอร้องมายังผม
ผมมองไปยังใบหน้าหวานที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อก่อนจะสลับมองชายรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมเข้มแบบไทยเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านหน้าก่อนจะได้ยินเสียงของชายคนนั้นเอ่ยบอกผม
"แฟนผมเมาครับผมกำลังจะพาเธอกลับบ้าน"ชายคนนั้นบอกก่อนที่ผมจะมองไปยังใบหน้าหวานที่ดูหวาดกลัวผิดปกติของคนเป็นแฟนกันขณะมือเรียวกับเกาะท่อนแขนผมไว้แน่น
"ไม่ใช่"เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายใบหน้าหวานไปมาเป็นเชิงปฎิเสธ
เมื่อเห็นดังนั้นแล้วจากคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างผมแต่ด้วยมนุษย์สัมพันธ์ที่เห็นคนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือจะไม่ให้ผมช่วยก็ไม่ได้
"ผมว่าไม่ใช่แล้วแหละน้องเป็นแฟนเขาจริงไหม"ผมเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยพร้อมหันไปถามน้องผู้หญิงเพื่อยืนยันคำตอบ
"ไม่คะ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน อยู่ดี ๆ เขาก็มาดึงหนูไว้ หนูกลัว ช่วยหนูด้วยนะคะพี่"เสียงหวานบอกผมขณะที่จับบีบท่อนแขนแน่นกว่าเดิมก่อนที่ผมจะมองผู้ชายคนนั้นจะมีท่าทีเลิกลักแต่ยังไม่ยอมที่จะปล่อยมือออกจากแขนน้องผู้หญิงคนนั้น
เมื่อผมเห็นดังนั้นดูท่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ยอมปล่อยน้องเขาง่าย ๆ แน่ ๆ มือผมล่วงเข้าชายเสื้อก่อนจะเปิดวัตถุบางอย่างเสียบอยู่ที่เอวก่อน ชายหนุ่มที่มีท่าทางไม่เชื่อใรตอนแรกแต่กับยอมเดินออกไปอย่างโดยดีด้วยท่าทีหัวเสียไม่น้อย
"ขอบคุณนะคะที่ช่วย"
น้องผู้หญิงเอ่ยขอบคุณผมพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
"ไม่เป็นไหร่ครับว่าแต่บ้านคุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง"ใบหน้าหวานพยักหน้าตอบรอบก่อนจะเดินตามผมมาขึ้นรถ
ด้านอันนิกา ฉันดีใจมากที่มีผลเมืองดีมาช่วยฉันไว้ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนก่อนหน้านั้นฉันคิดว่าเขาน่าไว้ใจและดูปลอดภัยกว่าผู้ชายคนนั้นดีเท่าไหร่แล้วที่เมื่อครู่ฉันรวบรวมแรงที่มีอยู่สะบัดท่อนแขนออกจากการจับกุมจากผู้ชายที่อันตรายคนนั้นได้คิดถึงช่วงเวลานั้นฉันยังกลัวไม่หาย เมื่อได้ยินคนใจดีเอ่ยชวนฉันว่าจะไปส่งฉันจึงไม่คิดที่ปฎิเสธเลย ยอมก้าวเดินตามชายรูปร่างสูงไปยังรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะเข้าไปนั่งด้านในรถฝั่งข้างคนขับรถยนต์คันหรูถูกขับออกจากผับที่มี รถสัญจรไม่หนาแน่นเท่าช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอาจเป็นเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ดึกและเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนแต่เมื่อรถถูกขับไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งฉันกับมีอาการบ้างอย่างแล่นเข้ามาภายในร่างกายความรู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน จิตใจเริ่มสั่นไหว"น้องยังไม่บอกพี่เลยว่าบ้านอยู่ไหน"ฉันได้ยินเสียงทุ้มของคนที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามฉัน ขนาดที่สมองกับอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มจะทนอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"...""น้องไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ พี่ถามว่าจะให้พี่ไปส่งที่ไหน"เสียงทุ้มเอ่ยถามฉันอีกรอบ ก่อนที่พี่ชาย
ขณะคนตัวเล็กกับพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอหนาบดเบียดอกนุ่มนิ่มแนบชิดแผงอกแกร่งพร้อมกับส่งสายตาคู่สวยสบตาคมของผมอย่างหยาดเยิ้มสติสัมปชัญญะของผมแตกกระเจิง หัวใจเต้นเร้า ฝ่ามือหนายกขึ้นจับท้ายทอยพร้อมส่งจูบอันเร้าร้อนเข้าไปตักตวงหาความหอมหวานจากโพร่งปากด้านในปลายลิ้นหนากวาดต้อนหาความหอมหวานก่อนจะเกี่ยวตวัดหยอกเหย้าเรียวลิ้นบางที่เปียกชื้นอย่างเร้าร้อน ในขณะที่สาวสวยในอ้อมกอดกับตอบกับเรียวลิ้นหนาเหมืิอนคนไร้ประสบการณ์ แม้จะดูเงะงะไปบางแต่กับทำสร้างความหอมหวานปลุกกระสันความเป็นชายจนไม่อาจจะหักห้ามใจจากตอนแรกคิดจะทัดทานความสัมพันธ์อันจาบจ้วงแต่เมื่อโดนรุกเร้ามาก ๆ ผมไม่อาจจะหักห้ามใจได้เลย มาถึงขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะผมยอมรับผลกรรมมือหนาจับใบหน้าเรียวสวยออกห่างพร้อมกับแนบจมูกโด่งจรดแก้มเนียนใสก่อนจะกระซิบลงข้างใบหูของคนบนตักด้วยน้ำเสียงกระเส่า"ทนได้ไหมเดี๋ยวก็ถึงคอนโดพี่แล้ว"คนร่างเล็กส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มขณะที่มือเรียวบางทั้งสองจับไหล่หนาผมไว้แน่น กดส่ายสะโพกบดเบียดเนินเนี้อนางถูไถลงที่ท่อนเอ็นลำใหญ่ ผมถึงกับครางด้วยความเสีย
ฉันตื่นมาในช่วงเช้ามองรอบ ๆ ห้องนอนสไตล์โมเดิร์นสีเทาสลับสีขาว ดูเรียบหรูบอกนิสัยเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี สายตาคู่สวยมองไปชายรูปร่างสูง ผมดกดำ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผิวผู้หญิงนอนค่ำหน้ามีผ้าห่มคลุมช่วงเอว ฉันเผลอมองคนใจดีด้วยความเสน่หากับตอนกลางคืนว่าดูดีแล้วตอนกลางวันดูดีกว่าหลายเท่า"อืม เซ็กซี่เป็นบ้า"ฉันเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ นี่มันเทพบุตรชัด ๆ เอาวะครั้งแรกกับคนหล่อขนาดนี้ถือเสียว่าสิ่งที่เสียไปไม่คิดที่จะเสียดายเลยดีกว่าให้ไอ้ผู้ชายหน้าปลวกนิสัยเลวคนนั่นเป็นไหน ๆ ก่อนที่ฉันจะมองไปยังหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วที่เข็มสั้นชี้เลข 6 เข็มยาวชี้เลข 10 บ่งบอกถึงเวลาตายแล้วใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้วเหรอบ้านก็ไม่ได้กลับและยังต้องขึ้นเครื่องตอนบ่ายอีกไม่ได้การแล้ว ฉันจะโดนอะไรบ้างเนี่ยพี่ออกัสเอาฉันตายเลยสองเท้าวาดลงจากเตียงกว้างเมื่อฝ่าเท้าเเตะพื้นดีแล้วฉันลุกขึ้นยืน ก่อนขาฉันขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองกับพื้น"โอ้ยเจ็บจัง หน้าตาก็ดีแต่ทำไมกินดุแบบนี้"มือข้างหนึ่งกุมท้องน้อยไว้ ส่วนอีกข้างท้าวลงที่เตียงก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวยืนขึ้นจนมั่นคงสองตาคู่สวยมองหาเสื้อผ้าที่ก
ผมออกัสพอฟังน้องสาวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดด้วยความที่เป็นพี่ชายผมก็ต้องโกรธใช่ไหมล่ะหรือทุกคนจะไม่เป็นแบบผม แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถ้าคืนนั้นผมรับโทรศัพท์และรีบไปหาน้องสาวเรื่องราวทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนผมค่อย ๆ สาวเท้ามายังหน้าห้องน้องสาวได้ยินเสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาเบา ๆ หัวใจแกร่งผมก็อ่อนยวบจากเมื่อครู่ที่โกรธเคืองน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นความโกรธเมื่อครู่ก็จางหายไปในพริบตา เหลือแต่ความสงสารน้องสาวผมอย่างจับใจเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับน้องสาวผมเลยมือหนายกขึ้นเคาะห้องน้องสาวก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย พี่ขอโทษ"ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในห้อง เสียงร้องไห้เงียบลงเหลือเพียงความเงียบงันทำให้ผมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าตอนนี้ภายห้องนอนของน้องสาวเกิดอะไรอยู่ขึ้นผมจึงตัดสินใจเคาะห้อง อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าเดิมก๊อก ก๊อก ก๊อก!"อันเปิดประตูให้พี่หน่อย ถ้าอันไม่เปิดพี่จะพังประตูจริง ๆ นะ"เสียงเคาะที่ดังขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงใยน้องสาวมากแต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมผมกำมือค้างไว้กำลังจะเคาะปร
3 เดือนต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียน แต่ก็แปลกพอฉันตื่นขึ้นมากับมีอาการมึนหัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ"ฮึก!!!"สองขาวาดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโก่งคอเอาอาหารที่ทานเมื่อคืนออกมาจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ ขยับออกจากห้องน้ำ ล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างคนหมดแรง ตาคู่สวยปิดเปลือกตาลงเพื่อที่ต้องการจะพักอีกสักนิดก่อนไปมหาลัยแกร๊ก! เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้นขณะที่ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องฉันทันที ก่อนจะได้ยิ่งเสียงหวานอันคุ้นเคยส่งมาให้ฉัน"เป็นอะไรลูกวันนี้ไม่ไปมหาลัยเหรอ"คุณแม่กล่าวก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเดินตรงมาที่ฉัน ขณะที่ฉันชันตัวนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง"ไม่รู้คะตื่นมาก็เวียนหัวเลย วันนี้ขอนอนพักนะคะ"ฉันบอกเพราะว่าตอนนี้เริ่มจะรู้สึกหมดแรงถ้าได้หยุดและนอนพักน่าจะดีขึ้น"เป็นเยอะหรือเปล่า ไปหาหมอไหมลูก"แม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่คงไม่ต้องไปถึงกับไปหาหมอหรอกมั่งแค่นอนพักอีกหน่อยอาการที่เปฺ็นอยู่น่าจะดีขึ้น"ยังพอไหวคะ ขออันนอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น"ฉันบอกแม่ขณะที่แม่ยกฝ่ามืลูบหัวฉันด้วยความห่วงใย"ถ้าไม่หายรีบบอกแม่เล
ขณะที่ฉันเดินออกจากห้องตรวจเหมือนร่างไร้วิญญาณ แม่ที่นั่งรอฉันรีบเดินเข้ามาถามฉันถึงอาการป่วยทันที"หมอว่าไงบ้างลูก"ขณะที่ฉันทำสีหน้าท่าทางอึกอักเดินมานั่งเก้าอี้้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ"แม่คะ คือ...""หมอว่าไงลูกบอกแม่มาเถอะ"แม่ถามฉันขณะที่ลูบหัวฉันเหมือนกับท่านจะรู้อะไรบ้างอย่างฉันเลยกลั้นใจเอ่ยบอกเรื่องที่ฉันกำลังตั้งท้อง"คือ ...หนูท้องคะ"ก่อนน้ำตาจะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย"ไม่เป็นไรนะลูก ท้องก็ไม่เป็นไร"แม่เอ่ยบอกขณะยกฝ่ามือเรียวใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจาพ่วงแก้มฉัน"ฮึก...แต่...พ่อจะไม่ว่าอันเหรอคะ"ฉันถามด้วยความกังวล กลัวพ่อจะว่า"เดี๋ยวแม่จัดการเรื่องพ่อเอง แต่หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูท้องได้ไง มันเกิดอะไรขึ้น"แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทำให้เบาใจขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นที่ประเทศไทยให้แม่ฟัง"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูกกลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวเรื่องพ่อแม่จัดการเองหนูทำใจให้สบายนะไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะกระทบถึงลูกในท้อง"แม่ปลอบฉันอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่แม่ของฉันจะขับรถพาฉันกลับบ้านช่วงเวลาอาหารค่ำ ที่ตอนนี้มีพ
หลายเดือนต่อมาอีกด้านที่ประเทศไทย"เจแปนตกลงมึงไปหาหมอหรือยังไอ้อาการที่มึงกินอะไรไม่ได้ หมอเขาว่าอย่างไงบ้าง"เสียงทุ้มของน้ำเหนือถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ขณะตัวเขาเองยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากเพราะอะไร ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นช่วง 2-3 เดือนก่อน กินข้าวแทบไม่ได้ จะกินได้ก็พวกแต่ของเปรี้ยว ๆ"อืม...ช่วงนี้ดีขึ้นแล้ว แต่เดือนก่อนไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดีทุกอย่าง ขณะหมอยังงงว่าเป็นเพราะอะไร เลยสั่งยาแก้เครียดและยาแก้แพ้มาให้ แล้ววันนี้มึงมาหากูมีอะไรหรือเปล่า"ผมเริ่มอธิบายอาการที่เป็นให้เพื่อนฟัง ขณะที่เพื่อนพยักหน้าตอบรับ"ก็คิดว่าจะให้มึงหารถสวย ๆ ให้สักคัน กะจะเอาไว้ขับไปทำงาน แล้ววันนี้มึงจะไปร้านนั้นไหมวะที่มึงชอบไปเป็นประจำ"น้ำเหนือบอกเหตุผลที่เดินทางมาหาเพื่อน ก่อนจะถามถึงร้านประจำที่ผมชอบไปนั่ง ร้านนั้นก็คือร้านที่ผมพบกับสาวน้อยปริศนานั้นแหละ ผมไปรอเธอทุกวันที่ร้านเพื่อว่าจะมีโอกาสเจอกันสักครั้งแต่ความหวังก็ลิบลี่ลงเรื่อย ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ เก้าเดือนแล้วมั่งถ้าผมจำไม่ผิด"สัปดาห์หน้ารถที่กูสั่งไว้จะถูกส่งมาที่โชว์รูมรถกู ถ้ามึงว่างค่อยมาดูมาเลือกก็ได้ว่าชอบคันไหน จะได้ไม่เอาขึ้นโ
พี่ชายอย่างออกัสเมื่อทราบข่าวว่าน้องสาวของตัวเองที่คลอดลูกก็รีบตรงมายังสวีเดน เพื่อที่อยากเห็นหน้าหลานชายของตัวเองว่าจะน่ารักขนาดไหนย้อนไปช่วงเวลานั้นเขายังจำได้ดีว่าทั้งพ่อกับแม่ต่อสายตรงมาต่อว่าเขาเรื่องที่ไม่ดูแลน้องสาวจนพลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น และเมื่อเขามารู้อีกว่าน้องสาวที่พลาดเสียความบริสุทธให้กับใครก็ไม่รู้ในคืนนั้นเกิดท้องขึ้นมาเขาก็ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีแต่เมื่อทั้งหมดคุยและปรับความเข้าใจกันและน้องสาวยืนยันที่จะเก็บเจ้าก้อนกลมไว้ เขาที่เป็นพี่ชายจะพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากเห็นดีเห็นงามไปด้วย"มาแล้วเหรอลูก มาดูหลานเร็วนอนหลับปุ๋ย น่ารักมากเลย"คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมาหาน้องสาวที่ห้องฟักฟื้นภายในโรงพยาบาลต่างก็ดีใจ เสียงหวานของคนเป็นแม่รีบเรียกลูกชายให้มาดูหลายชายตัวน้อยใกล้ ๆ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่เป็นน้องสาวของเขา"สวัสดีครับ พ่อแม่ พอผมรู้ก็รีบให้เลขาจองตั๋วมาสวีเดนเลย"ออกัสรีบสาวเท้าเขามายังห้องที่น้องสาวนอน ว่างกระเป๋าเดินทางลงข้างโซฟาภายในห้องพักก่อนขาเรียวยาวจะรีบสาวด้วยก้าวยาว ๆ มาที่เตียงของน้องสาวสายตาคมไล่มองไปยัง