นางปรือตามองเขาพลางเรียกขาน
“ชินหยาง...” เสียวแว่วหวานเอ่ยเรียกเขาพร้อมดวงตาหยาดเยิ้มใบหน้าแดงก่ำมีน้ำตาหยดลงมาใส่ใบหน้าของเขา
นางกำลังร่ำไห้เหมือนที่นางชอบทำไม่เคยเปลี่ยน
“เจ้าคนใจร้าย”
“...”
แต่ที่เปลี่ยนไปคือนางด่าเขา
นางช่างกล้า! เมาแล้วด่าเป็น
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นเช่นนั้น เขาเป็นมากกว่าใจร้ายเพราะว่าเขาทั้งโหดเหี้ยมโหดร้ายฆ่าคนได้ง่ายดายไม่มีละเว้น
นี่ถือว่านางชมเขา
มันเป็นคำชม!
“ข้ามีดีอะไรอย่างนั้นหรือ” นางเริ่มเอ่ยวาจาพึมพำบ่นคำออกมาแผ่วเบาด้วยใบหน้าง้อง้ำปลายจมูกเชิดรั้นสีแดงๆ
“ข้าน่ะไม่ควรมีดีอันใด เพลงที่แต่งเอาไว้ไม่ควรบรรเลง ภาพที่วาดเอาไว้ยังต้องเก็บซ่อน กาพย์กลอนที่ร่ายเอาไว้ยังต้องฉีกทิ้ง ใบหน้าก็ไม่ควรแต่งแต้มเติมสีชาด ความงามของข้าไม่เคยจำเป็น ท่านรู้หรือไม่ ความสามารถของข้ามันคือปัญหา มันทำให้ข้าไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุข บุรุษทั้งหลายไม่ควรเจอข้า แต่ท่าน...ท่าน...เจ้าคนใจร้าย”
“...”
นางชมเขาอีกแล้ว!
นี่นางเป็นอันใดมากหรือไม่ ไยร้ายกาจยิ่งนัก นางช่างร้ายกาจกับเขาเสียจริง ไม่เคยมีใครชมเขาถึงเพียงนี้!
และก็นางบ่นพึมพำอีกสองสามประโยคด้วยใบหน้าเช่นเดิม ริมฝีปากอิ่มน่ากดจูบเบ้ลงเล็กน้อยพาใบหน้าจิ้มลิ้มน่าหยิก นางก้มลงมองเขาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาจากเบ้าตาจนเข้าปากเขา รสชาติของมันแย่มากทีเดียว...
เขาจึงเอื้อมนิ้วมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลนุ่มนิ่มของนาง จับปอยผมของนางให้ออกจากวงหน้าไป เขาพิศมองนางผู้ร้ายกาจดื้อดึง นางมักจะทำตัวดีงามต่อหน้าคนอื่นแต่กลับทำตัวร้ายกาจกับเขา นางกำลังทำเขาแปลกใจ
ไยชอบร้องไห้กับเขา ไยไม่ยิ้ม?
เขาถามนางในใจพร้อมไล้ปลายนิ้วที่แก้มนวลของนางมาจนถึงริมฝีปากแล้วจับริมฝีปากอิ่มนุ่มของนางให้ฉีกยิ้มเสียเลย
จงยิ้มเดี๋ยวนี้!
แต่ทว่า...สตรีเหนือร่างนอกจากไม่ยิ้มให้เขาแล้วยังจะเผยอปากน้อยๆ แล้วกัดนิ้วของเขาอีกด้วย
นางร้ายกาจอีกแล้ว!
เขาถึงกับนิ่งงันแข็งค้างเมื่อฟันน้อยๆ นั่นขบกัดปลายนิ้วของเขาให้ความรู้สึกสั่นเสียวแล่นปราดไปถึงสันหลัง
นางยังคงมองเขาด้วยดวงตาสวยหวานผ่านม่านน้ำตาสีใสใบหน้างอง้ำเช่นเดิมแต่เพิ่มเติมตรงที่นางโน้มใบหน้าลงมา
“อะไรของเจ้า...” เขาเอ่ยไม่ทันจบนางก็กดจูบเขา
“...!?”
นางจูบเขาด้วยริมฝีปากอิ่มนุ่มแตะแต้มไปมาเบาๆ อยู่บนกลีบปากของเขา จมูกเล็กๆ ของนางตวัดสัมผัสไปมาเบาๆ กับจมูกของเขา นางจูบเขาคล้ายกับกำลังขบเม้มกินขนมบางอย่าง
นางคงหิวเพราะมื้อเย็นนางมัวแต่มารยาไม่ยอมกินข้าว!
นางคิดว่าเขาเป็นอาหารชนิดใดนางถึงจูบเขาแบบ...แปลกๆ
นางจูบไม่เป็นหรือกำลังกลั่นแกล้งเขากันแน่!
นางทำกับเขาอย่างนั้นเป็นนานจนเขาถึงกับครางออกมา เขาเริ่มตัวเกร็งกล้ามเนื้อกระตุกปวดหนึบๆ ตุบๆ ขึ้นมา
เขาปล่อยให้นางได้กระทำตามอำเภอใจ นางจูบเขาแบบเงอะงะนัก แต่เขาย่อมให้อภัย เพราะว่านางกำลังเมา ต้องขอบคุณฤทธิ์ของเหล้าพวกนั้น ที่ทำให้นางเมาได้ถึงเพียงนี้
นางไล่กดจูบดูดเม้มเขาไปทั่วทั้งใบหน้าจนเส้นผมของนางหลุดลุ่ยสยายลงมาปรกหน้าปรกตา เขาจึงเอื้อมเรียวนิ้วเกี่ยวปอยผมนุ่มสลวยของนางให้ทัดกับใบหูทั้งสองข้างของนางเพื่อมิให้เป็นการขัดขวางริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางที่กำลังทาบทับลงมาที่ข้างแก้มและสันกรามของเขา
นางกำลังไล่ขบเม้มเบาๆ ไปทั่วใบหน้าของเขาลากไล้ไปมาเบาๆ เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อเจอทางตันเป็นเสื้อของเขาตรงช่วงลำคอ เขาจึงจำต้องปลดเสื้อออกแล้วเปิดสาบเสื้อให้พ้นทางเพื่อริมฝีปากอุ่นชื้นของนางโดยเฉพาะ
นี่เขาใจดีถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
เมื่อสาบเสื้อของเขาเปิดออกจนเผยช่วงลำตัวเผยแผงอกให้เปล่าเปลือยไร้สิ่งกีดขวาง นางจึงเริ่มกินขนมบนร่างของเขาต่อไป
แต่ทว่าครานี้นางกำลังคล้ายกับอ่านหนังสือ นางเงยหน้าขึ้นจากแผงอกของเขาแล้ววาดเรียวนิ้วไปจนทั่วลำตัวของเขาคล้ายกับกำลังไล่ตัวอักษรบนหน้ากระดาษกระนั้น
เมื่อครู่นางกินขนมยามนี้นางอ่านหนังสือ
นี่นางเห็นเขาเป็นสิ่งใดกัน!?
ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยแต่เขาก็ยังคงนอนอยู่อย่างอดทน เขาย่อมอดทนถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ค่อยจะอดทนกับเรื่องใดๆ
เขายังคงนอนให้นางได้สำรวจหากนางต้องการ
นางยังคงตั้งใจอ่านหนังสือบนแผงอกของเขาอย่างจริงจัง นางทั้งลูบทั้งคลำไปอย่างถ้วนทั่วด้วยฝ่ามือน้อยๆ ขยุกขยิกพร้อมด้วยใบหน้าสวยหวานฉายแววใคร่รู้
ถึงแม้ว่าเขากับนางจะเคยผ่านการร่วมรักกันมาแล้วแต่ทว่านางกับเขากลับมิเคยได้สำรวจกันและกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน นั่นจึงสมควรแล้วที่นางอาจจะกำลังสงสัยในเรือนร่างของเขาเมื่อยามบ่ายนางบอกว่าอย่างไร นางชอบเขาตรงไหนนางบอกว่าชอบแผลเป็นบนแผงอกของเขาอย่างนั้นหรือแน่นอนว่าย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเขาเองก็ชอบมัน บาดแผลพวกนี้แลกกับการได้ช่วยเหลือแว่นแคว้น จัดการพวกทรราช พรากชีวิตเหล่าศัตรูที่หมายจะย่ำยีชาวประชาของแคว้นเฉินนำพาทุกผู้คนให้ได้อยู่กันอย่างสงบในเหย้าในเรือนมันเป็นเครื่องหมายย้ำเตือนต่อการแสดงความภักดีต่อองค์เหนือหัวและเหล่าประชาราษฎร์ให้คงอยู่ได้ตลอดไปปลายนิ้วเรียวสวยของคนตัวเล็กพร้อมด้วยใบหน้างามหวานยังคงขยับเบาๆ อยู่ตรงแผงอกของเขาที่กำลังแข็งตึงขึงเครียดและปวดหนึบไปทั่วทั้งลำตัวทำเอาเขาต้องนอนตัวเกร็งจนหลุดเสียงครางนางยังคงตั้งใจอ่านทุกอย่างบนลำตัวของเขา แต่ทว่าหากนางจะอ่านหนังสือบนแผงอกของเขาอยู่ฝ่ายเดียวนั่นย่อมนับว่าไม่เหมาะ เพราะว่าเส้นขนของเขาที่กำลังลุกชูชันแข่งขันกันทั้งร่างทำให้เขาไม่อาจถูกอ่านได้อยู่ฝ่ายเดียว นางอ่านเขานานจนเกินไปนางไม่ยอมทำอันใดมากไปกว่านั้น“เวยเอ๋อร
“ข้าจะทวนความจำให้เจ้า”ฟงชินหยางก้มใบหน้าคมคายจ้องมองสตรีใต้ร่างด้วยดวงตาคมดำฉายแววร้อนแรงจนหลิงเวยยิ่งใบหน้าเห่อแดงร้อนแรงไม่แพ้กันนางจ้องมองสบตอบสายตาคมนั้นด้วยสายตาตื่นตะลึงตระหนกหวาดหวั่นและหวามไหววาบหวิวความรู้สึกของนางยามนี้ช่างหลากหลายโดยเฉพาะอย่างหลังนี่มากหน่อยมิใช่ไม่เคยร่วมรักกัน แต่ใกล้ชิดกันแบบนี้นางยังไม่ชิน จะกี่ครั้งก็ยังไม่ชิน ทั้งใบหน้าทั้งดวงตาทั้งจมูกทั้งริมฝีปากทุกอย่างใกล้กันเกินไป โดยเฉพาะแผงอกกล้าแกร่งของเขากำลังบดเบียดหน้านุ่มนิ่มของนางและช่วงกลางลำตัวแข็งเกร็งของเขากำลังเสียดสีกับ...อา...ทำไมคุ้นๆฟงชินหยางไม่มีการสนใจสตรีใต้ร่างที่กำลังทำตาโตตกใจเนื้อตัวสั่นเทา เขาก้มหน้าลงต่ำหอมแก้มนางไปหนึ่งฟอดใหญ่หลิงเวยยิ่งดวงตาพองโตรู้สึกร้อนๆ ตรงพวงแก้มตนชายหนุ่มไม่คิดจะหยุดถึงแม้หญิงสาวจะกลายร่างเป็นเสาหิน จากการกินเต้าหู้ที่พวงแก้มนางเขาจึงตามติดด้วยการดูดปลายคางของนางแรงๆ ไปหนึ่งที ดูดตรงลำคอของนางหนักๆ อีกหนึ่งที และขบเม้มติ่งหูไปอีกหนึ่งที ชื่นใจยิ่ง!นี่คือการเอาคืนเมื่อยามค่ำคืนที่ผ่านมา นางดูดเขาตรงนี้ ตรงนี้และตรงนี้ ชายหนุ่มคิดไปก้มหน้าดูดนางใต้ร่าง
อา...หลิงเวยเริ่มครางในใจแต่ยังไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆออกมาฟงชินหยางยังคงไต่ระดับตามความรู้สึกที่เริ่มพวยพุ่งตามเนื้อนวลเนียนอ่อนนุ่มที่แสนกรุ่นหอม ในที่สุดใบหน้าคมคายของเขาก็เจอเข้ากับเนื้อนูนหยุ่นนุ่มกลมกลึงที่ชี้ยอดชูชันสิ่งนี้ล่ะ! ที่ชี้หน้าชี้ตาของเขาทั้งคืน ดอกบัวของนางส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมเรียวนิ้วงามๆ ลากปลายเล็บคมๆ จนเต็มแผงอกของเขา ในขณะที่สะโพกกลมๆ ของนางก็กดสะโพกของเขาจนจมที่นอนเขาจะใช้สะโพกของเขากดสะโพกของนางบ้าง!ชายหนุ่มยิ่งเพิ่มระดับความเที่ยงตรงรักความยุติธรรมยิ่ง เขาคิดจะทำทุกสิ่งกับภรรยาให้เหมือนกับที่ถูกภรรยากระทำเมื่อยามค่ำคืนเขายังคงก้มหน้าก้มตาดูดกลืนเม็ดบัวของนางคล้ายกับว่ามันเป็นขนมหวานโดยไม่สนใจเจ้าของดอกบัวที่บิดลำตัวไปมา แล้วเริ่มร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขาหลิงเวยเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป เขากำลังมอบความรู้สึกเสียวสยิวให้นางจนนางเริ่มอยู่ไม่สุข นางทำได้เพียงแหงนหน้ากลั้นหายใจ แต่เมื่อนางกลั้นมันเอาไว้ไม่ไหว นางจึงหายใจออกมาแต่ทว่าเสียงหายใจของนางคล้ายกับผิดปกติไป นางมิได้หายใจออก แต่นางกำลังหายใจเข้า นางกำลังสูดปากลากยาวจนเกินเสียงๆ หนึ่งแล้วปล่อ
หญิงสาวยังคงขัดเคืองในเรื่องสำคัญที่ควรนุ่มนวล นางรีบพลิกกายบิดตัวไปมาพลางขยับสะโพกขึ้นลงหมายให้หลุดรอดพ้นจากการถูกกดตรึง แต่ทว่าเขากลับขยับตามนางได้อย่างถูกจังหวะทั้งรุกทั้งรับจนนางตัวอ่อนโอนเอนในขณะที่ลำตัวของเขาแข็งเกร็งกล้ามเนื้อตึงแน่นพ่นลมหายใจร้อนๆ เข้าสู้กับนาง และทั้งๆ ที่นางไม่คิดจะสู้กับเขา นางแค่หายใจไม่ทันนางจึงพยายามดึงลมหายใจของเขามาเมื่อเขาก้มหน้าลงมาแล้วกดจูบนาง นั่นล่ะนางจึงดูดเขาเพื่อลมหายใจของนางฟงชินหยางก้มหน้ากดจูบดูดเม้มนางผู้เป็นภรรยา ในขณะที่นางพยายามดูดดันเขาด้วยปลายลิ้นน้อยๆ ของนางคล้ายผลักออกคล้ายดูดเข้า จนเราทั้งสองตวัดปลายลิ้นพันกันเขากดดันนางด้วยจังหวะหฤหรรษ์ตรงกลางลำตัวในขณะที่นางแอ่นหน้าอกหยุ่นนุ่มชี้ยอดชูชันเสียดสีกับแผงอกของเขาทั้งยังยกสะโพกกลมมนตามจังหวะของเขานางทำท่าทางคล้ายกับขยับหนีแต่นางกลับขยับเข้าหา นางขยับไปมาขึ้นลงให้เข้าได้ขยับเข้าออกหนักหน่วงเป็นจังหวะเสียวซ่านให้เราทั้งสองได้อย่างตรงใจเสียงครางแว่วหวานพร้อมวงแขนลำเล็กโอบรัดตามด้วยเล็บงามๆ กดตรึงจิกลงที่ลาดไหล่นำมาซึ่งความเร้าใจให้เขาได้มอบสัมผัสใกล้ฝั่งฝันใกล้สรวงสรรค์ให้นางอย่างเร่
หลังจากศึกบนเตียงนอนจบลงหลิงเวยก็หลับใหลไปอีกคราอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงในขณะที่ฟงชินหยางผู้ดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดของนางพาเรือนร่างสูงใหญ่ที่มีรอยเล็บลากยาวทั้งแผงอกและแผ่นหลังลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างสบายอกสบายใจ ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวด้วยตนเองเหมือนดังเช่นปกติเพราะไม่นิยมให้มีบ่าวไพร่มาวุ่นวายปรนนิบัติ ในยามออกศึกเขาต้องนอนกลางดินกินกลางทรายลำบากมากนักเขาจึงไม่นิยมทำตัวสบายจนเกินไปถึงแม้ว่าฐานะของเขาจะไม่ด้อยอันใดเหล่าบ่าวไพร่ทั้งหลายในจวนย่อมรู้ดีและไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวายหากว่าเขามิได้เรียกใช้ฟงชินหยางเลือกผ้าเนื้อหนาสีเข้มออกดำสวมใส่แล้วรวบผมยาวสยายของตนทั้งศีรษะมัดด้วยเส้นผ้าสีดำสนิทอย่างเรียบง่ายก่อนจะพาเรือนร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวทว่าสายตาคมกล้าพลันสบเข้ากับเสื้อผ้าของใครบางคนเสื้อผ้าของสตรีผู้เป็นภรรยาถูกพับเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมีเครื่องประดับน้อยชิ้นวางเรียงรายแยกกันชัดเจน เขาจำได้ว่ายังมิได้เรียกใช้บ่าวไพร่ให้มาจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ของนางให้เข้าตู้เข้าชั้น แต่นางกลับทำด้วยตนเองโดยมิได้เรียกร้องแต่ทำไมเสื้อผ้าของนางคล้ายกับถูกเก็บเอาไว้ดีจนเกินไ
ฟงชินหยางพาเรือนร่างกำยำของตนเดินนำหน้าหลิงเวยที่เดินนุ่มนิ่มเหลือเกินไปตามทางเดิน เขาเริ่มหงุดหงิดแต่ยังคงเดินอย่างใจเย็นในแบบที่ไม่เคยเป็น เขายังคงต้องออกมาทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคนในครอบครัวเหมือนดังเช่นปกติตามกฎระเบียบของบ้าน ถึงแม้ว่าจะทำงานจนดึกดื่นหรือดื่มเหล้าจนเมามายกระทั่งตื่นสายปานใดยังคงต้องมาร่วมโต๊ะอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไม่มีละเว้นแต่ทว่าการมีเมียแล้วทำกิจกรรมก่อนตื่นนอนมันทำให้เวลากินข้าวเช้าคลาดเคลื่อนไปมากนัก ป่านนี้ทุกคนคงหิ้วท้องรอแย่แล้วเป็นแน่ เมื่อชายหนุ่มคิดการได้อย่างนั้นจึงหันหลังขวับกลับไปหาหญิงสาวทางด้านหลังในทันที หลิงเวยถึงกับตกอกตกใจชะงักเท้านิ่งงันลำตัวแข็งเกร็งเมื่อฟงชินหยางจู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วหันหน้ามาหานางเสี้ยวเวลาอึดใจภาพรอบกายพลันหมุนกลับเรือนร่างพลันหมุนเคว้งใบหน้านุ่มนิ่มของนางชนเข้าช่วงไหล่ของเขา หน้าอกกลมกลึงของนางชนกับแผงอกหนั่นแน่นของเขาหญิงสาวยิ่งตกใจหนักมากขึ้นเมื่อถูกจับยกช้อนร่างขึ้นแนบอกแล้วพาเดินก้าวเท้ายาวๆ ไปตามทางเดินนี่เขาอุ้มนางทำไม!?เหล่าบ่าวไพร่ที่ใบหน้าแดงก่ำอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีกเมื่อมองเห็นคุณชายใหญ่ผู้ดุดันแส
หลังมื้ออาหารเช้าที่ได้ทานกันยามสายมากแล้วภายในศาลาริมสระบัวอันเป็นสถานที่ที่สามพี่น้องตระกูลฟงชื่นชอบยิ่งนัก พวกเขามักจะใช้เวลารวมตัวกันคุยกันตามประสาพี่น้องอยู่ตรงศาลาแห่งนี้เป็นประจำหลิงเวยนั่งอยู่ในกลุ่มสนทนาของพี่น้องตระกูลฟงและยังคงอยู่ในสายตาคมดำของชายร่างกำยำผู้เป็นสามีทุกย่างก้าว เขายังคงมองนางอย่างจับผิดอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่นางได้บรรเลงเพลงพิณ เขาก็สั่งห้ามนางไม่ให้ห่างกายของเขาไปทางใด แต่เมื่อเขาเจอกับสตรีนางหนึ่งเขาก็เดินผละไปทิ้งให้นางเดินกลับเรือนหอเพียงคนเดียว นางจึงเข้าไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวถูกเขี่ยทิ้ง แต่ทว่าเขากลับเอาเสื้อผ้าของนางไปทิ้งแล้วให้ผ้าใหม่แก่นางทั้งหมดที่บอกว่าทั้งหมดนั่นเพราะลี่หลินเป็นคนบอกแก่นางว่า อาภรณ์ทั้งหลายจากร้านขายผ้าเมื่อวานนั้นชินหยางไม่ให้ลี่หลินสักชุดเดียว เขาเอาชุดผ้าใหม่ทั้งหมดให้นาง และเอาชุดเก่าของนางที่พับเก็บเอาไว้เตรียมตีจากออกไปทิ้งทั้งหมดมิรู้ได้ว่าประชดนางหรือไร! ไยทำอย่างนั้น?“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง นายท่านให้มาตามไปที่ลานฝึกขอรับ” เสียงของพ่อบ้านจินดังมาจากทางด้านนอกของศาลาที่พี่น้องตระกูลฟงกำลังนั่งจ
เสียงการฟาดฟันกระทบกันของดาบหอกทวนกระบี่ดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างอย่างต่อเนื่องจากกลางลานฝึกอันกว้างใหญ่กินพื้นที่หลายลี้หลังจวนตระกูลฟงบุรุษผู้องอาจทั้งสามประจำจวนตระกูลฟงใช้เป็นที่ปะทะประลองฝีมือกันระหว่างพวกเขากับพวกองครักษ์และเหล่าทหารยามประจำจวนกระทั่งบรรดาบ่าวชาย เสียงหลากหลายมากมายเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและยิ่งดังกระหึ่มอย่างบ้าระห่ำเมื่อครั้งนี้มีคุณชายใหญ่ฟงชินหยางได้เข้าร่วมฟาดฟันด้วยกันหลังจากที่เขาได้นำกองกำลังสามเหล่าทัพออกศึกต่อกรกับแม่ทัพใหญ่ต่างแคว้นและไล่ล่าปราบกบฏทรราชอยู่ตามชายแดนทั้งยังคอยกำราบชนเผ่าผู้รุกล้ำดินแดนเสียนานหลายปี บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มออกกระบวนท่าแค่เพียงท่าเดียวก็สามารถล้มเหล่าทหารที่รุมล้อมให้แตกพ่ายได้โดยง่ายทั้งๆ ที่ก่อนจะลงสนามฟาดฟัน เหล่าทหารพวกนั้นได้วางแผนวางกลยุทธ์การศึกกันอยู่เป็นนานแต่เหมือนกับว่าฟงชินหยางจะสามารถคาดการและล่วงรู้ได้ทั้งหมด ทั้งๆ ที่เขามิได้อยู่ร่วมฝึกมาถึงสามปี ร่างกายกำยำสูงใหญ่ของฟงชินหยางมิได้มีผลอันใดต่อความรวดเร็วว่องไวที่มีเหนือชั้นของเหล่าบรรดาทหารประจำจวนเลยแม้แต่น้อยด้วยเพราะความเร็วและแม่น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข
"องค์ชายทรงรู้ว่าหมายถึงสิ่งใด"ฟงลี่หลินเดินตามมาพลางกระซิบกระซาบฝ่าความมืดมิดด้วยเพราะเกรงว่าใครจะได้ยิน “เอามา...”นางกำลังปลอมตัวอยู่นะ มันสำคัญยิ่ง! ฉีเล่อนึกขันเสียจริงกับสตรีข้างกายที่กำลังส่งสายตาเรียวคมสวยเฉียบฟาดใส่เขาอยู่ตลอดเวลา "ข้าไม่รู้ว่าคือสิ่งใด" "องค์ชาย..." ฟงลี่หลินลากเสียงยาวเย็นเยียบอารมณ์เดือดปุดๆ "เอาแผลเป็นของข้าคืนมา" นางกล่าวพลางก้มมองที่ฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษหน้าตายตรงหน้า"..."ฉีเล่อหมดคำพูดกับสตรีแปลกประหลาด นางถูกจับได้ว่าปลอมตัวมาแต่นางยังคงมึนได้ใจ ไยไม่รีบแก้ตัวแล้วหลบหนีไป น่าชังจริง!"หากอยากได้คืน เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า" ฉีเล่อเริ่มหว่านล้อมสตรีตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองฝ่ามือของเขาจนเขาต้องเอาฝ่ามือหลบเอาไว้ที่ด้านหลังทั้งยังกำแผลเป็นของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมคืนให้นางง่ายๆ "ข้าไม่มีอะไรจะบอกแก่ท่าน" ฟงลี่หลินขมวดคิ้วขัดใจ นางเตรียมมาแค่เพียงอันเดียว ยังปลอมตัวไม่ทันพ้นคืนเลยมันทำยากด้วยนะ ไยเขาถึงถือวิสาสะลอกมันออกจากใบหน้าของนาง น่าชังนัก!องค์ชายแห่งแคว้นเป่ยฉีเริ่มหรี่ตามองสตรีของแคว้นเฉินที่แปลกคนเหลือเกินในยามนี้แล้วเอ่ยเสียงต่ำใส่หน้านาง "เ