ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ของเพลงมีนาด้วยนะคะ
โทรศัพท์มือถือเครื่องบางเฉียบส่งเสียงอยู่นานแต่เจ้าของมือถือยังจดจ่ออยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค ซ้ำยังใส่หูฟังทำให้ไม่ได้ยินเสียง จนกระทั่งบิดาเดินเข้ามาแตะไหล่ลูกสาวเบาๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว “มือถือดังนะลูก” “อุ้ย ขอบคุณค่ะพ่อ” พลอยดาวยิ้มให้พ่อแล้วรีบถอดหูฟังออก หยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้พ่อ “ยัยมุกโทรมาค่ะพ่อ พ่ออยากคุยกับน้องไหมคะ” “ถ้ามุกอยากคุยกับพ่อคงโทรหาพ่อเองแหละ” พ่อยื่นมือไปลูบผมเบาๆ แล้วเดินออกมาจากห้องหนังสือที่ลูกสาวยึดเป็นห้องทำงาน หญิงสาวเห็นพ่อหันหลังเดินออกไปแล้วจึงกดรับสายของ ‘พราวมุก’ น้องสาวฝาแฝดของเธอเอง “ว่าไงยัยมุก” “รับสายช้ามาก ถ้ามุกเป็นอะไรไปจะทำยังไง” “ถ้าด่วนขนาดนั้น มุกก็โทรหาพ่อสิ” “ไม่เอา! พ่อไม่ชอบหน้ามุก” “จะเป็นไปได้ไง หน้ามุกกับหน้าพลอยเหมือนกันเป๊ะ ขนาดไปทำงานแทนมุกคนที่บริษัทยังไม่รู้เลย” พลอยดาวหัวเราะเสียงใสแล้วมองไปทางประตูอีกครั้งให้มั่นใจว่าพ่อไม่อยู่บริเวณนี้แล้วจริงๆ “งั้นมาช่วยมุกอีกครั้งนะ”
“จะไปไหนเหรอเจ้ากั้ง” “เข้าบริษัทครับแม่” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มเดินลงมาจากชั้นบนของคฤหาสน์หลังงาม มารดาของเขากำลังกินอาหารเช้า นางกวักมือเรียกลูกชายคนเดียวก่อนที่เขาจะเดินเลยออกไป “กินข้าวเช้ากับแม่ก่อนสิ” นางจันทนาถามแล้วพยักหน้าให้เด็กรับใช้วางแก้วน้ำส้มคั้น “ขอแค่กาแฟร้อนก็พอครับ” ‘กั้ง’หรือ ‘กวิวัชร์’ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณจันทนาและ สามีคือคุณองอาจ แต่เพราะสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อย นางจึงทุ่มเทความรักทั้งหมดทั้งมวลที่ลูกชายคนเดียว แม้ว่าปีนี้เขาอายุยี่สิบแปดแล้ว แต่สำหรับมารดาแล้วลูกยังเป็นเด็กเสมอ “วันเสาร์ก็ต้องไปทำงานเหรอ” นางจันทนาถามพลางมองดูลูกที่นั่งลงเก้าอี้ว่างข้างกาย “บริษัทเราวันเสาร์ทำงานครึ่งวันนะครับแม่” กวิวัชร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม ปกติสีหน้าเขานิ่งขรึมอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับมารดา เขายิ้มแย้มและพยายามไม่ขัดใจเพราะรู้ว่ามารดามีปัญหาเรื่องสุขภาพร่วมทั้งจิตใจที่หดหู่เรื่องบิดาของเขาด้วย “เรื่องนั้นแม่รู้แต่ลูกเพิ่งกลับมาจากไต้หวันไม่ใช่เหรอ” “ผมกักตัวครบ
“ว่าไง” กวิวัชร์เคาะปลายนิ้วกับโต๊ะทำงาน รอคำตอบอย่างคนใจเย็น “ตอนนี้ท่านประธานทำดิฉันเครียดมากค่ะ” พลอยดาวสารภาพไปตามตรงแล้ววางต้นไม้เล็กๆ ลงที่เดิม “ถ้าท่านไม่ชอบดิฉันจะเอาออกไป” “อุตส่าห์เอามาแล้วก็ตั้งไว้ที่ตรงนั้นเถอะ” ปกติเขาไม่คุยเล่นหัวกับพนักงาน ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งแต่เว้นระยะห่างไม่สนิทสนมจนเกินไป แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะ ทั้งที่ปกติเลขาคนใหม่จะเป็นคนพูดเก่งจนเขานึกปวดหัว “ค่ะ” พลอยดาวรับคำเบาๆ ไม่รู้ทำไมเขาจ้องขนาดนี้ หรือเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่พราวมุก ไม่จริงน่า เธอสองคนเคยสลับตัวไปสอบด้วยซ้ำ อาจารย์ยังแยกไม่ออกเลย “ผมไม่เข้าบริษัทเกือบเดือนคิดว่าคงมีงานที่รออยู่ก็เลยเข้ามาดูก่อน วันจันทร์จะได้ไม่ยุ่งมาก” กวิวัชร์พูดไปแล้วก็แปลกใจตัวเอง ทำไมต้องอธิบายให้เลขาฟัง มันไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องรายงานเธอนี่นะ “ค่ะ ดิฉันเตรียมไว้แล้ว” พลอยดาวเลื่อนแฟ้มเอกสารไปตรงหน้าเขา งานพวกนี้พราวมุกจัดการไว้ก่อนแล้ว เธอแค่เรียงลำดับวางตามความสำคัญ “โอเค.” เขาพยักหน้ารับ “อาหารเช้าผมล่ะ”
“ไม่หรอก” พราวมุกหัวเราะร่าแล้วเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ “มุกรู้ว่าเดวิทอยากมีลูกของตัวเองกับแม่ของเรา แต่ติดที่ทั้งสองคนเป็นห่วงความรู้สึกของมุก ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายนะ ถ้าท้องตอนอายุมากจะมีปัญหา มุกเลยหาเรื่องแยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว แต่อยู่เมืองไทยแม่จะยังสบายใจกว่า เพราะถ้ามีอะไรก็ยังมีพ่อมีพลอยและครอบครัวฝั่งคุณตากับคุณยาย มุกก็เลยกลับมาไทยนี่แหละ” “แล้วมุกคิดจะทำงานประจำนี่จริงๆเหรอ” “พลอยถามมุกหลายรอบแล้วนะ” พราวมุกทำปากยื่นใส่ “มาดูหนังกัน” พลอยดาวขยับตัวไปนอนเบียดพราวมุก ทั้งสองไม่ได้เหมือนกันแค่หน้าตา แต่รูปร่างยังพอๆกันอีกด้วย พราวมุกใส่เสื้อผ้าของพลอยดาวได้ แต่พลอยดาวไม่ค่อยชอบเสื้อผ้าของพราวมุกนัก รู้สึกว่ามันสั้นไปนิด รัดรูปไปหน่อย ถ้าพ่อเห็นคงต้องบ่นแน่นอน “ถ้าทำงานประจำได้ ก็จะได้มีตังค์ใช้ทุกเดือนไง ส่วนงานอื่นเป็นรายได้เสริม และถือว่าหาประสบการณ์ไปด้วย” “อื้ม” พลอยดาวพยักหน้ารับ “ไม่ดูหนังผีนะ” “หนังฆาตกรรมต่างหาก” “ไม่เอา ดูหนังรักไม่ได้เหรอ” “ตามใจๆ ถือว่าวั
พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...” เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมากด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้วมีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้ เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน“ชู่ว์” เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้
หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีชมพูกลีบบัว แม้ท่อนบนจะเป็นเสื้อแบบเปลือยไหล่ แต่ยังมีผ้าคลุมไหล่ไม่ให้รู้สึกเปิดเผยมากเกินไป เธอดูประหม่าและกระสับกระส่ายพลางขยับแว่นสายตาอยู่ตลอดเวลา กวิวัชร์หรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาว มุมปากยกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้จึงเอ่ยปากทักทาย “คุณพลอยดาว” “ค่ะ!” หญิงสาวรีบตอบรับทันที สีหน้าดูแตกตื่นดูขัดกับชุดสวยที่เธอสวมอยู่ “มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ ผมให้เลขา เอ่อ คุณพราวมุกจองโต๊ะให้เราแล้วนี่” “พะ..พลอยเพิ่งมาถึงค่ะ” เธอไม่กล้าบอกว่ามารออยู่ราวยี่สิบนาทีแล้ว แต่เพราะไม่คุ้นชินกับร้านอาหารแบบนี้จึงคิดว่ารอเข้าไปพร้อมเขาดีกว่า เขากวาดตามองเหมือนจับผิด แต่กระนั้นยังส่งยิ้มให้ก่อนผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับคุ้นเคยกับกวิวัชร์เป็นอย่างดี เดินนำสองหนุ่มสาวมาที่โต๊ะพิเศษที่ถูกจองไว้แล้ว กวิวัชร์เป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวด้วยตนเองก่อนจะนั่งตรงข้ามกับเธอ “คุณพลอย...” “ค่ะ!” “ผมจะถามว่าผมเรียกคุณว่าพลอย
ทันทีที่บานประตูปิดลง มือแกร่งก็รวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด แล้วโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มที่เผยอขึ้นพอดี เขากลัวเธอเปลี่ยนใจ จึงรีบจูบเธอเสียก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา พลอยดาวไม่คิดว่าตัวเองจะตอบรับเขาง่ายดายหลังจากไวน์พร่องไปครึ่งขวด เธอไม่ใช่คนคออ่อนนัก เวลาไปออกงานกับพ่อก็ดื่มนิดๆหน่อยๆ พอเข้าสังคม และเป็นคนขับรถให้พ่ออยู่บ่อยๆ อาจเพราะครั้งนี้เธอไม่ตามพ่อไปสัมมนาต่างจังหวัดด้วย อาจเพราะเธอรู้สึกอิสระมากขึ้นเพราะเรียนจบแล้ว หรือเพราะคำชวนอันเย้ายวนของเขา ‘ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะคบกับผม ถ้างั้นคืนนี้เรามีความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ไหม’ ‘อะไรนะคะ’ ‘แค่คืนนี้และไม่ผูกมัด’พลอยดาวรู้ความหมายของประโยคนี้ดี แต่ไม่คิดว่าเขาเอ่ยปากชวนง่ายๆ หรือเพราะเขาทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ เธอจึงตัดสินใจได้แทบจะในทันที เธอวางมือของตนบนฝ่ามือของเขาแทนคำตอบ และเขาก็กุมมือเธอเดินออกมาจากห้องอาหารชั้นที่สามสิบสี่มาห้องสวีทสุดหรูชั้นที่ห้าสิบสอง เพราะจิตใจจดจ่อกับมือที่กุมมือเธออยู่ทำให้ไม่ได้สนใจว่าเขาพาเธอมายังห้องสวีทนี้ได้ยังไง และเพียงบานประตูปิดลง ร่าง
มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างอ่อนนุ่มที่ทำให้เขารุ่มร้อน เขากอบกุมความเป็นชายที่สวมปราการไว้พร้อมรบถูไถกับร่องรักที่คับแคบ เรียวขางามแยกออกอย่างรอคอยเขากดแก่นกายแทรกลงไปในโพรงถ้ำสีหวาน“อึก...” ความเจ็บแปลบแล่นผ่านพร้อมกับแก่นกายร้อนระอุที่แทรกเข้ามา มือใหญ่กุมสะโพกเธอไว้มั่นไม่ให้ถอยหนี“อา” กวิวัชร์ครางเสียงต่ำเมื่อถูกบีบรัด เขาจ้องมองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง เขาจึงโน้มหน้าลงจูบเธออีกครั้งพลางดันตัวตนเข้าไป ผนังอ่อนนุ่มโอบรัดแก่นกายเขาแน่น มันคับแคบจนเขาต้องถอนตัวออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ดันกลับเข้าไปใหม่ เขาถอนแก่นกายออกเกือบสุดแล้วดันกลับเข้าไปอีก ซ้ำไปซ้ำมาจนหญิงสาวส่ายสะโพกอย่างไม่รู้ตัว ความอ่อนหวานที่ได้รับทำให้เขากดกระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุด หญิงสาวผวาเฮือกกอดไหล่เขาไว้แน่นสวรรค์! กวิวัชร์ตื่นตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะเอ่ยถาม เขาขยับสะโพกสอบเคลื่อนไหว ความเป็นชายของเขาฝังลึกในตัวเธอ นำพาความเสียวซ่านจนแทบคลั่ง เขาโยกเอวดุดันและซอยถี่ทำเอาหญิงสาวได้แต่ครางจนเสียงแหบแห้ง “ผ่อนคลายหน่อย ซี๊ด...แบบนั้นแหละ คุณน่ารักมาก พระเจ้า! คุ
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำเอาหัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบ เขาถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ปกติเขานอนไม่สวมเสื้อแล้วก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้าง คนตัวเล็กพลิกตัวเข้ามากอด ซุกใบหน้าหาตำแหน่งที่พอเหมาะแล้วหลับตาพริ้ม เขาก้มมองแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข การได้กอด ได้รักและปกป้องใครสักคน มันทำให้หัวใจอิ่มเอมได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ “รักนะคะ” “อะ..อ.ไรนะครับ” เขานึกว่าเธอหลับ แม้ได้ยินชัดแต่อยากได้ความมั่นใจอีกครั้ง “รักค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณที่มาให้รักนะคะ” “ครับ” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่รักน้องมุก ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ชายธรรมดาคนนี้ได้รู้จักความรักนะครับ” “ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง มุกจะถนอมความรักของพี่คิมไว้นานๆ” “พี่ก็จะถนอมความรักที่น้องมุกให้พี่เก็บไว้ให้นานที่สุด” “อื้ม พี่คิมไม่กลัวพ่อของมุกจริงๆเหรอคะ เราคบกันแล้ว ไม่ต้องหลบๆมาเจอกัน เพราะฉะนั้นให้พ่อแม่รู้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พราวมุกถาม ดวงตาเริ่มปิดลง คราวนี้เธอง่วงแล้วจริงๆ
“เหมือนเรื่องของเรานะเหรอ” “แค่กๆ ก็...ประมาณนั้น” “ทำไมพูดแค่นี้ก็ต้องเขิน” เธอมองเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “แล้วนายไม่เข้าใจประโยคไหนของฉัน” “ก็...เอ่อ...ที่น้องมุกบอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อ ...พี่ก็พยายามวิเคราะห์มาตลอดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ” “ถึงขั้นต้องวิเคราะห์เลยเหรอ” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉลาดอย่างนายไม่เข้าใจจริงๆเหรอ” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ที่รอรับคำสอนของคุณครูทำให้พราวมุกยันกายขึ้นนั่ง เขาหยิบหมอนให้เธอเอนหลังพิงหัวเตียง “ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อยุ่งกับงานตลอด แม่เล่าว่าพ่อกับแม่คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พอจบก็แต่งงานกันทันที และเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น พ่อก็เรียนต่อปริญญาโทและทำงานไปด้วย รับงานวิจัยอีกสารพัด หลายครั้งที่แม่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในงานของพ่อ จนสุดท้ายมันเกิดเป็นความเหินห่างและทำให้แม่เป็นฝ่ายขอเดินออกจากชีวิตของพ่อ ฉันเอง...เวลาอยู่กับพ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของพ่อ เวลาอยู่กันสามคน ฟังพ่อกับพลอยคุยกันก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ยิ่งเวลาที
“อยู่ที่นี่แหละ” แฟรงค์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ทะ...ทำไมทำแบบนี้”“เพราะเธอทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”“แฟรงค์...ฉันไม่เข้าใจ ...นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม เรา...เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม”“มุก” น้ำเสียงเขาพร่าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเรียบตึง “ฉันทำดีกับเธอตั้งมากมาย เธอยังไม่สนใจฉัน ฉันเบื่อเล่นเป็นบทคนดีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ว่าตัวจริงของฉันเป็นยังไง บางที เธออาจจะชอบมันก็ได้”พราวมุกเบี่ยงหน้าหลบทันทีที่เห็นแฟรงค์โน้มหน้าลงมา เธอพยายามยกเท้าขึ้นเตะไปมาแต่กลับถูกเขาใช้ร่างตัวเองกดทับเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแนบชิด เสียงลมหายใจของเขาแรงขึ้น สีหน้าก็ตื่นเต้นจนแก่นกายแข็งขันดุนดันจนเขาปวดหนึบไปหมด เขาครางอย่างพอใจที่เห็นเหยื่อตัวน้อยแสดงการขัดขืนชัดเจนถึงเพียงนี้ พราวมุกเข้าใจในทันทีว่าการขัดขืนของเธอกระตุ้นความต้องการทางเพศของเขา แต่เธอฝืนทำอยู่นิ่งไม่ได้ สีหน้าหื่นกระหายมันน่ารังเกียจ เธอขยะแขยงจนต้องพยายามบิดตัวหนี“ที่รัก! บอกแล้วคุณต้องชอบมัน”“แฟรงค์! ปล่อย!”เธอตวาดเขาเสียงสั่นแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา แฟรงค์ผงะไปทันที ปล่อยมือจาก
“อ้าว…แม่ก็นึกว่าลูกกับหนูพลอยดาว...” “ไม่ใช่ครับแม่ คิมกับน้องพลอยเป็นแค่พี่น้องกันครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นกันเลย แล้วตอนนี้น้องพลอยก็มีคนรักแล้วด้วย “แม่ก็นึกว่า...” แม่ยิ้มแหย คุณกานดาก็เห็นลูกชายเที่ยวรับส่งดูแลพลอยดาวมาตลอด หญิงสาวเองก็นิสัยดี น่ารัก ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ นางก็ไม่ขัดอะไร “เอ่อ...แม่ครับ แม่ว่า..ปกติผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายเหมือนพ่อใช่ไหม แบบมีพ่อเป็นต้นแบบอะไรอย่างนั้น” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “ก็ทำนองนั้นแหละ” “แล้วถ้าผู้หญิงที่บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อนี่...แม่คิดยังไงครับ” “แม่เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากได้แฟนแบบพ่อหรอก” คิมหันต์ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์วิทยาไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนใจเย็นและประนีประนอม ขนาดเจอนักศึกษาหัวเสียขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้เลย “...หรือไม่ก็...” คุณกานดาพูดอย่างเพิ่งนึกออก “อาจจะเปรียบเปรยว่าทำตัวเหมือนพ่อ คอยคุมไปเสียทุกอย่างก็ได้”
“หา! นี่เราเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆเหรอ” “พี่คิม! มุกไม่ใช่คนชอบแอบดูคนอื่นนะ แค่สงสัยนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” ได้ยินเธอเรียก ‘พี่คิม’ หัวใจก็ปลื้มปริ่มยินดี มันไม่เหมือนเวลาพลอยดาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เพราะนั้นคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาว แต่เมื่อได้ยินจากปากของพราวมุก เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ไม่ใช่ ‘นายนั้น นายนี่ หรืออาจารย์คิม’ เขาห็นใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้“ให้พี่สตาร์ทรถให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเขารู้” โชคยังเข้าข้างที่ไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นสงบลง อวัชลงจากรถเสื้อผ้ายับยู่เล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาและไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่ออวัชกวาดตามองมาทางเธอ หญิงสาวรีบก้มหัวลงต่ำแต่กลายเป็นว่าเธอซุกเข้าไปในอกแกร่งของคิมหันต์กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้เธอดิ้นขลุกขลักแต่ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้น “ชู่ว์...อย่าเพิ่งขยับ ให้เขาไปก่อน” คราวนี้พราวมุกจึงหยุดดิ้นแทบกลั้นหายใจเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่โอบกอด อากาศน้อยเกินไปหรือเธอกำลังเ
พราวมุกสะบัดหน้าไปมา บอกตัวเองให้ทุ่มเทกับงานและลืมผู้ชายที่คิมหันต์นั้นเสียที ทว่าอีกด้านหนึ่งที่พราวมุกไม่รู้ ฝ่ายอาจารย์หนุ่มก็หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจไปว่าเขาเครียดกับเรื่องวิทยานิพนธ์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพราวมุกทำเหมือนไม่อยากติดต่อพูดคุย ทั้งที่เขาอยากเดินหน้า ‘จีบ’ อย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับหลบหน้าเขาเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น(วะ)เนี้ย! เขายกมือขึ้นนวดขมับเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รีบร้อนรับสายโดยไม่ดูว่าใครโทรเข้ามา เพราะใจหวังให้เป็นเสียงหวานใจ แต่กลายเป็นว่า “อาจารย์พี่คิม...” “ครับ” คิมหันต์ตอบรับแล้วยกมือถือดูหน้าจอแล้วค่อยพูดต่อ “อ้อ..นายนนท์มีอะไรเหรอ” “พอดีมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ รูปที่ขายได้ในงานนิทรรศการต้องเอาไปส่งที่บริษัท...แต่รถของพวกเราขนไปไม่หมด เลยอยากจะรบกวนอาจารย์คิม...” เพียงแค่ได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที เพราะมันคือบริษัทที่พราวมุกทำงานอยู่ “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปส่งเอง” “ต้องรบกว
“ฮาโหล” “น้องมุก” “อืมมมม” “พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วนะ นี่...เปิดกล้องคุยกันหน่อย ไม่สบายมากไหม” ครู่ต่อมาคิมหันต์ก็ได้เห็นพราวมุกที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวนั้น ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย “กินยาหรือยัง ไม่สิ กินข้าวหรือยัง” “มุกไม่มีแรง” เธอพึมพำออกมาแทบฟังไม่เป็นคำพูด รู้สึกหนักศีรษะมาก “โอเค. เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา พี่ไปซื้อยากับของกินให้เราก่อน” พราวมุกได้แต่รับคำแล้วหลับต่อ คิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำจนกระทั่ง ได้ยินเสียงเรียกเพรากับเคาะประตูห้องจนเธอสะดุ้งแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร ฝ่ามือของเขาที่อังที่หน้าผากของเธอ “ตัวไม่ร้อน แต่วัดไข้เผื่อความแน่ใจก่อนแล้วกัน” “นาย...” คราวนี้พราวมุกตื่นเต็มตา เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง เธอยืนงงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย “พี่ซื้อโจ๊กมากินสักหน่อยแล้วค่อยกินยา จะตรวจATKไหม” “มุกตรวจแล้วขึ้นขีดเดียว” เธอเดินลากเท้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวขนาดเล็ก แต่สายตาก็ถู
“อ่อ...ไม่...” “ไม่ต้องเขินน่า คนกันเองทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าอาจารย์คิมจีบน้องพลอยดาวอยู่” “ไม่ใช่ครับ!” “อายุไม่น้อยแล้ว คบกันก็ไม่แปลกนี่ จริงสิงานเปิดนิทรรศการ อาจารย์คิมแวะไปรับสองพ่อลูกมางานพร้อมกันได้ไหม ปกติอาจารย์วิทยาไม่ค่อยชอบขับรถ” พราวมุกได้ยินชัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่อกจนต้องยกมือขึ้นกดตรงที่เจ็บ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แม้เธอกับพลอยดาวเป็นฝาแฝด หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันมาก เคยสลับเปลี่ยนตัวกันและไม่ถูกจับได้ แต่ลึกๆ เธอรู้ดีว่าความชอบรวมทั้งการใช้ชีวิตของเธอไม่เหมือนพลอยดาว เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก เธอรู้สึกเหมือนคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ มีแต่พลอยดาวเท่านั้นที่เข้าสิ่งที่พ่อทำ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่หย่ากับพ่อ และเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อ เธอค่อยๆ ขยับเท้าและก้าวออกมาอย่างเงียบเฉียบ ราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ ไม่คิดจะโทษเขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เอกสารของวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว พราวมุกทบทวนตารางงานของวันพรุ่งนี้แล้วเก็บของใช้ใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ ใกล้งานนิทรรศการแล้ว เธอรับปากคนอื่นๆ จะไปช่วยดูความเรียบร้อย เลิกงานแล้วก็ต้องแวะไปดูสถานที่จัดงาน เธอเป็นคนทีทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ทั้งงานประจำก็ไม่ให้บกพร่อง “คุณมุกครับ” “คะบอส” พราวมุกวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทันที “คือ...เอ่อ...” เขาอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าพราวมุกรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพลอยดาวหรือไม่ ตั้งแต่ตกลงคบกัน เขาไม่เห็นพราวมุกจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอไม่เคยใช้สิทธิพิเศษหรือร้องขออะไรเป็นกรณีพิเศษเพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจ “มีอะไรหรือคะบอส” เห็นท่าทีอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก็ต้องสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะไม่ให้เธอทำงานล่วงเวลานะ ‘เร็วๆนะบอส มุกมีนัด’ “เอ่อ คุณมุกเคยไปงานฟังบทกวีอะไรพวกนี้ไหมครับ” “เอ๋?” หญิงสาวทำตาโต “คือ...ธีมงานเป็นยังไงเหรอครับ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม” “อ้อ”