Share

Chapter 5. พูดอะไรไม่ออก

พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก

“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...”  เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ  กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมาก

ด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้ว

มีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้

กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้  เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด  ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน

“ชู่ว์”  เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้นหายใจเมื่อร่างกายใหญ่โตของเขาแนบชิดกับร่างของเธอ เธอไม่เคยเข้าใกล้ชิดผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน  ดวงตากลมเบิกกว้างและเห็นว่าเขาเหลือบมองด้านข้างตลอดเวลา จนกระทั่งเหมือนใครบางคนก้าวไปพ้นสายตาแล้ว   เขาจึงยอมยกมือออกแล้วถอยห่างออกมา

“ขอโทษ ผมแค่จะหลบคน”  เขาถอยออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ยอมให้เธอเดินหนีไปได้

“ค่ะ”  เธอพูดได้แค่นั้น แต่เห็นเขายืนนิ่งเป็นตุ๊กตาหินก็ทำหน้าตึงใส่  “ช่วยหลบด้วยค่ะ”

“เดี๋ยวสิครับ”   เห็นเธอเบี่ยงตัวไปทางซ้าย เขาก็ใช้ตัวเองบังไม่ให้เธอเดินออกมาได้ พอเธอขยับไปทางขวาเขาก็ทำเหมือนเดิม คราวนี้เธอคงโกรธแล้วแพราะเห็นแววตาที่จ้องเขม็งแบบจะเอาเรื่อง  ทั้งที่ตัวเธอเล็กนิดเดียว และดูยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้

แต่เขากลับชอบท่าทีเหมือนแมวน้อยขู่จนขนพองแบบนี้

“นี่คุณจะเอายังไง”

“แค่อยากคุยด้วย”

“ฉันไม่รู้จักคุณ เราไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกัน”  เธอเชิดหน้าพูดทั้งที่ใจสั่น กลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอไปทำงานแทนพราวมุก น้องหวังใจจะได้ทำงานที่นี่มาก เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุให้น้องต้องหางานใหม่ทั้งที่ทำงานไม่ถึงสามเดือน

“แต่เมื่อกี้คุณมาคุยกับผมก่อน”

พลอยดาวอ้าปากค้าง ทำไมตอนเขาอยู่บริษัทไม่ใช่คนเซ้าซี้ขนาดนี้นะ “นั้นเพราะว่าฉันคิดว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ”

“คุณเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเหรอ” เขาถามแล้วดูหนังสือเล่มหนาในมือที่หยิบไว้ได้ทันก่อนมันจะหล่นใส่ศีรษะของเธอ

“เปล่าค่ะ ฉันแค่มาทำงานที่นี่บ่อยๆ”  เธอฉวยหนังสือในมือเขา ออกแรงผลักเขาให้พ้นทาง เขายอมเบี่ยงตัวให้เธอเดินออกมาได้ แต่หญิงสาวแค่จะเอาหนังสือไปเสียบใส่ชั้นหนังสือตามเดิม พลอยดาวลองเขย่งปลายเท้าขึ้นแต่ความสูงก็ยังไม่พอจะเก็บหนังสือเข้าชั้นตามเดิม เธอเหลียวมองหาบันไดสำหรับปีนขึ้นไปหยิบหนังสือชั้นบน แต่มือใหญ่ข้างนั้นหยิบหนังสือเล่มเดิมไปเสียบในชั้นหนังสือตามเดิม

“ตรงนี้ใช่ไหม”

“ค่ะ”   ผู้ชายคนนี้สูงเท่าไรกันนะ  คราวก่อนเธอไม่ได้ยืนใกล้เขาขนาดนี้

“เรียบร้อย” กวิวัชร์พูดแล้วก้มมองคนตัวเล็ก “คำขอบคุณล่ะ”

“ขอบคุณอะไรคะ เป็นฉันที่ควรได้ยินคำขอบคุณจากปากคุณมากกว่า”

คราวนี้กวิวัชร์เลิกคิ้ว “เรื่องอะไรครับ”

“ก็เมื่อกี้คุณหลบคนไม่ใช่เหรอ” เธอขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นกอดอก “และคุณควรขอโทษที่ทำให้ฉันตกใจด้วยค่ะ”

ท่าทางเรียบร้อยแต่ต่อปากต่อคำเก่ง ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา

“ได้”

พลอยดาวเห็นเขาตอบรับง่ายๆ ก็แปลกใจ  แต่จู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือเธอไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไป

“คุณจะทำอะไร”

“จะพาคุณไปกินข้าว เลี้ยงข้าวไถ่โทษที่ทำให้คุณตกใจและขอบคุณที่คุณช่วยผม”

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”  เธอขืนตัวดึงมือตัวเองกลับแต่เขากลับกระตุกเบาๆ ร่างเล็กก็เซถลาเข้าไปในอ้อมอกของเขาอย่างง่ายดาย

“ไม่ได้ ผมเป็นพวกบุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ”

ทำไมเขาต้องเน้นคำว่าแค้นด้วยล่ะ เธอไม่ได้มีความแค้นอะไรเสียหน่อย

ทว่าปลายนิ้วของเขาไล้ใบหูขวาของเธอเบาๆ แต่ทำให้เธอตกใจยกมือขึ้นแตะใบหูตัวเอง

“ใช่จริงๆด้วย”

“คุณจะเอาอะไรกันแน่ นี่ห้องสมุดนะ”  พลอยดาวเสียงสั่นอย่างไม่รู้ตัว

“ก็คุณคือคนที่อยู่ห้องทำงานผมวันเสาร์ไงล่ะ”

“คุณ...คุณรู้ได้ยังไง”   พลอยดาวอ้าปากค้าง น้อยคนที่จะแยกเธอกับพราวมุกได้ในเวลาเพียงแวบเดียว

“คุณมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่หูขวา แต่เลขาของผมไม่มี”  เขายิ้มแบบคนที่เหนือกว่า และกลายเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว “พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ มาขโมยความลับของบริษัทผมหรือไง”

“ไม่ใช่!”   พลอยดาวส่ายหน้าไปมาเร็วๆ

“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ หนูพลอยดาว”  บรรณารักษ์สาวเดินผ่านมาเห็นเข้าจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรคะคุณแอนนา”  พลอยดาวรีบตอบ “พอดีพลอยเจอคนรู้จักค่ะ”

“อ่อ...”

“พลอยกำลังจะกลับแล้วค่ะ สัปดาห์หน้าพลอยจะมาใหม่นะคะ”

“ยินดีต้อนรับเสมอจ๊ะหนูพลอย”

พลอยดาวฉีกยิ้มกว้าง รอจนบรรณารักษ์เดินออกไปแล้วจึงหุบยิ้มแล้วหันมาขึงตาใส่ผู้ชายตัวโต

“พลอยดาว?”  กวิวัชร์เลิกคิ้ว “พราวมุก?”

“ใช่ ฉันชื่อพลอยดาวเป็นพี่สาวฝาแฝดของพราวมุกเลขาของคุณ”  พลอยดาวดันแว่นตาขึ้นชิดใบหน้าด้วยความเคยชิน “วันเสาร์ฉันไปทำงานแทนพราวมุก เพราะน้องสาวติดธุระจำเป็น”

“แค่ติดธุระก็ลางานได้” เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดนัก

“ก็พราวมุกทำงานยังไม่ครบสามเดือน  ถ้าลาหยุดงานก็กลัวจะไม่ผ่านช่วงทดลองงาน คุณไม่เคยได้ยินสินะ เก้าสิบวันอันตรายทำงานยังไงให้ผ่านโปร”

คราวนี้เป็นกวิวัชร์ที่อึ้งไป เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของ HR หรือฝ่ายคัดเลือกบุคลากร แต่เท่าที่ทำงานร่วมกับพราวมุกมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เว้นแต่ว่าเธอเพิ่งมาทำงานใหม่ ถ้าลาหยุดไม่มีเหตุผลก็ส่งผลต่อการประเมินเข้าทำงาน

“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมคะ”  คราวนี้เสียงพลอยดาวอ่อนลง “ยัยมุกมีความจำเป็นจริงๆค่ะ เราไม่ได้เป็นสายลับให้บริษัทไหนเลย คุณดูสิ ฉันทำงานแปลเอกสารเขียนบทความ วันๆ ก็คลุกอยู่กับหนังสือพวกนี้ ไม่มีทางขโมยข้อมูลของบริษัทคุณแน่นอน”

“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง”

พลอยดาวสูดลมหายใจลึก “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คุณเชื่อนี่คะ”

กวิวัชร์กวาดตามองหญิงสาวอีกครั้ง มุมปากยกยิ้มร้ายๆ ทำให้พลอยดาวใจสั่นไหว

“ดินเนอร์”

“คะ?”

“ดินเนอร์กับผม ให้ผมพิจารณาก่อนว่าคุณพูดจริงแค่ไหน”  เขายิ้มกริ่มแบบคนเอาแต่ใจ ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานแล้ว

“อะไรนะคะ”

“แค่กินข้าวเย็น”  เขาไหวไหล่ “เดี๋ยวผมให้เลขาผมนัดคุณก็แล้วกัน”

เลขาคุณก็น้องสาวฉันนี่!

พลอยดาวโมโหจนอยากกระทืบเท้าเร่าๆเป็นเด็ก แต่ทำได้แต่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ  ผู้ชายตัวสูงยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้เธอยืนโมโหอยู่คนเดียว.

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status