“ไม่หรอก” พราวมุกหัวเราะร่าแล้วเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ “มุกรู้ว่าเดวิทอยากมีลูกของตัวเองกับแม่ของเรา แต่ติดที่ทั้งสองคนเป็นห่วงความรู้สึกของมุก ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายนะ ถ้าท้องตอนอายุมากจะมีปัญหา มุกเลยหาเรื่องแยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว แต่อยู่เมืองไทยแม่จะยังสบายใจกว่า เพราะถ้ามีอะไรก็ยังมีพ่อมีพลอยและครอบครัวฝั่งคุณตากับคุณยาย มุกก็เลยกลับมาไทยนี่แหละ”
“แล้วมุกคิดจะทำงานประจำนี่จริงๆเหรอ”
“พลอยถามมุกหลายรอบแล้วนะ” พราวมุกทำปากยื่นใส่ “มาดูหนังกัน”
พลอยดาวขยับตัวไปนอนเบียดพราวมุก ทั้งสองไม่ได้เหมือนกันแค่หน้าตา แต่รูปร่างยังพอๆกันอีกด้วย พราวมุกใส่เสื้อผ้าของพลอยดาวได้ แต่พลอยดาวไม่ค่อยชอบเสื้อผ้าของพราวมุกนัก รู้สึกว่ามันสั้นไปนิด รัดรูปไปหน่อย ถ้าพ่อเห็นคงต้องบ่นแน่นอน
“ถ้าทำงานประจำได้ ก็จะได้มีตังค์ใช้ทุกเดือนไง ส่วนงานอื่นเป็นรายได้เสริม และถือว่าหาประสบการณ์ไปด้วย”
“อื้ม” พลอยดาวพยักหน้ารับ “ไม่ดูหนังผีนะ”
“หนังฆาตกรรมต่างหาก”
“ไม่เอา ดูหนังรักไม่ได้เหรอ”
“ตามใจๆ ถือว่าวันนี้ช่วยมุกไว้” พราวมุกหัวเราะ แล้วกดรีโมทเลื่อนดูรายการที่ต้องการ “บอสของมุกเป็นไงล่ะ”
“ตานั้นนะเหรอ” พลอยมุกแอบเบ้ปากใส่ “ขี้เก๊กชะมัด”
พราวมุกหัวเราะเสียงใส “ทำไงได้ล่ะ ต้องพิสูจน์ตัวเองนี่ ถึงจะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทก็เถอะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ดูๆ ไปก็น่าเห็นใจนะ”
“อื้ม”
“แล้วพลอยไม่เห็นใจบอสของมุกเหรอ”
“เกี่ยวอะไรกับพลอยด้วยเล่า” พลอยดาวทำหน้างง “มุกบอกว่าบอสไม่ชอบผู้หญิงนี่”
“ก็...มุกเป็นเลขาได้สองเดือน ไม่เห็นเหมือนในซีรีย์เกาหลีเลย แบบที่ต้องคอยจัดคิวสับรางให้สาวๆ ของบอส”
“อะไรกัน แค่นี้มุกก็คิดว่าท่านประธานเป็นเกย์เหรอ”
“มุกไม่ได้พูดว่าบอสเป็นเกย์เสียหน่อย”
“อ้าว”
“แล้วพลอยไม่สนใจบอสของมุกเหรอ”
พลอยดาวส่ายหน้ารัวๆ “คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก หรือมุกชอบ”
“ไม่ใช่สเปก” พราวมุกหัวเราะ “มุกไม่ชอบคนบ้างาน”
บ้างานเหรอ... พลอยดาวคิดถึงวันนี้ที่ทำงานร่วมกับกวิวัชร์ เขาจริงจังกับงานมาก แม้เป็นเจ้าของบริษัทก็ไม่ได้ถือตัวอะไร เขาอาจจะเรื่องมากไปนิด แต่ก็พอเข้าใจได้ พลอยดาวอยู่กับพ่อที่บ้างาน เธอเป็นคนดูแลทุกๆ เรื่องในบ้าน ถ้าจะให้พูดเกินจริงไปหน่อยก็คือเธอเหมือนคนที่คอยดูแลพ่อมากกว่า
“นี่ๆ” พลอยดาวสะกิด
“มีอะไร”
“ท่านประธานของเธอนะ ท่าทางจะเป็นพวกเครียดลงกระเพาะ ซื้อยาโรคกระเพาะติดไว้บ้างนะ”
“ของแบบนั้นมุกไปเบิกเอาก็ได้”
“ก็...ช่างเถอะ” พลอยดาวก็ไม่รู้จะเป็นห่วงเขาไปทำไม
“เป็นห่วงบอสเหรอ” พราวมุกกระเซ้า “ตานั้นแข็งแกร่งอย่างกับเหล็ก คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
“ไม่เอาน่า ตกลงวันนี้ไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ เหรอ”
“ไม่มี” พลอยมุกยืนยัน แต่ก็นึกเอะใจเลยพูดออกมา “แต่เขาชอบมองมาทางพลอยบ่อยๆ หรือเขาจะแอบชอบมุกอยู่”
“หา! ไม่มั้ง!” พราวมุกส่ายหน้าไปมา “นอกจากมองหน้าแบบจับผิดแล้วไม่มีความรู้สึกแบบชู้สาวแน่นอน”
“นั้นสินะ พลอยคงคิดไปเองนั้นแหละ”
พลอยดาวพยายามไม่คิดถึงสายตาคู่นั้น คงเพราะเธอไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตทำงานแบบนี้กระมังจึงรู้สึกแปลกๆ ความจริงเขาก็ดูดีไม่น้อย สูงน่าจะเกิน 180 เซนติเมตรแน่ๆ ใส่สูทเรียบหรูสีเข้มยิ่งขับเน้นให้ดูสง่าเข้าไปอีก หญิงสาวเกยคางกับไหล่ของน้องสาวฝาแฝด นึกถึงเรื่องที่คุยกัน บางทีเธอต้องหาทางมาค้างกับพราวมุกบ่อยๆ เผื่อว่าพ่อจะได้กลับไปใช้ชีวิตหนุ่มโสดอีกครั้ง.
.......
เพราะผลัดมาหลายครั้ง คุณจันทนาหาทางให้ลูกชายสุดที่รักมาพบ ‘หนูลิลลี่’ จนได้
กวิวัชร์นั่งหน้าตึงข้างปภาวดีหรือลิลลี่ เขาไม่อยากหยุดงานบ่อยนัก แม้ว่าตัวเองเป็นประธานบริษัทแต่เรื่องระเบียบวินัยต้องทำให้เป็นตัวอย่างที่ดี แต่เพราะแม่โทรจิกตามตัวจนเขาต้องฝากงานครึ่งบ่ายให้อา อวัชกับเลขาของเขารับช่วงต่อ
“นี่ก็งานเหมือนกันนะ” คุณจันทนาค้อนบุตรชายที่ทำหน้าตึงจนปภาวดีไม่กล้าชวนคุย
“ครับแม่”
กวิวัชร์ผงกศีรษะเป็นเชิงรับรู้ แต่มันเป็นงานที่ไม่ต้องให้เขามารับรู้ก็ได้ งานออกร้านการกุศลซึ่งแม่ของเขาก็ทำเป็นประจำบ่อยๆ เพียงแต่เขาเพิ่งรู้ว่าวันนี้นัดประชุมที่ห้องสมุดร่วมสมัย นอกจากหนังสืออัดแน่นในชั้นแล้ว ยังเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะด้วย เขาห่างเหินเรื่องพวกนี้ไปนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าสมัยวัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็ชอบทำกิจกรรมแบบนี้ เขาแปลกใจที่นัดคุยงานกันที่นี่แต่ก็พอเข้าใจได้ บรรยากาศจิบน้ำชานั่งสนทนาในสวนดอกไม้ราวกับฉากในภาพยนตร์ ถ้าวันนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ อาจมีคนเข้ามาเช็กอินถ่ายรูปเก๋ๆ อวดกันแล้ว
เขาปรายตามองทางปภาวดีแล้วลอบถอนหายใจ เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก และมีช่วงหนึ่งที่เธอหายไป ถ้าจำไม่ผิดคือไปเรียนที่เมืองนอกหรืออะไรสักอย่างนี้แหละ มาพบกันอีกครั้งก็กลายเป็นสาวสะพรั่ง ไม่ใช่ว่าปภาวดีไม่สวย เธอสวย แต่ขาดความมั่นใจ เธอเหมาะที่จะเป็นดอกไม้ที่ถูกประดับในแจกันหรูหรา ถูกรักและเอาใจใส่ แต่คนนั้นไม่ใช่เขา
“ประชุมเสร็จแล้วแม่อยาก...”
“ผมต้องกลับบริษัทก่อน คุณแม่กลับพร้อมน้องลิลลี่เลยนะครับ”
“เดี๋ยวสิ แม่...”
“น้องลิลลี่ดูคุณแม่ด้วยนะครับ”
กวิวัชร์คลี่ยิ้มโปรยเสน่ห์ทำให้ปภาวดีเคลิ้มลืมตัวพยักหน้าหงึกหงัก คุณจันทนาไม่ทันได้คว้าตัวลูกชายไว้ เขาก็ลุกออกจากเก้าอี้เดินออกมาแล้ว เขาไม่คิดจะกลับเข้าบริษัทอีก แค่ขับรถกลับก็ใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีหรือมากกว่านั้น ไปถึงก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว เพราะฉะนั้นขอใช้อภิสิทธิ์ของการเป็นประธานบริษัทก็แล้วกัน เมื่อเดินเลี้ยวออกมาเพื่อจะไปที่จอดรถ เขามองเลยไปยังห้องบรรจุหนังสือที่ให้ความรู้สึกเงียบและสงบ นานแค่ไหนที่ไม่ได้เดินเข้าห้องสมุด เขาหมุนเท้าเดินตรงไปยังห้องนั้น บรรณารักษ์สาววัยประมาณสี่สิบเงยหน้าขึ้นจากการซ่อมหนังสือ เธอส่งยิ้มให้แต่ไม่เอ่ยถามอะไร เขาเพียงยิ้มตอบแล้วเดินดูชั้นตามชั้น ห้องสมุดที่นี่ไม่เหมือนห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ที่นี่เป็นห้องสมุดกึ่งแกลเลอรี่ เท่าที่กวาดตามองในห้องนี้เก็บหนังสือเกี่ยววรรณกรรม ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ เขาหยุดมองที่ตู้กระจก มีหนังสือ ‘เจ้าชายน้อย’ หลายเวอร์ชั่นในหลายภาษา รวมทั้งฉบับอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
เสียงใสเอ่ยถามไม่ดังนัก แต่เพราะในห้องเงียบสงบทำให้เสียงหวานกังวานในห้องไม้ขนาดใหญ่ห้องนี้
น้ำเสียงคุ้นหูทำให้กวิวัชร์เงยตัวขึ้นจากตู้โชว์แล้วหมุนตัวกลับทันที หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดกระโปรงยาวเลยเข่าสีฟ้าละมุนตา ผมยาวถูกถักเปียหลวมๆ หากไม่มีแว่นตากรอบหนานั้นอยู่ เขาคงคิดว่าเธอคือพราวมุกเลขาที่ควรอยู่ที่บริษัทของเขา
พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...” เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมากด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้วมีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้ เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน“ชู่ว์” เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้
หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีชมพูกลีบบัว แม้ท่อนบนจะเป็นเสื้อแบบเปลือยไหล่ แต่ยังมีผ้าคลุมไหล่ไม่ให้รู้สึกเปิดเผยมากเกินไป เธอดูประหม่าและกระสับกระส่ายพลางขยับแว่นสายตาอยู่ตลอดเวลา กวิวัชร์หรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาว มุมปากยกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้จึงเอ่ยปากทักทาย “คุณพลอยดาว” “ค่ะ!” หญิงสาวรีบตอบรับทันที สีหน้าดูแตกตื่นดูขัดกับชุดสวยที่เธอสวมอยู่ “มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ ผมให้เลขา เอ่อ คุณพราวมุกจองโต๊ะให้เราแล้วนี่” “พะ..พลอยเพิ่งมาถึงค่ะ” เธอไม่กล้าบอกว่ามารออยู่ราวยี่สิบนาทีแล้ว แต่เพราะไม่คุ้นชินกับร้านอาหารแบบนี้จึงคิดว่ารอเข้าไปพร้อมเขาดีกว่า เขากวาดตามองเหมือนจับผิด แต่กระนั้นยังส่งยิ้มให้ก่อนผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับคุ้นเคยกับกวิวัชร์เป็นอย่างดี เดินนำสองหนุ่มสาวมาที่โต๊ะพิเศษที่ถูกจองไว้แล้ว กวิวัชร์เป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวด้วยตนเองก่อนจะนั่งตรงข้ามกับเธอ “คุณพลอย...” “ค่ะ!” “ผมจะถามว่าผมเรียกคุณว่าพลอย
ทันทีที่บานประตูปิดลง มือแกร่งก็รวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด แล้วโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มที่เผยอขึ้นพอดี เขากลัวเธอเปลี่ยนใจ จึงรีบจูบเธอเสียก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา พลอยดาวไม่คิดว่าตัวเองจะตอบรับเขาง่ายดายหลังจากไวน์พร่องไปครึ่งขวด เธอไม่ใช่คนคออ่อนนัก เวลาไปออกงานกับพ่อก็ดื่มนิดๆหน่อยๆ พอเข้าสังคม และเป็นคนขับรถให้พ่ออยู่บ่อยๆ อาจเพราะครั้งนี้เธอไม่ตามพ่อไปสัมมนาต่างจังหวัดด้วย อาจเพราะเธอรู้สึกอิสระมากขึ้นเพราะเรียนจบแล้ว หรือเพราะคำชวนอันเย้ายวนของเขา ‘ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะคบกับผม ถ้างั้นคืนนี้เรามีความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ไหม’ ‘อะไรนะคะ’ ‘แค่คืนนี้และไม่ผูกมัด’พลอยดาวรู้ความหมายของประโยคนี้ดี แต่ไม่คิดว่าเขาเอ่ยปากชวนง่ายๆ หรือเพราะเขาทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ เธอจึงตัดสินใจได้แทบจะในทันที เธอวางมือของตนบนฝ่ามือของเขาแทนคำตอบ และเขาก็กุมมือเธอเดินออกมาจากห้องอาหารชั้นที่สามสิบสี่มาห้องสวีทสุดหรูชั้นที่ห้าสิบสอง เพราะจิตใจจดจ่อกับมือที่กุมมือเธออยู่ทำให้ไม่ได้สนใจว่าเขาพาเธอมายังห้องสวีทนี้ได้ยังไง และเพียงบานประตูปิดลง ร่าง
มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างอ่อนนุ่มที่ทำให้เขารุ่มร้อน เขากอบกุมความเป็นชายที่สวมปราการไว้พร้อมรบถูไถกับร่องรักที่คับแคบ เรียวขางามแยกออกอย่างรอคอยเขากดแก่นกายแทรกลงไปในโพรงถ้ำสีหวาน“อึก...” ความเจ็บแปลบแล่นผ่านพร้อมกับแก่นกายร้อนระอุที่แทรกเข้ามา มือใหญ่กุมสะโพกเธอไว้มั่นไม่ให้ถอยหนี“อา” กวิวัชร์ครางเสียงต่ำเมื่อถูกบีบรัด เขาจ้องมองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง เขาจึงโน้มหน้าลงจูบเธออีกครั้งพลางดันตัวตนเข้าไป ผนังอ่อนนุ่มโอบรัดแก่นกายเขาแน่น มันคับแคบจนเขาต้องถอนตัวออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ดันกลับเข้าไปใหม่ เขาถอนแก่นกายออกเกือบสุดแล้วดันกลับเข้าไปอีก ซ้ำไปซ้ำมาจนหญิงสาวส่ายสะโพกอย่างไม่รู้ตัว ความอ่อนหวานที่ได้รับทำให้เขากดกระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุด หญิงสาวผวาเฮือกกอดไหล่เขาไว้แน่นสวรรค์! กวิวัชร์ตื่นตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะเอ่ยถาม เขาขยับสะโพกสอบเคลื่อนไหว ความเป็นชายของเขาฝังลึกในตัวเธอ นำพาความเสียวซ่านจนแทบคลั่ง เขาโยกเอวดุดันและซอยถี่ทำเอาหญิงสาวได้แต่ครางจนเสียงแหบแห้ง “ผ่อนคลายหน่อย ซี๊ด...แบบนั้นแหละ คุณน่ารักมาก พระเจ้า! คุ
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ ทำเอาพราวมุกแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลอยดาวหัวเราะเบาๆ แล้วยกชามแกงส้มกุ้งมาวางตรงหน้า บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวของโปรดน้องสาวฝาแฝดอีกสองอย่างคือปีกไก่กลางทอดและยำไข่เยี่ยวม้า ส่วนของพ่อเป็นผัดผักรวมมิตร “สุดยอดเลย” พราวมุกกุลีกุจอตักข้าวใส่จานทั้งสามใบ “มุกก็กลับมาอยู่บ้านสิ พลอยทำกับข้าวให้กินจะได้อ้วนๆ ลูกผอมไปนะ” คุณวิทยาบ่นแต่ก็อดยิ้มกับท่าทางซุกซนของลูกสาวไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ดูเรียบร้อยสุขุมเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันมาก “ไปๆ มาๆ แบบนี้ดีกว่าค่ะ” พราวมุกยิ้มทะเล้นแล้วตักกุ้งในแกงส้มใส่จานข้าวของพ่อ “พ่อก็กินข้าวเยอะๆ นะคะ เห็นพลอยบอกว่าพ่อทำงานยุ่งกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา” “ขอบใจลูก” พ่อยิ้มบางๆ “แล้วงานลูกเป็นไงบ้าง” “สนุกมากค่ะพ่อ เจ้านายพราวใจดีมากค่ะ” พราวมุกสบตากับพลอยดาว “ใช่ไหมพลอย” “หือ?” พ่อแปลกใจที่เห็นพราวมุกส่งสายตาซุกซนไปทางพลอยดาว เขามองลูกสาวอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ “มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ”
“พูดเรื่องนี้อีกแล้ว เจ้านายมุกจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ หื้ม” “จ้างอะไร ก็แค่ถามพลอยดูเท่านั้น ถ้าพลอยไม่โอเค. บอสก็จ้างคนอื่นแค่นั้นเอง” ‘แค่นั้นเองเหรอ’ พลอยมุกเจ็บแปลบในอกอย่างไม่รู้สาเหตุ นั้นสินะ เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย คนอย่างกวิวัชร์คงไม่ขาดแคลนผู้หญิงขนาดต้องตามเทียวไล้เทียวขื่อกับเธอหรอก เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้สองสาวหันมามองหน้ากัน พราวมุกพยักเพยิดให้พลอยดาวไปดูหน้าบ้าน ส่วนเธอเช็ดจานที่เหลืออีกสองสามใบก็เสร็จ พลอยดาวเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานระบายยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้ “พี่คิม ไม่ได้เห็นหน้านานเลยนะคะ” “น้องพลอย” คิมหันต์ยิ้มรับ “อาจารย์อยู่ไหมครับ” “อยู่ค่ะ เข้ามาได้เลยค่ะ ทำเหมือนไม่เคยมา” คิมหันต์หัวเราะเก้อๆ แล้วเหมือนนึกได้ก็รีบยื่นถุงผลไม้ส่งให้พลอยดาว “พี่ซื้อมาฝาก จำได้ว่าน้องพลอยชอบกินผลไม้มากกว่าขนมหวาน” “ขอบคุณค่ะ เข้ามาในบ้านเถอะ ข้างนอกร้อน” “ครับๆ” ชายหนุ่มผงกศีรษะเดินเข้ามาด้านในด้วยความเคยชิน เขาเองก็เข้าๆ ออกๆ บ้านอาจารย์มาหลายปี ตั้งแต่พลอยดาวเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เขาก็
“ถ้าชอบคราวหน้าจะฝากมุกไปให้นะคะ กล่องนั้นของมุก มุกเขากลัวอ้วนเลยทำสูตรพิเศษให้ค่ะ”“ไม่ต้องฝากคุณมุกมาหรอกครับ” เขายิ้มกริ่ม “น้องพลอยมาหาพี่กั้งได้ตลอดเวลา”จู่ๆ เขาก็ทำตัวหวานเลี่ยนขึ้นมา ทำให้พลอยดาวหลุดหัวเราะพรืดออกมา เสียงหัวเราะและท่าทางผ่อนคลายของเธอดึงดูดสายตาของชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว“พูดปกติก็ได้ค่ะ” พลอยดาวเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเรียบร้อย “ตอนทำงานไม่เป็นแบบนี้นี่คะ”“ก็นั้นมันตอนทำงานนี่” เขายิ้มแล้วช่วยเธอถือกระเป๋าใส่ของ “เอาอะไรมาเยอะแยะ”“พลอยแปลบทความอยู่ค่ะ มีบางส่วนไม่มั่นใจก็เลยมาทำงานที่ห้องสมุด ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติอยู่ด้วย ถ้าติดขัดอะไรก็พอสอบถามได้” “นึกว่าน้องพลอยชอบทำงานที่บ้านเสียอีก” ดีที่เขาโทรมาขู่ เอ๊ย! โทรมาเช็กว่าเธออยู่ที่ไหนก่อนจึงตามมาเจอที่นี่ ไม่งั้นบุกไปที่บ้านก็คงไม่ได้เจอกัน“ชอบค่ะ” พลอยดาวพยักหน้ารับ “แต่คนเราก็ต้องออกนอกบ้านบ้าง” หญิงสาวเดินผ่านเคาน์เตอร์ห้องสมุด เธอเอ่ยลาบรรณารักษ์สาวแล้วเดินออกมาพร้อมกวิวัชร์ เท้าของเธอไปสะดุดธรณีประตูเสียจังหวะไปเล็กน้อยแต่ดันไปคว้าแขนของกวิวัชร์ได้ทัน ท่าทางของเธอกับเขาในตอนนี้จึงเหมือนค
“ก็ในมุมของน้องพลอย น้องพลอยคิดแทนพี่แล้วว่าพี่มองว่าน้องพลอยเป็นของแปลกในชีวิตพี่แต่ในมุมของน้องพลอยแล้ว พี่เป็นของแปลกในชีวิตของน้องพลอย จริงอยู่ที่วิถีการใช้ชีวิตของเราแทบไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้เลย น้องพลอยทำงานด้านวิชาการ ส่วนพี่เป็นนักธุรกิจ หากไม่ใช่เพราะพราวมุกเราคงไม่ได้พบกัน แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าโลกเหวี่ยงเราที่แตกต่างให้มาเจอกันที่ห้องสมุด พี่จำได้ว่าวันนั้นพี่พูดต่อหน้าพราวมุกไปแล้ว พี่ไม่ใช่เด็ก ถ้าสนใจใครก็ไม่อยากเสียเวลา ลองทำความรู้จักกันเลยดีกว่า ถ้าไม่เวิร์คก็แยกย้ายกันไป” “แล้วพี่กั้งคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันเวิร์คไหมคะ” “เวิร์คไม่เวิร์คไม่รู้ รู้แต่ว่า...” เขาวาดแขนโอบเอวบางเข้ามาแนบชิด “เราเข้ากันได้ทีเดียว” บางสิ่งในกางเกงแข็งขันดุนดันอย่างชัดเจน ทำเอาพลอยดาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “พี่กั้ง...” “พี่คิดถึงน้องพลอยนะครับ” เขาพูดเสียงพร่าพลางโน้มหน้าลงมาขบใบหูอย่างหยอกล้อ “แค่คิดถึงมันก็เป็นแบบนี้แล้ว” หญิงสาวหลุดเสียงครางเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู เธอเอียงตัวหนีแต่มือแกร่งโอบรัดร่างบางไว้แนบแน่น