Share

Chapter 9. คนแบบนั้นเรียกใจดีได้ด้วยเหรอ

          กลิ่นอาหารหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ ทำเอาพราวมุกแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้  พลอยดาวหัวเราะเบาๆ แล้วยกชามแกงส้มกุ้งมาวางตรงหน้า บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวของโปรดน้องสาวฝาแฝดอีกสองอย่างคือปีกไก่กลางทอดและยำไข่เยี่ยวม้า ส่วนของพ่อเป็นผัดผักรวมมิตร

            “สุดยอดเลย” พราวมุกกุลีกุจอตักข้าวใส่จานทั้งสามใบ

            “มุกก็กลับมาอยู่บ้านสิ พลอยทำกับข้าวให้กินจะได้อ้วนๆ ลูกผอมไปนะ” คุณวิทยาบ่นแต่ก็อดยิ้มกับท่าทางซุกซนของลูกสาวไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ดูเรียบร้อยสุขุมเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันมาก

            “ไปๆ มาๆ แบบนี้ดีกว่าค่ะ” พราวมุกยิ้มทะเล้นแล้วตักกุ้งในแกงส้มใส่จานข้าวของพ่อ “พ่อก็กินข้าวเยอะๆ นะคะ เห็นพลอยบอกว่าพ่อทำงานยุ่งกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา”

            “ขอบใจลูก” พ่อยิ้มบางๆ “แล้วงานลูกเป็นไงบ้าง”

            “สนุกมากค่ะพ่อ เจ้านายพราวใจดีมากค่ะ”  พราวมุกสบตากับพลอยดาว “ใช่ไหมพลอย”

            “หือ?”  พ่อแปลกใจที่เห็นพราวมุกส่งสายตาซุกซนไปทางพลอยดาว เขามองลูกสาวอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ “มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า”

            “ไม่มีค่ะ” พลอยดาวตอบรวดเร็วแล้วหยิบปีกไก่ทอดส่งเข้าปากพราวมุกที่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไร

            “เล่นอะไรกันลูก”  พ่อส่ายหน้าไปมา “เดี๋ยวก็ข้าวติดคอหรอก”

            “ก็ไม่มีอะไรนี่ค่ะ” พราวมุกเคี้ยวปีกไก่คำโต “ว่าแต่พลอยเถอะ ไม่อยากลองหางานประจำดูเหรอ นี่บอสของมุกยังเปรยๆ กับมุกอยู่เลยนะว่า อยากได้คนทำงานด้านแปลเอกสารโดยเฉพาะ พวกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างอะไรพวกนี้”

            พลอยดาวสบตากับแฝดน้อง ที่พูดไปกินไปด้วยแววตาพราวระยับ เธอฉีกยิ้มกว้างแต่รอยยิ้มไม่ถึงดวงตา ซ้ำยังให้ความรู้สึกข่มขู่อีกฝ่ายด้วย

            “งานพวกนี้มุกก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ  ตัวเองเรียนเมืองนอกเก่งภาษาอังกฤษกว่าพลอยอีก”

            “ก็งานที่บริษัทมันล้นมือแล้ว บอสใจดีเลยอยากหาคนมาช่วยมุกทำงาน”

            ‘ใจดี’

            พลอยดาวกลอกตามองบน คนแบบนั้นเรียกใจดีได้ด้วยเหรอ คืนนั้นไม่เห็นเขาใจดีกับเธอเลยสักนิด จับเธอกินไปหลายรอบ ถ้าถุงยางไม่หมดกล่องก็คงไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ  ไม่รู้ไปอดยากมาจากไหน  แถมยังดื้อดึงเป็นที่สุด เธอบอกไม่ต้องมาส่งที่บ้าน เขาก็ไม่ยอม แถมยังบังคับให้เธอนั่งรถของเขากลับมาที่บ้าน ยังดีที่พ่อไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่

            วันไนท์สแตนด์อะไรกัน แค่คืนนี้และไม่ผูกมัดไม่เห็นเป็นอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด!

            เธอคิดว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว เขาจะไม่ติดต่อเธออีก แต่เขาเสนอหน้าหิ้วของบำรุงสุขภาพมาเป็นกระเช้า

            ‘ฉันไม่ได้ป่วยนะคะ’

            ‘พูดจาห่างเหินจัง’ เขาหัวเราะ ‘ผมเป็นห่วงคุณ’

            ‘ฉันไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น’

            ‘บำรุงเยอะๆ คราวหน้าคุณจะได้ไม่โอดครวญว่าไม่ไหวแล้ว’

            ‘คุณ!’

            ‘เรียกพี่กั้งสิครับ’

            ‘ไม่เรียก! ฉันไม่อยากสนิทสนมกับคุณ’

            ‘แต่ผมอยากนี่’

            คำว่า ‘อยาก’ ของเขาที่เอ่ยพร้อมแววตาเร่าร้อนทำให้พลอยมุกหน้าเห่อร้อน และรีบหาทางไล่เขาไปให้พ้นหน้าบ้าน ยังดีที่เขามาแต่ละครั้งคือช่วงที่พ่อยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่อย่างนั้น เธอโดนสอบสวนยาวแน่ๆ

            ‘คุณกลับไปได้แล้ว’

            ‘เรียกพี่กั้งก่อน’

            ‘ไม่’

            ‘ได้ งั้นผมก็อยู่แถวนี้รอพ่อคุณกลับมาเจอก็ได้ อื้ม พ่อคุณเลิกงานกี่โมงนะ ท่านชอบอะไรเป็นพิเศษล่ะ ผมจะได้สั่งมาไว้รอ’

            ‘ไม่ต้อง!’

            ‘งั้นก็เรียกพี่กั้งสิครับ’

            พลอยดาวเม้มปากแน่น อยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ แต่เขายังหน้าระรื่นยิ้มข้ามรั้วเตี้ยๆ ไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไร เป็นการยืนยันว่าเขาพูดจริงและจะทำจริง ทำให้เธอยอมเรียกเขาว่า

‘พี่...กั้ง...’

            ‘อะไรนะครับ ไม่ค่อยได้ยิน’

            ‘พี่กั้ง!’

            ‘เรียกหวานๆหน่อยสิครับ หรือจะครางเรียกชื่อพี่ก็ได้นะ พี่อนุญาต’

            ‘คุณ!’

            ‘อย่าลืมกินซุปไก่นะครับ น้องพลอย’  เขายิ้มกริ่ม ‘หรืออยากกินกั้งก็ได้นะครับ’

            เป็นครั้งแรกที่พลอยดาวอยากจะร้องกรี๊ดๆ แล้วกระทืบเท้าเร่าๆ เหมือนตัวร้ายในละครโทรทัศน์ แต่ยังดีที่กวิวัชร์หมุนตัวเดินกลับไปไม่ทำให้เธอต้องความดันพุ่งปรี๊ดขึ้นมา

            “พลอยก็กินกุ้งบ้างสิลูก ไม่ต้องตักให้พ่อเยอะนักหรอก”  พ่อชวนคุยเมื่อเห็นลูกสาวคนโตตักแกงส้มกุ้งให้พ่อ ลูกสาวคนนี้มักดูแลพ่ออย่างดีเสมอ จนบ่อยครั้งที่เขาเองก็แอบคิดว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไม่ดีนัก ลูกกลายเป็นฝ่ายดูแลเขาเสียมากกว่า

            “พลอยไม่ชอบกินกุ้งหรอกค่ะ พลอยชอบกินกั้งมากกว่า”

            “แค่กๆๆ”

            “น้ำลูก” พ่อเห็นพลอยดาวสำลักรีบส่งน้ำให้ทันที “เป็นอะไรมากไหม สำลักอาหารหรือเปล่า”

            พลอยดาวดื่มน้ำแล้วพูด “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ” 

            พราวมุกกลับยิ้มล้อไม่เดือดร้อนกับภาพที่เห็น พลอยดาวแอบแยกเขี้ยวใส่ นานๆ ทีพราวมุกจะมากินข้าวกับพ่อ เธอไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ นี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

            พราวมุกเคยชินกับการอยู่คนเดียว แม่ค่อนข้างให้อิสระเธอมาก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการใช้ชีวิต เธออยากกลับมาเมืองไทย แม่ก็ไม่ห้ามอะไร เพียงแค่สอบถามว่าเธอวางแผนยังไงแค่นั้น เมื่อถึงเมืองไทยก็หาคอนโดอยู่ ไม่ได้มาพักบ้านเดียวกับพลอยดาว แม้ว่าพ่อจะเอ่ยปากชวนหลายครั้ง

            หลังอาหารเย็นผ่านไป พ่อเอนหลังอ่านเอกสารวิชาการที่โซฟาในห้องนั่งเล่น พราวมุกช่วยพลอยดาวล้างจาน สองพี่น้องยืนไหล่ชนกันหัวเราะเสียงใสทำให้พ่อยิ้มตามไปด้วย  แม้ไม่รู้ว่าลูกสาวพูดคุยเรื่องอะไรกัน

            “เรื่องนั้นนะ บอสพูดจริงนะพลอย”

            “เรื่องอะไร มุกพูดตั้งหลายเรื่อง”

            “ทำงานพิเศษที่บริษัทมุกไง เหมือนฟรีแลนซ์แต่เข้าออฟฟิศ ปีหน้าพลอยถึงจะเข้าเรียนปริญญาโทไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ว่างลองทำงานเล่นๆ ดูไหมล่ะ”

            “มุกนี่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องสนุกไปหมดเลยนะ”  เธอไม่รู้ว่ากวิวัชร์เล่า ‘เรื่องของเรา’ ให้ใครรู้บ้างหรือเปล่า เธอเองไม่ได้เล่าให้พราวมุกรู้ว่าคืนนั้นอยู่กับบอสเจ้าเล่ห์ทั้งคืน พราวมุกไม่ได้เซ้าซี้แค่รู้ว่าเธอถึงบ้านปลอดภัยดีก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ทำให้เธอสบายใจอยู่ไม่น้อย

            “แล้วจะซีเรียสไปทำไมล่ะ” พราวมุกหัวเราะแล้วแอบเอี้ยวตัวมองไปทางพ่อที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก พ่อคงจะรักบ้านหลังนี้มาก เลิกกับแม่ไปนานแล้วแต่เหมือนทุกอย่างยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “พ่อเราก็ยังไม่แก่นะ ไม่มีสาวที่ไหนตาถึงมาจีบพ่อเลยเหรอ”

            “พูดอะไรเนี้ย”

            “ก็มุกสงสารพ่อ อยู่คนเดียวคงเหงานะ” พราวมุกถอนหายใจเบาๆ “แม่เดินหน้าไปไกลแล้ว แต่พ่อเราสิ”

            “เรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูกอย่าพูดไปมันไม่ดี”

            “ไม่ดีตรงไหนล่ะ”  พราวมุกเบ้ปาก “แล้วพลอยชอบงานสายวิชาการเหมือนพ่อจริงๆเหรอ”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status