มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างอ่อนนุ่มที่ทำให้เขารุ่มร้อน เขากอบกุมความเป็นชายที่สวมปราการไว้พร้อมรบถูไถกับร่องรักที่คับแคบ เรียวขางามแยกออกอย่างรอคอยเขากดแก่นกายแทรกลงไปในโพรงถ้ำสีหวาน
“อึก...” ความเจ็บแปลบแล่นผ่านพร้อมกับแก่นกายร้อนระอุที่แทรกเข้ามา มือใหญ่กุมสะโพกเธอไว้มั่นไม่ให้ถอยหนี
“อา” กวิวัชร์ครางเสียงต่ำเมื่อถูกบีบรัด เขาจ้องมองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง เขาจึงโน้มหน้าลงจูบเธออีกครั้งพลางดันตัวตนเข้าไป ผนังอ่อนนุ่มโอบรัดแก่นกายเขาแน่น มันคับแคบจนเขาต้องถอนตัวออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ดันกลับเข้าไปใหม่ เขาถอนแก่นกายออกเกือบสุดแล้วดันกลับเข้าไปอีก ซ้ำไปซ้ำมาจนหญิงสาวส่ายสะโพกอย่างไม่รู้ตัว ความอ่อนหวานที่ได้รับทำให้เขากดกระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุด หญิงสาวผวาเฮือกกอดไหล่เขาไว้แน่น
สวรรค์! กวิวัชร์ตื่นตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะเอ่ยถาม เขาขยับสะโพกสอบเคลื่อนไหว ความเป็นชายของเขาฝังลึกในตัวเธอ นำพาความเสียวซ่านจนแทบคลั่ง เขาโยกเอวดุดันและซอยถี่ทำเอาหญิงสาวได้แต่ครางจนเสียงแหบแห้ง
“ผ่อนคลายหน่อย ซี๊ด...แบบนั้นแหละ คุณน่ารักมาก พระเจ้า! คุณรัดผมแน่นมาก”
“อื้อออออ” พลอยดาวครางในปากของเขา ลิ้นถูกดูดดึง มือข้างหนึ่งของเขาบีบเคล้นหน้าอกสลับกับดึงปลายยอดเพิ่มความเสียวซ่านไปถึงปลายนิ้วเท้า
เธอไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร ทุกการเคลื่อนไหวทำให้สติเธอพร่าเลือนไปหมด วาบหวิวและเสียวซ่านไปถึงปลายนิ้วเท้า ร่างสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น เธอเสียวกระสันจนร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมาในที่สุดพร้อมหัวใจเต้นรัว
“อ๊า”
“คุณชอบไหม” เขาถามหลังจากส่งเธอไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง
“พอแล้ว พอก่อนค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมาจนผมยาวคลี่สยาย เขายังคงเคลื่อนไหวบนร่างเธอ เขายันกายขึ้นแล้วจับขาเรียวของเธอออกจากเอวเขามาพาดบนบ่นแกร่ง
“อีกครั้งนะ ดับเบิ้ลออกัสซั่ม”
ถึงพลอยดาวจะอ่านหนังสือมาเยอะ แต่เธอไม่เคยปฏิบัติจริง ครั้งนี้เขาโยกเอวดุดันกว่ารอบแรก ถี่รัวจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางต่ำในลำคอของเขา มือหนึ่งขยี้จุดอ่อนไหว เธอเสียวซ่านอย่างรุนแรง ร่องรักบีบรัดแก่นกายอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้กวิวัชร์กระแทกแก่นกายเข้าไปลึกขึ้นกว่าเดิม เร่งจังหวะเร็วขึ้น ช่องทางคับแคบตอดรัดจนเหมือนถูกกลืนกิน เขาก้มมองกลีบเนื้อสีอ่อนที่โอบรัดแก่นกายของเขายามเคลื่อนไหวเข้าออกอาบด้วยน้ำหวานวาวใส มือเล็กจิกเล็บกับไหล่อย่างห้ามไม่ได้ เธอเสร็จไปอีกครั้งพร้อมกับเขาก็ปลดปล่อยน้ำรักจนเต็มถุง
เขาคำรามเหนือร่างที่เกร็งกระตุก ดวงตาจ้องมองทุกอากัปกิริยาของหญิงสาว เธอหลับตาอย่างอ่อนล้าแต่ริมฝีปากยังเผยอขึ้นหอบหายใจเบาๆ
มันจะดีแค่ไหนนะถ้าเขาได้หลั่งในตัวเธอ
ให้ตายเถอะ! เขาไม่เคยรู้สึกต้องการผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน
พลอยดาวคิดว่าทุกอย่างจบแล้ว เธอครางแผ่วเบาเมื่อเขาถอนแก่นกายออกอย่างช้า เธอหุบขาอย่างเขินอายแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ เธอไม่รู้จะทำหน้ายังไง นอกจากนี้คือวันไนท์สแตนด์ครั้งแรกของเธอแล้ว มันยังเป็นเซ็กส์แรกของเธอด้วย
กฎของวันไนท์สแตนด์คืออะไรนะ เสร็จภารกิจแล้วต้องชิงเลยใช่ไหม แต่สภาพนี้เธอขยับตัวแทบไม่ไหว ที่นอนนี่ก็นุ่มเหลือเกิน ได้หลับสักงีบคงดีทีเดียว
ไม่ได้นะ จะหลับไม่ได้ ซินเดอเรลล่ามีเวลาแค่เที่ยงคืน เธอต้องกลับ...
พลอยดาวลืมตาขึ้นทันที่ที่มือร้อนจับไหล่ เธอคิดว่าเขาจะปลุกให้เธอสวมเสื้อผ้า แต่เพียงเอี้ยวใบหน้ามาริมฝีปากก็ถูกทาบทับอีกครั้ง
“อื้อ” เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง มือใหญ่เลื่อนมาลูบไล้ยอดตูมสีชมพูอ่อนทำให้ร่างเธอสั่นระริกขึ้นมาอีกครั้ง เขาซ้อนกายอยู่ด้านหลัง เรือนร่างแนบชิดโดยเฉพาะแก่นกายแข็งขึงนั้นบดเบียดร่องก้นทำให้รู้ถึงความปรารถนาของอีกฝ่าย
กวิวัชร์ถอนจูบแล้วขบเม้มติ่งหูของหญิงสาว ทำเอาร่างบางอ่อนระทวย หน้าอกของเธอสวยมันพอดีกับมือของเขา ยามบีบเคล้นเรียกเสียงครางกระเส่าจากริมฝีปากหวาน เธอหอบหายใจแรงขึ้น เขาจูบซอกคอได้กลิ่นกายหอมหวาน มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นจากกายสาว และทำให้น้องชายของเขาขยายลำใหญ่ขึ้น เลื่อนมืออีกข้างลงไปแยกกลีบดอกไม้ หยอกเย้าความอ่อนนุ่มที่ไวต่อสัมผัส
เสียงหอบหายใจผสานเสียงครางกระเส่า นิ้วร้ายกาจปั่นป่วนอารมณ์ของหญิงสาวจนเธอสะอึกสะอื้น ครั้งนี้เขาส่งตัวตนเข้ามารวดเร็วกว่าครั้งแรก การกระแทกเข้าจากด้านหลังทำให้ร่างเธอถูกดันไปด้านหน้า เขารัดเธอไว้แน่นในขณะที่สะโพกสอบขยับโยก เขาครางกระเส่าเพราะร่องรักตอดรัดแก่นกายทำให้แทบคลั่ง เขาหยัดกายเสียดสีเร่งเร้าเร่าร้อนและรุนแรงขึ้น
“อ่า คุณ...กั้ง...พลอย...อ๊า” เธอสะบัดหน้าไปมา เขาฝังกายเข้ามาอย่างลึกล้ำและดุดัน ครั้งแล้วครั้งเล่า บดเบียดราวกับหิวโหย เธอครางจนเสียงแหบแห้งน่าสงสารในขณะที่เขาก็เริ่มหายใจแรง
“พลอย ไม่..ไม่ไหวแล้วค่ะ...”
“ไม่ไหวได้ยังไง คุณทั้งร้อนทั้งแฉะ” เขาโยกเอวดุดันสาวลำเอ็นรัวแรง ยกต้นขาของเธอขึ้นอีกเพื่อแทรกกายเข้าไปจนมิดลำ ร่องรักคับแคบอ่อนนุ่มและเปียกร้อน เขาครางเสียงต่ำลมหายใจหนักหน่วง เหงื่อร้อนไหลอาบร่างกำยำ เขาเลื่อนมือมาจจับเอวเล็กไว้มั่นแล้วซอยสะโพกจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อ
พลอยดาวเกร็งกระตุกไปอีกครั้ง แก่นกายของเขาเข้ามาลึกมาก ทั้งแข็งขันและขยายใหญ่เธอไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะเข้ามาได้หมดและมันยังเคลื่อนไหวอย่างตอกตรึงอย่างบ้าคลั่ง หนักหน่วง แต่ทุกการเสียดสีนำความเสียวกระสันมาสู่กายสาว
“อ๊า!”
ชายหนุ่มแหงนหน้าคำรามเมื่อไม่อาจยื้อความเสียวซ่านนี้ไว้ได้อีก กายหนาสั่นสะท้านจากสัมผัสเร่าร้อนที่เธอมอบให้ ความกระสันซ่านไปทั่วร่างเขาปลดปล่อยอีกครั้ง
คราวนี้พลอยดาวฝืนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป เธอผล็อยหลับไปทันทีโดยไม่รู้ว่า กวิวัชร์รั้งร่างเธอมาโอบกอดใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน.
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ ทำเอาพราวมุกแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลอยดาวหัวเราะเบาๆ แล้วยกชามแกงส้มกุ้งมาวางตรงหน้า บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวของโปรดน้องสาวฝาแฝดอีกสองอย่างคือปีกไก่กลางทอดและยำไข่เยี่ยวม้า ส่วนของพ่อเป็นผัดผักรวมมิตร “สุดยอดเลย” พราวมุกกุลีกุจอตักข้าวใส่จานทั้งสามใบ “มุกก็กลับมาอยู่บ้านสิ พลอยทำกับข้าวให้กินจะได้อ้วนๆ ลูกผอมไปนะ” คุณวิทยาบ่นแต่ก็อดยิ้มกับท่าทางซุกซนของลูกสาวไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ดูเรียบร้อยสุขุมเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันมาก “ไปๆ มาๆ แบบนี้ดีกว่าค่ะ” พราวมุกยิ้มทะเล้นแล้วตักกุ้งในแกงส้มใส่จานข้าวของพ่อ “พ่อก็กินข้าวเยอะๆ นะคะ เห็นพลอยบอกว่าพ่อทำงานยุ่งกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา” “ขอบใจลูก” พ่อยิ้มบางๆ “แล้วงานลูกเป็นไงบ้าง” “สนุกมากค่ะพ่อ เจ้านายพราวใจดีมากค่ะ” พราวมุกสบตากับพลอยดาว “ใช่ไหมพลอย” “หือ?” พ่อแปลกใจที่เห็นพราวมุกส่งสายตาซุกซนไปทางพลอยดาว เขามองลูกสาวอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ “มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ”
“พูดเรื่องนี้อีกแล้ว เจ้านายมุกจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ หื้ม” “จ้างอะไร ก็แค่ถามพลอยดูเท่านั้น ถ้าพลอยไม่โอเค. บอสก็จ้างคนอื่นแค่นั้นเอง” ‘แค่นั้นเองเหรอ’ พลอยมุกเจ็บแปลบในอกอย่างไม่รู้สาเหตุ นั้นสินะ เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย คนอย่างกวิวัชร์คงไม่ขาดแคลนผู้หญิงขนาดต้องตามเทียวไล้เทียวขื่อกับเธอหรอก เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้สองสาวหันมามองหน้ากัน พราวมุกพยักเพยิดให้พลอยดาวไปดูหน้าบ้าน ส่วนเธอเช็ดจานที่เหลืออีกสองสามใบก็เสร็จ พลอยดาวเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานระบายยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้ “พี่คิม ไม่ได้เห็นหน้านานเลยนะคะ” “น้องพลอย” คิมหันต์ยิ้มรับ “อาจารย์อยู่ไหมครับ” “อยู่ค่ะ เข้ามาได้เลยค่ะ ทำเหมือนไม่เคยมา” คิมหันต์หัวเราะเก้อๆ แล้วเหมือนนึกได้ก็รีบยื่นถุงผลไม้ส่งให้พลอยดาว “พี่ซื้อมาฝาก จำได้ว่าน้องพลอยชอบกินผลไม้มากกว่าขนมหวาน” “ขอบคุณค่ะ เข้ามาในบ้านเถอะ ข้างนอกร้อน” “ครับๆ” ชายหนุ่มผงกศีรษะเดินเข้ามาด้านในด้วยความเคยชิน เขาเองก็เข้าๆ ออกๆ บ้านอาจารย์มาหลายปี ตั้งแต่พลอยดาวเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เขาก็
“ถ้าชอบคราวหน้าจะฝากมุกไปให้นะคะ กล่องนั้นของมุก มุกเขากลัวอ้วนเลยทำสูตรพิเศษให้ค่ะ”“ไม่ต้องฝากคุณมุกมาหรอกครับ” เขายิ้มกริ่ม “น้องพลอยมาหาพี่กั้งได้ตลอดเวลา”จู่ๆ เขาก็ทำตัวหวานเลี่ยนขึ้นมา ทำให้พลอยดาวหลุดหัวเราะพรืดออกมา เสียงหัวเราะและท่าทางผ่อนคลายของเธอดึงดูดสายตาของชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว“พูดปกติก็ได้ค่ะ” พลอยดาวเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเรียบร้อย “ตอนทำงานไม่เป็นแบบนี้นี่คะ”“ก็นั้นมันตอนทำงานนี่” เขายิ้มแล้วช่วยเธอถือกระเป๋าใส่ของ “เอาอะไรมาเยอะแยะ”“พลอยแปลบทความอยู่ค่ะ มีบางส่วนไม่มั่นใจก็เลยมาทำงานที่ห้องสมุด ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติอยู่ด้วย ถ้าติดขัดอะไรก็พอสอบถามได้” “นึกว่าน้องพลอยชอบทำงานที่บ้านเสียอีก” ดีที่เขาโทรมาขู่ เอ๊ย! โทรมาเช็กว่าเธออยู่ที่ไหนก่อนจึงตามมาเจอที่นี่ ไม่งั้นบุกไปที่บ้านก็คงไม่ได้เจอกัน“ชอบค่ะ” พลอยดาวพยักหน้ารับ “แต่คนเราก็ต้องออกนอกบ้านบ้าง” หญิงสาวเดินผ่านเคาน์เตอร์ห้องสมุด เธอเอ่ยลาบรรณารักษ์สาวแล้วเดินออกมาพร้อมกวิวัชร์ เท้าของเธอไปสะดุดธรณีประตูเสียจังหวะไปเล็กน้อยแต่ดันไปคว้าแขนของกวิวัชร์ได้ทัน ท่าทางของเธอกับเขาในตอนนี้จึงเหมือนค
“ก็ในมุมของน้องพลอย น้องพลอยคิดแทนพี่แล้วว่าพี่มองว่าน้องพลอยเป็นของแปลกในชีวิตพี่แต่ในมุมของน้องพลอยแล้ว พี่เป็นของแปลกในชีวิตของน้องพลอย จริงอยู่ที่วิถีการใช้ชีวิตของเราแทบไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้เลย น้องพลอยทำงานด้านวิชาการ ส่วนพี่เป็นนักธุรกิจ หากไม่ใช่เพราะพราวมุกเราคงไม่ได้พบกัน แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าโลกเหวี่ยงเราที่แตกต่างให้มาเจอกันที่ห้องสมุด พี่จำได้ว่าวันนั้นพี่พูดต่อหน้าพราวมุกไปแล้ว พี่ไม่ใช่เด็ก ถ้าสนใจใครก็ไม่อยากเสียเวลา ลองทำความรู้จักกันเลยดีกว่า ถ้าไม่เวิร์คก็แยกย้ายกันไป” “แล้วพี่กั้งคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันเวิร์คไหมคะ” “เวิร์คไม่เวิร์คไม่รู้ รู้แต่ว่า...” เขาวาดแขนโอบเอวบางเข้ามาแนบชิด “เราเข้ากันได้ทีเดียว” บางสิ่งในกางเกงแข็งขันดุนดันอย่างชัดเจน ทำเอาพลอยดาวหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “พี่กั้ง...” “พี่คิดถึงน้องพลอยนะครับ” เขาพูดเสียงพร่าพลางโน้มหน้าลงมาขบใบหูอย่างหยอกล้อ “แค่คิดถึงมันก็เป็นแบบนี้แล้ว” หญิงสาวหลุดเสียงครางเมื่อลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู เธอเอียงตัวหนีแต่มือแกร่งโอบรัดร่างบางไว้แนบแน่น
“พี่อยากเห็นพลอยเสร็จ” เขากระซิบบอกแล้วจับจ้องหญิงสาวในกระจก เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกนิ้ว ร่องรักตอดรัดถี่รัว มือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกแรงขึ้น เธอขยับสะโพกรับจังหวะสาวนิ้วของเขา ริมฝีปากสวยเผยอขึ้นส่งเสียงครางเร่งเร้าให้นิ้วมือของเขายิ่งเร่งซอยถี่จนกระทั้งหญิงสาวหวีดร้องและกระตุกเกร็ง เขาถอนนิ้วแล้วส่งนิ้วที่เปื้อนน้ำรักเข้าปากตัวเองก่อนก้มหน้าจูบแก้มเร็วๆ ทีหนึ่ง “อาบน้ำกัน” พลอยดาวเหมือนเพิ่งได้สติ เธอชวนเขาอาบน้ำแต่ตอนนี้เธอเปียกชุ่มเพราะเขา เขารูดกางเกงของตนเองไปพ้นทาง เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าและแก่นกายที่แข็งขันตั้งชันเหมือนเสาหิน เขาใช้ร่างกายใหญ่โตดันร่างเล็กเข้าไปใต้ฝักบัว เอื้อมมือเปิดน้ำให้น้ำอุ่นไหล่ผ่านทั่วร่างแล้วโน้มหน้าดูดกลีบปากสวย หน้าขาของเขาบดเบียดกึ่งกลางกายสาวมันเปียกร้อนขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวเล็กโอบกอดลูบไล้กล้ามเนื้อสวย เขาถอนจูบแล้วโน้มหน้าลงใช้ปากครอบครองยอดอกสีหวาน ลิ้นร้อนตวัดเลียสลับดูดดึงเรียกเสียงครางกระเส่า เขาออกแรงดูดดึงเหมือนหิวโหยและไม่อาจห้ามใจกับเนื้อหวานตรงหน้าได้ ผิวกายขาวละเอียดกลายเป็นรอยแดง ใต้สายน้ำที่พร่างพรมร
เครื่องครัวครบครันแบบที่คนชอบทำอาหารต้องร้องกรี๊ด แต่ดูเหมือนว่า แต่ละชิ้นแทบไม่เคยถูกใช้งานเลย พลอยดาวอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟแล้วจัดใส่จานนำมาวางบนโต๊ะอาหาร เธอหันมาสบตากับดวงตาที่จ้องมองพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “ยิ้มอะไรคะ” สายตาของเขาทำให้เธอเขินอาย รวมทั้งตอนนี้เธอสวมเสื้อยืดของเขาเพียงตัวเดียวเท่านั้น “ไม่คิดว่าการมีผู้หญิงอยู่ในบ้านจะรู้สึกดีอย่างนี้” เขาเท้าคางแล้วมองเธอยิ้มๆ “วิวดีด้วย” “ทะลึ่ง” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “กินได้แล้วค่ะ” “ครับๆ” เขาหัวเราะในลำคอมองดูเธอแบ่งสปาเก็ตตี้ใส่จานสองใบ แน่นอนว่าของเขาเยอะกว่าของเธอ “อิ่มเหรอ” “ยังมีสลัดกับปีกไก่อีกนะคะ”พลอยดาวดันแว่นตาชิดใบหน้า เพราะมัวแต่นัวเนียอยู่บนเตียงกว่าจะได้ลุกขึ้นมากินอาหารก็สองทุ่มแล้ว เธออาสาอุ่นอาหารที่เขาสั่งไว้ ถึงยังไงเธอก็ชอบกินของอุ่นร้อนมากกว่าเย็นชืด โทรศัพท์มือถือของพลอยดาวสั่นและมีข้อความใหม่ เธอใช้ปลายนิ้วเลื่อนอ่านข้อความขณะกินอาหารไปพร้อมกัน ดวงตางดงามเหลือบมองทางเขาเล็กน้อยก่อนหลุบตาลงแล้วพิมพ์ข้อความส่งไป
“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อพี่เป็นคนเจ้าชู้ แต่พี่สัญญาว่าจะไม่เจ้าชู้เหมือนพ่อแน่นอน พี่ตั้งใจจะมีเมียคนเดียว ถ้าแต่งงานกันแล้วไม่มีคนอื่นแน่นอน”“หมายความว่า ถ้ายังไม่แต่งก็จะมีคนอื่น”“น้องพลอย” เขาครางอย่างอ่อนใจ แต่เธอกลับหัวเราะเสียงใส เสียงหัวเราะของเธอ ทำให้คืนวันของเขากระจ่างราวกับอยู่ใต้แสงตะวันยามเช้า“พี่จริงจังนะครับ” พลอยดาวพูดเลียนเสียงของกวิวัชร์ เธอได้ยินประโยคนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เธอหยิบกระดาษทิชชู่แล้วเช็ดมุมปากให้เขา“พลอยเข้าใจแล้วค่ะ เราจะค่อยๆ เรียนรู้กัน”“ขอบคุณครับ” เขายิ้มรับ “ขอสารภาพว่าพี่ไม่เคยใช้ครัวในห้องนี้เลย”“ไม่มีคนอื่นมาหรือคะ”“นอกจากแม่บ้านที่จ้างมาทำความสะอาดรายสัปดาห์แล้วก็ไม่มีครับ” เขายืนยัน “นี่เป็นฐานลับของพี่เลยนะ น้องพลอยเป็นคนแรก แล้วพี่จะทำคีย์การ์ดให้”เธออยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่เห็นท่าทางกระตือรือร้นแล้วก็ไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้แต่พยักหน้ารับ เธอจ้องหน้าเขาครุ่นคิดเรื่องที่เขาพูดถึงพ่อแล้วก็หลุดหัวเราะพรืดออกมา“น้องพลอย” เขาไม่รู้ว่าเธอหัวเราะอะไรเลยทำหน้าไม่ถูก“ขอโทษค่ะ” เธอโบกมือไปมาแต่ยังหัวเราะไม่หยุด“พูดมาเดี๋ยวนี้นะ” เขาขู่แต่สีหน
“พ่อยังไม่เคยเจอเขาเสียหน่อยทำไมพูดแบบนั้นไปได้เล่าคะ” พลอยดาวส่ายหน้าไปมา “ต้องอาจารย์หนุ่มๆ หรือนักวิชาการ หรือสายNGO หรือคะถึงจะเหมาะกับพลอย” “พ่อไม่ได้หมายความแบบนั้น...” “พลอยล้อเล่นค่ะพ่อ” ลูกสาวอดหยอกพ่อไม่ได้ “พลอยเองก็ไม่รู้ว่าจะคบกันยาวแค่ไหนเลยยังไม่ได้แนะนำให้พ่อรู้จัก แต่ถ้าพ่ออยากเจอ พลอยนัดให้ดีไหมคะ” “ก็ดีลูก” พ่อรู้สึกสบายใจขึ้นมา “เสาร์หน้ามีงานแสดงศิลปะและเสวนาวรรณกรรมที่หอศิลป์ฯ ลูกไปอ่านบทกวีแทนพ่อหน่อยสิ” “เสาร์หน้าหรือคะ” พลอยดาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาเลื่อนดูบันทึกที่ทำไว้ “ได้ค่ะพ่อ” “อ้อ! จำอังเดรได้ใช่ไหม เขาอยากเจอลูกนะ เห็นว่าจะคุยเรื่องทุนเรียนต่อ” “คุณอังเดรกลับมาเมืองไทยแล้วเหรอคะ ไม่ได้เจอตั้งสองปี นึกว่าลืมกันไปแล้ว” “วันเสาร์เขาก็จะไปด้วย ยังไงลองคุยกันดูแล้วกัน” “แล้วถ้าเกิดพลอยได้ทุนไปเรียนไกลๆ พ่อจะอยู่ยังไงคะ” “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พ่อต้องสนับสนุนให้ลูกได้เรียนสูงที่สุดอยู่แล้ว” “ถ้าพลอยไม่อยู่ ใครจะดูแลพ่อ พ่อนะ ถ้าไม่มีคนคอยเตือ
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำเอาหัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบ เขาถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ปกติเขานอนไม่สวมเสื้อแล้วก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้าง คนตัวเล็กพลิกตัวเข้ามากอด ซุกใบหน้าหาตำแหน่งที่พอเหมาะแล้วหลับตาพริ้ม เขาก้มมองแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข การได้กอด ได้รักและปกป้องใครสักคน มันทำให้หัวใจอิ่มเอมได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ “รักนะคะ” “อะ..อ.ไรนะครับ” เขานึกว่าเธอหลับ แม้ได้ยินชัดแต่อยากได้ความมั่นใจอีกครั้ง “รักค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณที่มาให้รักนะคะ” “ครับ” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่รักน้องมุก ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ชายธรรมดาคนนี้ได้รู้จักความรักนะครับ” “ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง มุกจะถนอมความรักของพี่คิมไว้นานๆ” “พี่ก็จะถนอมความรักที่น้องมุกให้พี่เก็บไว้ให้นานที่สุด” “อื้ม พี่คิมไม่กลัวพ่อของมุกจริงๆเหรอคะ เราคบกันแล้ว ไม่ต้องหลบๆมาเจอกัน เพราะฉะนั้นให้พ่อแม่รู้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พราวมุกถาม ดวงตาเริ่มปิดลง คราวนี้เธอง่วงแล้วจริงๆ
“เหมือนเรื่องของเรานะเหรอ” “แค่กๆ ก็...ประมาณนั้น” “ทำไมพูดแค่นี้ก็ต้องเขิน” เธอมองเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “แล้วนายไม่เข้าใจประโยคไหนของฉัน” “ก็...เอ่อ...ที่น้องมุกบอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อ ...พี่ก็พยายามวิเคราะห์มาตลอดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ” “ถึงขั้นต้องวิเคราะห์เลยเหรอ” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉลาดอย่างนายไม่เข้าใจจริงๆเหรอ” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ที่รอรับคำสอนของคุณครูทำให้พราวมุกยันกายขึ้นนั่ง เขาหยิบหมอนให้เธอเอนหลังพิงหัวเตียง “ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อยุ่งกับงานตลอด แม่เล่าว่าพ่อกับแม่คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พอจบก็แต่งงานกันทันที และเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น พ่อก็เรียนต่อปริญญาโทและทำงานไปด้วย รับงานวิจัยอีกสารพัด หลายครั้งที่แม่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในงานของพ่อ จนสุดท้ายมันเกิดเป็นความเหินห่างและทำให้แม่เป็นฝ่ายขอเดินออกจากชีวิตของพ่อ ฉันเอง...เวลาอยู่กับพ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของพ่อ เวลาอยู่กันสามคน ฟังพ่อกับพลอยคุยกันก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ยิ่งเวลาที
“อยู่ที่นี่แหละ” แฟรงค์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ทะ...ทำไมทำแบบนี้”“เพราะเธอทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”“แฟรงค์...ฉันไม่เข้าใจ ...นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม เรา...เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม”“มุก” น้ำเสียงเขาพร่าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเรียบตึง “ฉันทำดีกับเธอตั้งมากมาย เธอยังไม่สนใจฉัน ฉันเบื่อเล่นเป็นบทคนดีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ว่าตัวจริงของฉันเป็นยังไง บางที เธออาจจะชอบมันก็ได้”พราวมุกเบี่ยงหน้าหลบทันทีที่เห็นแฟรงค์โน้มหน้าลงมา เธอพยายามยกเท้าขึ้นเตะไปมาแต่กลับถูกเขาใช้ร่างตัวเองกดทับเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแนบชิด เสียงลมหายใจของเขาแรงขึ้น สีหน้าก็ตื่นเต้นจนแก่นกายแข็งขันดุนดันจนเขาปวดหนึบไปหมด เขาครางอย่างพอใจที่เห็นเหยื่อตัวน้อยแสดงการขัดขืนชัดเจนถึงเพียงนี้ พราวมุกเข้าใจในทันทีว่าการขัดขืนของเธอกระตุ้นความต้องการทางเพศของเขา แต่เธอฝืนทำอยู่นิ่งไม่ได้ สีหน้าหื่นกระหายมันน่ารังเกียจ เธอขยะแขยงจนต้องพยายามบิดตัวหนี“ที่รัก! บอกแล้วคุณต้องชอบมัน”“แฟรงค์! ปล่อย!”เธอตวาดเขาเสียงสั่นแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา แฟรงค์ผงะไปทันที ปล่อยมือจาก
“อ้าว…แม่ก็นึกว่าลูกกับหนูพลอยดาว...” “ไม่ใช่ครับแม่ คิมกับน้องพลอยเป็นแค่พี่น้องกันครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นกันเลย แล้วตอนนี้น้องพลอยก็มีคนรักแล้วด้วย “แม่ก็นึกว่า...” แม่ยิ้มแหย คุณกานดาก็เห็นลูกชายเที่ยวรับส่งดูแลพลอยดาวมาตลอด หญิงสาวเองก็นิสัยดี น่ารัก ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ นางก็ไม่ขัดอะไร “เอ่อ...แม่ครับ แม่ว่า..ปกติผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายเหมือนพ่อใช่ไหม แบบมีพ่อเป็นต้นแบบอะไรอย่างนั้น” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “ก็ทำนองนั้นแหละ” “แล้วถ้าผู้หญิงที่บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อนี่...แม่คิดยังไงครับ” “แม่เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากได้แฟนแบบพ่อหรอก” คิมหันต์ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์วิทยาไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนใจเย็นและประนีประนอม ขนาดเจอนักศึกษาหัวเสียขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้เลย “...หรือไม่ก็...” คุณกานดาพูดอย่างเพิ่งนึกออก “อาจจะเปรียบเปรยว่าทำตัวเหมือนพ่อ คอยคุมไปเสียทุกอย่างก็ได้”
“หา! นี่เราเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆเหรอ” “พี่คิม! มุกไม่ใช่คนชอบแอบดูคนอื่นนะ แค่สงสัยนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” ได้ยินเธอเรียก ‘พี่คิม’ หัวใจก็ปลื้มปริ่มยินดี มันไม่เหมือนเวลาพลอยดาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เพราะนั้นคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาว แต่เมื่อได้ยินจากปากของพราวมุก เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ไม่ใช่ ‘นายนั้น นายนี่ หรืออาจารย์คิม’ เขาห็นใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้“ให้พี่สตาร์ทรถให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเขารู้” โชคยังเข้าข้างที่ไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นสงบลง อวัชลงจากรถเสื้อผ้ายับยู่เล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาและไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่ออวัชกวาดตามองมาทางเธอ หญิงสาวรีบก้มหัวลงต่ำแต่กลายเป็นว่าเธอซุกเข้าไปในอกแกร่งของคิมหันต์กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้เธอดิ้นขลุกขลักแต่ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้น “ชู่ว์...อย่าเพิ่งขยับ ให้เขาไปก่อน” คราวนี้พราวมุกจึงหยุดดิ้นแทบกลั้นหายใจเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่โอบกอด อากาศน้อยเกินไปหรือเธอกำลังเ
พราวมุกสะบัดหน้าไปมา บอกตัวเองให้ทุ่มเทกับงานและลืมผู้ชายที่คิมหันต์นั้นเสียที ทว่าอีกด้านหนึ่งที่พราวมุกไม่รู้ ฝ่ายอาจารย์หนุ่มก็หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจไปว่าเขาเครียดกับเรื่องวิทยานิพนธ์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพราวมุกทำเหมือนไม่อยากติดต่อพูดคุย ทั้งที่เขาอยากเดินหน้า ‘จีบ’ อย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับหลบหน้าเขาเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น(วะ)เนี้ย! เขายกมือขึ้นนวดขมับเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รีบร้อนรับสายโดยไม่ดูว่าใครโทรเข้ามา เพราะใจหวังให้เป็นเสียงหวานใจ แต่กลายเป็นว่า “อาจารย์พี่คิม...” “ครับ” คิมหันต์ตอบรับแล้วยกมือถือดูหน้าจอแล้วค่อยพูดต่อ “อ้อ..นายนนท์มีอะไรเหรอ” “พอดีมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ รูปที่ขายได้ในงานนิทรรศการต้องเอาไปส่งที่บริษัท...แต่รถของพวกเราขนไปไม่หมด เลยอยากจะรบกวนอาจารย์คิม...” เพียงแค่ได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที เพราะมันคือบริษัทที่พราวมุกทำงานอยู่ “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปส่งเอง” “ต้องรบกว
“ฮาโหล” “น้องมุก” “อืมมมม” “พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วนะ นี่...เปิดกล้องคุยกันหน่อย ไม่สบายมากไหม” ครู่ต่อมาคิมหันต์ก็ได้เห็นพราวมุกที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวนั้น ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย “กินยาหรือยัง ไม่สิ กินข้าวหรือยัง” “มุกไม่มีแรง” เธอพึมพำออกมาแทบฟังไม่เป็นคำพูด รู้สึกหนักศีรษะมาก “โอเค. เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา พี่ไปซื้อยากับของกินให้เราก่อน” พราวมุกได้แต่รับคำแล้วหลับต่อ คิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำจนกระทั่ง ได้ยินเสียงเรียกเพรากับเคาะประตูห้องจนเธอสะดุ้งแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร ฝ่ามือของเขาที่อังที่หน้าผากของเธอ “ตัวไม่ร้อน แต่วัดไข้เผื่อความแน่ใจก่อนแล้วกัน” “นาย...” คราวนี้พราวมุกตื่นเต็มตา เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง เธอยืนงงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย “พี่ซื้อโจ๊กมากินสักหน่อยแล้วค่อยกินยา จะตรวจATKไหม” “มุกตรวจแล้วขึ้นขีดเดียว” เธอเดินลากเท้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวขนาดเล็ก แต่สายตาก็ถู
“อ่อ...ไม่...” “ไม่ต้องเขินน่า คนกันเองทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าอาจารย์คิมจีบน้องพลอยดาวอยู่” “ไม่ใช่ครับ!” “อายุไม่น้อยแล้ว คบกันก็ไม่แปลกนี่ จริงสิงานเปิดนิทรรศการ อาจารย์คิมแวะไปรับสองพ่อลูกมางานพร้อมกันได้ไหม ปกติอาจารย์วิทยาไม่ค่อยชอบขับรถ” พราวมุกได้ยินชัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่อกจนต้องยกมือขึ้นกดตรงที่เจ็บ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แม้เธอกับพลอยดาวเป็นฝาแฝด หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันมาก เคยสลับเปลี่ยนตัวกันและไม่ถูกจับได้ แต่ลึกๆ เธอรู้ดีว่าความชอบรวมทั้งการใช้ชีวิตของเธอไม่เหมือนพลอยดาว เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก เธอรู้สึกเหมือนคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ มีแต่พลอยดาวเท่านั้นที่เข้าสิ่งที่พ่อทำ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่หย่ากับพ่อ และเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อ เธอค่อยๆ ขยับเท้าและก้าวออกมาอย่างเงียบเฉียบ ราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ ไม่คิดจะโทษเขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เอกสารของวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว พราวมุกทบทวนตารางงานของวันพรุ่งนี้แล้วเก็บของใช้ใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ ใกล้งานนิทรรศการแล้ว เธอรับปากคนอื่นๆ จะไปช่วยดูความเรียบร้อย เลิกงานแล้วก็ต้องแวะไปดูสถานที่จัดงาน เธอเป็นคนทีทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ทั้งงานประจำก็ไม่ให้บกพร่อง “คุณมุกครับ” “คะบอส” พราวมุกวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทันที “คือ...เอ่อ...” เขาอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าพราวมุกรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพลอยดาวหรือไม่ ตั้งแต่ตกลงคบกัน เขาไม่เห็นพราวมุกจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอไม่เคยใช้สิทธิพิเศษหรือร้องขออะไรเป็นกรณีพิเศษเพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจ “มีอะไรหรือคะบอส” เห็นท่าทีอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก็ต้องสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะไม่ให้เธอทำงานล่วงเวลานะ ‘เร็วๆนะบอส มุกมีนัด’ “เอ่อ คุณมุกเคยไปงานฟังบทกวีอะไรพวกนี้ไหมครับ” “เอ๋?” หญิงสาวทำตาโต “คือ...ธีมงานเป็นยังไงเหรอครับ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม” “อ้อ”