“ว่าไง” กวิวัชร์เคาะปลายนิ้วกับโต๊ะทำงาน รอคำตอบอย่างคนใจเย็น
“ตอนนี้ท่านประธานทำดิฉันเครียดมากค่ะ” พลอยดาวสารภาพไปตามตรงแล้ววางต้นไม้เล็กๆ ลงที่เดิม “ถ้าท่านไม่ชอบดิฉันจะเอาออกไป”
“อุตส่าห์เอามาแล้วก็ตั้งไว้ที่ตรงนั้นเถอะ” ปกติเขาไม่คุยเล่นหัวกับพนักงาน ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งแต่เว้นระยะห่างไม่สนิทสนมจนเกินไป แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะ ทั้งที่ปกติเลขาคนใหม่จะเป็นคนพูดเก่งจนเขานึกปวดหัว
“ค่ะ” พลอยดาวรับคำเบาๆ ไม่รู้ทำไมเขาจ้องขนาดนี้ หรือเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่พราวมุก ไม่จริงน่า เธอสองคนเคยสลับตัวไปสอบด้วยซ้ำ อาจารย์ยังแยกไม่ออกเลย
“ผมไม่เข้าบริษัทเกือบเดือนคิดว่าคงมีงานที่รออยู่ก็เลยเข้ามาดูก่อน วันจันทร์จะได้ไม่ยุ่งมาก” กวิวัชร์พูดไปแล้วก็แปลกใจตัวเอง ทำไมต้องอธิบายให้เลขาฟัง มันไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องรายงานเธอนี่นะ
“ค่ะ ดิฉันเตรียมไว้แล้ว” พลอยดาวเลื่อนแฟ้มเอกสารไปตรงหน้าเขา งานพวกนี้พราวมุกจัดการไว้ก่อนแล้ว เธอแค่เรียงลำดับวางตามความสำคัญ
“โอเค.” เขาพยักหน้ารับ “อาหารเช้าผมล่ะ”
“อาหารเช้า?” พลอยดาวทำหน้างุนงง แต่เขาขมวดคิ้วใส่
“เป็นเลขาภาษาอะไร คุณน่าจะรู้ว่าผมกินข้าวเช้าที่ออฟฟิศ”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ประเดี๋ยวดิฉันสั่งให้นะคะ ไม่ทราบว่าท่านประธานจะรับประทานอะไรดี”
กวิวัชร์สูดลมหายใจลึก รู้สึกไม่พอใจการพูดจาเป็นทางการนี้เสียเหลือกิน “ผมรู้ว่าคุณมาทำงานได้แค่สองเดือน แต่ผมคิดว่าสองเดือนนี้คุณน่าจะเรียนรู้งานเป็นอย่างดีแล้วนะ”
“ค่ะๆ พลอย เอ๊ย! ดิฉันจะไปจัดการให้ค่ะ”
ถ้าวิ่งได้ เธอคงวิ่งออกมาแล้วแต่ยังต้องทำใจเย็นเชิดหน้าก้าวเดินอย่างมั่นคงตามสไตล์ของพราวมุก ทว่าเมื่อปิดบานประตูลง เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพราวมุกทันที
“ยัยมุก ไหนบอกว่าเจ้านายไม่เข้าออฟฟิศไง”
“อ้าว เขามาทำงานเหรอ”
“ใช่! ถามหาอาหารเช้า!”
“อ้อ! ได้ เดี๋ยวฉันสั่งแกรปไปส่งให้เอง ไม่ต้องตื่นเต้นไป”
“ช้าไปแล้ว กำลังตื่นเต้นอยู่”
“เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก บอสหน้าตาตายไม่ชอบผู้หญิง พลอยสบายใจได้”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ เอาล่ะ แค่นี้ก่อนนะ นั่งสวยๆ เดี๋ยวฉันสั่งข้าวกล่องให้บอส”
ปลายสายตัดสัญญาไปแล้ว พลอยดาวถอนหายใจอีกครั้ง เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานหน้าห้องทำงานของท่านประธาน
สงบใจไว้พลอยดาว ยิ่งเครียดจะยิ่งถูกจับผิด เธอสูดลมหายใจลึกแล้วจัดการพิมพ์เอกสารสรุปการประชุม จะว่าไปพราวมุกก็ทำงานได้ยอดเยี่ยม เมื่อคืนเธอนอนคุยกับน้องสาว แม้ว่าวันนี้ต้องแอบหนีงานไปทำอย่างอื่น แต่งานประจำก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด
‘นี่มุกคิดจะทำงานประจำจริงๆเหรอ’
‘พลอยก็คิดว่ามุกทำงานประจำไม่ได้สินะ’
‘ไม่ใช่แบบนั้น แค่คิดว่ามุกจะรับงานฟรีแลนซ์อะไรแบบนั้นมากกว่า’
‘มุกอยากเป็นเจ้าของกิจการ จะทำอะไรอีกเรื่องหนึ่งนะ แต่ว่ามุกอยากลองเรียนรู้งานหลายๆ อย่าง อยากรู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้แค่ไหน’
‘แล้วนี่คิดจะทำงานที่นี่นานแค่ไหน’
‘ถ้าผ่านทดลองงานสามเดือนก็จะทำต่อให้ครบปี แต่พลอยอย่าพูดไปนะ เดี๋ยวคนอื่นมองมุกไม่ดี ว่ามาทำงานเอาประสบการณ์ปีเดียว’
‘เข้าใจแล้ว’
พลอยดาวถอนหายใจครั้งที่เท่าไรไม่รู้ แล้วเผลอมองเวลาบนหน้าจอมือถือ ทำไมวันนี้เหมือนเวลาเดินช้าเหลือเกิน
.......
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
พลอยดาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะนั่งเป่าผมให้พราวมุก วันนี้ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเลจริงๆ เธอรู้สึกว่ากวิวัชร์จ้องมองเธอตลอดเวลา
“เล่ามาให้หมด ไม่งั้นโดนจับได้แน่ๆ” พราวมุกหมุนตัวมาจ้องหน้าแฝดผู้พี่ หลังจากเสร็จงานแล้วเธอก็รีบกลับมาที่คอนโดและพบว่าพลอยดาวกลับมาก่อนแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรจริงๆ พลอยก็แปลเอกสารสั่งซื้อไว้ให้เรียบร้อยดีทุกอย่าง ท่านประธานก็อ่านแล้วไม่ได้ให้แก้ไขอะไร”
“หือ? พลอยเรียกบอสว่าท่านประธานเหรอ”
“แล้วไม่เรียกท่านประธานจะให้เรียกอะไรล่ะ เรียกชื่อเขาเฉยๆ เหรอ”
พราวมุกทำหน้ายู่ “ปกติมุกเรียกบอสไง”
“ไปเรียกแบบนั้นได้ยังไง เขาเป็นเจ้านายนะ”
“ก็เป็นเจ้านายไง” พราวมุกยักไหล่ แล้วดึงไดร์เป่าผมออกจากมือของพลอยดาว “แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องขอบใจพลอยมากเลยนะ”
“ถ้าเจ้านายไม่เข้ามาจะดีมาก” พลอยดาวเผลอถอนหายใจอีกครั้ง เคยไปทำงานแทนพราวมุกก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ เธอเห็นเขาระยะไกล แต่ครั้งนี้ทำให้เธอตัวเกร็งจนจะเป็นไมเกรน
“แล้วงามล่ามภาษามือของมุกเป็นไงบ้าง ทำไมจู่ๆ ถึงต้องหยุดงานล่ะ” พลอยดาวรู้ดีว่าพราวมุกหวังใจว่าจะได้งานประจำที่นี่มากๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอไม่ยอมหยุดงานแน่
“พอดีพี่ที่ต้องเป็นล่ามวันนี้ไม่สบาย ไม่มีคนมาแทน มุกเลยต้องไป” พราวมุกตอบตามจริง เธอเคยเรียนภาษามือมา ตอนที่อยู่เมืองนอกเคยเป็นอาสาทำกิจกรรมกับผู้พิการมาบ้าง พอมาเมืองไทยได้รู้จักกับเพื่อนที่ทำกิจกรรมกับเด็กๆ พิการทางการได้ยิน หากมีเวลาเธอก็มาช่วยงานตามสะดวก
“แล้วพลอยไม่อยากหางานทำเหรอ” พราวมุกลุกขึ้นเอาไดร์เป่าผมไปเก็บแล้วเดินไปหยิบนมกล่องใหญ่รินใส่แก้วสองใบ “เรียนจบแล้วอยากทำอะไรล่ะ”
“พ่ออยากให้พลอยเรียนปริญญาโท” พลอยดาวรับแก้วนมจากแฝดผู้น้องมาดื่ม
“นั้นเป็นความคิดของพ่อ แล้วพลอยล่ะ คิดอะไรยังไง” พราวมุกยกแก้วนมขึ้นดื่มรวดเดียวหมด วันนี้ใช้พลังงานไปมาก ต้องดื่มนมเพิ่มพลังงาน
“พลอยก็ชอบสายภาษานะ” พลอยดาวดันแว่นตาชิดใบหน้าด้วยความเคยชิน เธอไม่ค่อยชอบใส่คอนแท็กเลนส์ แต่วันนี้สวมรอยเป็นพราวมุกจึงต้องใช้ “ถ้าเรียนต่อก็จบมาทำงานเป็นครูหรืออาจารย์เหมือนพ่อได้”
“นี่” พราวมุกวางแก้วนมแล้วใช้มือประคองหน้าพลอยดาว “พลอยเคยถามตัวเองไหมว่าอยากทำอะไร อยากใช้ชีวิตแบบไหน”
“ก็...”
“รู้ไหม มุกแอบคิดนะว่า ที่พ่อไม่แต่งงานใหม่เพราะเป็นห่วงพลอย แต่พลอยลองคิดดูสิ พ่อเรายังหนุ่มอยู่เลยนะ พ่อก็น่าจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆ วันหนึ่งพลอยก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว ถึงเวลานั้นพ่อจะอยู่กับใคร”
“เพราะพลอยเหรอ” พลอยดาวเองก็เคยคิดแบบนี้ เธอเคยคุยกับพ่อ ทำไมพ่อไม่แต่งงานใหม่ เพราะแม่เองก็แต่งงานมีคนรักใหม่แต่ไม่ได้ทอดทิ้งเธอกับน้องเลย ตอนที่แม่ยังอยู่เมืองไทยยังมารับเธอไปนอนค้างบ้านคุณยายบ่อยๆ
“มุกไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของพลอยนะ” พราวมุกรีบอธิบาย “แต่พลอยก็รู้ว่าพ่อเป็นแบบนั้น พ่อไม่เหมือนแม่ที่มูฟออนออกมานานแล้ว”
“พลอยเข้าใจ” พลอยดาวพยักหน้า “แล้วมุกล่ะ มาอยู่เมืองไทยคนเดียวแม่ไม่บ่นเอาเหรอ”
“ไม่หรอก” พราวมุกหัวเราะร่าแล้วเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ “มุกรู้ว่าเดวิทอยากมีลูกของตัวเองกับแม่ของเรา แต่ติดที่ทั้งสองคนเป็นห่วงความรู้สึกของมุก ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายนะ ถ้าท้องตอนอายุมากจะมีปัญหา มุกเลยหาเรื่องแยกตัวมาใช้ชีวิตคนเดียว แต่อยู่เมืองไทยแม่จะยังสบายใจกว่า เพราะถ้ามีอะไรก็ยังมีพ่อมีพลอยและครอบครัวฝั่งคุณตากับคุณยาย มุกก็เลยกลับมาไทยนี่แหละ” “แล้วมุกคิดจะทำงานประจำนี่จริงๆเหรอ” “พลอยถามมุกหลายรอบแล้วนะ” พราวมุกทำปากยื่นใส่ “มาดูหนังกัน” พลอยดาวขยับตัวไปนอนเบียดพราวมุก ทั้งสองไม่ได้เหมือนกันแค่หน้าตา แต่รูปร่างยังพอๆกันอีกด้วย พราวมุกใส่เสื้อผ้าของพลอยดาวได้ แต่พลอยดาวไม่ค่อยชอบเสื้อผ้าของพราวมุกนัก รู้สึกว่ามันสั้นไปนิด รัดรูปไปหน่อย ถ้าพ่อเห็นคงต้องบ่นแน่นอน “ถ้าทำงานประจำได้ ก็จะได้มีตังค์ใช้ทุกเดือนไง ส่วนงานอื่นเป็นรายได้เสริม และถือว่าหาประสบการณ์ไปด้วย” “อื้ม” พลอยดาวพยักหน้ารับ “ไม่ดูหนังผีนะ” “หนังฆาตกรรมต่างหาก” “ไม่เอา ดูหนังรักไม่ได้เหรอ” “ตามใจๆ ถือว่าวั
พลอยดาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นแค่แผ่นหลังกว้างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ตู้แสดงหนังสือหายาก เธอพูดประโยคนั้นด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่าพอเขาหันกลับมาจะกลายเป็น ‘กวิวัชร์’ เจ้านายหน้านิ่งของพราวมุก“พราวมุก?ไม่ใช่สิ คุณไม่ใช่...” เป็นพราวมุกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้เลขาของเขาอยู่ที่บริษัทแน่ๆ กวิวัชร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง มีคนหน้าตาคล้าย เอ่อ ไม่สิต้องเรียกว่าเหมือน...เหมือนกันมากด้วยสัญชาตญาณทำให้พลอยดาวถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังไปชิดกับชั้นหนังสือ เธอตกใจหลุดอุทานออกมา หนังสือเล่มบนเหนือศีรษะทำท่าจะตกใจใส่ เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีแต่หนังสือเล่มหนาอยู่ในมือของชายหนุ่มแล้วมีแต่คนทำผิดที่ร้อนรนขนาดนี้กวิวัชร์บอกตัวเองในใจ แต่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องหวาดกลัวเขาขนาดนี้ เพราะไม่ชอบทำอะไรค้างคาใจ เขาคิดจะอ้าปากถาม แต่หางตารับรู้การเคลื่อนไหว เห็นเงาร่างของปภาวดีเดินเข้ามาในห้องสมุด ด้วยต้องการหลบไม่ให้ปภาวดีเห็นตัวเขาจึงดันร่างเล็กไปในซอกระหว่างตู้หนังสือ หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องแต่เขายกมือปิดปากเธอไว้ก่อน“ชู่ว์” เขาทำเสียงบอกให้เธอเงียบก่อน พลอยดาวแทบกลั้
หญิงสาวในชุดเดรสสั้นลูกไม้สีชมพูกลีบบัว แม้ท่อนบนจะเป็นเสื้อแบบเปลือยไหล่ แต่ยังมีผ้าคลุมไหล่ไม่ให้รู้สึกเปิดเผยมากเกินไป เธอดูประหม่าและกระสับกระส่ายพลางขยับแว่นสายตาอยู่ตลอดเวลา กวิวัชร์หรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาว มุมปากยกยิ้มแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้จึงเอ่ยปากทักทาย “คุณพลอยดาว” “ค่ะ!” หญิงสาวรีบตอบรับทันที สีหน้าดูแตกตื่นดูขัดกับชุดสวยที่เธอสวมอยู่ “มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ ผมให้เลขา เอ่อ คุณพราวมุกจองโต๊ะให้เราแล้วนี่” “พะ..พลอยเพิ่งมาถึงค่ะ” เธอไม่กล้าบอกว่ามารออยู่ราวยี่สิบนาทีแล้ว แต่เพราะไม่คุ้นชินกับร้านอาหารแบบนี้จึงคิดว่ารอเข้าไปพร้อมเขาดีกว่า เขากวาดตามองเหมือนจับผิด แต่กระนั้นยังส่งยิ้มให้ก่อนผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับคุ้นเคยกับกวิวัชร์เป็นอย่างดี เดินนำสองหนุ่มสาวมาที่โต๊ะพิเศษที่ถูกจองไว้แล้ว กวิวัชร์เป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวด้วยตนเองก่อนจะนั่งตรงข้ามกับเธอ “คุณพลอย...” “ค่ะ!” “ผมจะถามว่าผมเรียกคุณว่าพลอย
ทันทีที่บานประตูปิดลง มือแกร่งก็รวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด แล้วโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มที่เผยอขึ้นพอดี เขากลัวเธอเปลี่ยนใจ จึงรีบจูบเธอเสียก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา พลอยดาวไม่คิดว่าตัวเองจะตอบรับเขาง่ายดายหลังจากไวน์พร่องไปครึ่งขวด เธอไม่ใช่คนคออ่อนนัก เวลาไปออกงานกับพ่อก็ดื่มนิดๆหน่อยๆ พอเข้าสังคม และเป็นคนขับรถให้พ่ออยู่บ่อยๆ อาจเพราะครั้งนี้เธอไม่ตามพ่อไปสัมมนาต่างจังหวัดด้วย อาจเพราะเธอรู้สึกอิสระมากขึ้นเพราะเรียนจบแล้ว หรือเพราะคำชวนอันเย้ายวนของเขา ‘ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะคบกับผม ถ้างั้นคืนนี้เรามีความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ไหม’ ‘อะไรนะคะ’ ‘แค่คืนนี้และไม่ผูกมัด’พลอยดาวรู้ความหมายของประโยคนี้ดี แต่ไม่คิดว่าเขาเอ่ยปากชวนง่ายๆ หรือเพราะเขาทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ เธอจึงตัดสินใจได้แทบจะในทันที เธอวางมือของตนบนฝ่ามือของเขาแทนคำตอบ และเขาก็กุมมือเธอเดินออกมาจากห้องอาหารชั้นที่สามสิบสี่มาห้องสวีทสุดหรูชั้นที่ห้าสิบสอง เพราะจิตใจจดจ่อกับมือที่กุมมือเธออยู่ทำให้ไม่ได้สนใจว่าเขาพาเธอมายังห้องสวีทนี้ได้ยังไง และเพียงบานประตูปิดลง ร่าง
มือแกร่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างอ่อนนุ่มที่ทำให้เขารุ่มร้อน เขากอบกุมความเป็นชายที่สวมปราการไว้พร้อมรบถูไถกับร่องรักที่คับแคบ เรียวขางามแยกออกอย่างรอคอยเขากดแก่นกายแทรกลงไปในโพรงถ้ำสีหวาน“อึก...” ความเจ็บแปลบแล่นผ่านพร้อมกับแก่นกายร้อนระอุที่แทรกเข้ามา มือใหญ่กุมสะโพกเธอไว้มั่นไม่ให้ถอยหนี“อา” กวิวัชร์ครางเสียงต่ำเมื่อถูกบีบรัด เขาจ้องมองหญิงสาวที่กัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง เขาจึงโน้มหน้าลงจูบเธออีกครั้งพลางดันตัวตนเข้าไป ผนังอ่อนนุ่มโอบรัดแก่นกายเขาแน่น มันคับแคบจนเขาต้องถอนตัวออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ดันกลับเข้าไปใหม่ เขาถอนแก่นกายออกเกือบสุดแล้วดันกลับเข้าไปอีก ซ้ำไปซ้ำมาจนหญิงสาวส่ายสะโพกอย่างไม่รู้ตัว ความอ่อนหวานที่ได้รับทำให้เขากดกระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุด หญิงสาวผวาเฮือกกอดไหล่เขาไว้แน่นสวรรค์! กวิวัชร์ตื่นตะลึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ไม่ใช่เวลาที่จะเอ่ยถาม เขาขยับสะโพกสอบเคลื่อนไหว ความเป็นชายของเขาฝังลึกในตัวเธอ นำพาความเสียวซ่านจนแทบคลั่ง เขาโยกเอวดุดันและซอยถี่ทำเอาหญิงสาวได้แต่ครางจนเสียงแหบแห้ง “ผ่อนคลายหน่อย ซี๊ด...แบบนั้นแหละ คุณน่ารักมาก พระเจ้า! คุ
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ ทำเอาพราวมุกแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลอยดาวหัวเราะเบาๆ แล้วยกชามแกงส้มกุ้งมาวางตรงหน้า บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวของโปรดน้องสาวฝาแฝดอีกสองอย่างคือปีกไก่กลางทอดและยำไข่เยี่ยวม้า ส่วนของพ่อเป็นผัดผักรวมมิตร “สุดยอดเลย” พราวมุกกุลีกุจอตักข้าวใส่จานทั้งสามใบ “มุกก็กลับมาอยู่บ้านสิ พลอยทำกับข้าวให้กินจะได้อ้วนๆ ลูกผอมไปนะ” คุณวิทยาบ่นแต่ก็อดยิ้มกับท่าทางซุกซนของลูกสาวไม่ได้ ส่วนอีกคนก็ดูเรียบร้อยสุขุมเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันมาก “ไปๆ มาๆ แบบนี้ดีกว่าค่ะ” พราวมุกยิ้มทะเล้นแล้วตักกุ้งในแกงส้มใส่จานข้าวของพ่อ “พ่อก็กินข้าวเยอะๆ นะคะ เห็นพลอยบอกว่าพ่อทำงานยุ่งกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา” “ขอบใจลูก” พ่อยิ้มบางๆ “แล้วงานลูกเป็นไงบ้าง” “สนุกมากค่ะพ่อ เจ้านายพราวใจดีมากค่ะ” พราวมุกสบตากับพลอยดาว “ใช่ไหมพลอย” “หือ?” พ่อแปลกใจที่เห็นพราวมุกส่งสายตาซุกซนไปทางพลอยดาว เขามองลูกสาวอีกคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆ “มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้หรือเปล่า” “ไม่มีค่ะ”
“พูดเรื่องนี้อีกแล้ว เจ้านายมุกจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ หื้ม” “จ้างอะไร ก็แค่ถามพลอยดูเท่านั้น ถ้าพลอยไม่โอเค. บอสก็จ้างคนอื่นแค่นั้นเอง” ‘แค่นั้นเองเหรอ’ พลอยมุกเจ็บแปลบในอกอย่างไม่รู้สาเหตุ นั้นสินะ เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย คนอย่างกวิวัชร์คงไม่ขาดแคลนผู้หญิงขนาดต้องตามเทียวไล้เทียวขื่อกับเธอหรอก เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้สองสาวหันมามองหน้ากัน พราวมุกพยักเพยิดให้พลอยดาวไปดูหน้าบ้าน ส่วนเธอเช็ดจานที่เหลืออีกสองสามใบก็เสร็จ พลอยดาวเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานระบายยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตูรั้วให้ “พี่คิม ไม่ได้เห็นหน้านานเลยนะคะ” “น้องพลอย” คิมหันต์ยิ้มรับ “อาจารย์อยู่ไหมครับ” “อยู่ค่ะ เข้ามาได้เลยค่ะ ทำเหมือนไม่เคยมา” คิมหันต์หัวเราะเก้อๆ แล้วเหมือนนึกได้ก็รีบยื่นถุงผลไม้ส่งให้พลอยดาว “พี่ซื้อมาฝาก จำได้ว่าน้องพลอยชอบกินผลไม้มากกว่าขนมหวาน” “ขอบคุณค่ะ เข้ามาในบ้านเถอะ ข้างนอกร้อน” “ครับๆ” ชายหนุ่มผงกศีรษะเดินเข้ามาด้านในด้วยความเคยชิน เขาเองก็เข้าๆ ออกๆ บ้านอาจารย์มาหลายปี ตั้งแต่พลอยดาวเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เขาก็
“ถ้าชอบคราวหน้าจะฝากมุกไปให้นะคะ กล่องนั้นของมุก มุกเขากลัวอ้วนเลยทำสูตรพิเศษให้ค่ะ”“ไม่ต้องฝากคุณมุกมาหรอกครับ” เขายิ้มกริ่ม “น้องพลอยมาหาพี่กั้งได้ตลอดเวลา”จู่ๆ เขาก็ทำตัวหวานเลี่ยนขึ้นมา ทำให้พลอยดาวหลุดหัวเราะพรืดออกมา เสียงหัวเราะและท่าทางผ่อนคลายของเธอดึงดูดสายตาของชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว“พูดปกติก็ได้ค่ะ” พลอยดาวเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเรียบร้อย “ตอนทำงานไม่เป็นแบบนี้นี่คะ”“ก็นั้นมันตอนทำงานนี่” เขายิ้มแล้วช่วยเธอถือกระเป๋าใส่ของ “เอาอะไรมาเยอะแยะ”“พลอยแปลบทความอยู่ค่ะ มีบางส่วนไม่มั่นใจก็เลยมาทำงานที่ห้องสมุด ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติอยู่ด้วย ถ้าติดขัดอะไรก็พอสอบถามได้” “นึกว่าน้องพลอยชอบทำงานที่บ้านเสียอีก” ดีที่เขาโทรมาขู่ เอ๊ย! โทรมาเช็กว่าเธออยู่ที่ไหนก่อนจึงตามมาเจอที่นี่ ไม่งั้นบุกไปที่บ้านก็คงไม่ได้เจอกัน“ชอบค่ะ” พลอยดาวพยักหน้ารับ “แต่คนเราก็ต้องออกนอกบ้านบ้าง” หญิงสาวเดินผ่านเคาน์เตอร์ห้องสมุด เธอเอ่ยลาบรรณารักษ์สาวแล้วเดินออกมาพร้อมกวิวัชร์ เท้าของเธอไปสะดุดธรณีประตูเสียจังหวะไปเล็กน้อยแต่ดันไปคว้าแขนของกวิวัชร์ได้ทัน ท่าทางของเธอกับเขาในตอนนี้จึงเหมือนค