อากาศปลายฤดูหนาวปีนี้ ในภาคเหนือยังทิ้งร่อยรอยความเย็นอยู่มากนัก อย่างน้อยก็ทำให้น้ำแข็งในแก้วเบียร์ละลายช้า
เป็นที่ถูกอกถูกใจแขกที่มานั่งหาความรื่นรมย์ในแพร้านอาหารนัก โดยเฉพาะกลุ่มหนุ่ม ๆ ที่ร่ำสุรากันทั้ง ๆ ที่อยู่ในเสื้อนักศึกษา
แม้อาจมีผู้ใหญ่มือถือสากปากถือศีลติเตียนในใจว่าไม่สมควร แต่ใครเล่าจะสน ในเมื่อพวกเขานั้นจะจบการศึกษาอยู่แล้ว ที่มาดื่มนี่ก็ฉลองสอบวิชาสุดท้ายในชีวิตมหาวิทยาลัยเสร็จ
อาหารและเครื่องดื่มวางมากมายบนโต๊ะ บริกรยกมาเสิร์ฟอย่างนอบน้อมเอาอกเอาใจ เพราะรู้ว่าคนที่โทรมาจองโต๊ะนั้นเส้นใหญ่คับร้านสักเพียงไหน
เสียงพูดคุยเฮฮาตามประสาเพื่อนดังเป็นระยะ ๆ บางคนก็ถ่ายคลิปโน่นนี่ บางคนถึงขนาดไลฟ์ในแอปฯกลางร้านก็มี
ใครคนหนึ่งมาถึงงาน พร้อมหอบของมาเต็มอก
“เจ้าภาพงานมาแล้วโว้ยพวกเรา ! มีคนจ่ายเงินแล้ว ไม่ต้องกลัวได้ล้างจาน”
เสียงแซ็วโห่ฮาดังขึ้นตอนรับ บริกรรีบมาขยับเก้าอี้เลื่อนออกให้หนุ่มเส้นใหญ่โดยพลัน
“เฮ้ย! กูเห็นนะไอ้ดินว่าน้องเมี่ยงเอาของมาให้มึง อะไรวะที่อยู่ข้างในน่ะ”
ลือกฤชถามเพื่อนทันทีที่เห็นร่างสูงโปร่งก้าวเข้าในสายตา เขาทำตัวเป็นนักข่าวประจำคณะ ไม่มีเรื่องไหนลอดหูลอดตาไปได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เห็นมากับตา อย่างนี้ต้องเอามาขยี้ ซักฟอกให้สาแก่ใจ
“ไม่รู้ว่ะ”
คณิศรยักไหล่ไม่ยี่หระ วางถุงใส่กล่องของขวัญที่ชนิษฐาให้เขาเอาไว้ที่ตรงบนโต๊ะข้างจานอาหาร ที่มีทั้งช่อดอกไม้ และของที่ขวัญจากใครหลาย ๆ คน
โดยให้เหตุผลว่าอาจไม่สะดวกมาแสดงความยินดีตอนรับปริญญาเพราะคนอาจจะเยอะ จึงเอามาให้เขาเสียในวันสอบวิชาตัวสุดท้ายในชีวิตนักศึกษา
สายตาคมยังมองหาคนที่เขาอยากเจอ เมื่อคืนส่งข้อความถึงกันแล้วรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาได้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว
ลือกฤชเกาะไหล่ของเพื่อน
“มึงนี่ก็แปลกนะ คนที่เขารักชอบมึง มึงก็ไม่คิดถึง แต่กับคนที่เขาไม่สนใจมึงเนี่ย ตามเหลือเกิน ทำไมวะ?”
เพื่อนๆ รู้กันหมดว่า คนที่คณิศรรักมาก และอยากจะแต่งด้วยก็คือสุธาวี
สำหรับสุธาวีนั่น ใครต่อใครก็รู้ว่าหญิงสาวเป็นคนอย่างไร รักอิสระ
ชอบสนุก แต่ไม่ยอมผูกมัดกับใครสักคน คบผู้ชายในสถานะไม่ใช่แฟน แต่เป็นคนสนุกร่วมเตียง
แม้เพื่อนจะเตือนกันหลายคนแล้ว ทว่าคณิศรก็ยังทำเป็นหูหนวกตาบอด กับพฤติกรรมรักอิสระของเธอ คำตอบที่เขาบอกติดปาก
“อะไรที่มันได้มายากๆ มันมีค่าวะ รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง”
ซึ่งเพื่อนๆ ก็ไม่เข้าใจ เพราะสุธาวียากตรงไหน ใคร ๆ ก็ได้กัน ไม่เว้นแม้แต่ลือกฤชที่ก็เคยถูกสุธาวีขึ้นขี่แล้ว เพียงแต่เขาไม่บอกคณิศรเท่านั้น
“เมี่ยงดูอะไรอยู่น่ะ”
ชนิษฐายังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จ้องมองรูปในมือถือแบบไม่มีเบื่อ
“รูปของพี่ดินน่ะ”
“จ้า ! แม่คุณระวังจะกรามค้างนะคะ” แล้วฤดีรัตน์ก็จับแก้มของเพื่อนสาวบี้ๆ
“เจ็บนะแก” แต่หน้าก็เหมือนสตาฟเอาไว้ คือบานไม่หุบ
“เอาจริงนะ ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แกไม่คิดจะเปลี่ยนใจมาสนใจผู้ชายคนอื่นบ้างเหรอ นั่นดูสิ...”
แล้วก็ชี้ให้ชนิษฐาดูหนุ่ม ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา รวมถึงที่ขี่จักรยาน รถยนต์ และมอเตอร์ไซด์บนถนนด้วย
“อึ!” ชนิษฐาส่ายหน้ารัว ๆ
“อารมณ์ประมาณคลั่งไอดอลเกาหลีนะเราน่ะ”
“เปล่าสักหน่อย”
แล้วก็โน้มตัวก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของฤดีรัตน์
“ฉันอยากได้เขาเป็นผัว” พูดเองก็หน้าแดงเอง
“อีบ้า” ฤดีรัตน์หมั่นไส้ เอาไหล่ชนเพื่อนแล้วก็หัวเราะลั่น
“เอาจริงอะ”
“เอ้อสิ”
ชนิษฐากับฤดีรัตน์เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัย นี่เป็นที่พักใจหนึ่งเดียว เธอจึงกล้าบอกความปรารถนาอย่างไม่ปิดบัง
“ค่า... ขอให้สมหวังนะยะ อวยพรล่วงหน้าก็แล้วกัน”
เพื่อนที่ดีต้องส่งเสริมกันสิ ฤดีรัตน์ดีใจกับชนิษฐาที่โตเป็นสาวแล้ว เพราะเจ้าตัวไม่เคยมองผู้ชายที่ไหนเลย จนเธอกลัวว่าเพื่อนจะไปบวชชีละทางโลกเข้าสักวัน
“แทงกิ้วเพื่อนรัก แล้วแกละพี่แว่นนะ เอกอิงค์”
“หื้อ... เมื่อกี้ฉันเอาช่อดอกไม้ไปให้มาแล้ว นี่ไง” งัดเอามือถือออกมาแล้วเปิดรูปที่ได้ถ่ายคู่กับพี่แว่นหวานใจของฤดีรัตน์
“นี่ไง”
“หือ แต่ว่า...นี่ใครอ่ะ”
เจ้าของมือถือทำหน้าหงอย เมื่อชนิษฐาชี้ไปที่สาวในชุดคลุมท้องที่ยืนอยู่ในเฟรมเหมือนบังเอิญ ปากของฤดีรัตน์งอง้ำขึ้นมาทันที ริมฝีปากบนจะชิดกับปลายจมูกอยู่แล้ว
“เมียของพี่แว่นน่ะ”
“หา! เหรอ? อุ้ย! แบบนี้ก็หมายถึง แก...”
“เอ้อ... อกหักเพราะดันมีเมียนี่แหละ” แล้วฤดีรัตน์ก็ร้องเพลง
“[1]มีเมียแล้วไม่เอา มีเมียแล้วไม่เอา มีเมียแล้วไม่เอา มีเมียแล้วไม่เอา”
ร้องออกจะเพราะ แต่ทว่าใบหน้าเศร้าทีเดียว บ้านเพื่อนเปิดร้านขายของวินเทจ พ่อแม่มักเปิดเพลงเก่าให้ฟัง แล้วตัวเลยมักร้องเพลงย้อนยุค ใครจะมองฤดีรัตน์เชยอย่างไรก็ช่าง ชนิษฐามองเป็นเสน่ห์อันน่ารักของเพื่อน อยู่ใกล้แล้วขำ มีความสุขดี
“อย่าเครียด ผู้ชายในโลกนี้มีมากกว่าฝูงลิง”
“จ้า มีมาก แต่เขาเป็นของคนอื่น เขียนเอาไว้ข้างเตียง...”
“ยังจะมาปล่อยมุขอีก นี่แกอกหักอยู่นะ”
เธอกลอกตา บางทีนะที่ผู้ชายที่ผ่านมาได้เป็นแค่เพื่อน เพราะฤดีรัตน์ทำตัวเล่น ๆ แบบนี้นี่แหละ ผู้ชายพวกนั้นเลยเดาทางไม่ถูก
“[2]ไม่เป็นไร บอกเลยไม่เป็นไร น้ำตาจะไหล ก็ไม่เสียดายหรอกหนา เก็บมานาน เก็บจนล้นจนรินจากตา ปล่อยมันไหลมา เพราะใจเหนื่อยล้าเกินไป...”
ยัง...ยังไม่หยุดอีก ชนิษฐาจึงยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอของเพื่อนเอาไว้
“ส่งมาให้ด้วยนะ ฉันจะเอาไปลงช่องติ้กต้อก” ฤดีรัตน์เล่าว่าตอนนี้กำลังโคฟเวอร์ศิลปินทุกแนว
“จ้า ได้เลยเพื่อน”
[1] เพลง มีเมียแล้วก็เอา ของ ดาว มยุรี
[2] เพลง ไม่เป็นไรเลย ของ นูโว
แพที่เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอีสานของคุณย่ามณี มีทีมงานมืออาชีพแบบครบครัน แต่ช่วงค่ำปิดหนึ่งวัน ด้วยคณิศรพาเพื่อนๆ มาเลี้ยงกันที่นี่เพราะสงบเงียบและไกลผู้คน เหมาะแก่การส่งเสียงดังรองรับงานรื่นเริงลูกค้าของร้านส่วนใหญ่ชอบบรรยากาศที่ห่างไกลแบบนี้ นั่งรับไอเย็นจากสายน้ำสบายตากับวิวเขียวขจีของป่าไม้ที่ล้อมรอบยิ่งตอนเย็น ได้เห็นพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาด้วย ก็ยิ่งได้อารมน์สุนทรีย์ลือกฤชและยอยศเดินคุยกันออกมาจากแพหนึ่งที่ดัดแปลงเป็นห้องพัก ตอนนี้คณิศรเข้ายึดครอง เพราะเป็นห้องเชือดชั้นยอดในการพาสาวๆ มาร่วมสนุกบนเตียงแต่ส่วนใหญ่มีเพียงคนเดียวที่ผูกปิ่นโตกินกันยาว ๆ กับคณิศรก็คือผู้หญิงที่สองหนุ่มกำลังจะเอ่ยถึง“ดินแกล้งเมาหรือเปล่าวะ” ยอยศถาม“กูว่ามันเมาจริงนะ” ลือกฤชตอบ“แล้วถ้ามันเมา เราเอามันไปนอนในแพอย่างนั้น ถ้าเกิดมันลุกขึ้นมาเดิน แล้วตกน้ำตกท่าตายห่าขึ้นมา ย่ามณีไม่ด่าพวกเรายับเลยหรือวะ”“มึงก็พูดไป ดินนอนที่นี่เกือบทุกคืนนะโว้ย มันไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านของย่ามณีเสียเมื่อไร อีกอย่างมันบอกกูแล้วว่า มันจะนอนรอยัยหวาย มันบอกว่ามันนัดกับเอาไว้แล้ว”“อ๋อแบบนี้นี่เอง แล้วมันทำไมต้องแดก
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมารบเร้าที่จะเอาเงินจากผมไปซื้อรองพื้นใหม่อีก ใช้เงินของพ่อของหวายสิ”“แหม... ดิน มันไม่เหมือนกันนะคะ นั่นมันเงินของพ่อ ไม่ได้เป็นเงินของดิน ที่บอกว่ารักหวายนะ ดินรักหวายจริงไหม หรือแค่พูดสนุกปาก เพื่อนอนกับหวายเอามัน” เธอค้อนเขาตากลับ“เชอะ! ดินพูดเหมือนกับไม่รักหวายแล้ว อย่างนั้นก็ได้ หวายกลับดีกว่า เฮอะ ๆ มาที่นี่ รถก็เติมน้ำมันนะคะ ไม่ได้เติมน้ำเปล่า” เธอทำท่าจะลุกขึ้น“เดี๋ยวหวายจะไปไหน”เขารีบกอดรั้งร่างกายของเธอเอาไว้ อารมณ์บูดบึ้งหายไป เหลือไว้แต่ใบหน้าที่ยิ้ม ๆ“ไอ้ผีบ้าออกจากร่างของดินแล้วหรือคะ ไอ้ผีตัวเมื่อกี้หายไปเสียแล้วล่ะ” อดที่จะแขวะเขาไม่ได้“ก็หวาย...”สุธาวีรีบยกนิ้วชี้มาปิดปากของเขาที่จะพูดมากในทันที เขารีบงับมัน และมองตาของหญิงสาวอย่างหวานเยิ้ม ราวกับถูกมนต์เสน่ห์ของสุธาวีสะกด“เห็นหน้าสวย ๆ ของหวายแบบนี้แล้ว ดินก็หายคิดถึง”“ไม่ต้องมาทำปากหวานค่ะ หวายไม่เชื่อ” เหมือนกับคนที่เพิ่งขายขนมจีบกัน มองตากันหวายหยดย้อย“คนคิดถึงกัน เขาก็ไม่ทำกันแค่นี้หรอกค่ะ” สุธาวีส่งสายตาเชิญชวน“ถ้าอย่างนั้น ทำแค่ไหนล่ะจ๊ะ ทำแค่นี้ใช่ไหม”ต่อจากนั้นเขาก็ผลักร่างกา
ผ่านไปเกือบปีคณิศรเริ่มเป็นโล้เป็นพายมากขึ้น เข้ามาทำงานให้กับคุณย่าในบางส่วนที่ได้รับมอบหมาย และคุณย่าก็ยังให้เงินทุนตามที่เขาเรียกร้อง คณิศรเปิดบริษัทรับออกแบบการจัดสวนตามสาขาที่เขาได้เรียนมา นอกจากนั้นยังรับเหมาทำสวนอีกด้วย ดอกไม้ก็มี ไม้ล้อมก็มี เพราะฝีมือของคุณย่าที่ปูทางให้ คณิศรได้พิสูจน์ตัวเองมาหลายงานแล้ววันนี้อาจารย์ณรงวิทย์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยทราบข่าวว่าลูกศิษย์ได้เปิดบริษัทแล้ว ยิ่งเป็นคณิศรอีก ถือว่าเขาเป็นพวกที่อยู่รั้งท้ายเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีความก้าวหน้าอาจารย์ณรงวิทย์จึงเรียกให้มาหาที่มหาวิทยาลัย พอดีอาจารย์กำลังจะตกแต่งสวนให้กับบ้านของลูกสาว ที่จะยกให้เป็นเรือนหอคณิศรจึงเดินทางมาหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หลังจากคุยธุระเสร็จแล้วเขาก็เดินลงมาข้างล่าง“พี่ดินคะ พี่ดิน” เสียงหวานๆ เรียกเขาเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า คณิศรรีบหันไปมองชนิษฐาที่วิ่งมาหาด้วยความดีอกดีใจหญิงสาวซ่อนอาการหน้าบานที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอตามติดชีวิตของคณิศรในโซเชียล และมีอยู่หลายครั้งที่ไปกินร้านอาหารของชายหนุ่มกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาของเขา และตัวจริงเลย“พี่ดินมาทำอะไรที่นี่
ไม่นานนัก เขาก็พาเธอมาถึงร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ร้านอาหารอยู่ติดถนน ในร้านสะอาดสะอ้าน“นั่งห้องแอร์ดีกว่านะ ข้างนอกร้อน”“ค่ะ” ชนิษฐาเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย สายตาของหญิงสาวไม่อาจจะละจากร่างหนาของเขาได้เลยคณิศรที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาดูดีขึ้นมาก ด้วยผมรองทรงที่หนาๆ อีกอวัยวะที่ชนิษฐาชอบเขา เพราะจมูกที่โด่งสันเป็นคน ดวงตากลมโต คิ้วดกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ หนุ่มๆ แถวนี้จะตาตี่ๆ เป็นตี๋เสียส่วนใหญ่สำหรับคณิศร เนื่องจากแม่มาจากใต้ เธอสืบจนรู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนสงขลาจึงทำให้หน้าตาคมคายพนักงานเดินมายื่นเมนูให้“เมี่ยงอยากกินอะไรก็กินนะ สั่งได้เต็มที่เลย”เธอจะบอกเขาอย่างไรดี แค่เห็นหน้าของคณิศรในวันนี้ ชนิษฐาก็อิ่มไปอีกหลายวัน หญิงสาวสั่งอาหารตามที่เขาสั่งคณิศรสั่งสเต็กสันคอ เธอก็เลือกตามเขา เพราะเธออยากรู้ว่าทำไมคณิศรถึงชอบกิน“อีกปีเดียวก็จะจบแล้วสินะ”“ค่ะ”“ตั้งใจจะไปทำงานอะไร”“เมี่ยงก็ภาวนาให้ได้งานทำใกล้บ้านนะคะ จะได้อยู่ดูแลป้าด้วย อีกอย่างนึงไม่มีรถ ป้าไม่ให้ใช้ทั้งมอเตอร์ไซค์ และก็รถยนต์น่ะค่ะ”“เมี่ยงยังขับรถไม่เป็นเหรอ”“ค่ะ ไม่เป็นเลย เป็นแต่จักรยานอย่างเดียว”“เอาแบบนี
หลังจากผ่านพ้นเกมหฤโหดบนเตียง ที่จัดกันจนน้ำแตกกระจายเกลื่อน คณิศรนอนตะแคงเท้าคางจ้องหน้าสุธาวี ที่หอบเหนื่อยไม่แพ้กัน“หวายแต่งงานกันไหม”ตาที่หลับอยู่ถึงกับเบิกโพลง“แต่งงานเหรอคะดิน โอ๊ย! เราสองคนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองคะ 26 27 จะรีบแต่งไปไหนกันคะดิน หวายไม่เอาอ่ะ หวายยังไม่อยากแต่งค่ะ ยังอยากใช้ชีวิตของตัวเองแบบสนุกๆ แบบนี้ไปอีกนานๆ ค่ะ ถ้าหวายจะแต่ง โน่น... ต้อง 35 ค่ะ เหลืออยู่เวลาอีกเกือบ 7-8 ปี ไม่ค่ะ ไม่...” เธอปฏิเสธทันควันคณิศรเป็นคนเดียวที่เธอเลือกผูกปิ่นโตนานที่สุด เพราะว่าชายหนุ่มมีฐานะดี อีกอย่างเรื่องบนเตียงของคณิศรก็จัดว่าแซ่บนัมเบอร์วัน“แต่ถ้าผมไม่แต่งงานในปีนี้ ย่าจะไม่ยกสมบัติให้”สุธาวีถึงกลับหัวเราะคิก“ดินคะ คุณยังเชื่อมุกนี้ของย่าของคุณอีกหรือคะ ย่าท่านพูดเล่นหรอกค่ะ ดินอย่าเป็นจริงเป็นจังนักเลย ดินคะคุณน่ะใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ เรื่องผูกมัดกับใครสักคน ฉันว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันเองก็ไม่อยากจะทำเลย”นี่คือคำปฏิเสธที่ชัดเจนมากๆ เขาถึงกับทิ้งตัวลงไปบนนอนหงาย แล้วมองไปบนเพดานเสียงของสุธาวีก็ยังดังอีก “มีใครสักคนที่หลงใหลคลั่งไคลคุณไหมล่ะ ก็จับหล่อนทำเมียสิ สมบัต
ชนิษฐาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เธอขัดสีฉวีวรรณตัว ก่อนจะออกมาเลือกชุดที่จะใส่ไปเรียนขับรถกับคณิศรอย่างบรรจงหญิงสาวถ่ายรูปส่งไปให้หรือฤดีรัตน์ดูหลายรูป แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ตื่น จึงไม่ได้ให้คำตอบ ชนิษฐาจึงตัดสินใจใส่เป็นชุดกระโปรงที่ดูเรียบร้อย น่ารักหวานแหวว เพราะเป็นอะไรที่น่าจะสร้างความประทับใจให้กับคณิศรทั้งที่เธอก็รู้ว่าผู้หญิงในแบบที่คณิศรชอบคือเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ว่าชนิษฐาอยากให้เขาได้เห็นผู้หญิงที่แตกต่างแบบเธอเมื่อใกล้เวลานัดเธอออกไปยังจุดนัดหมาย ชนิษฐายืนอยู่หน้าร้านมินิมาร์ท หน้าตู้กดเงินสดของหลายธนาคารที่วางเรียงรายด้านข้างร้านมินิมาร์เป็นบ้านคนที่ปลูกดอกไม้พวงครามที่โรยตัวแล้วยังจับกลุ่มเป็นช่ออย่างสวยงามสายตาของหญิงสาวมองตามถนนทั้งสองฝั่ง ไม่รู้ว่าคณิศรจะมาทางไหนอย่างหัวใจจดจ่อ เป็นเวลาที่เปลี่ยนโลกสีมอๆ ของชนิษฐาให้มีสีสันคณิศรมองไปยังจุดนัดพบ ดวงตาของเขาได้ปะทะเข้ากับร่างอรชรของหญิงสาว ชนิษฐาปล่อยผมยาวจะสยายเต็มแผ่นหลัง เธอติดกิ๊บน่ารักบนศีรษะสองอันด้วย จุดเด่นคือเส้นผมของชนิษฐาที่ดำขลับตัดกับดอกพวงครามที่กระเดียดไปทางสีม่วง เธอยืนอยู่ใต้ดอกไม้ และตรงพื้นมีดอกกระจายเกลื่อน
‘พูดแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน พี่ดินพามาบ้าน มาหาย่า นั่นหมายถึง ไม่มั้ง’ หญิงสาวอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ วันนี้คณิศรทำดีกับเธอ ให้ความสนิทสนมแบบคนที่น่าไว้ใจ อีกอย่างเขาโปรยเสน่ห์ให้เธออย่างรุนแรง จนเธอหัวใจจะระเบิดไปหลายรอบความเป็นจริงชนิษฐาไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ ตอนนี้คณิศรกำลังโปรยหว่านให้เธอรักให้เธอหลงเขา ดวงตาที่พร่างพราวนั่นทำให้เธอตกบ่วงรักลงไปอย่างง่ายดายความชอบที่มีมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งชอบเขาเข้าไปใหญ่เธอกวาดสายตามองไปรอบบ้านของคุณย่า เพื่อลดความกังวล แต่ยิ่งเห็นว่าเขาร่ำรวย และฐานะที่แตกต่าง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นยกใหญ่ มือเย็นมากคณิศรจับมือของเธอแล้วบีบ หญิงสาวจึงยกหน้ามองเขา“เมี่ยงไม่กังวล และไม่ต้องกลัวนะ ย่าของพี่ใจดีมากครับ”“ค่ะ ค่ะ คือเมี่ยงยังไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนเลยนะคะ พี่ดินเป็นคนแรกที่เมี่ยงมาเยี่ยมบ้านค่ะ”“พี่ใช่เพื่อนของเมี่ยงที่ไหนกัน” เขายิ้มให้อย่างกรุ่มกริ่ม เสน่ห์ของคณิศรมีเยอะแยะ สำหรับชนิษฐาเขาขยิบตาจ้องแบบหวานๆ ทำท่าทียักคิ้วลิ่วตาเล็กๆ น้อยๆ เธอต้องก็ติดกับดักเขาเสียแล้วสายพิณยกทุกอย่างมาตั้งที่บนโต๊ะ เป็นเวลาเดียวกับที่ค
ชนิษฐาคิดวนเวียน เหมือนมีราชรถมาเกยถึงหน้าประตูบ้าน ถ้าเธอไม่ก้าวขาขึ้น ก็คงจะผิดปกติ อีกอย่างราชรถคันนี้ คนขับเป็นคนที่เธอคลั่งไคล้ไหลหลงมากๆ เสียด้วยนั่นคือความสมหวังในชีวิตครั้งแรกของชนิษฐาเลยก็ว่าได้ เธอเคยอธิษฐานว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคณิศร แล้ววันนี้ทุกอย่างมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่จะมีเหตุการณ์อะไรบอกกล่าวล่วงหน้า‘ฉันควรยิ้มรับกับความโชคชะตานี้ใช่ไหม’ ชนิษฐาถามตัวเองอีกครั้ง“ว่าไงจะหนูเมี่ยง มะรืนนี้นะ บอกคุณป้าของหนูเอาไว้ด้วย”“ค่ะ” เธอรับปากออกไปอย่างแผ่วเบา ชนิษฐาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกแล้วจริงๆหลังจากออกมาจากบ้านคุณย่ามณีแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งรถไปด้วยกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนเธอรู้สึกอึดอัด ชนิษฐาหันไปหาคณิศร“ทำไมพี่ดินพูดแบบนั้นคะ นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วค่ะ”คณิศรเบรกรถกะทันหัน แล้วค่อยๆ พารถเข้าข้างทาง“พี่คิดว่าเมี่ยงชอบพี่เสียอีก เมี่ยงไม่ได้สนใจพี่ใช่ไหม แล้วเมื่อกี้ที่รับปากว่าจะให้ย่าไปสู่ขอ หมายถึงตอนนี้เมี่ยงอยากจะปฏิเสธ” สายตาของเขาดูจริงจัง ไม่เหมือนที่อยู่กับคุณย่าเลย ที่ทั้งขี้เล่น แล้วก็มองเธออย่างไม่ละสายตาชนิษฐาได้แต่อึกอัก พูด