แพที่เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอีสานของคุณย่ามณี มีทีมงานมืออาชีพแบบครบครัน แต่ช่วงค่ำปิดหนึ่งวัน ด้วยคณิศรพาเพื่อนๆ มาเลี้ยงกันที่นี่
เพราะสงบเงียบและไกลผู้คน เหมาะแก่การส่งเสียงดังรองรับงานรื่นเริง
ลูกค้าของร้านส่วนใหญ่ชอบบรรยากาศที่ห่างไกลแบบนี้ นั่งรับไอเย็นจากสายน้ำสบายตากับวิวเขียวขจีของป่าไม้ที่ล้อมรอบ
ยิ่งตอนเย็น ได้เห็นพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาด้วย ก็ยิ่งได้อารมน์สุนทรีย์
ลือกฤชและยอยศเดินคุยกันออกมาจากแพหนึ่งที่ดัดแปลงเป็นห้องพัก ตอนนี้คณิศรเข้ายึดครอง เพราะเป็นห้องเชือดชั้นยอดในการพาสาวๆ มาร่วมสนุกบนเตียง
แต่ส่วนใหญ่มีเพียงคนเดียวที่ผูกปิ่นโตกินกันยาว ๆ กับคณิศรก็คือผู้หญิงที่สองหนุ่มกำลังจะเอ่ยถึง
“ดินแกล้งเมาหรือเปล่าวะ” ยอยศถาม
“กูว่ามันเมาจริงนะ” ลือกฤชตอบ
“แล้วถ้ามันเมา เราเอามันไปนอนในแพอย่างนั้น ถ้าเกิดมันลุกขึ้นมาเดิน แล้วตกน้ำตกท่าตายห่าขึ้นมา ย่ามณีไม่ด่าพวกเรายับเลยหรือวะ”
“มึงก็พูดไป ดินนอนที่นี่เกือบทุกคืนนะโว้ย มันไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านของย่ามณีเสียเมื่อไร อีกอย่างมันบอกกูแล้วว่า มันจะนอนรอยัยหวาย มันบอกว่ามันนัดกับเอาไว้แล้ว”
“อ๋อแบบนี้นี่เอง แล้วมันทำไมต้องแดกเหล้าจนเมาขนาดนี้วะ”
“ก็เพราะนังหวายนะสิ ทำให้มันมีน้ำโห บอกจะไปแสดงความยินดีกับไอ้ดินที่มหาลัย แต่ไม่โผล่หัวมาเลย มันก็เลยโซแซดนะสิ”
เมื่อกี้เรียกยัยหวายอยู่ดี ๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนังเสียแล้ว
“เฮ้อ...หวายนะหรือ เรื่องอื่นเห็นฉลาดนัก แต่เสือกโง่เรื่องผู้หญิงนะไอ้ดิน... อุบ...” ลือกฤชรีบเอามือปิดปากของยอยศในทันที
“อย่าพูดมากน่า ไม่มีประโยชน์”
แล้วพยักเพยิดให้ดูเพื่อน ๆ ที่นั่งสุมหัวกันเป็นกลุ่ม คุยกันโฉงเฉงไม่มีใครฟังใคร ต่างคนก็เริ่มเมาลิ้นพันกันแล้ว
“เออ... ไม่พูด ก็ไม่พูด” แต่ทั้งสองคนมองตาก็รู้กันแล้วอีกคนคิดอะไร
ยอยศเองก็ได้กินตับสุธาวีเหมือนกัน
22:00 น. ค่ำคืนนั้น
สุธาวีขับรถเข้ามาจอด จากนั้นก็เดินลงไปที่แพ โดยที่ไม่แยแสต่อสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองตาม
“หวาย” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ย
“มานั่นแล้วไง” ยอยศบุ้ยใบ้ให้ลือกฤชมองตา ยอยศเอ่ยต่อ
“กูจะรอดูว่าชีวิตของไอ้ดินกับยัยหวาย ต่อไปมันจะเป็นยังไง กูว่ามันหลงยัยหวายมากไปหน่อยเว้ย หลงแบบหัวปักหัวปำ”
“อื้อ... คงติดใจลีลา” ใครคนใดคนหนึ่งพูดสอดขึ้นมา
“ไอ้เชี่ยพวกนี้ กูบอกแล้วว่าอย่าปากหมา แดกเหล้าด้วยเงินของไอ้ดินอยู่นะ”
ยอยศยิ้มเหยาะ
“เออไม่พูดแล้วก็ได้ว่ะ แต่จะว่าไป ยัยหวายมันก็เด็ดดวงจริง ๆ เว้ย แต่จะให้กูยกเอาเป็นเมีย แล้วแต่งงาน ให้ทำลูก เป็นแม่ของลูกของกู กูไม่เอานะเว้ย”
ผลัวะ... ร่างยอยศกลิ้งหลุน ๆ เพราะฤทธิ์ส้นตีนของลือกฤช
โครม... นั่นแหละเพื่อน ๆ จึงได้พากันเงียบปาก
“ไอ้ชา กูเจ็บนะเว้ย”
“เอ้อ... เอาอีกตีนไหม”
ลือกฤชคำราม ปรกติยอยศก็ปากสว่างพูดเหมือนไม่มีหูรูดอยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งดื่ม ยิ่งพล่ามหนัก สงสัยต้องเพิ่มตีนสมนาคุณ
“มึงนี่ก็ บรรยากาศเสียหมด เลิก ๆ มาแดกเหล้านะโว้ย แล้วพวกมึง มึง มึง ก็อย่าพูดเรื่องนี้สิวะ นั่นมันเรื่องของไอ้ดิน”
คนที่ยังพอมีสติรีบห้ามทัพ เอาตัวมากั้นระหว่างสองหนุ่มไว้
“โอเค ๆ เลิกพูด ก็เลิกพูด เฮ้ย ๆ ใครไปหยิบเอาเหล้ามาอีกกลมดิ”
จากนั้นเพื่อน ๆ ก็ล้อมวงดื่มเหล้ากันต่อ ฉลองที่สอบเสร็จในวันนี้ จะได้แยกย้ายกันไปหางานใช้ชีวิตใหม่
ที่ดินตรงนี้เป็นของคุณย่ามณี ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของคณิศร ด้วยความที่พ่อแม่ของคณิศรจากไปตั้งแต่เขายังเล็ก คุณย่าจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาแต่เพียงผู้เดียว
ท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจ รวมถึงทุ่มเงินในกระเป๋า เฝ้าฟูมฟักจนหลานชายกลายเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เรียกได้ว่าไม่เอาอ่าว กิจการมากมายไม่ยอมเข้าไปดูแล ชอบใช้แต่เงิน แต่ยังดีที่คณิศรเข็นตัวเองเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้
ความหวังเพียงอย่างเดียวของคุณย่า อยากให้คณิศรมีครอบครัว จะได้มีความรับผิดชอบที่มากกว่านี้ ท่านอยากฝากผีฝากไข้เอาไว้กับเขาในวันหน้า
นอกจากกิจการแพ คุณย่ามณียังมีธุรกิจสวนลำไย โรงงานบ่มลำไย สวนส้มโชกุนที่ขึ้นชื่อ แปลงผลไม้เมืองหนาวออร์การ์นิค สวนปลูกดอกไม้ที่ส่งเข้ากรุงเทพฯ ในทุกวันนี้
รวมถึงให้เช่าที่ทางในเขตอำเภอสันกำแพง อำเภอดอยสะเก็ด และที่นี่ด้วย อำเภอจอมทองจังหวัดลำพูน
เรียกได้ว่า คุณย่ามณีเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งของภาคเหนือก็ว่าได้ เรื่องเงินทองไม่เคยได้ขาดมือ เพราะตั้งแต่คณิศรจำความได้ ธุรกิจของย่าไม่เคยมีคำว่าเจ๊ง
“ดินคะ ดิน... ดินทำอะไรอยู่คะ มาแล้วค่ะ หวายถึงแล้ว”
สุธาวีเดินเร็ว ส่งเสียงดังเมื่อใกล้ถึงประตูของแพห้องพัก คณิศรได้ยินแล้ว แต่เขาทำเป็นนิ่งเฉย นอนบนเตียงไม่ขยับตัว
ที่จริงเขาดื่มไม่เยอะหรอก แต่แกล้งเมาไปเท่านั้นแหละ เพราะว่างานมันกร่อย ๆ แถมใจยังนึกเคืองสุธาวี
วันนี้เอาอุตส่าห์หาข้ออ้างเรื่องสอบเสร็จ นัดคุณย่าที่งานยุ่งให้ไปกินข้าวเที่ยงกัน ถ้าสุธาวีมาเธอก็จะได้เจอกับคุณย่า เขาจะได้แนะนำให้เธอได้รู้จักกับท่าน
ว่านี่คือว่าที่หลานสะใภ้ของคุณย่าในอนาคต ท่านจะได้เลิกตามตอแยเขาให้แต่งงาน หาเมียเสียที แต่แล้วเธอก็ไม่มา ทำให้คณิศรรู้สึกผิดหวังมาก
สุธาวีนั่งลงบนเตียงใกล้ร่างเขา จากนั้นก็ก้มลงไปหอมแก้มสาก ๆ ของคณิศร
“แหม... โกรธหวายเหรอคะ จะโกรธทำไม ยังไงคืนนี้หวายก็มาหาดินอยู่แล้ว และที่หวายไม่ไปตอนกลางวันน่ะนะ เพราะว่าวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย คนเยอะ รถก็มาก แถมยังอากาศร้อนอีก หาที่จอดรถก็ยาก”
สมองหญิงสาวแล่นอย่างเร็วจี๋ ร่ายเหตุผลของการเบี้ยวนัด
“ดินบอกว่าจะพาหวายไปร้านอาหารในโรงแรม รู้ไหมคะที่นั่นมีคนรีวิวว่าหรูมาก ดินก็รู้ว่าหวายไม่พลาดต้องถ่ายรูปเก็บไว้แน่ คิดดูสิคะเวลาที่อากาศร้อน ๆ ถ่ายรูปมา หวายไม่สวยค่ะ หน้ามันเยิ้มเหมือนจะทอดไข่ได้ ดินคะ ดิน...” เธอพยายามง้องอนเขาเต็มที่
“ถ้าจะหาว่าใครผิด ก็ต้องเป็นดินนั่นแหละผิด ชิ... ไหนคุณบอกว่าจะให้เงินหวายไปซื้อรองพื้นใหม่คะ เพราะไม่มีรองพื้นยี่ห้อดี ๆ เคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างมาใช้นั่นแหละ เหอะ! ตอนนี้หวายก็ทนใช้รองพื้นราคาถูก ๆ ไม่กี่ร้อยอยู่นะคะ”
เธอพลิกลิ้นโยนความผิดให้เขา
“มันดีได้ในห้องแอร์ฯ เท่านั้นแหละค่ะ ถึงจะเป็นหน้าหนาว แต่แดดเมืองไทยยังแรง ของราคาถูกแบบนั้นคุมมันไม่อยู่หรอก”
สุธาวีกำลังพูดแก้ตัวเหมือนทุกครั้งที่เขาทำท่าจะโกรธเธอเป็นจริงเป็นจัง
“ถ้าคุณยังงอนแบบนี้ล่ะก็ หวายก็จะกลับแล้วนะคะ”
แต่จริตจะกร้านที่มีมากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนก็ได้ถูกหญิงสาวงัดมาใช้ สุธาวีก้มลงไปหอมแก้มของเขาอีกหลายฟอด
“จะหันมาไหมคะดิน”
ฟอด... ฟอด... ฟอด... ก้มลงไปหอมแก้มของคณิศรอีก ทำเหมือนว่าพิศวาสชายหนุ่มนักหนา
แต่กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไป ทำให้คนนอนอยู่ทำจมูกฟิด ๆ
“หวายซื้อน้ำหอมใหม่เหรอ ใครซื้อให้” เขาจ้องหน้าของสุธาวีอย่างหาเรื่อง
“แหม... หวายก็มีเงินนะคะ มีเงินก็ต้องซื้อเองสิคะ ดินน่ะไม่รู้อะไร พ่อของหวายขายที่ได้แหละ ได้เงินมาตั้ง 10 กว่าล้าน พ่อโอนเข้าบัญชีมาให้ใช้เป็นทุนตั้งตัวหลังเรียนจบ” พูดเชิงอวด แต่ไม่รู้ว่าพ่อคนไหน คณิศรก็ไม่ได้ซักไซ้ตรงนั้น
ชายหนุ่มคบกับสุธาวีมา บางครั้งเขาต้องเตือนตัวเองด้วยว่าเรื่องที่สุธาวีพูดนั้น ให้หารครึ่งไว้ก่อน ถึงแม้ใครจะบอกว่าเธอตอแหล ไหลไปเรื่อย
แต่ความสวยและลีลาเด็ดของเธอ ก็ทำให้เขามองข้าม ๆ มันไป คนเราต้องมีข้อเสียสักอย่างสองอย่างสิ สมบูรณ์แบบเกินไปชีวิตมันก็ไม่มีสีสัน
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงมารบเร้าที่จะเอาเงินจากผมไปซื้อรองพื้นใหม่อีก ใช้เงินของพ่อของหวายสิ”“แหม... ดิน มันไม่เหมือนกันนะคะ นั่นมันเงินของพ่อ ไม่ได้เป็นเงินของดิน ที่บอกว่ารักหวายนะ ดินรักหวายจริงไหม หรือแค่พูดสนุกปาก เพื่อนอนกับหวายเอามัน” เธอค้อนเขาตากลับ“เชอะ! ดินพูดเหมือนกับไม่รักหวายแล้ว อย่างนั้นก็ได้ หวายกลับดีกว่า เฮอะ ๆ มาที่นี่ รถก็เติมน้ำมันนะคะ ไม่ได้เติมน้ำเปล่า” เธอทำท่าจะลุกขึ้น“เดี๋ยวหวายจะไปไหน”เขารีบกอดรั้งร่างกายของเธอเอาไว้ อารมณ์บูดบึ้งหายไป เหลือไว้แต่ใบหน้าที่ยิ้ม ๆ“ไอ้ผีบ้าออกจากร่างของดินแล้วหรือคะ ไอ้ผีตัวเมื่อกี้หายไปเสียแล้วล่ะ” อดที่จะแขวะเขาไม่ได้“ก็หวาย...”สุธาวีรีบยกนิ้วชี้มาปิดปากของเขาที่จะพูดมากในทันที เขารีบงับมัน และมองตาของหญิงสาวอย่างหวานเยิ้ม ราวกับถูกมนต์เสน่ห์ของสุธาวีสะกด“เห็นหน้าสวย ๆ ของหวายแบบนี้แล้ว ดินก็หายคิดถึง”“ไม่ต้องมาทำปากหวานค่ะ หวายไม่เชื่อ” เหมือนกับคนที่เพิ่งขายขนมจีบกัน มองตากันหวายหยดย้อย“คนคิดถึงกัน เขาก็ไม่ทำกันแค่นี้หรอกค่ะ” สุธาวีส่งสายตาเชิญชวน“ถ้าอย่างนั้น ทำแค่ไหนล่ะจ๊ะ ทำแค่นี้ใช่ไหม”ต่อจากนั้นเขาก็ผลักร่างกา
ผ่านไปเกือบปีคณิศรเริ่มเป็นโล้เป็นพายมากขึ้น เข้ามาทำงานให้กับคุณย่าในบางส่วนที่ได้รับมอบหมาย และคุณย่าก็ยังให้เงินทุนตามที่เขาเรียกร้อง คณิศรเปิดบริษัทรับออกแบบการจัดสวนตามสาขาที่เขาได้เรียนมา นอกจากนั้นยังรับเหมาทำสวนอีกด้วย ดอกไม้ก็มี ไม้ล้อมก็มี เพราะฝีมือของคุณย่าที่ปูทางให้ คณิศรได้พิสูจน์ตัวเองมาหลายงานแล้ววันนี้อาจารย์ณรงวิทย์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยทราบข่าวว่าลูกศิษย์ได้เปิดบริษัทแล้ว ยิ่งเป็นคณิศรอีก ถือว่าเขาเป็นพวกที่อยู่รั้งท้ายเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีความก้าวหน้าอาจารย์ณรงวิทย์จึงเรียกให้มาหาที่มหาวิทยาลัย พอดีอาจารย์กำลังจะตกแต่งสวนให้กับบ้านของลูกสาว ที่จะยกให้เป็นเรือนหอคณิศรจึงเดินทางมาหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หลังจากคุยธุระเสร็จแล้วเขาก็เดินลงมาข้างล่าง“พี่ดินคะ พี่ดิน” เสียงหวานๆ เรียกเขาเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า คณิศรรีบหันไปมองชนิษฐาที่วิ่งมาหาด้วยความดีอกดีใจหญิงสาวซ่อนอาการหน้าบานที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอตามติดชีวิตของคณิศรในโซเชียล และมีอยู่หลายครั้งที่ไปกินร้านอาหารของชายหนุ่มกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาของเขา และตัวจริงเลย“พี่ดินมาทำอะไรที่นี่
ไม่นานนัก เขาก็พาเธอมาถึงร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ร้านอาหารอยู่ติดถนน ในร้านสะอาดสะอ้าน“นั่งห้องแอร์ดีกว่านะ ข้างนอกร้อน”“ค่ะ” ชนิษฐาเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย สายตาของหญิงสาวไม่อาจจะละจากร่างหนาของเขาได้เลยคณิศรที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาดูดีขึ้นมาก ด้วยผมรองทรงที่หนาๆ อีกอวัยวะที่ชนิษฐาชอบเขา เพราะจมูกที่โด่งสันเป็นคน ดวงตากลมโต คิ้วดกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ หนุ่มๆ แถวนี้จะตาตี่ๆ เป็นตี๋เสียส่วนใหญ่สำหรับคณิศร เนื่องจากแม่มาจากใต้ เธอสืบจนรู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนสงขลาจึงทำให้หน้าตาคมคายพนักงานเดินมายื่นเมนูให้“เมี่ยงอยากกินอะไรก็กินนะ สั่งได้เต็มที่เลย”เธอจะบอกเขาอย่างไรดี แค่เห็นหน้าของคณิศรในวันนี้ ชนิษฐาก็อิ่มไปอีกหลายวัน หญิงสาวสั่งอาหารตามที่เขาสั่งคณิศรสั่งสเต็กสันคอ เธอก็เลือกตามเขา เพราะเธออยากรู้ว่าทำไมคณิศรถึงชอบกิน“อีกปีเดียวก็จะจบแล้วสินะ”“ค่ะ”“ตั้งใจจะไปทำงานอะไร”“เมี่ยงก็ภาวนาให้ได้งานทำใกล้บ้านนะคะ จะได้อยู่ดูแลป้าด้วย อีกอย่างนึงไม่มีรถ ป้าไม่ให้ใช้ทั้งมอเตอร์ไซค์ และก็รถยนต์น่ะค่ะ”“เมี่ยงยังขับรถไม่เป็นเหรอ”“ค่ะ ไม่เป็นเลย เป็นแต่จักรยานอย่างเดียว”“เอาแบบนี
หลังจากผ่านพ้นเกมหฤโหดบนเตียง ที่จัดกันจนน้ำแตกกระจายเกลื่อน คณิศรนอนตะแคงเท้าคางจ้องหน้าสุธาวี ที่หอบเหนื่อยไม่แพ้กัน“หวายแต่งงานกันไหม”ตาที่หลับอยู่ถึงกับเบิกโพลง“แต่งงานเหรอคะดิน โอ๊ย! เราสองคนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองคะ 26 27 จะรีบแต่งไปไหนกันคะดิน หวายไม่เอาอ่ะ หวายยังไม่อยากแต่งค่ะ ยังอยากใช้ชีวิตของตัวเองแบบสนุกๆ แบบนี้ไปอีกนานๆ ค่ะ ถ้าหวายจะแต่ง โน่น... ต้อง 35 ค่ะ เหลืออยู่เวลาอีกเกือบ 7-8 ปี ไม่ค่ะ ไม่...” เธอปฏิเสธทันควันคณิศรเป็นคนเดียวที่เธอเลือกผูกปิ่นโตนานที่สุด เพราะว่าชายหนุ่มมีฐานะดี อีกอย่างเรื่องบนเตียงของคณิศรก็จัดว่าแซ่บนัมเบอร์วัน“แต่ถ้าผมไม่แต่งงานในปีนี้ ย่าจะไม่ยกสมบัติให้”สุธาวีถึงกลับหัวเราะคิก“ดินคะ คุณยังเชื่อมุกนี้ของย่าของคุณอีกหรือคะ ย่าท่านพูดเล่นหรอกค่ะ ดินอย่าเป็นจริงเป็นจังนักเลย ดินคะคุณน่ะใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ เรื่องผูกมัดกับใครสักคน ฉันว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันเองก็ไม่อยากจะทำเลย”นี่คือคำปฏิเสธที่ชัดเจนมากๆ เขาถึงกับทิ้งตัวลงไปบนนอนหงาย แล้วมองไปบนเพดานเสียงของสุธาวีก็ยังดังอีก “มีใครสักคนที่หลงใหลคลั่งไคลคุณไหมล่ะ ก็จับหล่อนทำเมียสิ สมบัต
ชนิษฐาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เธอขัดสีฉวีวรรณตัว ก่อนจะออกมาเลือกชุดที่จะใส่ไปเรียนขับรถกับคณิศรอย่างบรรจงหญิงสาวถ่ายรูปส่งไปให้หรือฤดีรัตน์ดูหลายรูป แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ตื่น จึงไม่ได้ให้คำตอบ ชนิษฐาจึงตัดสินใจใส่เป็นชุดกระโปรงที่ดูเรียบร้อย น่ารักหวานแหวว เพราะเป็นอะไรที่น่าจะสร้างความประทับใจให้กับคณิศรทั้งที่เธอก็รู้ว่าผู้หญิงในแบบที่คณิศรชอบคือเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ว่าชนิษฐาอยากให้เขาได้เห็นผู้หญิงที่แตกต่างแบบเธอเมื่อใกล้เวลานัดเธอออกไปยังจุดนัดหมาย ชนิษฐายืนอยู่หน้าร้านมินิมาร์ท หน้าตู้กดเงินสดของหลายธนาคารที่วางเรียงรายด้านข้างร้านมินิมาร์เป็นบ้านคนที่ปลูกดอกไม้พวงครามที่โรยตัวแล้วยังจับกลุ่มเป็นช่ออย่างสวยงามสายตาของหญิงสาวมองตามถนนทั้งสองฝั่ง ไม่รู้ว่าคณิศรจะมาทางไหนอย่างหัวใจจดจ่อ เป็นเวลาที่เปลี่ยนโลกสีมอๆ ของชนิษฐาให้มีสีสันคณิศรมองไปยังจุดนัดพบ ดวงตาของเขาได้ปะทะเข้ากับร่างอรชรของหญิงสาว ชนิษฐาปล่อยผมยาวจะสยายเต็มแผ่นหลัง เธอติดกิ๊บน่ารักบนศีรษะสองอันด้วย จุดเด่นคือเส้นผมของชนิษฐาที่ดำขลับตัดกับดอกพวงครามที่กระเดียดไปทางสีม่วง เธอยืนอยู่ใต้ดอกไม้ และตรงพื้นมีดอกกระจายเกลื่อน
‘พูดแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน พี่ดินพามาบ้าน มาหาย่า นั่นหมายถึง ไม่มั้ง’ หญิงสาวอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ วันนี้คณิศรทำดีกับเธอ ให้ความสนิทสนมแบบคนที่น่าไว้ใจ อีกอย่างเขาโปรยเสน่ห์ให้เธออย่างรุนแรง จนเธอหัวใจจะระเบิดไปหลายรอบความเป็นจริงชนิษฐาไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ ตอนนี้คณิศรกำลังโปรยหว่านให้เธอรักให้เธอหลงเขา ดวงตาที่พร่างพราวนั่นทำให้เธอตกบ่วงรักลงไปอย่างง่ายดายความชอบที่มีมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งชอบเขาเข้าไปใหญ่เธอกวาดสายตามองไปรอบบ้านของคุณย่า เพื่อลดความกังวล แต่ยิ่งเห็นว่าเขาร่ำรวย และฐานะที่แตกต่าง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นยกใหญ่ มือเย็นมากคณิศรจับมือของเธอแล้วบีบ หญิงสาวจึงยกหน้ามองเขา“เมี่ยงไม่กังวล และไม่ต้องกลัวนะ ย่าของพี่ใจดีมากครับ”“ค่ะ ค่ะ คือเมี่ยงยังไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนเลยนะคะ พี่ดินเป็นคนแรกที่เมี่ยงมาเยี่ยมบ้านค่ะ”“พี่ใช่เพื่อนของเมี่ยงที่ไหนกัน” เขายิ้มให้อย่างกรุ่มกริ่ม เสน่ห์ของคณิศรมีเยอะแยะ สำหรับชนิษฐาเขาขยิบตาจ้องแบบหวานๆ ทำท่าทียักคิ้วลิ่วตาเล็กๆ น้อยๆ เธอต้องก็ติดกับดักเขาเสียแล้วสายพิณยกทุกอย่างมาตั้งที่บนโต๊ะ เป็นเวลาเดียวกับที่ค
ชนิษฐาคิดวนเวียน เหมือนมีราชรถมาเกยถึงหน้าประตูบ้าน ถ้าเธอไม่ก้าวขาขึ้น ก็คงจะผิดปกติ อีกอย่างราชรถคันนี้ คนขับเป็นคนที่เธอคลั่งไคล้ไหลหลงมากๆ เสียด้วยนั่นคือความสมหวังในชีวิตครั้งแรกของชนิษฐาเลยก็ว่าได้ เธอเคยอธิษฐานว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคณิศร แล้ววันนี้ทุกอย่างมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่จะมีเหตุการณ์อะไรบอกกล่าวล่วงหน้า‘ฉันควรยิ้มรับกับความโชคชะตานี้ใช่ไหม’ ชนิษฐาถามตัวเองอีกครั้ง“ว่าไงจะหนูเมี่ยง มะรืนนี้นะ บอกคุณป้าของหนูเอาไว้ด้วย”“ค่ะ” เธอรับปากออกไปอย่างแผ่วเบา ชนิษฐาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกแล้วจริงๆหลังจากออกมาจากบ้านคุณย่ามณีแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งรถไปด้วยกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนเธอรู้สึกอึดอัด ชนิษฐาหันไปหาคณิศร“ทำไมพี่ดินพูดแบบนั้นคะ นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วค่ะ”คณิศรเบรกรถกะทันหัน แล้วค่อยๆ พารถเข้าข้างทาง“พี่คิดว่าเมี่ยงชอบพี่เสียอีก เมี่ยงไม่ได้สนใจพี่ใช่ไหม แล้วเมื่อกี้ที่รับปากว่าจะให้ย่าไปสู่ขอ หมายถึงตอนนี้เมี่ยงอยากจะปฏิเสธ” สายตาของเขาดูจริงจัง ไม่เหมือนที่อยู่กับคุณย่าเลย ที่ทั้งขี้เล่น แล้วก็มองเธออย่างไม่ละสายตาชนิษฐาได้แต่อึกอัก พูด
คณิศรกลืนน้ำลายดังเอื้อก เขามีคำตอบในใจ รูปร่างอรชรตรงหน้าช่างสวยงามราวกับจับปั้น ชายหนุ่มตะลึงไปอึดใจ และก็เอาแต่จ้องมองร่างบางที่สมส่วนกลมกลึงอย่างตาไม่กะพริบเขายังเผลอกลืนน้ำลายลงไปในคอดังอึก แล้วก็ได้คืนสติ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นของเขา และหากได้เข้าพิธีแต่งงาน ชนิษฐาก็จะกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมายเขาไม่อยากจะพิจารณาร่างกายนวลหวานของเธอด้วยสายตาอีกแล้ว คณิศรส่งฝ่ามือลงไปลูบไล้เรือนกายบาง มือที่หนาหยาบของผู้ชายทำให้ชนิษฐาส่ายดิ้น เธอผินหน้าหนีพร้อมกับหลับตา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะกลั้นลมหายใจอีกครั้งใบหน้าของคณิศรคลุกเคล้าลงไปแบบไม่อยากให้เสียเวลา ตอนนี้เขาต้องทำอย่างที่อยากทำ ต้องทำให้ชนิษฐาเป็นของเขา เพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธหญิงสาวแขม่วหน้าท้องจนแบนราบ ยามที่เขาไล่แตะไต่ใบหน้า และใช้ปลายลิ้นและปลายจมูกโด่งสัมผัสไปทุกรูขุมขน ไม่เว้นแม้แต่เอวคอด และสะโพกกลมผายยามใบหน้าของคณิศรไล่พ่นลมหายใจผ่านหน้าท้องลงต่ำ เคลื่อนสู่โหนกสาวและหยุดทักทายแพขนสีเดียวกับเส้นผม และไล่เรื่อยลงไปถึงต้นขาเรียวงามชนิษฐาสะท้านสะเทือนไปถึงก้นบึ้งของหั