Share

ตอนที่ 2 คนที่เขาชอบ

แพที่เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอีสานของคุณย่ามณี มีทีมงานมืออาชีพแบบครบครัน แต่ช่วงค่ำปิดหนึ่งวัน ด้วยคณิศรพาเพื่อนๆ มาเลี้ยงกันที่นี่

เพราะสงบเงียบและไกลผู้คน เหมาะแก่การส่งเสียงดังรองรับงานรื่นเริง

ลูกค้าของร้านส่วนใหญ่ชอบบรรยากาศที่ห่างไกลแบบนี้ นั่งรับไอเย็นจากสายน้ำสบายตากับวิวเขียวขจีของป่าไม้ที่ล้อมรอบ

ยิ่งตอนเย็น ได้เห็นพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาด้วย ก็ยิ่งได้อารมน์สุนทรีย์

ลือกฤชและยอยศเดินคุยกันออกมาจากแพหนึ่งที่ดัดแปลงเป็นห้องพัก ตอนนี้คณิศรเข้ายึดครอง เพราะเป็นห้องเชือดชั้นยอดในการพาสาวๆ มาร่วมสนุกบนเตียง

แต่ส่วนใหญ่มีเพียงคนเดียวที่ผูกปิ่นโตกินกันยาว ๆ กับคณิศรก็คือผู้หญิงที่สองหนุ่มกำลังจะเอ่ยถึง

“ดินแกล้งเมาหรือเปล่าวะ” ยอยศถาม

“กูว่ามันเมาจริงนะ” ลือกฤชตอบ

“แล้วถ้ามันเมา เราเอามันไปนอนในแพอย่างนั้น ถ้าเกิดมันลุกขึ้นมาเดิน แล้วตกน้ำตกท่าตายห่าขึ้นมา ย่ามณีไม่ด่าพวกเรายับเลยหรือวะ”

“มึงก็พูดไป ดินนอนที่นี่เกือบทุกคืนนะโว้ย มันไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านของย่ามณีเสียเมื่อไร อีกอย่างมันบอกกูแล้วว่า มันจะนอนรอยัยหวาย มันบอกว่ามันนัดกับเอาไว้แล้ว”

“อ๋อแบบนี้นี่เอง แล้วมันทำไมต้องแดกเหล้าจนเมาขนาดนี้วะ”

“ก็เพราะนังหวายนะสิ ทำให้มันมีน้ำโห บอกจะไปแสดงความยินดีกับไอ้ดินที่มหาลัย แต่ไม่โผล่หัวมาเลย มันก็เลยโซแซดนะสิ”

เมื่อกี้เรียกยัยหวายอยู่ดี ๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนังเสียแล้ว

“เฮ้อ...หวายนะหรือ เรื่องอื่นเห็นฉลาดนัก แต่เสือกโง่เรื่องผู้หญิงนะไอ้ดิน... อุบ...” ลือกฤชรีบเอามือปิดปากของยอยศในทันที

“อย่าพูดมากน่า ไม่มีประโยชน์”

แล้วพยักเพยิดให้ดูเพื่อน ๆ ที่นั่งสุมหัวกันเป็นกลุ่ม คุยกันโฉงเฉงไม่มีใครฟังใคร ต่างคนก็เริ่มเมาลิ้นพันกันแล้ว

“เออ... ไม่พูด ก็ไม่พูด” แต่ทั้งสองคนมองตาก็รู้กันแล้วอีกคนคิดอะไร

ยอยศเองก็ได้กินตับสุธาวีเหมือนกัน

22:00 น. ค่ำคืนนั้น

สุธาวีขับรถเข้ามาจอด จากนั้นก็เดินลงไปที่แพ โดยที่ไม่แยแสต่อสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองตาม

“หวาย” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ย

“มานั่นแล้วไง” ยอยศบุ้ยใบ้ให้ลือกฤชมองตา ยอยศเอ่ยต่อ

“กูจะรอดูว่าชีวิตของไอ้ดินกับยัยหวาย ต่อไปมันจะเป็นยังไง กูว่ามันหลงยัยหวายมากไปหน่อยเว้ย หลงแบบหัวปักหัวปำ”

“อื้อ... คงติดใจลีลา” ใครคนใดคนหนึ่งพูดสอดขึ้นมา

“ไอ้เชี่ยพวกนี้ กูบอกแล้วว่าอย่าปากหมา แดกเหล้าด้วยเงินของไอ้ดินอยู่นะ”

ยอยศยิ้มเหยาะ

“เออไม่พูดแล้วก็ได้ว่ะ แต่จะว่าไป ยัยหวายมันก็เด็ดดวงจริง ๆ เว้ย แต่จะให้กูยกเอาเป็นเมีย แล้วแต่งงาน ให้ทำลูก เป็นแม่ของลูกของกู กูไม่เอานะเว้ย”

ผลัวะ... ร่างยอยศกลิ้งหลุน ๆ เพราะฤทธิ์ส้นตีนของลือกฤช

โครม... นั่นแหละเพื่อน ๆ จึงได้พากันเงียบปาก

“ไอ้ชา กูเจ็บนะเว้ย”

“เอ้อ... เอาอีกตีนไหม”

ลือกฤชคำราม ปรกติยอยศก็ปากสว่างพูดเหมือนไม่มีหูรูดอยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งดื่ม ยิ่งพล่ามหนัก สงสัยต้องเพิ่มตีนสมนาคุณ

“มึงนี่ก็ บรรยากาศเสียหมด เลิก ๆ มาแดกเหล้านะโว้ย แล้วพวกมึง มึง มึง ก็อย่าพูดเรื่องนี้สิวะ นั่นมันเรื่องของไอ้ดิน”

คนที่ยังพอมีสติรีบห้ามทัพ เอาตัวมากั้นระหว่างสองหนุ่มไว้

“โอเค ๆ เลิกพูด ก็เลิกพูด เฮ้ย ๆ ใครไปหยิบเอาเหล้ามาอีกกลมดิ”

 จากนั้นเพื่อน ๆ ก็ล้อมวงดื่มเหล้ากันต่อ ฉลองที่สอบเสร็จในวันนี้ จะได้แยกย้ายกันไปหางานใช้ชีวิตใหม่

ที่ดินตรงนี้เป็นของคุณย่ามณี ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของคณิศร ด้วยความที่พ่อแม่ของคณิศรจากไปตั้งแต่เขายังเล็ก คุณย่าจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเขามาแต่เพียงผู้เดียว

ท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจ รวมถึงทุ่มเงินในกระเป๋า เฝ้าฟูมฟักจนหลานชายกลายเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เรียกได้ว่าไม่เอาอ่าว กิจการมากมายไม่ยอมเข้าไปดูแล ชอบใช้แต่เงิน แต่ยังดีที่คณิศรเข็นตัวเองเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้

ความหวังเพียงอย่างเดียวของคุณย่า อยากให้คณิศรมีครอบครัว จะได้มีความรับผิดชอบที่มากกว่านี้ ท่านอยากฝากผีฝากไข้เอาไว้กับเขาในวันหน้า

นอกจากกิจการแพ คุณย่ามณียังมีธุรกิจสวนลำไย โรงงานบ่มลำไย สวนส้มโชกุนที่ขึ้นชื่อ แปลงผลไม้เมืองหนาวออร์การ์นิค สวนปลูกดอกไม้ที่ส่งเข้ากรุงเทพฯ ในทุกวันนี้

รวมถึงให้เช่าที่ทางในเขตอำเภอสันกำแพง อำเภอดอยสะเก็ด และที่นี่ด้วย อำเภอจอมทองจังหวัดลำพูน

เรียกได้ว่า คุณย่ามณีเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งของภาคเหนือก็ว่าได้ เรื่องเงินทองไม่เคยได้ขาดมือ เพราะตั้งแต่คณิศรจำความได้ ธุรกิจของย่าไม่เคยมีคำว่าเจ๊ง

“ดินคะ ดิน... ดินทำอะไรอยู่คะ มาแล้วค่ะ หวายถึงแล้ว”

สุธาวีเดินเร็ว ส่งเสียงดังเมื่อใกล้ถึงประตูของแพห้องพัก คณิศรได้ยินแล้ว แต่เขาทำเป็นนิ่งเฉย นอนบนเตียงไม่ขยับตัว

ที่จริงเขาดื่มไม่เยอะหรอก แต่แกล้งเมาไปเท่านั้นแหละ เพราะว่างานมันกร่อย ๆ แถมใจยังนึกเคืองสุธาวี

วันนี้เอาอุตส่าห์หาข้ออ้างเรื่องสอบเสร็จ นัดคุณย่าที่งานยุ่งให้ไปกินข้าวเที่ยงกัน ถ้าสุธาวีมาเธอก็จะได้เจอกับคุณย่า เขาจะได้แนะนำให้เธอได้รู้จักกับท่าน

ว่านี่คือว่าที่หลานสะใภ้ของคุณย่าในอนาคต ท่านจะได้เลิกตามตอแยเขาให้แต่งงาน หาเมียเสียที แต่แล้วเธอก็ไม่มา ทำให้คณิศรรู้สึกผิดหวังมาก

สุธาวีนั่งลงบนเตียงใกล้ร่างเขา จากนั้นก็ก้มลงไปหอมแก้มสาก ๆ ของคณิศร

“แหม... โกรธหวายเหรอคะ จะโกรธทำไม ยังไงคืนนี้หวายก็มาหาดินอยู่แล้ว และที่หวายไม่ไปตอนกลางวันน่ะนะ เพราะว่าวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย คนเยอะ รถก็มาก แถมยังอากาศร้อนอีก หาที่จอดรถก็ยาก”

สมองหญิงสาวแล่นอย่างเร็วจี๋ ร่ายเหตุผลของการเบี้ยวนัด

“ดินบอกว่าจะพาหวายไปร้านอาหารในโรงแรม รู้ไหมคะที่นั่นมีคนรีวิวว่าหรูมาก ดินก็รู้ว่าหวายไม่พลาดต้องถ่ายรูปเก็บไว้แน่ คิดดูสิคะเวลาที่อากาศร้อน ๆ ถ่ายรูปมา หวายไม่สวยค่ะ หน้ามันเยิ้มเหมือนจะทอดไข่ได้ ดินคะ ดิน...” เธอพยายามง้องอนเขาเต็มที่

“ถ้าจะหาว่าใครผิด ก็ต้องเป็นดินนั่นแหละผิด ชิ... ไหนคุณบอกว่าจะให้เงินหวายไปซื้อรองพื้นใหม่คะ เพราะไม่มีรองพื้นยี่ห้อดี ๆ เคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างมาใช้นั่นแหละ เหอะ! ตอนนี้หวายก็ทนใช้รองพื้นราคาถูก ๆ ไม่กี่ร้อยอยู่นะคะ”

เธอพลิกลิ้นโยนความผิดให้เขา

“มันดีได้ในห้องแอร์ฯ เท่านั้นแหละค่ะ ถึงจะเป็นหน้าหนาว แต่แดดเมืองไทยยังแรง ของราคาถูกแบบนั้นคุมมันไม่อยู่หรอก”

สุธาวีกำลังพูดแก้ตัวเหมือนทุกครั้งที่เขาทำท่าจะโกรธเธอเป็นจริงเป็นจัง

“ถ้าคุณยังงอนแบบนี้ล่ะก็ หวายก็จะกลับแล้วนะคะ” 

แต่จริตจะกร้านที่มีมากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนก็ได้ถูกหญิงสาวงัดมาใช้ สุธาวีก้มลงไปหอมแก้มของเขาอีกหลายฟอด

“จะหันมาไหมคะดิน”

ฟอด... ฟอด... ฟอด... ก้มลงไปหอมแก้มของคณิศรอีก ทำเหมือนว่าพิศวาสชายหนุ่มนักหนา

แต่กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไป ทำให้คนนอนอยู่ทำจมูกฟิด ๆ

“หวายซื้อน้ำหอมใหม่เหรอ ใครซื้อให้” เขาจ้องหน้าของสุธาวีอย่างหาเรื่อง

“แหม... หวายก็มีเงินนะคะ มีเงินก็ต้องซื้อเองสิคะ ดินน่ะไม่รู้อะไร พ่อของหวายขายที่ได้แหละ ได้เงินมาตั้ง 10 กว่าล้าน พ่อโอนเข้าบัญชีมาให้ใช้เป็นทุนตั้งตัวหลังเรียนจบ” พูดเชิงอวด แต่ไม่รู้ว่าพ่อคนไหน คณิศรก็ไม่ได้ซักไซ้ตรงนั้น

ชายหนุ่มคบกับสุธาวีมา บางครั้งเขาต้องเตือนตัวเองด้วยว่าเรื่องที่สุธาวีพูดนั้น ให้หารครึ่งไว้ก่อน ถึงแม้ใครจะบอกว่าเธอตอแหล ไหลไปเรื่อย

แต่ความสวยและลีลาเด็ดของเธอ ก็ทำให้เขามองข้าม ๆ มันไป คนเราต้องมีข้อเสียสักอย่างสองอย่างสิ สมบูรณ์แบบเกินไปชีวิตมันก็ไม่มีสีสัน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status