ไม่นานนัก เขาก็พาเธอมาถึงร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ร้านอาหารอยู่ติดถนน ในร้านสะอาดสะอ้าน
“นั่งห้องแอร์ดีกว่านะ ข้างนอกร้อน”
“ค่ะ” ชนิษฐาเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย สายตาของหญิงสาวไม่อาจจะละจากร่างหนาของเขาได้เลย
คณิศรที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาดูดีขึ้นมาก ด้วยผมรองทรงที่หนาๆ อีกอวัยวะที่ชนิษฐาชอบเขา เพราะจมูกที่โด่งสันเป็นคน ดวงตากลมโต คิ้วดกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ หนุ่มๆ แถวนี้จะตาตี่ๆ เป็นตี๋เสียส่วนใหญ่
สำหรับคณิศร เนื่องจากแม่มาจากใต้ เธอสืบจนรู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนสงขลาจึงทำให้หน้าตาคมคาย
พนักงานเดินมายื่นเมนูให้
“เมี่ยงอยากกินอะไรก็กินนะ สั่งได้เต็มที่เลย”
เธอจะบอกเขาอย่างไรดี แค่เห็นหน้าของคณิศรในวันนี้ ชนิษฐาก็อิ่มไปอีกหลายวัน หญิงสาวสั่งอาหารตามที่เขาสั่ง
คณิศรสั่งสเต็กสันคอ เธอก็เลือกตามเขา เพราะเธออยากรู้ว่าทำไมคณิศรถึงชอบกิน
“อีกปีเดียวก็จะจบแล้วสินะ”
“ค่ะ”
“ตั้งใจจะไปทำงานอะไร”
“เมี่ยงก็ภาวนาให้ได้งานทำใกล้บ้านนะคะ จะได้อยู่ดูแลป้าด้วย อีกอย่างนึงไม่มีรถ ป้าไม่ให้ใช้ทั้งมอเตอร์ไซค์ และก็รถยนต์น่ะค่ะ”
“เมี่ยงยังขับรถไม่เป็นเหรอ”
“ค่ะ ไม่เป็นเลย เป็นแต่จักรยานอย่างเดียว”
“เอาแบบนี้ไหมล่ะ วันหลังพี่พาไปหัดขับรถ เผื่อฉุกเฉินอะไรจะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น เช่นป้าไม่สบาย อะไรแบบนี้”
“จริงหรือคะพี่ดิน ถ้าอย่างนั้นเมี่ยงขอเบอร์โทรพี่ดินนะคะ” เธอทำตาโตมันวาว ดีใจยิ่งกว่าได้นั่งกินข้าวกับเขาเสียอีก
“ได้สิ” เขารีบบอกเบอร์โทร เธอบันทึกไว้ในเครื่องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดโทรออก
“พี่ดินคะ เซฟเบอร์ของเมี่ยงเอาไว้ด้วยนะคะ” หัวใจพองโตคับแน่นอก ชนิษฐาไม่อยากจะเชื่อเลย
“ช่วงสุดสัปดาห์นี้หยุดหลายวันนี่ ไปเรียนขับรถกันไหม” เขาเอ่ยอย่างมีไมตรีอีกครั้ง
“ไปค่ะ” ไม่ต้องให้เขาถามซ้ำ ชนิษฐารีบตอบออกไปในทันที ใบหน้าบานเป็นดอกไม้ต้องฤดูฝน หัวใจเต้นแรงมากๆ ความฝันสูงสุดที่อยากได้รู้จัก ได้พูดคุย ตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว เธอเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
ตั้งแต่จากกัน เธอก็ยังดูรูปเขาทุกวัน มันเหมือนกับเธอเชื่อว่าเธอกับคณิศรเป็นเนื้อคู่กัน
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เขาก็มาส่งเธอที่หน้ามหาวิทยาลัย ชนิษฐายืนโบกมือให้รถของเขาจนลับตา
คณิศรมองผ่านกระจกหลัง เขายังนึกถึงคำของลือกฤชว่า... ชนิษฐาหลงใหลได้ปลื้มเขามากๆ และแอบมาถามบ่อยๆ ถึงเรื่องราวของคณิศร
มือถือที่เขาเชื่อมต่อบลูทูธในรถก็ดังขึ้น เมื่อกดรับสาย เสียงแจ๋วๆ ของคนที่คณิศรเฝ้าคิดถึงก็ดังเข้ามา
(“ดินอยู่ไหนคะ”)
พอได้ยินเสียงของปลายสาย เขาก็ทำท่าดีใจ สุธาวีหายไปจากชีวิตของเขาได้เกือบสองสัปดาห์
“ผมจะอยู่ไหนได้ล่ะ ก็อยู่เชียงใหม่ หรือไม่ก็ลำพูนนี่แหละ ว่าแต่หวายเถอะ หายไปไหนตั้งสองอาทิตย์”
(“หวายมากรุงเทพฯ ค่ะ แหม... จะไม่หวายมาเยี่ยมพ่อกับแม่เลยเหรอคะ อีกอย่างหวายทำฟรีแลนซ์รับงานทั่วประเทศค่ะ”)
ฝีมือการออกแบบเขียนแบบของสุธาวีถือว่าเป็นอันดับต้นๆ เพราะหัวศิลปะ และถือว่าเป็นผลสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้
“ไปไหนก็ได้ถูกต้องน่ะถูกต้องแล้วหวาน แต่ที่มันไม่ถูก คือ หวายไม่อ่านไลน์ ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความทุกช่องทางนี้ของผมต่างหาก ที่น่าโมโห” เขาบึ้งตึงขึ้นมา
(“ดินคะ ดินอย่าโกรธหวายเลยนะคะ ยังไงวันนี้หวายก็กลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมใกล้แม่น้ำปิง รู้ไหมเอ่ย? ว่าโรงแรมไหน?”)
ทำไมคณิศรจะไม่รู้ เพราะเธอกับเขาใช้ที่นี่เป็นฐานบัญชาการและจุดนัดพบ
(“หวายคิดถึงดินจะแย่แล้วค่ะ รีบมานะคะ”) เธอก็วางสาย แล้วส่งรูปถ่ายในห้องพัก ที่มีทั้งเครื่องดื่ม อาหารการกินที่พร้อมพรั่ง รวมถึงรูปของตัวเองที่ใส่ชุดเซ็กซี่วาบหวิว
ความโกรธของคณิศรหายเป็นปลิดทิ้ง เขานึกถึงเรื่องบนเตียงความหวามกับสุธาวีที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ ก็มันติดใจไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้ คณิศรก็รู้ว่าสุธาวีเป็นอย่างไร แต่ว่าก็ยังคิดว่าเธอน่าจะหยุดอยู่ที่เขา คณิศรหมายใจเขาจะได้สุธาวีมาเป็นคู่ชีวิต
เสียงของคุณย่ามณีดังขึ้นมาในหัวสมอง
“ถ้าแกยังไม่แต่งงานปีนี้ ย่าจะไม่ยกสมบัติให้นะ ย่าจะมอบให้กับมูลนิธิ หรือองค์กรการกุศลไปเสียให้หมด” สีหน้าเคร่งเครียด
“ย่าทำไมทำอย่างนี้ล่ะครับ มาบังคับผมทำไม นี่ผมก็ปรับปรุงตัวเองขึ้นมากแล้วนะครับ มากกว่าแต่ก่อน” เขาทำทุกอย่างก็เพื่อคุณย่าจริงๆ
“แต่ย่าแก่แล้วดิน แกก็เห็นอยู่ ย่าไม่ได้แข็งแรงอย่างแต่ก่อน แล้วอีกเรื่องย่าอยากอุ้มเหลน หรือว่าแกจะให้ย่าตายไปโดยไม่รู้ว่าแกอยู่กับใครต่อไปหลังจากที่ไม่มีย่าแล้ว”
นี่คือคำตอบของย่ามณี ท่านเป็นห่วงหลานชายคนเดียวเอามาก อีกอย่างนึงความเสเพลของคณิศร ทำให้ย่านั้นมีความกังวลว่าชายหนุ่มจะอยู่อย่างไรต่อไปในอนาคต
หากคณิศรมีภรรยา ได้สร้างครอบครัว การมีลูกจะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนละคน ซึ่งคุณย่าก็คิดว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นในทางที่ดีกว่านี้
“ดินตั้งหน้าตั้งตาหาเมียเถอะ เอาผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนเสียที ไม่ใช่เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปก็ลอยมา แล้วไอ้นิสัยที่นอนกับผู้หญิงไปทั่วน่ะ เลิกได้ก็เลิกเสีย”
“ย่าครับ สมัยนี้ผู้หญิงน่ะเธอเดินเข้ามาหาผมเองทั้งนั้น ผมไม่ได้เร่ๆ เดินไปหาเองนะครับ” มันเป็นเช่นที่คณิศรพูดจริงๆ
“ก็นั่นไง ที่ย่าเห็นแต่ละคนเปรี้ยวเข็ดฟัน เห็นแล้วอยากจะเอาหัวโม่งฝาจริงๆ แต่งเนื้อแต่งตัว โอ๊ย! ดูไม่ได้ไ ไม่พูดเปล่าแต่ทำสีหน้าสีตาว่ารับไม่ได้ออกมาอีก
คณิศรนึกไปถึงสุธาวี เธอก็เป็นหนึ่งผู้หญิงที่ย่าเอ่ยถึง แม้จะไม่เคยเจอกัน ถ้าเจอย่าอาจจะเบ้ปากเป็นแน่
สุธาวีมักทากลีบปากด้วยสีแดง เล็บก็ทาสีแดง แม้การแต่งตัวจะดูดี และเป็นผู้ดี แต่ก็นั่นแหละย่าก็เหมารวมไปในกลุ่มที่ไม่ชอบ
แต่สำหรับเขา คณิศรคิดว่าอยู่เสมอว่า เขาสามารถมีความสุขได้กับสุธาวีเท่านั้น ‘ความสุขที่สุดยอด เธอปรนเปรอเขาได้’ นั่นก็น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องของคณิศรแล้ว
หลังจากผ่านพ้นเกมหฤโหดบนเตียง ที่จัดกันจนน้ำแตกกระจายเกลื่อน คณิศรนอนตะแคงเท้าคางจ้องหน้าสุธาวี ที่หอบเหนื่อยไม่แพ้กัน“หวายแต่งงานกันไหม”ตาที่หลับอยู่ถึงกับเบิกโพลง“แต่งงานเหรอคะดิน โอ๊ย! เราสองคนเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองคะ 26 27 จะรีบแต่งไปไหนกันคะดิน หวายไม่เอาอ่ะ หวายยังไม่อยากแต่งค่ะ ยังอยากใช้ชีวิตของตัวเองแบบสนุกๆ แบบนี้ไปอีกนานๆ ค่ะ ถ้าหวายจะแต่ง โน่น... ต้อง 35 ค่ะ เหลืออยู่เวลาอีกเกือบ 7-8 ปี ไม่ค่ะ ไม่...” เธอปฏิเสธทันควันคณิศรเป็นคนเดียวที่เธอเลือกผูกปิ่นโตนานที่สุด เพราะว่าชายหนุ่มมีฐานะดี อีกอย่างเรื่องบนเตียงของคณิศรก็จัดว่าแซ่บนัมเบอร์วัน“แต่ถ้าผมไม่แต่งงานในปีนี้ ย่าจะไม่ยกสมบัติให้”สุธาวีถึงกลับหัวเราะคิก“ดินคะ คุณยังเชื่อมุกนี้ของย่าของคุณอีกหรือคะ ย่าท่านพูดเล่นหรอกค่ะ ดินอย่าเป็นจริงเป็นจังนักเลย ดินคะคุณน่ะใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ เรื่องผูกมัดกับใครสักคน ฉันว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันเองก็ไม่อยากจะทำเลย”นี่คือคำปฏิเสธที่ชัดเจนมากๆ เขาถึงกับทิ้งตัวลงไปบนนอนหงาย แล้วมองไปบนเพดานเสียงของสุธาวีก็ยังดังอีก “มีใครสักคนที่หลงใหลคลั่งไคลคุณไหมล่ะ ก็จับหล่อนทำเมียสิ สมบัต
ชนิษฐาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เธอขัดสีฉวีวรรณตัว ก่อนจะออกมาเลือกชุดที่จะใส่ไปเรียนขับรถกับคณิศรอย่างบรรจงหญิงสาวถ่ายรูปส่งไปให้หรือฤดีรัตน์ดูหลายรูป แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ตื่น จึงไม่ได้ให้คำตอบ ชนิษฐาจึงตัดสินใจใส่เป็นชุดกระโปรงที่ดูเรียบร้อย น่ารักหวานแหวว เพราะเป็นอะไรที่น่าจะสร้างความประทับใจให้กับคณิศรทั้งที่เธอก็รู้ว่าผู้หญิงในแบบที่คณิศรชอบคือเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่ว่าชนิษฐาอยากให้เขาได้เห็นผู้หญิงที่แตกต่างแบบเธอเมื่อใกล้เวลานัดเธอออกไปยังจุดนัดหมาย ชนิษฐายืนอยู่หน้าร้านมินิมาร์ท หน้าตู้กดเงินสดของหลายธนาคารที่วางเรียงรายด้านข้างร้านมินิมาร์เป็นบ้านคนที่ปลูกดอกไม้พวงครามที่โรยตัวแล้วยังจับกลุ่มเป็นช่ออย่างสวยงามสายตาของหญิงสาวมองตามถนนทั้งสองฝั่ง ไม่รู้ว่าคณิศรจะมาทางไหนอย่างหัวใจจดจ่อ เป็นเวลาที่เปลี่ยนโลกสีมอๆ ของชนิษฐาให้มีสีสันคณิศรมองไปยังจุดนัดพบ ดวงตาของเขาได้ปะทะเข้ากับร่างอรชรของหญิงสาว ชนิษฐาปล่อยผมยาวจะสยายเต็มแผ่นหลัง เธอติดกิ๊บน่ารักบนศีรษะสองอันด้วย จุดเด่นคือเส้นผมของชนิษฐาที่ดำขลับตัดกับดอกพวงครามที่กระเดียดไปทางสีม่วง เธอยืนอยู่ใต้ดอกไม้ และตรงพื้นมีดอกกระจายเกลื่อน
‘พูดแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน พี่ดินพามาบ้าน มาหาย่า นั่นหมายถึง ไม่มั้ง’ หญิงสาวอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ วันนี้คณิศรทำดีกับเธอ ให้ความสนิทสนมแบบคนที่น่าไว้ใจ อีกอย่างเขาโปรยเสน่ห์ให้เธออย่างรุนแรง จนเธอหัวใจจะระเบิดไปหลายรอบความเป็นจริงชนิษฐาไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ ตอนนี้คณิศรกำลังโปรยหว่านให้เธอรักให้เธอหลงเขา ดวงตาที่พร่างพราวนั่นทำให้เธอตกบ่วงรักลงไปอย่างง่ายดายความชอบที่มีมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งชอบเขาเข้าไปใหญ่เธอกวาดสายตามองไปรอบบ้านของคุณย่า เพื่อลดความกังวล แต่ยิ่งเห็นว่าเขาร่ำรวย และฐานะที่แตกต่าง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นยกใหญ่ มือเย็นมากคณิศรจับมือของเธอแล้วบีบ หญิงสาวจึงยกหน้ามองเขา“เมี่ยงไม่กังวล และไม่ต้องกลัวนะ ย่าของพี่ใจดีมากครับ”“ค่ะ ค่ะ คือเมี่ยงยังไม่เคยไปบ้านเพื่อนคนไหนเลยนะคะ พี่ดินเป็นคนแรกที่เมี่ยงมาเยี่ยมบ้านค่ะ”“พี่ใช่เพื่อนของเมี่ยงที่ไหนกัน” เขายิ้มให้อย่างกรุ่มกริ่ม เสน่ห์ของคณิศรมีเยอะแยะ สำหรับชนิษฐาเขาขยิบตาจ้องแบบหวานๆ ทำท่าทียักคิ้วลิ่วตาเล็กๆ น้อยๆ เธอต้องก็ติดกับดักเขาเสียแล้วสายพิณยกทุกอย่างมาตั้งที่บนโต๊ะ เป็นเวลาเดียวกับที่ค
ชนิษฐาคิดวนเวียน เหมือนมีราชรถมาเกยถึงหน้าประตูบ้าน ถ้าเธอไม่ก้าวขาขึ้น ก็คงจะผิดปกติ อีกอย่างราชรถคันนี้ คนขับเป็นคนที่เธอคลั่งไคล้ไหลหลงมากๆ เสียด้วยนั่นคือความสมหวังในชีวิตครั้งแรกของชนิษฐาเลยก็ว่าได้ เธอเคยอธิษฐานว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคณิศร แล้ววันนี้ทุกอย่างมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่จะมีเหตุการณ์อะไรบอกกล่าวล่วงหน้า‘ฉันควรยิ้มรับกับความโชคชะตานี้ใช่ไหม’ ชนิษฐาถามตัวเองอีกครั้ง“ว่าไงจะหนูเมี่ยง มะรืนนี้นะ บอกคุณป้าของหนูเอาไว้ด้วย”“ค่ะ” เธอรับปากออกไปอย่างแผ่วเบา ชนิษฐาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกแล้วจริงๆหลังจากออกมาจากบ้านคุณย่ามณีแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งรถไปด้วยกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนเธอรู้สึกอึดอัด ชนิษฐาหันไปหาคณิศร“ทำไมพี่ดินพูดแบบนั้นคะ นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วค่ะ”คณิศรเบรกรถกะทันหัน แล้วค่อยๆ พารถเข้าข้างทาง“พี่คิดว่าเมี่ยงชอบพี่เสียอีก เมี่ยงไม่ได้สนใจพี่ใช่ไหม แล้วเมื่อกี้ที่รับปากว่าจะให้ย่าไปสู่ขอ หมายถึงตอนนี้เมี่ยงอยากจะปฏิเสธ” สายตาของเขาดูจริงจัง ไม่เหมือนที่อยู่กับคุณย่าเลย ที่ทั้งขี้เล่น แล้วก็มองเธออย่างไม่ละสายตาชนิษฐาได้แต่อึกอัก พูด
คณิศรกลืนน้ำลายดังเอื้อก เขามีคำตอบในใจ รูปร่างอรชรตรงหน้าช่างสวยงามราวกับจับปั้น ชายหนุ่มตะลึงไปอึดใจ และก็เอาแต่จ้องมองร่างบางที่สมส่วนกลมกลึงอย่างตาไม่กะพริบเขายังเผลอกลืนน้ำลายลงไปในคอดังอึก แล้วก็ได้คืนสติ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นของเขา และหากได้เข้าพิธีแต่งงาน ชนิษฐาก็จะกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมายเขาไม่อยากจะพิจารณาร่างกายนวลหวานของเธอด้วยสายตาอีกแล้ว คณิศรส่งฝ่ามือลงไปลูบไล้เรือนกายบาง มือที่หนาหยาบของผู้ชายทำให้ชนิษฐาส่ายดิ้น เธอผินหน้าหนีพร้อมกับหลับตา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะกลั้นลมหายใจอีกครั้งใบหน้าของคณิศรคลุกเคล้าลงไปแบบไม่อยากให้เสียเวลา ตอนนี้เขาต้องทำอย่างที่อยากทำ ต้องทำให้ชนิษฐาเป็นของเขา เพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธหญิงสาวแขม่วหน้าท้องจนแบนราบ ยามที่เขาไล่แตะไต่ใบหน้า และใช้ปลายลิ้นและปลายจมูกโด่งสัมผัสไปทุกรูขุมขน ไม่เว้นแม้แต่เอวคอด และสะโพกกลมผายยามใบหน้าของคณิศรไล่พ่นลมหายใจผ่านหน้าท้องลงต่ำ เคลื่อนสู่โหนกสาวและหยุดทักทายแพขนสีเดียวกับเส้นผม และไล่เรื่อยลงไปถึงต้นขาเรียวงามชนิษฐาสะท้านสะเทือนไปถึงก้นบึ้งของหั
แม้คุณป้าช่อม่วงจะพร่ำสอนว่า อย่าใจอ่อนยอมไปนอนกับผู้ชาย พวกนี้มันล่อลวงและมักทำให้ผู้หญิงที่ตกหลุมรักตกหลุมพราง แล้วเมื่อปล่อยตัวปล่อยใจเผลอไผลไปแล้ว คนที่จะตกที่นั่งลำบาก และมีแต่ความเสียใจก็คือผู้หญิงเองทว่าตอนนี้ชนิษฐาไม่สนคำสอนใดๆ ไม่ว่าจะป้าหรือครูบาอาจารย์ที่บอกว่าให้รักนวลสงวนตัว หัวใจของเธอเตลิดอยากรู้ว่าคณิศรจะพาเธอโลดเล่นในเกมรักนี้ แล้วมันจะไปจบที่ตรงไหน“อื้อ...” เขาครางส่ง พร้อมกับกดแทรกแกนแกร่งลงไปในร่องน้อยๆ ทันที่ที่หัวหยักผลุบเข้าไปช่องคับแคบก็บีบท่อนลำของเขาจังๆ คณิศรถึงกับส่งเสียงครางอู้อ้า ผละจากกลีบปากแหงนหน้าสูดปากดังซู้ดซ้าดเหมือนกับกินของเผ็ดๆ“โอ๊ย! เจ็บค่ะ พี่ดินขา เจ็บ อี้... อะ... เจ็บ เอามันออกก่อนได้ไหมคะ” น้ำเสียงอ้อนวอนเขาเป็นที่สุด มือน้อยๆ ที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและหัวไหล่ของเขา ตอนนี้จิกเล็บลงเนื้อหนังของคณิศรแล้วลากเป็นทางยาวเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับท่อนแข็งแรงของคณิศรเหมือนจะฉีกร่างของเธอให้ออกเป็นสองส่วน เธอสั่นหน้า จ้องสบตากับเขาอย่างอ้อนวอน แต่ทว่าคณิศรก็เดินหน้าตอกอัดเสาเข็มใหญ่ของเขาไปเรื่อย“อื้อ อูย เจ็บ... ซี้ด...” ยิ่งลงลึกก็ยิ่ง
ที่บ้านของคุณป้าช่อม่วงท่านนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด สายตาจ้องมองหน้าหลานสาว ที่ตอนนี้เธอได้เอ่ยพูดขึ้นมาว่า“หนูได้เสียกับพี่ดินแล้วค่ะ”คุณป้าไม่พูดใดๆ โกรธจนหน้าขุ่นเขียว ถึงกับหยิกไปที่แขนของหลานสาวแรงๆ“ทำไมทำตัวอย่างนี้ฮะ เรียนหนังสือยังไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำไป ริอาจจะมีผัวแล้วเหรอ แล้วรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมป้าไม่เคยรู้ฮึ... ไม่เคยคิดจะมาแนะนำให้ได้รู้จักกัน เมี่ยงทำแบบนี้ เมี่ยงยังเห็นหัวของป้าอยู่ไหม ฮึ... ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่พ่อแม่แกตาย ยังไงก็ต้องเห็นนึกเห็นหน้ากันบ้าง แล้วสอนไม่จำ บอกกี่ครั้งว่า... อย่าทำแบบนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” คำพูดที่พรั่งพรูอย่างเสียใจออกมามากมายชนิษฐาน้ำตาไหลพรากๆ เธอทั้งขายหน้าและเสียใจด้วย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วทุกอย่างคุณย่ามณีเอ่ยเร็วทันที“คุณช่อม่วงจ๋า เห็นแก่ฉันเถอะนะ อย่าตีหนูเมี่ยงเลย ฉันมีหลานแค่คนเดียว ก็คือดินนี่แหละ ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าเด็กสองคนนี้รักกัน แต่เห็นว่าสองคนรักกันจริงๆ ในเมื่อรักกันดี ฉันก็อยากจะมาเอ่ยปากกับทางนี้เสียให้เรียบร้อย และคุณช่อม่วงไม่ต้องกลัวนะว่าหลานชายของฉันจะทิ้งหลานสาวของคุณน่ะ เพราะถึงอย่างไรนับตั้งแ
คณิศรรับเอาแหวนไปจากมือของคุณย่า จากนั้นก็บรรจงสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายให้กับชนิษฐา แหวนวงนั้นที่อยู่บนนิ้วของเธอก็ช่างพอเหมาะพอเจาะ คุณย่าได้จับมือเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็รู้ขนาดแหวนวงนี้“มูลค่าของมันไม่ต้องนับนะ เอาเป็นว่านับไม่ถ้วน”แล้วคุณย่าก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงิน เป็นชุดเครื่องเพชรอีกชุดหนึ่งที่เตรียมมา ท่านได้ยื่นให้กับคุณช่อม่วง“ส่วนนี่ฉันขอมอบให้คุณช่อม่วง ฉันให้เป็นของที่ระลึกที่เราสองครอบครัวจะได้เกี่ยวดองกัน”คุณช่อม่วงถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก แต่ก็น้อมรับ แล้วยกมือไหว้“ขอบคุณค่ะ”“ก็ถือว่าเราเป็นญาติกันแล้วนะคะ ส่วนงานแต่งงาน ก็ให้หนุ่มสาวเข้าไปคุยกันเอาเองดีไหมค่ะ เอาฤกษ์ที่สะดวก”“ค่ะ แต่ก็ต้องรอให้เมี่ยงสอบให้เสร็จ จบการศึกษาเสียก่อนนั่นแหละค่ะ”“อื้อ... เอ่อ... ไม่รู้ว่าหนูเมี่ยงได้บอกคุณช่อม่วงไหมว่า อ่า... เมื่อวานนี้ทั้งสองคนน่ะเข้าไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้วเพียะ... ป้าตีไปที่แขนของชนิษฐาอีกครั้ง“ยายเมี่ยงเธอนี่น่าตีจริงๆ นะ เห็นป้าเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง” น้ำเสียงเขียวขึ้นมาอีกครั้งชนิษฐาขยับตัวเข้าไปกอด เธอซบหน้าลงไปที่หน้าตักของคุณป้า“ป้าขา เมี่ยงขอโทษจร