Share

บทที่ 3

อวิ๋นหงเย่แทบจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อได้ยินคำนี้ “การแต่งงานนี้เจ้าก็เป็นคนขอด้วยตัวเจ้าเอง เจ้ายังจะกล้าเรียกร้องอีก!”

“ท่านพ่อจะมิตกลงก็ได้ ส่วนข้าก็จะมิแต่ง อย่างแย่ที่สุดก็แค่ขัดขืนพระราชโองการ!”

นางเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง

ยังจะต้องกลัวอะไรอีกกัน?

“เจ้า...”

เจียงอี๋เหนียงรีบปลอบ “นายท่าน อย่าเพิ่งโมโหเจ้าค่ะ ฟังฮวนเอ๋อร์พูดให้จบก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

“ฮวนเอ๋อร์ เจ้ามีสิ่งใดก็พูดมาเถิด ท่านพ่อรักเจ้า จะต้องทำให้เจ้าสมหวังแน่”

อวิ๋นชิงฮวนก็มิเกรงใจ “ข้าต้องการสินเดิมทั้งหมดที่ท่านแม่ข้าทิ้งไว้ให้”

นางมองไปที่อวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียง แล้วพูดอย่างชัดเจน “ตำราแพทย์ เครื่องยาสมุนไพร เข็มทอง โฉนดที่ดิน คนรับใช้ เครื่องประดับอัญมณี วัตถุโบราณ ห้ามขาดแม้แต่ชิ้นเดียว”

ใบหน้าของอวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียงซีดลงทันใด

แม่ผู้ให้กำเนิดของอวิ๋นชิงฮวน หรือที่รู้จักกันในนามฮูหยินถัง สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง เป็นบุตรสาวคนเดียวของนายท่านถังผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่รู้จักในฐานะสมบัติแห่งแคว้นในด้านการแพทย์

คำกล่าวที่ว่า รักษาโรคช่วยชีวิตคือจิตวิญญาณของหมอที่แท้จริง พลิกฟื้นชีวิตคือตระกูลถัง

เป็นเครื่องยืนยันถึงชื่อเสียงอันโด่งดังของตระกูลถังในหมู่ราษฎร

นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้น ตระกูลถังได้รับใช้ราชวงศ์ในฐานะหมอประจำพระองค์มาโดยตลอด

นายท่านถังในปัจจุบัน ยังคงทำหน้าที่เป็นหมอหลวงรับใช้จักรพรรดิถึงสามยุคสมัย

แม้ตระกูลถังจะมิใช่ตระกูลขุนนางหรือผู้มั่งคั่ง แต่ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่สืบทอดกันมา และความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิหลายชั่วอายุคน ทำให้พวกเขาสามารถสั่งสมทรัพย์สมบัติไว้ได้อย่างมหาศาล ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ถูกยกให้เป็นสินเดิมของฮูหยินถังเมื่อครั้งออกเรือน

คำว่า “สินสอดทองหมั้นล้านตำลึง” เป็นคำที่ชาวบ้านใช้เพื่อบรรยายความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่เจ้าสาวตระกูลถัง

ในขณะนั้น ตระกูลอวิ๋นเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้น

อวิ๋นหงเย่เป็นเพียงบัณฑิตยากจนคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งได้ช่วยเหลือฮูหยินถังเอาไว้ในวัยสาว ทำให้ฮูหยินถังมีใจให้เขา และนำสินสอดทองหมั้นล้านตำลึงมาแต่งงานกับตระกูลอวิ๋น

ตระกูลอวิ๋นจึงพลิกผัน มีชีวิตที่ร่ำรวยขึ้น

อวิ๋นหงเย่ก็ได้อาศัยฐานะลูกเขยตระกูลถัง สร้างผลงานในราชสำนักจนกลายเป็นขุนนางคนสำคัญคนหนึ่ง

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ผู้ชายมักจะลืมกำพืดเมื่อได้อำนาจ

อวิ๋นหงเย่ก็มิต่างกัน

หลังจากที่เขาได้เป็นขุนนาง ก็มีอนุภรรยามากมาย โดยที่เจียงอี๋เหนียงเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด เพราะความอ่อนโยนและมีเสน่ห์ของนาง

ส่วนเจียงเสวี่ยลั่ว เป็นหลานสาวของเจียงอี๋เหนียง ว่ากันว่าพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ถูกพามาที่จวนอวิ๋นตั้งแต่เด็ก และต่อมาอวิ๋นหงเย่ได้รับเป็นบุตรบุญธรรม ให้เป็นพี่น้องกับอวิ๋นชิงฮวน คนในจวนจึงเรียกนางว่าคุณหนูเสวี่ยลั่ว

อวิ๋นชิงฮวนรู้สึกเสียดสีอยู่ในใจ

ตอนนี้นางมิสนใจว่า เจียงเสวี่ยลั่วจะเป็นบุตรบุญธรรม หรือบุตรนอกสมรส ตระกูลอวิ๋นสร้างฐานะจากสินเดิมของแม่นาง แม่ของนางตรอมใจตาย สินเดิมเป็นล้านตกอยู่ในมือของอวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียง

ตอนนี้ นางจะแต่งงาน สินเดิมนี้ควรจะให้นางเอาไปด้วย

จวนอ๋องฉู่ใต้เป็นเหมือนถ้ำหมาป่า มีคนรับใช้ที่คอยยกย่องคนรวยและเหยียบย่ำคนจน

ชาติที่แล้วนางใสซื่อ มองเจียงอี๋เหนียงเป็นเหมือนแม่ มิคิดจะทวงคืนสินเดิมของแม่ตัวเอง เอาแต่สินเดิมธรรมดาที่ตระกูลอวิ๋นเตรียมให้เข้าจวนอ๋องไป เงินก็ขาดคนก็ขาด โดนกลั่นแกล้งสารพัด

แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร?

หลังจากนางตาย เจียงเสวี่ยลั่วออกไปจากจวนอวิ๋น

อวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียงแทบจะยกทั้งจวนอวิ๋นให้เป็นสินเดิมติดตัวนางไป สินเดิมที่แม่ของอวิ๋นชิงฮวนทิ้งไว้ ผ่านมือจวนอวิ๋น กลับกลายเป็นสินเดิมของเจียงเสวี่ยลั่วไปหมด

และเจียงเสวี่ยลั่วก็อาศัยสินเดิมนี้ ได้รับความเคารพจากคนรับใช้ในจวนอ๋อง และได้รับความรักจากแม่สามี

นางเหยียบย่ำซากศพของอวิ๋นชิงฮวนเพื่อขึ้นสู่อำนาจ ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างของนางไปอย่างสิ้นเชิง

ชาตินี้ นางจะปกป้องสิ่งที่เป็นของนาง และยุติเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยมือของนางเอง

“ฮวนเอ๋อร์ เจ้า… เจ้ากำลังพูดเรื่องอันใด? จวนอวิ๋นมิได้ให้สินเดิมแก่เจ้าไปแล้วมิใช่หรือ?” เจียงอี๋เหนียงยิ้มมิออกแล้ว

“สินเดิมของจวนอวิ๋น ท่านพ่อเป็นคนให้ ส่วนตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการ คือสินเดิมที่ท่านแม่ข้าทิ้งไว้ให้”

อวิ๋นชิงฮวนกล่าว “สินเดิมของสตรี ฝ่ายสามีจะยึดครองมิได้ ต้องตกเป็นของลูกหลาน นี่คือกฎที่ราชสำนักกำหนด ท่านแม่มีข้าเป็นบุตรีคนเดียว สินเดิมก็ควรเป็นของข้า”

“แต่… แต่ว่า...”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นผู้ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรส แต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ใต้ หากสินเดิมน้อยเกินไปก็จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้”

อวิ๋นชิงฮวนขัดจังหวะทันที นางหันไปมองอวิ๋นหงเย่

“ท่านพ่ออยู่ในตำแหน่งสูง คงมิยอมให้ตัวเองถูกประณามว่าใจร้ายกับลูกสาว และยักยอกทรัพย์สินของภรรยาที่ตายไปหรอกใช่หรือไม่?”

หากข่าวลือนี้แพร่ออกไป ชีวิตภายภาคหน้าของอวิ๋นหงเย่ในราชสำนักก็จบสิ้น

สิ่งสำคัญที่สุดของขุนนางก็คือ ชื่อเสียง

ได้ยินดังนั้น มิใช่แค่เจียงอี๋เหนียงเท่านั้นที่หน้าซีด แต่อวิ๋นหงเย่เองก็หน้าถอดสีด้วยเช่นกัน

เขามองลูกสาวที่เคยเชื่อฟังและว่าง่ายด้วยความมิอยากจะเชื่อว่า “นี่เจ้ากำลังขู่ข้างั้นหรือ?!”

“ข้าแค่เตือนท่านพ่อ” อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างใจเย็น “ท่านพ่อต่อสู้ในราชสำนักมาหลายปีกว่าจะได้ตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ มิคุ้มหรอกที่จะเอาชื่อเสียงไปแลกกับสินเดิม”

นางพูดอย่างแผ่วเบา

นี่เป็นแค่เรื่องสินเดิมงั้นหรือ?

สิ่งที่นางต้องการคือ สินเดิมนับล้านของฮูหยินถัง ต้องการล้างผลาญทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนอวิ๋น!

เจียงอี๋เหนียงตัวสั่น มองอวิ๋นหงเย่อย่างหมดหนทาง “นายท่าน นี่มัน…”

มิได้นะ!

หากหากปล่อยให้อวิ๋นชิงฮวนเอาสินเดิมเหล่านั้นไปหมด ต่อไปจวนอวิ๋นจะทำอย่างไรเล่า?

ลูกสาวของพวกเขา… หากเสวี่ยลั่วต้องออกเรือนในภายภาคหน้าจะทำอย่างไร?

ขุนนางนั้นให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ อวิ๋นหงเย่ก็รักชื่อเสียงและหน้าตา เป็นขุนนางมาสิบกว่าปีก็มิได้เก็บเงินไว้มากนัก

พวกเขาจะไปหาสินเดิมมาจากที่ใดได้อีก?

เจียงเสวี่ยลั่วบิดผ้าเช็ดหน้า พูดด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย “พี่หญิง ท่านแต่งเข้าจวนอ๋องไปแล้ว ต่อไปก็เป็นพระชายาผู้สูงศักดิ์ อยากได้เงินเท่าไหร่ก็ได้ เหตุใด… เหตุใดยังต้องมาจ้องเงินของบ้านเดิมอีก?”

คำพูดแบบนี้ อวิ๋นชิงฮวนขี้เกียจจะสนใจ

นางแต่งงานกับใคร กับการที่นางจะทวงคืนของของนาง มันขัดแย้งกันตรงไหนหรือ?

“คุณหนูเสวี่ยลั่วพูดจามิถูกต้อง”

แม่นมวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในตอนนั้น สินเดิมของฮูหยินก็เป็นของที่ตระกูลถังให้ คุณหนูใหญ่เป็นบุตรีคนเดียวของฮูหยิน การนำสินเดิมไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วเจ้าค่ะ”

“เนื่องจากคุณหนูใหญ่กำลังจะแต่งงานเข้าตระกูลสูงศักดิ์ สินเดิมจึงต้องสมฐานะยิ่งขึ้น คุณหนูเสวี่ยลั่วยังเด็กและมิเข้าใจเรื่องนี้ แต่นายท่านและอี๋เหนียงควรเข้าใจดีว่า สินเดิมเป็นเหมือนหลักประกันของสตรีในครอบครัวสามี ตระกูลถังในอดีตก็เพราะเหตุนี้จึงได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเตรียมสินเดิมล้านตำลึงให้ฮูหยิน”

จวนอวิ๋นได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้เท่าไหร่ คงมิต้องพูดถึงแล้วใช่หรือไม่?

สีหน้าของอวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียงดูแย่ลงกว่าเดิม

เจียงเสวี่ยลั่วรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น “ข้า ข้าแค่มิอยากเห็นท่านพ่อลำบากใจ จึงอยากจะช่วยเกลี้ยกล่อม…”

“งั้นท่านก็อย่าเกลี้ยกล่อมเลยเจ้าค่ะ” แม่นมพูดอย่างเย็นชา “เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของตระกูลอวิ๋น”

คำพูดนี้แทงเข้าไปในใจของเจียงเสวี่ยลั่ว

นางมิได้มีสกุลอวิ๋น!

แม้จะเป็นบุตรบุญธรรม ก็มิใช่คนในตระกูลอวิ๋น มีสิทธิ์อะไรมาชี้หน้าสั่งการเรื่องของคนอื่น?

เจียงเสวี่ยลั่วหน้าซีดเผือด เกือบจะเป็นลมล้มไป

อวิ๋นชิงฮวนมองไปที่แม่นมผู้นี้ก็จำนางได้ขึ้นมา “เจ้าคือแม่นมซุน? คนที่เคยอยู่ในเรือนตอนที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือ?”

“คุณหนูใหญ่ บ่าวเป็นคนของตระกูลถังที่มากับฮูหยินเจ้าค่ะ”

อวิ๋นชิงฮวนพยักหน้า เข้าใจแล้ว

นางหันไปพูดกับอวิ๋นหงเย่ที่หน้าซีดและแข็งทื่อ “ท่านพ่อ เวลามิเช้าแล้ว ท่านรีบจัดการสินเดิมของท่านแม่ให้เรียบร้อย เราจะได้เอาไปด้วย และคนเก่าคนแก่ที่ท่านแม่ข้าทิ้งไว้ ข้าก็จะพาพวกเขาไปด้วย ถือว่าเป็นของที่ให้ติดตัวไปด้วย”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status