Share

บทที่ 2

ปัง! ปัง! ปัง!......

เสียงประทัดดังสนั่นและเสียงดนตรีอันรื่นเริงดังก้องอยู่ในหู

อวิ๋นชิงฮวนได้สติกลับมาทันที เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่สีแดงสดใส ที่ทำให้แสบตา

“คุณหนู ไฉนท่านยังนั่งเหม่ออยู่อีกเล่าเจ้าคะ? เกี้ยวของท่านอ๋องเกือบจะถึงหน้าประตูแล้ว ท่านรีบเตรียมตัวขึ้นเกี้ยวเถอะเจ้าค่ะ!”

เสียงของสาวใช้ อิงเสวี่ย ดังขึ้น แล้วรีบนำผ้าคลุมหน้ามาคลุมศีรษะของนาง

อวิ๋นชิงฮวนคว้ามือของนางไว้ “เกี้ยวงั้นรึ?”

“คุณหนูดีใจจนมึนไปแล้วหรือเจ้าคะ? วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของคุณหนูกับท่านอ๋องฉู่ใต้ เวลาอันเป็นมงคลใกล้เข้ามาแล้วนะเจ้าคะ” อิงเสวี่ยดุอย่างขบขัน

“คุณหนูชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว ความโชคดีรออยู่ข้างหลังแล้วนะเจ้าคะ”

สาวใช้และแม่นมในห้องก็หัวเราะตาม

“คุณหนูของพวกเราทั้งมีการศึกษา มีมารยาท งดงามและมีพรสวรรค์ ท่านอ๋องเห็นแล้วต้องหลงรักเหมือนของล้ำค่าเป็นแน่เจ้าค่ะ”

“ท่านอ๋องฉู่ใต้ก็เป็นคุณชายที่เพียบพร้อมที่สุดในเมืองหลวง เหมาะสมกับคุณหนูของเรายิ่งนัก”

“ต้องขอบพระทัยองค์จักรพรรดิที่พระราชทานสมรส นี่สิที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก!”

เสียงหัวเราะเยินยอเต็มห้อง ราวกับเข็มทิ่มแทงหูของอวิ๋นชิงฮวน

ยังมีความโชคดีรออยู่อีกหรือ?

การที่ลูกตายอย่างน่าเศร้า และการที่ร่างกายถูกทิ้งไว้ในป่าถือเป็นความโชคดีอย่างนั้นหรือ?

หรือเป็นความโชคดีที่โง่เขลาเบาปัญญาที่ฉุดครอบครัวท่านตาให้ต้องถูกประหาร?

อวิ๋นชิงฮวนมองไปรอบห้องที่คุ้นเคย และเห็นใบหน้าที่ดูคุ้นตา

มิผิดแน่

ที่นี่คือจวนอวิ๋น เป็นวันแต่งงานของนางกับเซียวเหยียน!

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางต้องจากบ้านเกิด นั่งเกี้ยวเจ้าสาวเข้าสู่จวนอ๋องฉู่ใต้ เริ่มต้นชีวิตสามปีอันแสนสั้นและน่าเศร้าของนาง

แต่นี่มันเรื่องเมื่อสามปีก่อนแล้ว มิใช่… มิใช่ว่านางตายไปแล้วหรือ?

หรือว่า…… นางได้เกิดใหม่?

“คุณหนู ท่านอย่าเหม่อลอยสิเจ้าคะ เดี๋ยวจะพลาดฤกษ์งามยามดีนะเจ้าคะ”

อิงเสวี่ยถือผ้าคลุมหน้าปักลายหงส์สีแดงทองมาคลุมศีรษะนาง พลางกล่าวว่า “นายท่าน ฮูหยิน และคุณหนูเสวี่ยลั่วก็กำลังจะมาแล้วเจ้าค่ะ”

อวิ๋นชิงฮวนลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกับปัดผ้าคลุมหน้าออก

“ข้ามิแต่งแล้ว!”

สาวใช้ทั้งห้องต่างตกตะลึง

......

“ไร้สาระ! เจ้าคิดว่าการแต่งงานคืออะไร? เจ้าจะแต่งก็แต่ง มิแต่งก็มิแต่งได้ตามใจชอบอย่างนั้นรึ!?”

ในห้องหอที่ควรจะเต็มไปด้วยความสุข อวิ๋นหงเย่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง พลางชี้ไปที่จมูกของอวิ๋นชิงฮวน

“ตอนนี้คนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องการแต่งงานนี้แล้ว แขกเหรื่อต่างมารอที่จวนอ๋อง แม้แต่องค์รัชทายาทและองค์ชายหลายพระองค์ก็เสด็จมาแล้ว ตอนนี้เจ้าบอกว่าจะมิแต่งงานรึ? เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไร?”

“นายท่าน ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ฮวนเอ๋อร์คงจะสับสนชั่วขณะเท่านั้น”

ยังมิทันที่เจียงอี๋เหนียงผู้มีใบหน้างดงามและรูปร่างบอบบางจะพูดจบ

อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเย็นชา “ข้ามิได้สับสน ข้ามีสติสัมปชัญญะดี การแต่งงานนี้ข้ามิแต่ง”

“เจ้า!” อวิ๋นหงเย่โกรธจนเงื้อมือขึ้นจะตบ

“นายท่าน ใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ” เจียงอี๋เหนียงรีบเข้ามาขวาง “ฮวนเอ๋อร์กำลังจะออกเรือนแล้ว หากเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจะมิดีนะเจ้าคะ!”

เจียงเสวี่ยลั่วผู้มีใบหน้างดงามราวกับดอกบัวก็รีบเข้ามาห้าม “ท่านพ่อบุญธรรม ท่านอย่าโกรธจนเสียสุขภาพเลยนะเจ้าคะ พี่หญิงคงจะสับสนไปชั่วขณะ ข้าจะลองไปเกลี้ยกล่อมดูเจ้าค่ะ”

พูดจบ นางก็รีบเดินเข้ามาหา หวังจะจับมือของอวิ๋นชิงฮวน “พี่หญิง...”

อวิ๋นชิงฮวนหลบมือทันที พลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

เจียงเสวี่ยลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็มิทันได้คิดอะไรมาก “พี่หญิง ท่านเป็นอะไรไปหรือ? มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือไม่เจ้าคะ? บอกมาเถิดเจ้าค่ะ พวกเราช่วยท่านแก้ไขได้”

อวิ๋นชิงฮวนเพียงแค่มองนาง มิได้พูดอะไร

เจียงเสวี่ยลั่วรู้สึกว่าสายตาของนางเหมือนมีน้ำแข็งเคลือบอยู่ ซึ่งสามารถแทงทะลุไปถึงก้นบึ้งของหัวใจนางได้

นางหลบสายตาของอวิ๋นชิงฮวนโดยมิรู้ตัว พลางพูดโน้มน้าวต่อไป “พี่หญิง ท่านนับถือชื่นชมท่านอ๋องมาตลอดมิใช่หรือ? ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ไฉนจึงเปลี่ยนใจอีกเล่า? นี่มิใช่เรื่องเล่น ๆ นะเจ้าคะ”

อวิ๋นชิงฮวนถามขึ้นมาทันที “เจ้าชอบเซียวเหยียนหรือไม่?”

“พี่หญิง ท่านพูดเรื่องอันใด? ข้าเคยเจอท่านอ๋องเพียงมิกี่ครั้ง... จะไปชอบท่านอ๋องได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นท่านอ๋องยังเป็นคู่หมั้นของพี่หญิงด้วยอีกนะเจ้าคะ”

เจียงเสวี่ยลั่วมีสีหน้าแข็งทื่อทันที ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“งั้นรึ” อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างแผ่วเบา “งั้นข้าคงเข้าใจผิดแล้วสินะ? ด้วยฐานะของเจ้า แม้แต่การเป็นอนุของเซียวเหยียนก็ยังต่ำเกินไป มิควรชอบเขาจริง ๆ”

สีหน้าของเจียงเสวี่ยลั่วแข็งค้างมากขึ้น นางฝืนยิ้มและกล่าวว่า “ใช่... มีเพียงพี่หญิงที่มีรูปลักษณ์และชาติตระกูลเช่นนี้เท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋อง... พี่หญิงเองก็ชื่นชมท่านอ๋องมิใช่หรือ?”

“ตอนนี้ข้ามิชอบเขาแล้ว”

อวิ๋นชิงฮวนจ้องมองนาง และพูดทีละคำ “ข้าดูถูกเขา ข้ามิต้องการเขาแล้ว”

เจียงเสวี่ยลั่ว “...”

ปัง!

อวิ๋นหงเย่ตบโต๊ะอย่างแรง ทุกคนในห้องเงียบกริบ

เจียงอี๋เหนียงและเจียงเสวี่ยลั่วต่างตกใจจนหน้าซีด มีเพียงอวิ๋นชิงฮวนที่ยังคงนั่งอย่างมั่นคงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“อวิ๋นชิงฮวน เจ้าอย่าคิดว่ามีตระกูลถังหนุนหลังเจ้าแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้นะ! การแต่งงานของเจ้ากับท่านอ๋องฉู่ใต้ เป็นตระกูลถังที่ขอพระราชทานสมรสจากองค์จักรพรรดิ วันนี้เจ้าจะแต่งก็ต้องแต่ง มิแต่งก็ต้องแต่ง!”

อวิ๋นหงเย่กล่าวด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าขัดพระราชโองการ เจ้ามิกลัวตายรึ! หรืออยากจะลากตระกูลอวิ๋นและตระกูลถังมาพัวพันด้วยเล่า!”

เจียงอี๋เหนียงก็ได้สติกลับมา “ฮวนเอ๋อร์ ถึงเจ้าจะมิคิดถึงท่านพ่อ ก็ต้องคิดถึงตระกูลท่านตาของเจ้าด้วย! การแต่งงานครั้งนี้ ตระกูลถังเป็นคนขอจากฝ่าบาทเองเลยนะ”

“พี่หญิง ท่านอย่าเอาแต่ใจตัวเองสิเจ้าคะ อย่างไรก็ตาม การแต่งงานครั้งนี้ก็หลีกเลี่ยงมิได้ จะให้เกี้ยวเจ้าสาวของจวนอ๋องฉู่ใต้กลับไปมือเปล่ามิได้ ผู้คนจะหัวเราะเยาะเอาหนาเจ้าคะ!”

สาวใช้และแม่นมทั้งห้องตกใจคุกเข่าลงกับพื้น

“ขอคุณหนูใหญ่คิดให้รอบคอบด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”

“ขัดพระราชโองการมีโทษถึงตายเลยหนาเจ้าคะ คุณหนูใหญ่!”

ทันใดนั้น เสียงดนตรีบรรเลงและประทัดก็ดังขึ้นจากลานด้านหน้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความปีติยินดี

คนรับใช้ตะโกนจากนอกประตูว่า “เกี้ยวจากจวนอ๋องมาถึงแล้ว! เจ้าบ่าวมาแล้ว…”

อวิ๋นหงเย่รีบสั่ง “เกี้ยวมาแล้ว รีบคลุมผ้าคลุมหน้าให้นาง เตรียมออกเดินทาง!”

อิงเสวี่ยถือผ้าคลุมหน้าด้วยความตื่นตระหนก “คุณหนู…”

อวิ๋นชิงฮวนก้มหน้าลง ยิ้มเยาะตัวเอง

นางเกือบลืมไปแล้วว่า การแต่งงานครั้งนี้นางเป็นคนร้องไห้อ้อนวอนท่านตา ขอพระราชทานงานสมรสจากองค์จักรพรรดิ

เพราะกลัวเซียวเหยียนมิรับเด็กในท้อง นางจึงทำอะไรมิถูก จึงได้เลือกหนทางที่ไม่มีวันหวนกลับ

พระราชทานสมรส

ห้ามขัดขืน ห้ามหย่า และห้ามแยกทาง!

หากองค์จักรพรรดิมิออกพระราชโองการ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากกันไป นางและเซียวเหยียนก็ต้องผูกติดกันไปตลอดชีวิต

ดังนั้นในชาติที่แล้ว เซียวเหยียนจึงเลือกใช้วิธีสกปรกทำลายชื่อเสียงของนางแล้วฆ่านางทิ้ง แม้จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนถูกสวมเขา ก็ยังยอมเพื่อที่จะได้กำจัดนางให้พ้นทางไป นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเกลียดนางเข้ากระดูกดำ

แต่ในชาตินี้ นางมิอยากแต่งงานแล้ว แต่ก็ทำอะไรมิได้

การแต่งงานนี้ ตระกูลถังเป็นคนขอมา นางมิอยากให้ตระกูลของท่านตาต้องมาแบกรับความผิดฐานขัดพระราชโองการ

อวิ๋นชิงฮวนเผลอยกมือลูบท้องน้อย หัวใจยิ่งเย็นยะเยือก

หากต้องเกิดใหม่ ไฉนต้องเป็นตอนนี้ด้วย?

ถ้าหากย้อนกลับไปได้สักหนึ่งเดือน……

นางจะไม่มีทางขอให้ท่านตาจัดการเรื่องแต่งงานให้นางอย่างเด็ดขาด

แต่ตอนนี้ พระราชโองการได้ประกาศแล้ว เรื่องแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้แล้ว อีกทั้งนางยังตั้งครรภ์ได้มิถึงเดือน จะให้นางกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกหรือ?

ไม่ มิได้

ในชาตินี้ นางจะมิยอมจำนนต่อโชคชะตาอีก!

ทุกคนในห้องต่างมองไปที่อวิ๋นชิงฮวน นางเงียบไปนาน และในที่สุดก็พูดขึ้น

“ข้าจะแต่ง แต่ข้ามีข้อแม้อยู่หนึ่งข้อ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status