Share

บทที่ 9

เซียวเหยียนถึงกับพูดมิออก

ปี้เถาเห็นท่ามิดี กำลังจะร้องขอความเมตตา

แต่อวิ๋นชิงฮวนกลับสั่งว่า “นำตัวปี้เถาออกไป ตบปากห้าสิบที”

แม่นมซุนส่งสายตาให้ เหล่าสาวใช้ที่ติดตามมาในขบวนเจ้าสาวก็พุ่งเข้าไปลากตัวปี้เถาออกไปลงโทษทันที

เซียวเหยียนมิได้ขัดขวาง

เซียวจื๋อเยี่ยน องค์รัชทายาท และแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงประตู ต่างมองดูพระชายาฉู่ใต้ที่เพิ่งเข้าพิธีมาใหม่ จัดการสาวใช้คนสนิทของเซียวเหยียนอย่างมิไยดี มิไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย

ดูเหมือนคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นผู้นี้จะมิใช่หมูให้เคี้ยวง่าย ๆ เสียแล้ว!

เซียวจื๋อเยี่ยนก้าวเข้าไปข้างใน องค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ ก็รีบตามเข้าไป

“อาเหยียนนี่ได้พระชายาที่ดีจริง ๆ รู้จักให้รางวัลและลงโทษอย่างยุติธรรม เด็ดเดี่ยวแต่มิแข็งกระด้าง สมกับเป็นภรรยาเอกของตระกูล เห็นได้ชัดว่าตระกูลอวิ๋นสั่งสอนบุตรีได้ดีจริง ๆ”

เมื่อรัชทายาทเอ่ยปาก แขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็เริ่มกล่าวคำยกย่องตามกันมา

“ใช่แล้ว พระชายาอ๋องฉู่ใต้ช่างสง่างาม สมกับเป็นคู่ที่ฟ้าสร้างมาจริง ๆ”

“องค์จักรพรรดิช่างมีสายพระเนตรที่เฉียบแหลมยิ่งนัก”

อวิ๋นชิงฮวนก้าวไปข้างหน้า ค้อมกายคำนับอย่างสง่างาม ทุกการเคลื่อนไหวล้วนอ่อนช้อยงดงาม

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงชื่นชมเพคะ ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติ”

เซียวเหยียนอดมิได้ที่จะเหลือบมองนาง

องค์รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นภรรยาของอาเหยียน ก็เป็นน้องสะใภ้ของข้า มิต้องมากพิธีหรอก นี่คือเสด็จอาของข้า เซ่อเจิ้งอ๋อง”

อวิ๋นชิงฮวนเห็นเซียวจื๋อเยี่ยนตั้งแต่แรกแล้ว นางจึงก้มหน้าลง

“ถวายบังคมเสด็จอาเพคะ”

เซียวจื๋อเยี่ยนมองนางที่กำลังโค้งคำนับ

เมื่อปลดปิ่นปักผมออก ผมยาวสลวยดั่งหมึกของนางก็ปรากฏ ใบหน้าที่งดงามราวกับหยกส่องประกายระยิบระยับ ตรงหน้าผากมีรูปดอกท้อที่สวยงามยิ่งนัก

“ตระกูลถังมีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลถัง ต่อหน้าข้ามิจำเป็นต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ”

อวิ๋นรู้สึกประหลาดใจในใจ นางลุกขึ้นยืน

“เมื่อเสด็จอาพูดเช่นนี้ กระหม่อมก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เสด็จอาถูกทำร้ายเกือบเอาชีวิตมิรอดสมัยยังเยาว์วัย ก็เป็นนายท่านถังที่ช่วยชีวิตเสด็จอาไว้ได้ หากพูดอย่างนี้ ตระกูลถังก็มีบุญคุณต่อเสด็จอาอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายรัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนเลย”

แขกเหรื่อทุกคนต่างประหลาดใจ

“นายท่านถังเป็นคนถ่อมตัว ตระกูลถังก็มีธรรมเนียมเช่นนี้มาตลอด จะเอาความดีความชอบมาพูดได้อย่างไร?”

“มิน่า เซ่อเจิ้งอ๋องจะมาแสดงความยินดีด้วยพระองค์เอง ที่แท้ก็ให้เกียรติตระกูลถังนี่เอง”

อวิ๋นชิงฮวนเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้

นางนึกถึงชาติที่แล้ว ตอนที่เซียวจื๋อเยี่ยนบีบบังคับให้สละบัลลังก์และเข้ายึดแหน่งนั้น แม้ว่าจะมีการนองเลือดและโหดเหี้ยม แต่ก็ทำลายความทะเยอทะยานของเซียวเหยียนที่หวังจะได้เป็นใหญ่ ทำให้เขาสูญเปล่าทุกสิ่งทุกอย่างไป

จวนอ๋องฉู่ใต้เป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท แต่สุดท้ายเซียวจื๋อเยี่ยนกลับได้เป็นจักรพรรดิ

มิต้องสงสัยเลยว่า ชีวิตของเซียวเหยียนหลังจากนั้นคงมิง่ายนัก

เพียงเท่านี้ อวิ๋นชิงฮวนก็รู้สึกขอบคุณเซียวจื๋อเยี่ยนอยู่บ้าง “เสด็จอาเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ”

เจียงเสวี่ยลั่วยืนอยู่ที่มุมห้อง มองอวิ๋นชิงฮวนที่ยืนอยู่กลางฝูงชน องค์รัชทายาท เซ่อเจิ้งอ๋อง และแขกเหรื่อมากมายต่างยิ้มแย้มพูดคุยกับนาง ดวงตาของนางจึงฉายแววอิจฉาและริษยาออกมา

หากตนมีชาติตระกูลอย่างอวิ๋นชิงฮวน ได้แต่งงานกับเซียวเหยียนอย่างสง่าผ่าเผยเป็นพระชายา

…ตนต้องทำได้ดีกว่าอวิ๋นชิงฮวนเป็นแน่!

หลังจากพูดคุยกันพอสมควรจนเห็นว่าดึกแล้วองค์รัชทายาทจึงเตรียมจะกล่าวอำลา

ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้น

ไท่เฟยฉู่ใต้โกรธจัด เดินเข้ามาแล้วก็ด่าทออวิ๋นชิงฮวนทันที “ลูกผู้ดีมีตระกูลดีนักนะ เพิ่งเข้ามาก็หาเรื่องแล้ว! ได้ยินว่าเจ้าลงโทษปี้เถาแล้วยังทำหน้านางเป็นแผลอีก เจ้าคิดจะก่อกบฏในจวนอ๋องรึ?”

“หมู่เฟย[footnoteRef:0] ท่านมาได้อย่างไร?” [0: หมู่เฟย ใช้เรียกแม่ที่มีตำแหน่งเป็นพระสนม]

เซียวเหยียนรีบเข้าไปรับหน้า

“ข้าจะมิมาได้อย่างไร? เพิ่งไหว้ฟ้าดินเสร็จ ยังมิได้เข้าหอนางก็กล้าลงมือกับสาวใช้ข้างกายเจ้าแล้ว ต่อไปนางมิเดินกร่างในจวนอ๋องเลยรึ?” ไท่เฟยฉู่ใต้โมโหสุดขีด

จะตีสุนัข ก็ต้องดูหน้าเจ้าของด้วย

ปี้เถาเป็นคนที่นางเลือกสรรมาอย่างดี เพื่อมอบให้เซียวเหยียน

ในนามคือสาวใช้ แต่ที่จริงก็เพื่อเป็นนางต้นห้อง เป็นเหมือนตะปูที่นางตั้งใจตอกไว้ข้างกายบุตรชาย

อวิ๋นชิงฮวนเพิ่งเข้ามาก็จัดการปี้เถาทันที นี่เป็นการตบหน้าสาวใช้งั้นหรือ?

ไม่! นี่เป็นการตบหน้าแม่สามีอย่างนางต่างหาก!

อวิ๋นชิงฮวนอ้าปากจะอธิบาย แต่ก็รู้สึกว่ามิจำเป็น

ไท่เฟยฉู่ใต้เป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เลี้ยงดูเซียวเหยียนมาด้วยตัวเอง จึงหวงแหนบุตรชายคนนี้มาก และมีความต้องการที่จะควบคุมสูง

นางมีนิสัยเอาแต่ใจและเจ้ากี้เจ้าการ มิใช่คนมีเหตุผลอยู่แล้ว

เซียวเหยียนกล่าวว่า “หมู่เฟย ปี้เถาทำผิด มิอาจโทษพระชายาได้”

“ปี้เถารับใช้เจ้ามาหลายปี นางเพิ่งเข้ามา เจ้าก็รีบปกป้องแล้วงั้นรึ?”

เซียวเหยียนพูดมิออก

องค์รัชทายาทรีบไกล่เกลี่ย “เสด็จป้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้จริง ๆ แล้วมิใช่ความผิดของพระชายา ข้าเป็นพยานได้”

ไท่เฟยฉู่ใต้เห็นองค์รัชทายาท สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ทำให้องค์รัชทายาทต้องมาเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”

เซียวจื๋อเยี่ยนพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่เซียวเหยียนอยากปกป้องมิใช่พระชายา แต่เป็นคนที่อยู่ตรงมุมนั้นต่างหาก”

ไท่เฟยฉู่ใต้หันไปมองตรงมุมที่คนอยู่รวมกันทันที

เห็นเจียงเสวี่ยลั่วในชุดสีชมพู ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางหวาดกลัวและน่าสงสาร นางมีสีหน้าตื่นตระหนก “มิใช่หม่อมฉัน…”

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!”

แต่น่าเสียดาย ที่ไท่เฟยฉู่ใต้จำนางได้ นางรู้ว่านี่คือคนที่เซียวเหยียนบุตรชายของนางอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ

นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีชาติตระกูลหรือครอบครัว

ไท่เฟยฉู่ใต้มีความคาดหวังสูงในตัวเซียวเหยียน นางมิเห็นด้วยอย่างยิ่งที่เขาจะไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กกำพร้าคนหนึ่ง หรือแม้แต่คิดจะรับนางเป็นอนุภรรยา

เนื่องจากเซียวเหยียนปกป้องนาง ไท่เฟยฉู่ใต้จึงมิพอใจเจียงเสวี่ยลั่วมาก คิดว่านางจงใจเกลี้ยกล่อมบุตรชายของตน

“เจ้ามิใช่คนตระกูลอวิ๋นหรอกรึ? วันนี้เป็นวันมงคลของจวนอ๋อง เจ้าเป็นคนในครอบครัวของฝ่ายเจ้าสาว เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่? แม้แต่กฎพื้นฐานยังมิรู้จักอีกรึ?”

“ไท่เฟย หม่อมฉันมิได้...”

เจียงเสวี่ยลั่วดวงตาแดงก่ำทันที

เซียวเหยียนขมวดคิ้ว “หมู่เฟย เสวี่ยลั่วเพียงคิดถึงพี่สาว อยากมาดูเท่านั้น ท่านอย่าตำหนิเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้พี่สาวนางออกเรือน นางตามมาได้อย่างไร? ในต้าเย่ไม่มีธรรมเนียมให้ลูกสาวคนโตออกเรือนแล้วให้พี่น้องไปเป็นอนุ! อย่าได้เข้าใจกฎเกณฑ์ผิด!”

“ไท่เฟย ท่านเข้าใจผิดแล้ว หม่อมฉันมิเคยคิดแบบนั้นเลยจริง ๆ เพคะ”

นางอยากแต่งกับพี่เซียวเหยียนเป็นภรรยาเอก

จะเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร?

เจี่ยงหยวนซิ่งหัวเราะเสียงดัง “ถูกต้อง เป็นอนุภรรยาต้องเข้าจากประตูเล็ก เจ้ามิเหมือนคนอื่น ชอบไปยั่วบุรุษอยู่นอกประตู รสนิยมแปลกดี”

เจียงเสวี่ยลั่วหน้าซีดเผือด ร่างโอนเอนแทบจะหมดสติไป

“เจี่ยงหยวนซิ่ง!”

เซียวเหยียนตวาด “หากเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหล ทำลายชื่อเสียงผู้อื่น อย่าหาว่าข้ามิเกรงใจ!”

“โอ้ไม่ ยังโกรธอีกหรือ? ได้ ๆ ๆ กระหม่อมมิพูดก็ได้” เจี่ยงหยวนซิ่งยกมือขึ้นอย่างใสซื่อ แล้วพูดเสียงเบา ๆ ให้ทุกคนได้ยิน

“ปกป้องขนาดนี้ ยังบอกว่ามิใช่คนรู้ใจอีกหรือ!”

เซียวเหยียน “...”

อวิ๋นชิงฮวนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

คนข้างกายเซ่อเจิ้งอ๋องช่างน่าสนใจเหลือเกิน ปากร้ายเหมือนมีดเลยทีเดียว

เจียงเสวี่ยลั่วอับอายจนแทบจะเป็นลม น้ำตาไหลพรากราวกับหยดน้ำที่ขาดสาย

น่าเสียดาย ไม่มีใครสนใจที่จะปลอบนางเลย

ไท่เฟยฉู่ใต้โกรธมาก “ใครก็ได้ มาไล่นางออกไป! คนพรรค์นี้ยังกล้ามาวุ่นวายในจวนอ๋องฉู่ใต้ ไล่ออกไปเดี๋ยวนี้!”

สาวใช้ก้าวไปจะลากเจียงเสวี่ยลั่วออกไป

คืนนี้จวนอ๋องฉู่ใต้มีแต่แขกผู้มีเกียรติ หากโดนไล่ออกไปจริง พรุ่งนี้เจียงเสวี่ยลั่วจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง

“ท่านพี่เซียวเหยียน…”

เซียวเหยียนหน้าเคร่งขรึม “หมู่เฟย เสวี่ยลั่วเป็นน้องสาวของพระชายา ต่อไปก็เป็นน้องสาวของข้า ท่านจะใจร้ายกับนางด้วยเหตุใดกัน?”

“เจ้ายังจะปกป้องนางอีกหรือ? เหยียนเอ๋อร์ เจ้าอย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้า!”

พระชายาที่เจ้าเพิ่งแต่งเข้ามาก็ยืนดูอยู่ข้าง ๆ

“พระชายาก็คงมิเต็มใจให้น้องสาวออกไปหรอกใช่หรือไม่?” เซียวเหยียนมองไปที่อวิ๋นชิงฮวน แววตาเต็มไปด้วยคำเตือนที่เย็นชา

อวิ๋นชิงฮวนรู้สึกว่ามันช่างน่าขันนัก

ที่แท้ในคืนแต่งงานของนาง เจียงเสวี่ยลั่วได้แอบมาพบกับเซียวเหยียน

ชาติที่แล้วก็คงเป็นเช่นนี้ เพียงแต่นางมิรู้เท่านั้น

ชาตินี้มีเหตุการณ์มิคาดฝันเรื่องเซ่อเจิ้งอ๋อง พวกเขาเลยถูกจับได้ เพื่อชื่อเสียงของเจียงเสวี่ยลั่วจะได้มิเสียหาย เซียวเหยียนถึงกับขู่ให้นางช่วยปกปิด

“ในเมื่อท่านอ๋องรักและเอ็นดูนางนัก ก็ให้นางอยู่ต่อเถิดเพคะ”

เซียวเหยียนพูด “ข้ามิได้ให้เสวี่ยลั่วอยู่ในจวนอ๋อง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้ว ข้าจะให้คนเตรียมรถม้าไปส่งเสวี่ยลั่วกลับ”

“แล้วแต่ท่านอ๋องจะจัดการเถิดเพคะ”

อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเรียบ ๆ

เซียวจื๋อเยี่ยนมิพูดอะไร แต่เห็นแววตาเยาะเย้ยตัวเองที่แวบหนึ่งในแววตาภายใต้ขนตาที่งอนยาวของนาง

เซียวจื๋อเยี่ยนหมุนแหวนที่นิ้วอย่างเผลอไผล พูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าต้องไปดูแลผู้หญิงคนอื่น ก็ดี ข้าก็มีเรื่องส่วนตัวบางอย่างที่ต้องคุยกับพระชายาเป็นการส่วนตัว”

ทุกคนตกตะลึง

อวิ๋นชิงฮวนก็ตกตะลึงเช่นกัน

ในคืนแต่งงานของนาง... คุยกับนาง เป็นการส่วนตัว?

เซียวเหยียนหน้าดำขึ้นมาทันที

เขามิสนใจเจียงเสวี่ยลั่วที่อยู่ข้างหลัง ก้าวไปข้างหน้าขวางอวิ๋นชิงฮวนไว้แล้วมองเซียวจื๋อเยี่ยนอย่างเย็นชา

“เสด็จอาดื่มเหล้าเยอะไปแล้ว มิรู้หรือว่าที่นี่คือที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ตั้งแต่เข้ามาในเรือนหอ เขาก็รู้สึกว่าสายตาของเซียวจื๋อเยี่ยนจับจ้องอยู่ที่อวิ๋นชิงฮวนตลอด

บุรุษย่อมเข้าใจบุรุษมากที่สุด

แม้ว่าจะอ้างเรื่องตระกูลถัง เขาก็ยังมองออกถึงความคิดของเซียวจื๋อเยี่ยนได้ในทันที

“เจ้าเป็นพี่เขย ยังสามารถคุยกับน้องภรรยาได้ในคืนแต่งงาน ตัวข้าเป็นผู้อาวุโส อยากพูดคุยกับผู้น้อย มีอะไรมิเหมาะสมหรือ?” เซียวจื๋อเยี่ยนพูดอย่างมิแยแส

เซียวเหยียนมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนเยาว์ของเขาด้วยสายตาเย็นชา

“เสด็จอา นี่คิดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสจริงหรือ?”

เซียวจื๋อเยี่ยนหรี่ตา

ชายสองคนที่เป็นอาหลานกันแต่มีอายุเท่ากันมองหน้ากัน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียด

อวิ๋นชิงฮวนขมวดคิ้ว “เซียวเหยียน…”

“ข้ามิได้ให้เจ้าพูด!”

เซียวเหยียนมองนางด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเย็นชา มีทั้งความโกรธและความรังเกียจ “เจ้าจงทำตัวให้อยู่ในขอบเขต!”

พึ่งเข้ามาก็หาเรื่องคนอย่างเซียวจื๋อเยี่ยนแล้ว

ช่าง... ตัณหาจัดโดยสันดาน!

ความโกรธที่ไร้ที่มาของเซียวเหยียน ทำให้เขาเกลียดอวิ๋นชิงฮวนมากขึ้นอีกเล็กน้อย

เซียวจื๋อเยี่ยนมองพวกเขาพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา “แน่นอนว่าตัวข้าถือว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโส มิเช่นนั้นจะให้เหมือนเจ้าที่เป็นทั้งพี่เขยและชู้รักงั้นหรือ?”

สายตาของเซียวเหยียนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“หากเสด็จอาอยากจะรำลึกความหลังกับหลานสะใภ้ คืนนี้คงมิเหมาะสม คราวหน้าพวกเราจะไปคารวะท่านพร้อมกันดีหรือไม่?”

“ข้าอยากจะรำลึกความหลังคืนนี้”

เซียวจื้อเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและอันตราย “เจ้า ห้ามข้าได้หรือ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status