นางและเซียวเหยียนแต่งงานกันด้วยพระราชโองการ มิใช่การแต่งงานแบบอิสระตามประเพณีชาวบ้านนั่นหมายความว่าหากเซียวเหยียนมิปกป้องชื่อเสียงของนางต่อหน้าคนอื่น ปล่อยให้คนอื่นเหยียบย่ำ เขาเองก็จะไม่มีหน้าเช่นกันระหว่างสามีภรรยา ไม่มีใครอยู่ได้ด้วยตัวเอง มีแต่ความรุ่งโรจน์และความอัปยศเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น องค์รัชทายาทยังต้องการดึงตระกูลถังเข้ามาเป็นพวกผ่านนางหากเซียวเหยียนมิให้เกียรตินาง แต่ยังเหยียบนางลงไปในโคลนเขาจะมิสามารถผ่านด่านองค์รัชทายาทได้เซียวเหยียนมองด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนัก กล้าข่มขู่ข้าเช่นนี้รึ?”“หากท่านคิดว่าเป็นการข่มขู่ ก็ขู่เถอะ”อวิ๋นชิงฮวนมิอยากอธิบายแล้วมิว่านางจะทำดีแค่ไหน เซียวเหยียนก็คิดว่านางมีเจตนาร้ายเสมอจะเสียเวลาพูดด้วยเหตุใดเล่า?ตอนนี้นางแค่เตือนเขาว่า การแต่งงานของพวกเขามีผลประโยชน์มากมายที่เกี่ยวข้อง อย่าทำอะไรให้มันสิ้นสุด“หม่อมฉันแต่งเข้าจวนอ๋องฉู่ใต้ มิขอให้ท่านปฏิบัติกับหม่อมฉันดีปานนั้น เพียงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มีเกียรติที่ควรมีในฐานะภรรยาเอก ในขณะเดียวกัน ท่านอยากทำอะไร หม่อมฉันก็มิขัดขวางท่าน หากมันแย่จนถึงขั้นใช้
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงรึ?!”“บ่าวเห็นกับตา ท่านอ๋องถูกเจียงเสวี่ยลั่วทำให้ลุ่มหลงจนหัวปักหัวปำ พระชายาเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานให้เข้ามา มีตระกูลถังคอยหนุนหลัง แม้แต่เซ่อเจิ้งอ๋องก็ยังให้ความสำคัญ เพื่อเจียงเสวี่ยลั่วคนนั้น ท่านอ๋องกลับมิให้เกียรติพระชายาเลย หากเรื่องนี้ไปถึงองค์จักรพรรดิ คงจะเข้าใจผิดว่าท่านอ๋องมิพอใจกับการที่องค์จักรพรรดิทรงพระราชทานสมรสให้หนาเพคะ”ไท่เฟยฉู่ใต้โกรธจนตัวสั่น เดินวนไปมาในห้อง“เจ้าลูกมิรักดี! โดนหลอกจนโงหัวมิขึ้น... ทั้งหมดเป็นความผิดของเจียงเสวี่ยลั่วนางหญิงชั้นต่ำนั่น!”“ไท่เฟยต้องหาทางจัดการแล้วเพคะ”แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านลองคิดดูเถิดเพคะ เจียงเสวี่ยลั่วยังมิได้เข้ามา ท่านอ๋องก็หลงใหลนางจนหัวปักหัวปำ แม้แต่พระชายาที่องค์จักรพรรดิทรงพระราชทานสมรสให้ยังมิไยดี หากปล่อยให้ท่านอ๋องรับนางเข้ามาจริง ๆ เกรงว่า... จะกลายเป็นการได้ภรรยาแล้วลืมแม่นะเพคะ!”สีหน้าของไท่เฟยฉู่ใต้เปลี่ยนไปอะไรคือสิ่งที่แม่หม้ายที่เลี้ยงบุตรชายคนเดียวจนโตกลัวที่สุด?ก็คือคำว่า ได้ภรรยาแล้วลืมแม่นี่แหละ!ความหวังทั้งหมดในชีวิตของนางอยู่ที่เซียวเหยียน เมื่
มินาน คนรับใช้ในเรือนจิ่นซิ่วก็มากันครบในลานเรือนมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด ทางซ้ายเป็นคนของจวนอ๋อง ทางขวาเป็นสินเดิมและสาวใช้ที่อวิ๋นชิงฮวนนำมา“พระชายา ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นชิงฮวนพยักหน้า “งั้นก็เริ่มกันเลย”คนรับใช้ในลานบ้านมิเข้าใจ พวกเขาเห็นคนรับใช้ของพระชายา หามกล่องไม้สีแดงขนาดครึ่งคนมาสองกล่องเมื่อเปิดออก ทุกคนต่างร้องเสียงหลงหนึ่งในกล่องนั้น เต็มไปด้วยเงินแท่งใหม่เอี่ยมระยิบระยับภายใต้แสงแดดส่วนอีกกล่องหนึ่ง เต็มไปด้วยสมุดบัญชีคนรับใช้ที่นำสินเดิมเข้ามาอีกสิบกว่าคน แต่ละคนหยิบสมุดเล่มหนาขึ้นมาแล้วเริ่มอ่านออกเสียงดังในสมุดเล่มนี้บันทึกสินเดิมทั้งหมดที่อวิ๋นชิงฮวนนำมาตอนเข้าจวน เนื่องจากมีจำนวนมาก จึงต้องลงทะเบียนเพื่อให้จัดการได้ง่าย นอกจากนี้ลานเรือนที่จวนอ๋องจัดให้นาง ยังเล็กเกินไปที่จะเก็บสินเดิมทั้งหมดของนางเมื่อวานนี้ตอนทำพิธีแต่งงาน ไท่เฟยฉู่ใต้ยังต้องรีบยกบ้านข้าง ๆ ให้อวิ๋นชิงฮวนใช้เก็บสินเดิมโดยเฉพาะกล่องที่เต็มไปด้วยสมุดบัญชี ทุกเล่มหนาและหนักแน่นโฉนดที่ดิน เครื่องเรือนเครื่องใช้ ตำราแพทย์ ตำราโบราณ เครื่องสมุนไพรล้ำค่า เครื่องประดับ อัญมณี
สรุปแล้ว ทุกอย่างก็แค่เรื่องของผลประโยชน์การให้รางวัลและลงโทษ เป็นวิธีควบคุมคนที่มีประสิทธิภาพที่สุดเสมออวิ๋นชิงฮวนลุกขึ้นยืน “เวลามิเช้าแล้ว ข้าควรไปถวายพระพรไท่เฟยได้แล้ว”เมื่อนาเดินออกไป บรรยากาศในลานเรือนก็ยิ่งคึกคัก ทุกคนต่างมองหน้ากันว่าใครได้เงินรางวัลเท่าไหร่จวนอ๋องก็มีขนาดเพียงเท่านี้ ข่าวสารจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเมื่ออวิ๋นชิงฮวนเดินไปถึงเรือนฝูหรง คนรับใช้ทุกคนในจวนอ๋องต่างก็รู้ว่า พระชายาองค์ใหม่เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีเงินและใจกว้าง แค่ให้รางวัลเล็กน้อยก็เท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของพวกเขานางยังให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน มีนิสัยดี มิใช่เจ้านายที่เอาแต่ใจและรับใช้ยากความคิดของคนรับใช้หลายคนก็เริ่มเปลี่ยนไป วางแผนว่าต่อไปจะต้องเคารพและรับใช้พระชายาอย่างระมัดระวังบางทีหากพระชายาพอใจ อาจจะให้รางวัลเป็นเงินตำลึงก็ได้เช่นนี้มิดีกว่าไปประจบคนอื่นหรือ?ตอนนี้อวิ๋นชิงฮวนยังมิรู้ความคิดของคนรับใช้ นางกะเวลาได้แม่นยำ เมื่อมาถึงหน้าประตูของเรือนฝูหรงไท่เฟยฉู่ใต้ก็ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านพอดีขณะที่กำลังได้รับการดูแลแต่งตัวอยู่นั้น นางก็ถามขึ้นว่า “ข้าให้พระชายาข
เมื่อไท่เฟยฉู่ใต้เห็นลูกชาย ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่“ลุกขึ้นเถอะ บอกแล้วว่ามิต้องมาทุกวัน เจ้าก็มิเชื่อ กินอาหารเช้าหรือยัง?”“ขอบพระทัยหมู่เฟยที่เป็นห่วง ลูกทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวเหยียนกล่าว“ช่วงนี้อากาศมิดี กระเพาะของเจ้าก็มิค่อยดี ต้องกินอาหารให้ตรงเวลา ดูแลตัวเองด้วย”ไท่เฟยฉู่ใต้กล่าวด้วยความห่วงใย “ที่นี่มีชาผู่เอ๋อร์กลิ่นกุ้ยฮวาที่เจ้าชอบ ถันเซียง ไปชงให้ท่านอ๋องสักถ้วยเถิด”แม่ลูกคุยกันอย่างสนิทสนม เหมือนอวิ๋นชิงฮวนเป็นเพียงอากาศธาตุที่ถูกทิ้งไว้ข้าง ๆ“มิเป็นไร ข้ากำลังจะไปพบองค์รัชทายาทที่ตำหนักบูรพา ขอมิดื่มชาแล้ว”เซียวเหยียนปฏิเสธ แล้วโค้งคำนับ “หมู่เฟย ลูกทูลลา”“เหยียนเอ๋อร์ เจ้ารอเดี๋ยว!”ไท่เฟยฉู่ใต้รีบรั้งเขาไว้“หมู่เฟยมีอะไรหรือ?” เซียวเหยียนถาม“พระชายาของเจ้ามาทำความเคารพพอดี หมู่เฟยมีเรื่องอยากจะปรึกษากับพวกเจ้า”ไท่เฟยฉู่ใต้พูดด้วยความเมตตาว่า “ตอนนี้เจ้าแต่งงานมีพระชายาแล้ว เหมือนที่เขาพูดกันว่า บุรุษต้องสร้างครอบครัวและสร้างฐานะ หมู่เฟยไม่มีสิ่งใดจะขอ แค่อยากเห็นเจ้าปลอดภัยและมีลูกหลานสืบสกุล”“หมู่เฟย…”ทันทีที่เซียวเหยียนไ
คนทั้งสามนี้จะยังสามารถรักใคร่ปรองดองกัน เหมือนแม่ลูกที่รักกันและสะใภ้กับแม่สามีที่อยู่กันอย่างสงบสุขได้หรือไม่“หมู่เฟยตรัสถูกแล้วเพคะ”อวิ๋นชิงฮวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่โบราณ ชายใดมีภรรยาหลายคน บุตรหลานจึงจะเจริญรุ่งเรือง สะใภ้เองก็คิดว่า ควรจะหาคนมาปรนนิบัติท่านอ๋องให้มากขึ้น”สีหน้าของเซียวเหยียนเปลี่ยนไป “เจ้า…”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันในฐานะพระชายาเอก ก็ควรจะทำตัวอ่อนโยนใจกว้าง ถึงแม้จะเพิ่งเข้ามาได้เพียงสองวัน แต่ก็มิกล้าที่จะครอบครองท่านอ๋องแต่เพียงผู้เดียว หากถูกผู้อื่นกล่าวหาว่าเป็นคนขี้อิจฉา ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ก็หวังว่าท่านอ๋องจะเข้าใจเพคะ”อวิ๋นชิงฮวนทำหน้าอ่อนโยน ซึ่งทำให้คำพูดของเซียวเหยียนขาดหายไปเซียวเหยียนถึงกับพูดมิออกเขามิสามารถพูดได้ว่า พระชายาเอกที่อ่อนโยนเป็นสิ่งที่ผิดใจกว้างมิถือสา แถมยังเต็มใจให้เขาหาภรรยาน้อยมาปรนนิบัติอีก หากข่าวนี้แพร่ออกไป ทุกคนคงต้องชมเชยตระกูลอวิ๋นว่าอบรมบุตรีได้ดีเป็นแน่ช่างเป็นพระชายาที่สง่างามและมีน้ำใจไท่เฟยฉู่ใต้พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง รีบจับมือของอวิ๋นชิงฮวนพร้อมกับเอ่ยคำชมมิขาดปาก“หมู่เฟยรู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี มีเหตุผล มิเหม
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ไท่เฟยฉู่ใต้ก็ถอดกำไลหยกขาวจากข้อมือของตนแล้วสวมให้กับนาง“กำไลวงนี้ เป็นของที่จักรพรรดิองค์ก่อนพระราชทานให้ในวันแต่งงานของข้ากับท่านอ๋ององค์ก่อน เจ้าจงสวมมันเถิด ต่อไปในจวนอ๋องแห่งนี้ จะไม่มีใครกล้าพูดจาเสียงดังใส่เจ้าอีก”อวิ๋นชิงฮวนเห็นแววตาเสียดายของไท่เฟยฉู่ใต้ ก้มลงมองกำไลหยกขาว ก็อดหัวเราะมิได้นี่มิใช่กำไลหยกที่ไท่เฟยตั้งใจจะยกให้ลูกสะใภ้ ซึ่งเจียงเสวี่ยลั่วเคยมาโอ้อวดต่อหน้านางหรอกหรือ?ชาติที่แล้วนางมิเคยได้แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้กลับได้สวมมันแล้วดูท่าว่าสำหรับไท่เฟยฉู่ใต้แล้ว ความจริงใจยังเทียบมิได้กับความเคารพที่แสดงออก“หมู่เฟย ของสิ่งนี้มีค่าเกินไปเพคะ หม่อมฉันรับไว้มิได้หรอก...”“มีอะไรที่รับมิได้? เจ้าเป็นพระชายาเอกของเหยียนเอ๋อร์ กำไลวงนี้ก็ควรเป็นของเจ้า จงสวมมันเถิด”ไท่เฟยฉู่ใต้มิยอมให้นางปฏิเสธ รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “หมู่เฟยแก่แล้ว อยากจะอุ้มหลานเร็ว ๆ ต่อไปจวนอ๋องแห่งนี้ต้องฝากเจ้าดูแลแล้ว”คำพูดนี้อวิ๋นชิงฮวนมิกล้ารับไท่เฟยฉู่ใต้ให้ความสำคัญกับบุตรชายเป็นอันดับแรก และอำนาจในการดูแลบ้านเป็นอันดับสองใครก็ตามที่กล้า
นางอยากจะเถียงกลับ แต่ก็รู้สึกว่าไร้ประโยชน์เซียวเหยียนเกลียดนางเข้ากระดูกดำ ตั้งแต่แรกก็ตัดสินนางไปแล้ว มิว่านางจะอธิบายอย่างไรเขาก็มิฟังเจ้าไม่มีทางโน้มน้าวคนที่อคติกับเจ้าได้หรอก“แล้วแต่ท่านจะคิด หม่อมฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”อวิ๋นชิงฮวนยอมแพ้ที่จะแก้ตัว“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก!”“หม่อมฉันแต่งเข้ามาเป็นชายาของท่าน ในฐานะภรรยาเอก ความใจกว้างเป็นสิ่งที่ควรทำ ยิ่งหมู่เฟยเป็นคนเอ่ยปากเอง หม่อมฉันจะทำกระไรได้นอกจากตอบตกลง หรือท่านอยากให้หม่อมฉันขัดหมู่เฟยแล้วถูกตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูริษยา ท่านถึงจะพอพระทัย?”เซียวเหยียนพูดมิออกอวิ๋นชิงฮวนผลักมือเขาออกอย่างแรง รู้สึกว่าคางเจ็บจนชานางเป็นคนรู้สึกไวต่อความเจ็บปวด หางตาแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย“ท่านอ๋องจะมาใส่อารมณ์ที่หม่อมฉันด้วยเหตุใด? ท่านก็เห็นแล้วว่า ปี้เถาเป็นคนที่หมู่เฟยตั้งใจจะยกขึ้นมา หากท่านมิเต็มใจรับนางก็ไปบอกหมู่เฟยเองสิ หม่อมฉันจะไปตัดสินใจได้อย่างไร?”นางก็แค่มิอยากถูกแม่ลูกคู่นี้โยนกันไปมาเหมือนเป็นเครื่องมืออีกต่อไปแล้วนางผิดอะไร?เซียวเหยียนมองเห็นนางมีน้ำตาคลอที่หางตา ก็ถึงกับพูดมิออกเขาตระหนักได้ทันทีว่