“ในตอนนั้น เซ่อเจิ้งอ๋องเฒ่าป่วย เขาทิ้งพินัยกรรมไว้ ให้เซียวจื๋อเยี่ยนสืบทอดบัลลังก์ เหล่าบุตรคนโตในจวนอ๋องมิพอใจ จึงก่อกบฏและส่งคนไปลอบปลงพระชนม์เซียวจื๋อเยี่ยน จนเกือบเอาชีวิตมิรอด”อวิ๋นชิงฮวนนึกถึงคำพูดของเซียวจื๋อเยี่ยน ที่บอกว่าตระกูลถังมีบุญคุณช่วยชีวิตเขาไว้ที่แท้เรื่องนี้มีเบื้องหลังเช่นนี้นี่เองท่านผู้เฒ่าถังพูดว่า “องค์จักรพรรดิทรงมีบัญชาให้ข้ารักษาท่านอ๋อง แต่ตอนนั้นท่านอ๋องยังเยาว์วัย อาการสาหัส และบาดแผลมีพิษร้ายแรง แม้ข้าจะทุ่มเทรักษาอยู่ครึ่งปี ก็เพียงรักษาชีวิตท่านอ๋องไว้ได้ แต่ก็ยังทิ้งโรคแทรกซ้อนไว้มากมาย”อวิ๋นชิงฮวนตกใจ“แต่ว่า ดูจากสภาพของเซ่อเจิ้งอ๋องตอนนี้ มิเหมือนมีอาการบาดเจ็บเก่าเลยหนาเจ้าคะ?”“เรื่องนี้มีเพียงองค์จักรพรรดิ ตัวท่านอ๋องเอง และตระกูลถังเท่านั้นที่รู้”ท่านผู้เฒ่าถังพูดเสียงเบาว่า “เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวของจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง องค์จักรพรรดิจึงมีรับสั่งห้ามมิให้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปข้างนอก อนุญาตให้ตระกูลถังดูแลสุขภาพของท่านอ๋องเป็นการลับ ๆ มาหลายปี ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้”อวิ๋นชิงฮวนเพิ่งเข้าใจในตอนนี้เ
อวิ๋นชิงฮวนรู้สึกใจหายวูบ“เป็นไปได้อย่างไร...”นางเพิ่งจะรู้ว่านางเข้าใจเซียวจื๋อเยี่ยนผิดมาทั้งชีวิต และเพิ่งจะรู้ว่าเขาเคยก่อกบฏเพื่อตระกูลถังในชาติที่แล้วเหตุใดจึงมาถึงจุดที่มิอาจแก้ไขได้แล้ว?อวิ๋นชิงฮวนมิยอมแพ้ “เขาเป็นโรคอะไรกันแน่? รักษามิได้จริง ๆ หรือ?”“เขามิได้เป็นโรค” ท่านผู้เฒ่าถังส่ายหัว “เขาถูกทำร้ายอย่างหนักตอนเด็ก และถูกพิษทำลายรากฐานร่างกาย ร่างกายของเขาจึงมีช่องโหว่ ยาดีแค่ไหนกินเข้าไป ก็รั่วไหลออกมาจากช่องโหว่นั้น มิสามารถเติมเต็มได้ การดูแลอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแค่บรรเทาความเจ็บปวดของเขา และพยายามยืดเวลาออกไปก็เท่านั้น”อวิ๋นชิงฮวนตกตะลึง“อาการ… แย่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”ท่านผู้เฒ่าถังเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแพทย์อันดับหนึ่งในเมืองหลวง มีฉายาว่า “สมบัติแห่งแคว้น” ในช่วงชีวิตสั้น ๆ ของอวิ๋นชิงฮวนในชาติที่แล้ว นางมิเคยพบใครที่มีฝีมือทางการแพทย์เก่งกว่าท่านตาของนางเลยแม้แต่ท่านตายังพูดแบบนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องจริง…ท่านผู้เฒ่าถังกล่าวว่า “เรื่องนี้องค์จักรพรรดิก็ทรงทราบ เซ่อเจิ้งอ๋องก็ทรงทราบ เขาต้องการโสมหิมะ เพียงเพื่อยื้อชีวิตในช่วงสุดท้าย
“เจ้าพูดเช่นนี้ หมายความว่าเจ้าสังเกตเห็นอะไรบางอย่างงั้นหรือ?” ท่านผู้เฒ่าถังถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยอวิ๋นชิงฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัว “หามิได้เจ้าค่ะ ข้าก็แค่รู้สึกกลัวอยู่ภายในใจ ท่านตา ท่านกับท่านลุงและท่านพี่ ต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”ตอนนี้ องค์รัชทายาทยังมิล้มเลิกความตั้งใจที่จะดึงตระกูลถังเข้าร่วม และคดีความอยุติธรรมในชาติที่แล้วยังไม่มีวี่แววนางมิสามารถพูดอะไรได้ทำได้เพียงใช้วิธีนี้ เตือนตระกูลถังให้ระมัดระวังและระมัดระวังยิ่งขึ้นไปอีก“กลัวสิ่งใดหรือ?”ท่านผู้เฒ่าถังตบมือนางเบา ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านตาของเจ้า ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิบรรพบุรุษ ก็เดินอยู่ในวังหลวงแล้ว กระดูกแก่ ๆ นี้ ก็ถือว่าได้ติดตามรับใช้จักรพรรดิมาสามรุ่นแล้ว มีอะไรบ้างที่มิเคยพบเคยเห็น? จะต้องให้เด็กน้อยอย่างเจ้ามาเป็นห่วงอีกหรือ?”“ข้าหาได้เป็นห่วงไม่ ท่านมีสายตาเฉียบแหลมและหัวใจที่แจ่มชัด มิกลัวการวางแผนของคนชั่ว”หากมิใช่เพราะชาติที่แล้วท่านผู้เฒ่าถังป่วยหนักและเสียชีวิตกะทันหันตระกูลถังก็คงมิสูญเสียผู้สนับสนุน จนถูกองค์รัชทายาทและเซียวเหยียนใส่ร้ายจนตกอยู่ในสภาพนั้นอวิ๋นชิ
จวนอ๋องฉู่ใต้ภายในห้องเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง อาภรณ์ขาดกระจัดกระจายเต็มพื้น และเปื้อนไปด้วยคราบเลือดหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงไม้แกะสลัก ริมฝีปากมีเลือดซึม ร่างกายขาวผ่องเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกทำร้าย แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปในความว่างเปล่า “เซียวเหยียน…”“ท่านพี่เซียวเหยียน พี่หญิงเรียกท่านอยู่เพคะ”เสียงหวานใสดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ร่าเริงเดินเข้ามาในห้องอวิ๋นชิงฮวนหันไปมอง นางจ้องมองชายหญิงคู่หนึ่งกำลังโอบกอดกันอย่างใกล้ชิดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“พี่หญิง เมื่อคืนชายพวกนั้น พี่หญิงพอใจหรือไม่?”เจียงเสวี่ยลั่วถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่เซียวเหยียนเป็นคนเลือกพวกเขามาเอง กลัวว่าจะมิถูกใจพี่หญิง พี่หญิงชอบหรือไม่?”เมื่อนึกถึงความอัปยศอดสูและการทรมานเมื่อคืน น้ำตาอวิ๋นชิงฮวนก็ไหลอาบแก้มแต่ชายผู้ซึ่งเป็นสามีของนางนั้น กลับโอบกอดน้องสาวของนาง นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน และจิบน้ำชาอยู่หน้าประตูบ้าน ฟังเสียงกรีดร้องของนางที่ถูกทรมานอยู่ในบ้าน…“เซียวเหยียน หม่อมฉันทำอะไรผิดต่อท่านหรือ? เพราะเหตุใดกัน!”แต่งงานเข้าจวนอ๋องมาสามปีแล้ว นางคิดว่าตัวเองเป็นคนดี มีคุณธรรม ดูแลแม่สามี เอาใจสามี
ปัง! ปัง! ปัง!......เสียงประทัดดังสนั่นและเสียงดนตรีอันรื่นเริงดังก้องอยู่ในหูอวิ๋นชิงฮวนได้สติกลับมาทันที เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่สีแดงสดใส ที่ทำให้แสบตา“คุณหนู ไฉนท่านยังนั่งเหม่ออยู่อีกเล่าเจ้าคะ? เกี้ยวของท่านอ๋องเกือบจะถึงหน้าประตูแล้ว ท่านรีบเตรียมตัวขึ้นเกี้ยวเถอะเจ้าค่ะ!”เสียงของสาวใช้ อิงเสวี่ย ดังขึ้น แล้วรีบนำผ้าคลุมหน้ามาคลุมศีรษะของนางอวิ๋นชิงฮวนคว้ามือของนางไว้ “เกี้ยวงั้นรึ?”“คุณหนูดีใจจนมึนไปแล้วหรือเจ้าคะ? วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของคุณหนูกับท่านอ๋องฉู่ใต้ เวลาอันเป็นมงคลใกล้เข้ามาแล้วนะเจ้าคะ” อิงเสวี่ยดุอย่างขบขัน“คุณหนูชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้ว ความโชคดีรออยู่ข้างหลังแล้วนะเจ้าคะ”สาวใช้และแม่นมในห้องก็หัวเราะตาม“คุณหนูของพวกเราทั้งมีการศึกษา มีมารยาท งดงามและมีพรสวรรค์ ท่านอ๋องเห็นแล้วต้องหลงรักเหมือนของล้ำค่าเป็นแน่เจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องฉู่ใต้ก็เป็นคุณชายที่เพียบพร้อมที่สุดในเมืองหลวง เหมาะสมกับคุณหนูของเรายิ่งนัก”“ต้องขอบพระทัยองค์จักรพรรดิที่พระราชทานสมรส นี่สิที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก!”เสียงหัวเราะเยินยอเต็มห้อง ราวกับเข็มท
อวิ๋นหงเย่แทบจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อได้ยินคำนี้ “การแต่งงานนี้เจ้าก็เป็นคนขอด้วยตัวเจ้าเอง เจ้ายังจะกล้าเรียกร้องอีก!”“ท่านพ่อจะมิตกลงก็ได้ ส่วนข้าก็จะมิแต่ง อย่างแย่ที่สุดก็แค่ขัดขืนพระราชโองการ!”นางเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งยังจะต้องกลัวอะไรอีกกัน?“เจ้า...”เจียงอี๋เหนียงรีบปลอบ “นายท่าน อย่าเพิ่งโมโหเจ้าค่ะ ฟังฮวนเอ๋อร์พูดให้จบก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ฮวนเอ๋อร์ เจ้ามีสิ่งใดก็พูดมาเถิด ท่านพ่อรักเจ้า จะต้องทำให้เจ้าสมหวังแน่”อวิ๋นชิงฮวนก็มิเกรงใจ “ข้าต้องการสินเดิมทั้งหมดที่ท่านแม่ข้าทิ้งไว้ให้”นางมองไปที่อวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียง แล้วพูดอย่างชัดเจน “ตำราแพทย์ เครื่องยาสมุนไพร เข็มทอง โฉนดที่ดิน คนรับใช้ เครื่องประดับอัญมณี วัตถุโบราณ ห้ามขาดแม้แต่ชิ้นเดียว”ใบหน้าของอวิ๋นหงเย่และเจียงอี๋เหนียงซีดลงทันใดแม่ผู้ให้กำเนิดของอวิ๋นชิงฮวน หรือที่รู้จักกันในนามฮูหยินถัง สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง เป็นบุตรสาวคนเดียวของนายท่านถังผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่รู้จักในฐานะสมบัติแห่งแคว้นในด้านการแพทย์คำกล่าวที่ว่า รักษาโรคช่วยชีวิตคือจิตวิญญาณของหมอที่แท้จริง พลิกฟื้นชีวิตคื
เกี้ยวเจ้าสาวที่ประดับประดาอย่างวิจิตรจอดอยู่หน้าประตูจวนอวิ๋นรอบ ๆ เต็มไปด้วยชาวบ้านที่มามองดูเสียงดนตรีบรรเลงยังคงดังมิขาดสาย แต่ก็กลบเสียงซุบซิบมิได้“เวลาอันเป็นมงคลผ่านไปตั้งนานแล้ว เหตุใดเจ้าสาวยังมิออกมาอีกเล่า?”“นั่นสิ เกี้ยวก็รอมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว...”เซียวเหยียนสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามเย็นชาดุจน้ำแข็ง ยืนกอดอกอยู่ในห้องโถงใหญ่ แววตาเย็นยะเยือก โกรธจนแทบหัวเราะ“ช่างเป็นการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!”ภายในใจของเขาโกรธอย่างมากจวนอ๋องส่งขบวนมารับเจ้าสาว แต่เกี้ยวกลับต้องรออยู่หน้าประตูจวนตั้งนานโดยมิเห็นแม้แต่เงาของเจ้าสาวนี่มันเรื่องอันใดกัน?นี่เป็นการตบหน้าเขาชัด ๆ ให้คนทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะจวนอ๋องฉู่ใต้!ใครที่มิรู้คงคิดว่าเขาเป็นฝ่ายวิ่งตามขอแต่งงานกับอวิ๋นชิงฮวนวางท่าใหญ่โตจริงเชียว!พ่อบ้านข้าง ๆ เหงื่อแตกพลั่กพร้อมใบหน้าซีดเผือด ก้มหัวขอโทษขอโพยมิหยุด “ท่านอ๋องโปรดระงับความพิโรธด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิใช่ว่าจวนอวิ๋นของเราจงใจละเลย แต่คุณหนูใหญ่… เดิมทีเตรียมจะออกเรือนแล้ว แต่คุณหนูใหญ่กลับบอกว่าสินเดิมยังมิพอ ขอให้จวนอวิ๋นเพิ่
ลูกในท้องของนางในชาติที่แล้วถูกเซียวเหยียนและเจียงเสวี่ยลั่วประณามว่าเป็นลูกนอกสมรส เพิ่งเกิดก็ถูกฆ่าตายในสระบัวนางช่างมิเอาไหน แม้แต่ลูกของตนก็ยังปกป้องมิได้เมื่อได้กลับมาอีกครั้ง นางจะมิยอมทำผิดซ้ำอีก แม้ว่าจะต้องฝ่าฝืนพระราชโองการ นางจะต้องแต่งงานเข้าจวนอ๋องฉู่ใต้ นางต้องต่อสู้เพื่อหาทางรอดให้ตัวเองและลูกในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตรายอวิ๋นชิงฮวนไม่มีเวลาจมอยู่กับความเจ็บปวดและความเสียใจในเวลานี้ เจียงเสวี่ยลั่วรู้ว่านางเสียความบริสุทธิ์แล้ว และบอกเรื่องนี้กับเซียวเหยียน เพื่อให้เซียวเหยียนรังเกียจนางตั้งแต่แรกแต่เจียงเสวี่ยลั่วยังมิรู้เรื่องที่นางอตั้งครรภ์หนึ่งเดือนก่อน นางถูกเจียงเสวี่ยลั่วหลอกไปเที่ยวชมธรรมชาติที่ชานเมือง แล้วถูกพาเข้าไปในป่าจนหลงทางอยู่คนเดียวนางเจอกับกลุ่มชายสกปรก เกือบจะถูกข่มขืน นางพยายามหนีออกมาและซ่อนตัวอยู่ในวัดร้าง แต่เพราะความตกใจทำให้นางมีไข้สูง ในขณะที่นางมีไข้และเบลอ ก็มีบุรุษผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดบุกเข้ามา......บุรุษผู้นั้นถูกวางยาอย่างแรงจนหมดสติไป และเขาก็พบนาง จากนั้น… เขาก็ขืนใจนางตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง จิตใจของอวิ๋นชิงฮ