Share

บทที่ 4

เกี้ยวเจ้าสาวที่ประดับประดาอย่างวิจิตรจอดอยู่หน้าประตูจวนอวิ๋น

รอบ ๆ เต็มไปด้วยชาวบ้านที่มามองดู

เสียงดนตรีบรรเลงยังคงดังมิขาดสาย แต่ก็กลบเสียงซุบซิบมิได้

“เวลาอันเป็นมงคลผ่านไปตั้งนานแล้ว เหตุใดเจ้าสาวยังมิออกมาอีกเล่า?”

“นั่นสิ เกี้ยวก็รอมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว...”

เซียวเหยียนสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามเย็นชาดุจน้ำแข็ง ยืนกอดอกอยู่ในห้องโถงใหญ่ แววตาเย็นยะเยือก โกรธจนแทบหัวเราะ

“ช่างเป็นการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!”

ภายในใจของเขาโกรธอย่างมาก

จวนอ๋องส่งขบวนมารับเจ้าสาว แต่เกี้ยวกลับต้องรออยู่หน้าประตูจวนตั้งนานโดยมิเห็นแม้แต่เงาของเจ้าสาว

นี่มันเรื่องอันใดกัน?

นี่เป็นการตบหน้าเขาชัด ๆ ให้คนทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะจวนอ๋องฉู่ใต้!

ใครที่มิรู้คงคิดว่าเขาเป็นฝ่ายวิ่งตามขอแต่งงานกับอวิ๋นชิงฮวน

วางท่าใหญ่โตจริงเชียว!

พ่อบ้านข้าง ๆ เหงื่อแตกพลั่กพร้อมใบหน้าซีดเผือด ก้มหัวขอโทษขอโพยมิหยุด “ท่านอ๋องโปรดระงับความพิโรธด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิใช่ว่าจวนอวิ๋นของเราจงใจละเลย แต่คุณหนูใหญ่… เดิมทีเตรียมจะออกเรือนแล้ว แต่คุณหนูใหญ่กลับบอกว่าสินเดิมยังมิพอ ขอให้จวนอวิ๋นเพิ่มให้อีก มิเช่นนั้นจะมิยอมแต่ง นายท่านต้องตกที่นั่งลำบากอยู่นาน ใช้เวลามากกว่าชั่วยามกว่าจะรวบรวมของได้ เมื่อคุณหนูใหญ่พอใจแล้ว... คิดว่าก็คงจะออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเหยียนได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งโกรธจนแทบจะหัวเราะ “การประทานสมรสก็เป็นสิ่งที่นางร้องขอ การแต่งงานก็เป็นสิ่งที่นางต้องการแต่ง ตอนนี้ข้าพาเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตู นางกลับมิยอมรึ? คิดว่าข้าเป็นตัวตลกหรือไร!”

มิเคยได้ยินว่าสตรีจะมาเรียกร้องสินเดิมเพิ่มก่อนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว

นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่านางกำลังอวดดี เพื่อให้เห็นว่าตนเป็นผู้ที่องค์จักรพรรดิทรงพระราชทานสมรส และมีสถานะสำคัญ!

อันที่จริงแล้วนางก็ค่อนข้างภูมิใจและพอใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน

แต่กลับเหยียบหน้าของเขา เซียวเหยียน และเหยียบหน้าจวนอ๋องฉู่ใต้ให้เสื่อมเสีย

ช่างไร้ยางอาย… และน่ารังเกียจเสียจริง!

แววตาของเซียวเหยียนเต็มไปด้วยความมืดมน

เขานึกถึงมิกี่วันก่อนงานแต่งงาน คนรักของเขา เจียงเสวี่ยลั่ว แอบนัดพบเขาและร้องไห้ บอกว่านางค้นพบความลับของพี่สาว ทนมิได้จริง ๆ ที่เขาจะถูกหลอก

เขาคิดว่ามันคืออะไร

ปรากฏว่าเจียงเสวี่ยลั่วพูดอะไรบางอย่าง ที่เกือบทำให้เขาโกรธจนกระอักเลือด

อวิ๋นชิงฮวนเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว!

นางมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับใครบางคน แล้วถูกอีกฝ่ายทอดทิ้ง จึงต้องการหาคนมาแต่งงานด้วย ดังนั้นนางจึงขอให้ท่านตาของนาง ตระกูลถัง ขอให้องค์จักรพรรดิประทานงานแต่งงานและบังคับให้เขาแต่งงานกับนาง

เซียวเหยียนโกรธมากในตอนนั้น และต้องการเข้าไปในวังเพื่อขอให้จักรพรรดิเพิกถอนพระราชโองการ

เจียงเสวี่ยลั่วร้องไห้และพูดว่า “ขอท่านอ๋องโปรดทรงพินิจให้รอบคอบด้วยเถิด พระราชโองการได้ประกาศไปแล้ว หาได้มีเหตุผลอันใดให้เพิกถอนไม่ อีกทั้งพี่หญิงของหม่อมฉันยังยืนกรานว่าคนที่นางมีความสัมพันธ์ด้วยคือท่าน หากตระกูลถังหนุนหลังนาง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หม่อมฉันเกรงว่าแม้แต่องค์จักรพรรดิก็อาจมิทรงเชื่อท่าน และอาจตำหนิท่านอ๋องอีกด้วย”

ทันใดนั้น เซียวเหยียนก็เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น

ตระกูลถังเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ

คำพูดของอวิ๋นชิงฮวน จักรพรรดิอาจจะมิเชื่อ ทว่าหากตระกูลถังเป็นพยานให้นาง ก็อาจมีแนวโน้มอย่างมากว่า องค์จักรพรรดิจะเชื่อเช่นนั้น

ตระกูลถังมีชื่อเสียงดีมาโดยตลอด และภักดีต่อจักรพรรดิเพียงผู้เดียว

จวนอวิ๋นก็เป็นตระกูลบัณฑิต

อวิ๋นชิงฮวนเป็นหลานสาวของตระกูลถัง และเป็นบุตรีคนโตของจวนอวิ๋น มิเคยมีชื่อเสียงเสียหายใด ๆ ออกมา แต่มีชื่อเสียงในด้านความสามารถและรูปลักษณ์ที่งดงาม ซึ่งเป็นแบบอย่างของสตรีชั้นสูง

เมื่อตระกูลถังขอพระราชทาน องค์จักรพรรดิก็ทรงถามความสมัครใจของเขาเป็นการส่วนตัว

เซียวเหยียนรักเจียงเสวี่ยลั่วที่อ่อนโยนและใจดี แต่ฐานะของเจียงเสวี่ยลั่วต่ำต้อยเกินไป นางเป็นบุตรบุญธรรมของจวนอวิ๋น แต่จริง ๆ แล้วเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีทั้งพ่อแม่และภูมิหลังครอบครัว

เซียวเหยียนรู้ว่าแม่ของเขา ไท่เฟยฉู่ใต้[footnoteRef:0] จะมิเห็นด้วยกับการที่เขาแต่งงานกับเด็กกำพร้า [0: ไท่เฟย หมายถึง พระราชชายาในองค์จักรพรรดิ]

ในขณะที่อวิ๋นชิงฮวนมีชาติตระกูลที่ดี และเพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์และความสามารถ การแต่งงานกับนางมิเพียงแต่จะทำให้เขามีหน้ามีตา…

ส่วนอวิ๋นชิงฮวนนั้นมีชาติตระกูลที่ดี ทั้งยังมีรูปโฉมงดงามมีคุณธรรม การแต่งงานกับนางมิเพียงแต่จะนำมาซึ่งเกียรติและมีหน้ามีตาเท่านั้น แต่ตระกูลของท่านตานางยังได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อองค์รัชทายาทที่เซียวเหยียนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง……

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้ เซียวเหยียนจึงตอบรับพระราชทานสมรส

หลังจากมีพระราชโองการ เซียวเหยียนตั้งใจจะปลอบโยนเสวี่ยลั่วอย่างดี มิให้นางเสียใจมากเกินไป

มิว่าเขาจะแต่งงานกับใคร ภรรยาที่เขาเห็นชอบในใจมีเพียงเสวี่ยลั่วเท่านั้น

ส่วนอวิ๋นชิงฮวน…

เขาจะให้ตำแหน่งและเกียรติยศของพระชายาแก่นาง ถือว่าเป็นการชดเชยให้นางแล้ว

แต่เซียวเหยียนมิคาดคิดเลยว่า เจียงเสวี่ยลั่วจะมาพูดเรื่องน่าอับอายของอวิ๋นชิงฮวนให้เขาฟังเมื่อพบกัน

ทันใดนั้น ความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เซียวเหยียนมีต่ออวิ๋นชิงฮวนก็หายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความโกรธและความรังเกียจเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะตกลงแต่งงานเพราะภูมิหลังของอวิ๋นชิงฮวน ทว่านางกล้าที่จะนอกใจเขาก่อนแต่งงาน!

และจากที่เจียงเสวี่ยลั่วพูด

อวิ๋นชิงฮวนมิเพียงแต่คบชู้สู่ชาย มีพฤติกรรมสำส่อน ยังกล้าพูดว่าชู้รักของนางคือเขา แม้แต่ตระกูลถังก็ยังช่วยนางขอพระราชทานสมรสกับองค์จักรพรรดิ ทำให้เขา เซียวเหยียน กลายเป็นไอ้คนโง่เง่า!

หากมิใช่เพราะเสวี่ยลั่วมีจิตใจดี มิเต็มใจเห็นเขาถูกหลอกลวงเขาก็คงมิรู้ว่าตนถูกสวมเขา!

แต่ชื่อเสียงของอวิ๋นชิงฮวนดีมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีตระกูลถังหนุนหลัง องค์จักรพรรดิคงมิเชื่อคำพูดเพียงด้านเดียวของเขา

เมื่อถึงเวลานั้นเรื่องราวจะบานปลาย เพื่อปกป้องหลานสาวแล้วตระกูลถังจะต้องพยายามแก้ต่างอย่างเต็มที่เป็นแน่

ส่วนเขา มิเพียงแต่จะถูกองค์จักรพรรดิตำหนิ และกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง ทว่ายังจะทำให้แผนการขององค์รัชทายาทในการดึงตระกูลถังมาอยู่ฝ่ายตนต้องพังพินาศ เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นคนที่แปลกแยก…

“ท่านพี่เซียวเหยียน ตอนนี้ท่านมีทางเดียวคือต้องอดทน ทำเป็นมิรู้เรื่อง จะได้มิถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แต่งงานกับพี่หญิงเข้าจวนอ๋องไปก่อน ต่อไปเรื่องอะไรก็จะง่ายขึ้นเพคะ”

เซียวเหยียนเหมือนถูกปลุกให้ตื่น เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

เสวี่ยลั่วพูดถูก

ก็แค่สตรีคนหนึ่ง เมื่อเข้าประตูจวนอ๋องแล้วจะเป็นหรือตายมิใช่เรื่องของบ้านสามีหรอกหรือ?

ต่อหน้าพระราชโองการ เขาจำเป็นต้องถูกสวมเขาไปก่อน

แต่ความอัปยศที่ถูกบังคับนี้ เขาเซียวเหยียนจดจำไว้แล้ว!

เมื่อคิดว่าเขาจะต้องแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณี แปดคนหามเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน และเจ้าสาวเป็นสตรีสำส่อน ถูกบุรุษเล่นจนเบื่อแล้วทิ้ง เซียวเหยียนก็รู้สึกคลื่นไส้

“พอแล้ว! มิว่านางจะอวดเบ่งหรือวางท่าอย่างไร วันนี้องค์จักรพรรดิทรงประทานสมรส แขกทั่วเมืองหลวงต่างรอที่จวนอ๋อง นางยังมิปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ทำให้จวนอ๋องกลายเป็นเรื่องตลกแล้ว”

เซียวเหยียนสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ “หากนางมิอยากแต่งงาน การแต่งงานครั้งนี้ก็จบลงแค่นี้!”

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

“ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านหยุดก่อน...”

พ่อบ้านตกใจรีบเข้ามาขวางไว้

ขณะที่กำลังยื้อยุดกันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนว่า “เจ้าสาวออกมาแล้ว!”

เซียวเหยียนหยุดเดิน หันกลับมาอย่างเย็นชา

ท่ามกลางผู้คนมากมาย สีแดงสดนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ

อวิ๋นชิงฮวนสวมชุดแต่งงานของพระชายาที่หรูหรา ปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ประณีต กระโปรงยาวลากพื้นสามฟุต ขณะเดินเผยให้เห็นปลายรองเท้าที่สวยงาม แม้จะมองมิเห็นใบหน้า แต่อากัปกิริยาท่าทางโดยรวมบ่งบอกว่าเป็นกุลสตรีจากตระกูลสูงส่ง

เซียวเหยียนอดมิได้ที่จะตกตะลึง

นี่มิเหมือนกับอวิ๋นชิงฮวนที่เขาจินตนาการไว้……

“ถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้ว เจ้าสาวออกเรือน คารวะพ่อแม่ด้วยน้ำชา!” แม่สื่อตะโกนเสียงดัง

เสียงปี่มอญแห่งการเฉลิมฉลองดังขึ้นอีกครั้ง

อวิ๋นหงเย่ผู้มีสีหน้าซีดเผือดและแข็งทื่อ นั่งอยู่บนแท่นสูง เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า มีเพียงป้ายบรรพบุรุษของท่านฮูหยินถังตั้งอยู่

อวิ๋นชิงฮวนได้รับการประคองจากสาวใช้ คุกเข่าลง และคารวะด้วยน้ำชา

พิธีการผ่านไปอย่างรวดเร็ว

มินาน นางก็ถูกพยุงขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ได้ยินเสียงกลองและประทัดดังสนั่นหวั่นไหวข้างนอก ราวกับได้กลับไปสู่ช่วงเวลาที่แต่งงานในชาติที่แล้ว

ในตอนนั้น นางเต็มไปด้วยความคาดหวังและความสุข นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวด้วยหัวใจที่จริงจัง

เชื่อมั่นอย่างสุดใจว่า ต่อไปจะมีความสุขกับสามี และอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า

เกี้ยวเจ้าสาวโยกเยกไปข้างหน้า

อวิ๋นชิงฮวนได้สติ เอื้อมมือลูบท้องของตัวเอง พึมพำเสียงเบาจนแทบมิได้ยิน “ในชาตินี้ แม่จะต้องปกป้องเจ้าไว้ จะมิยอมให้เจ้าต้องเจ็บปวดอีกแม้แต่น้อย…”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status