Share

บทที่ 7

หลังจากเกิดอุบัติเหตุบนถนน กว่าที่ขบวนแต่งงานจะมาถึงจวนอ๋องฉู่ใต้ ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้ว

อวิ๋นชิงฮวนถูกพาลงจากเกี้ยวเจ้าสาว ก้าวข้ามกระถางไฟ และเข้าประตูหลัก

ทำพิธีคารวะ

หลังจากเสร็จพิธี แขกเหรื่อทั้งหลายต่างแสดงความยินดี เสียงดนตรีและประทัดดังสนั่นหวั่นไหว

เจ้าบ่าว เซียวเหยียน กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน จากนั้นก็จูงมืออวิ๋นชิงฮวนที่ถือผ้าไหมสีแดงเข้าห้องหอตามประเพณี

งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสเริ่มต้นขึ้นอย่างราบรื่น

อวิ๋นชิงฮวนนั่งตัวตรงบนเตียงแต่งงาน ผ้าคลุมหน้าปักลายหงส์สีทองแดงคลุมศีรษะ สาวใช้และแม่สื่อในห้องต่างยิ้มแย้ม

“เชิญให้เจ้าบ่าวเปิดผ้าคลุมหน้า”

เซียวเหยียนหยิบผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้นอย่างเย็นชา แล้วเปิดผ้าคลุมสีแดงบนศีรษะของนางขึ้น

ทันใดนั้น ห้องทั้งห้องก็สว่างไสว

อวิ๋นชิงฮวนสวมชุดแต่งงานสีแดงเพลิง สวมเครื่องประดับศีรษะและผ้าคลุมหน้า นางมีใบหน้าที่งดงาม ผิวขาวราวหิมะ รูปร่างที่งดงามไร้ที่ติ และลวดลายดอกท้อบนหน้าผากของนางยิ่งทำให้นางดูสวยสง่าและมีเสน่ห์ บุคลิกสง่างามแฝงความเย็นชาเล็กน้อย

...นี่คืออวิ๋นชิงฮวนงั้นหรือ?

เซียวเหยียนเหม่อไปครู่หนึ่งก่อนจะได้สติกลับคืนมา

ใคร ๆ ก็ว่าเวลาสตรีออกเรือนเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดในชีวิต แต่ความงามของอวิ๋นชิงฮวนช่างงามเหนือกว่าคนทั่วไป

เมื่อเทียบกับความงามสดใสของนางแล้ว แม้แต่เจียงเสวี่ยลั่วที่เซียวเหยียนเคยเอ็นดูก็พลอยดูจืดชืดไปเลย

“พระชายา… ช่างงดงามยิ่งนัก”

สาวใช้และแม่สื่อที่อยู่ในห้องต่างตกตะลึงและอ้าปากค้าง เมื่อตั้งสติได้ก็รีบกล่าวแสดงความยินดีเป็นเสียงเดียวกัน

“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง!”

“ท่านอ๋องกับพระชายาช่างสง่างาม ช่างเป็นกิ่งทองใบหยกจริง ๆ”

สาวใช้คนหนึ่งรูปร่างสะสวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก และมองอวิ๋นชิงฮวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและเกลียดชัง

“ขอเชิญท่านอ๋องและพระชายา เสวยจอกเหล้าพิธี!”

แม่สื่อส่งจอกเหล้าให้ด้วยรอยยิ้ม

เซียวเหยียนละสายตาไป พร้อมนึกถึงคำพูดของเจียงเสวี่ยลั่วเกี่ยวกับพฤติกรรมสำส่อนของอวิ๋นชิงฮวน แววตาของเขาฉายแววรังเกียจ สีหน้ามิค่อยดีนัก

เขานั่งลงบนเตียงแต่งงาน ยื่นมือไปหยิบจอกเหล้าขึ้นมา

อวิ๋นชิงฮวนก็หยิบอีกจอกหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน

จอกเหล้าทั้งสองไขว้กัน ทำให้ทั้งสองคนต้องขยับเข้ามาใกล้กัน แขนแตะต้องกัน

อวิ๋นชิงฮวนเห็นแววตาแห่งความรังเกียจและความอดทนในแววตาของเซียวเหยียน หัวใจของนางก็เยาะเย้ยตัวเองแล้วยกจอกเหล้าขึ้นมาจรดริมฝีปาก

ดูเอาเถอะ อวิ๋นชิงฮวน นี่คือบุรุษที่เจ้าเฝ้าชื่นชมมาแปดปีในชาติก่อน แม้ว่าเขาจะแสดงความรังเกียจอย่างชัดเจน แต่เจ้าก็มองข้ามมันไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้เดียงสา เชื่อว่าตราบใดที่เจ้าเต็มใจทุ่มเท ความจริงใจก็จะได้รับความจริงใจตอบแทน

แต่สิ่งที่เจ้าได้รับคือ เซียวเหยียนรังเกียจเจ้าว่าเจ้ามีเล่ห์เหลี่ยม และเกลียดที่เจ้าขวางทางเจียงเสวี่ยลั่ว

สุดท้ายเขาก็ทิ้งเจ้าไปเหมือนรองเท้าเก่า แม้แต่ร่างกายของเจ้าก็มิเหลือ

ต่อหน้าบุรุษที่มิได้รักนาง แถมยังรังเกียจและเกลียดชังนาง การมีชีวิตอยู่ของนางก็เป็นความผิดพลาดแล้ว

จอกเหล้าที่ดื่มจนหมด รสหอมหวานกลับเจือด้วยความขมขื่น

อวิ๋นชิงหวนกลืนมันลงไปทันที

“ข้าจะไปต้อนรับแขกที่ห้องโถงหน้า เจ้าก็นั่งอยู่คนเดียวเถอะ”

หลังจากดื่มเหล้าสาบานเสร็จ เซียวเหยียนก็ลุกขึ้นเดินจากไปโดยมิหันกลับมามองห้องหอเลยสักนิด

อวิ๋นชิงฮวนก็มิได้ใส่ใจอะไร ปล่อยให้แม่นมซุนและอิงเสวี่ยสาวใช้คนอื่นปรนนิบัติ ถอดเครื่องประดับออกและปล่อยผมลง

หลังจากรู้สึกสบายตัวแล้ว นางก็พูดกับสาวใช้ที่อยู่ในห้องหอว่า “ข้าหิวแล้ว ไปเอาโจ๊กที่ห้องครัวมาให้หน่อย”

ตอนนี้นางเป็นคนที่มีครรภ์แล้ว จะปล่อยให้หิวมิได้

งานแต่งทั้งวันมิได้กินอะไรเลย นางเกรงว่าลูกในท้องจะทนมิไหวแล้ว

“พระชายา วันนี้ห้องครัวกำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานฉลอง อาจจะไม่มีเวลาต้มโจ๊กให้ท่าน ท่านอดทนไปก่อนเถิดนะเจ้าคะ”

อวิ๋นชิงฮวนหยุดชะงัก มองไปที่สาวใช้ที่พูด “เจ้านามว่าอันใด?”

“บ่าวนามว่าปี้เถา เป็นสาวใช้ที่รับใช้ท่านอ๋องมาตั้งแต่เด็กเจ้าค่ะ”

ปี้เถาเงยหน้าขึ้น

นางมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยงาม เหมือนดอกบัวที่ละเอียดอ่อน อาภรณ์และเครื่องประดับก็ประณีตกว่าสาวใช้ที่อยู่ข้างนาง

อวิ๋นชิงฮวนจำนางได้

ในชาติก่อน ปี้เถาเป็นสาวใช้คนสนิทของเซียวเหยียน เพราะเป็นคนของไท่เฟยฉู่ใต้ และรับใช้เซียวเหยียนมาตั้งแต่เด็ก จึงมีหน้ามีตาในหมู่สาวใช้ในจวนอ๋อง

ปี้เถาอยากเป็นอนุของเซียวเหยียน เป็นศัตรูโดยธรรมชาติกับภรรยาหลวง

หลังจากที่อวิ๋นชิงฮวนเข้ามาในจวน นางก็มักจะใช้ความสัมพันธ์กับเซียวเหยียนเป็นข้ออ้างในการกลั่นแกล้งอวิ๋นชิงฮวนทั้งต่อหน้าและลับหลัง

อีกทั้งยังชอบไปฟ้องไท่เฟยฉู่ใต้เสมอจนทำให้ไท่เฟยมิพอใจอวิ๋นชิงฮวนหลายอย่าง

แต่กับเจียงเสวี่ยลั่ว คนรักที่แท้จริงของเซียวเหยียน ปี้เถากลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง

เพราะเจียงเสวี่ยลั่วเป็นคนเอาใจเก่ง มักจะชมปี้เถาต่อหน้าเซียวเหยียน และยังให้เครื่องประดับอาภรณ์กับนาง

ปี้เถามีสายตาที่ตื้นเขินนัก จึงโดนเจียงเสวี่ยลั่วโน้มน้าวไปได้ง่าย ๆ กอปรกับเจียงเสวี่ยลั่วมีชาติกำเนิดต่ำต้อย เข้ามาในจวนก็เป็นได้แค่อนุ ปี้เถาจึงสนิทกับนาง คิดว่านางเป็นพวกเดียวกัน

“เรื่องทำอาหารหรือไม่ทำอาหารเป็นเรื่องของห้องครัว จะไปหรือไม่ไปเป็นเรื่องของเจ้า”

อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างใจเย็น “หรือว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของท่านอ๋อง ข้าเป็นแค่พระชายาที่เพิ่งเข้ามา ไม่มีสิทธิ์ใช้เจ้างั้นรึ?”

“บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

“แล้วเจ้ายังจะยืนนิ่งอยู่หาปะไร?”

สีหน้าของปี้เถาเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางทำได้เพียงเดินออกจากห้องไปด้วยความบึ้งตึง

ในใจนางรู้สึกมิยุติธรรมอย่างมาก พลางสบถเบา ๆ ว่า “มีอะไรดีนักหนากัน มิใช่แค่เกิดมาดีแล้วได้รับพระราชทานสมรสหรอกรึ? ยังมิรู้เลยว่าท่านอ๋องจะชอบหรือไม่ ก็กล้ามาใช้งานข้าเสียแล้ว!”

เดิมทีคิดว่าเมื่อพระชายาองค์ใหม่เข้ามา จะมีท่าทีอ่อนโยน และคงจะมิเป็นไรหากนางจะยั่วยุสักหน่อย

มินึกเลยว่าจะเป็นคนที่มีนิสัยมิยอมเสียเปรียบ

“อย่าคิดว่าใช้อำนาจข่มข้าแล้วจะไม่มีวิธีจัดการเจ้า คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” ปี้เถากลอกตา แล้วดึงสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาใกล้แล้วกระซิบสั่งบางอย่าง

สาวใช้รับคำแล้วรีบวิ่งไปที่ลานหน้าบ้าน

แววตาของปี้เถาเต็มไปด้วยความสะใจ แล้วจึงค่อย ๆ เดินไปที่ห้องครัว

ลานหน้าบ้าน ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม

งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสหลายร้อยโต๊ะเต็มไปด้วยผู้คน ข้าราชบริพาร ขุนนางระดับสูง และตระกูลผู้ดีสูงศักดิ์ทั่วทั้งเมืองหลวงมารวมตัวกัน เสียงหัวเราะดังต่อเนื่อง พวกเขาดึงเจ้าบ่าวเซียวเหยียนมาชนแก้วเพื่อแสดงความยินดี บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างมาก

เซียวเหยียนรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็พูดมิออก ได้แต่ดื่มเหล้าไปเรื่อย ๆ ทำให้ทุกคนต่างส่งเสียงปลุกเร้า

ในตอนนั้น คนรับใช้คนสนิทก็รีบวิ่งมากระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า

“ท่านอ๋อง คุณหนูเสวี่ยลั่วมาแล้ว อยู่ที่ประตูหลังพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเหยียนมองไปยังแขกที่กำลังแสดงความยินดีอยู่เต็มห้องโถง โบกมือให้คนรับใช้ถอยไปแล้วดื่มกับแขกอีกสองแก้ว ก่อนจะหาข้ออ้างว่าจะไปเปลี่ยนอาภรณ์แล้วออกไป

เขาหลบผู้คนไปที่ประตูหลัง

ทันทีที่เห็นเจียงเสวี่ยลั่วในชุดสีชมพูอ่อนกระโปรงขาวก้มหน้ายืนอยู่ในตรอกเล็ก ๆ นอกประตู ราวกับดอกบัวที่สวยงามและบริสุทธิ์

“เสวี่ยลั่ว เจ้ามาได้อย่างไร?”

“ท่านพี่เซียวเหยียน...”

เจียงเสวี่ยลั่วเงยหน้าขึ้น

เซียวเหยียนเห็นขอบตาเธอแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ทำให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามของนางดูบอบบางและซีดเซียว

เขาเกิดความสงสารจึงก้าวไปข้างหน้าและจับมือนาง

“ไยจึงร้องไห้? รอนานหรือ?”

“ท่านพี่เซียวเหยียน หม่อมฉันขอโทษ คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของท่านกับพี่หญิง หม่อมฉันมิน่ามาเลย… แต่หม่อมฉันอดมิได้จริง ๆ หม่อมฉันอยากเจอท่านเป็นครั้งสุดท้าย”

เจียงเสวี่ยลั่วน้ำตาคลอเบ้า รอยยิ้มของนางทั้งเศร้าทั้งสวย

“หลังจากวันนี้ ท่านก็จะเป็นพี่เขยของหม่อมฉันแล้ว”

“เสวี่ยลั่ว เจ้ารู้ว่าในใจข้ามีแค่เจ้าคนเดียว ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะมิแตะต้องนางแม้แต่น้อย อย่าร้องไห้เลย”

เซียวเหยียนปาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ที่หางตาของนางออกไป เขารู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงก้มลงจูบที่หน้าผากนางเบา ๆ

“เจ้าคือภรรยาที่ข้าเซียวเหยียนอยากแต่งด้วยจริง ๆ”

เจียงเสวี่ยลั่วมีแววตาแห่งความดีใจวูบผ่านอย่างรวดเร็ว

นางทำท่าทางซึ้งใจมาก โอบกอดเซียวเหยียน ยกปลายเท้าขึ้นอย่างขี้อายเพื่อมอบจุมพิตเขา

เซียวเหยียนกำลังจะตอบสนอง ทันใดนั้นก็มีเสียงผิวปากดังขึ้น

“โอ้~ นั่นมิใช่เจ้าบ่าวของวันนี้หรอกหรือ? ไฉนดึกดื่นคืนเข้าหอมิไปอยู่ดูแลพระชายา กลับหลบซ่อนอยู่ตรงตรอกนี้เพื่อแอบพบกับหญิงงามเช่นนี้รึ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status