วารีเฝ้าหาคำตอบให้ตัวเองมาตลอดว่าทำไมเธอถึงไม่มีใครสักคนจริงจังสักที ทั้งที่เธอมีพร้อมทุกอย่าง แต่หัวใจมันกลับว่างเปล่า ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่หัวใจมันเหมือน.เฝ้ารอใครบางคนอยู่ตลอดเวลา
View Moreสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Airport - FRA) คือปลายทางของเที่ยวบินนี้ หลังจากใช้เวลาเดินทางราวสิบสองชั่วโมงปราณปภัสก็มาถึงจุดหมาย ซึ่งครั้งนี้เธอต้องมาเจรจาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคู่ค้าและพันธมิตร อีกทั้งยังต้องหารือเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคงระหว่างประเทศอีกด้วย
แน่นอนว่าการก้าวมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นงานที่หนักหน่วงสำหรับปราณปภัสเป็นอย่างมาก ยิ่งการที่เธอมีพ่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกย่างก้าวย่อมเป็นที่จับตามอง แต่ครั้งนี้เป็นการมาพูดคุยเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงระหว่างประเทศ หรือจะเรียกว่าเป็นการส่งมาดูงานก็ได้ ปราณปภัสจึงไม่ขอคนติดตามและต้องการเดินทางอย่างส่วนตัว แน่นอนว่าเธอได้ทุกอย่างตามที่ขอ
นับตั้งแต่ที่เธอเลิกรากับคนรักที่คบหามาเกือบสิบปีและยอมก้าวขามารับตำแหน่งนี้ตามความต้องการของคนเป็นพ่อ ไม่ว่าปราณปภัส จุลวงศ์กิติสกุล ต้องการอะไร เพียงแค่เอ่ยปากหรือกระดิกนิ้วเธอก็ได้ทุกอย่างตามที่ขอ สิ่งที่ปราณปภัสต้องทำคือ ช่วยรักษาภาพพจน์ของนามสกุลนี้ไว้และสร้างภาพให้ดูดียิ่ง ๆ ขึ้นไปเท่านั้น
นอกจากตัวเธอเอง ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าปราณปภัสต้องสูญเสียอะไรบ้าง กับการมายืนตรงนี้
สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ปราณปภัสพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบเดินผ่านประตูเลื่อนบานแล้วบานเล่าเพื่อตรงไปยังประตูทางออกเพราะคิดว่าคนขับรถคงรออยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะมาต่างประเทศครั้งนี้เพียงคนเดียว แต่ด้วยบุคลิกท่าทางและชุดสูทสีเทาเข้ารูปมันกลับทำให้เธอดูสง่างามและน่าเกรงขาม ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเรียกสายตาของใครหลายคนให้หันมามองเธอ โดยเฉพาะเพศเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้นปราณปภัสก็ไม่เคยปรายตามองใคร เพราะรู้ดีว่าความรักในแบบที่เธอต้องการยากจะหาคนมาเข้าใจ ด้วยวัยสามสิบห้า เธอไม่พร้อมจะเอาใครมาเสี่ยงกับเกมการเมืองของพ่อเธออีกแล้ว บางทีการใช้ชีวิตคนเดียวมันคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ในขณะที่สายตาของปราณสอดส่องมองหาใครบางคน เธอก็พบกับนลอีกครั้ง แอร์โฮสเตสสาวที่เพิ่งปะทะฝีปากกันบนเที่ยวบิน
อีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่รู้อะไรที่กระตุกต่อมความอยากรู้ของปราณปภัสขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก แต่ตอนนี้สองเท้าของเธอกำลังก้าวไปใกล้อีกฝ่ายและยืนแอบมุมเสาใกล้ ๆ โดยที่นลไม่ทันได้สังเกต
“แม่คะ นลบอกแล้วไงว่ายังไงนลก็ไม่แต่ง ต่อให้เป็นลูกท่านหลานใครที่ไหน ยศใหญ่ยังไงนลก็ไม่เอา นลไม่ได้ชอบผู้ชายนะแม่ นลบอกแม่ไปหลายครั้งแล้วนะ”
ปราณปภัสยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำสนทนา เธอยืนหลบมุมอยู่นานจนได้ยินทุกคำพูดของนลอย่างชัดเจน และสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้แทบทั้งหมดจนรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เกิดความเคร่งเครียดบนใบหน้า
ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่ได้รู้มาจะถูกใจปราณปภัสไม่น้อย จนลืมไปว่าเธอกำลังแอบฟังเรื่องของคนอื่นอย่างลืมตัว
“คุณมาทำอะไรตรงนี้!”
ปราณปภัสสะดุ้งโหยงเมื่อเจอเข้ากับสายตาของนลที่มองเธออย่างสงสัย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจบการสนทนาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และมายืนอยู่ตรงหน้าเธอนานแค่ไหนแล้ว
“เอ่อ คือ”
“นี่อย่าบอกว่าคุณแอบตามฉันมานะ”
“เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ”
ปราณปภัสรีบปฏิเสธทันที แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่น้อย
“โรคจิตปะเนี่ย”
“โอ๊ย คุณ ฉันไม่ได้พิศวาสคุณนักหรอก แล้วก็ไม่ได้ตามคุณมาด้วย”
“แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ หรือแอบมาฟังฉันคุยโทรศัพท์ อยากรู้เรื่องฉันเหรอ”
“คือว่า เอ่อ”
“ลองบอกเหตุผลดี ๆ มาสักข้อ เพื่อที่ฉันจะได้หายสงสัยว่าคุณไม่ได้แอบตามฉันมา ไม่งั้นฉันจะคิดว่าคุณเป็นโรคจิตจริง ๆ ด้วย”
“หนิ คุณไม่รู้จักฉันรึไง คนอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นโรคจิต บ้ามาก”
“ไม่ใช่โรคจิตแล้วมายืนลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงนี้ทำไม ประตูทางออกก็ไม่ใช่สักหน่อย”
ดูเหมือนว่านลจะไม่ยอมปล่อยปราณปภัสไปง่าย ๆ อีกอย่างตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในเวลาปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโอนอ่อนให้ปราณปภัส หนำซ้ำนลยิ่งตั้งแง่กับปราณปภัสมากขึ้น จากที่รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งกลายเป็นไม่ชอบหน้าเข้าไปใหญ่
“ฉันอยากได้เบอร์คุณ”
“ห้ะ!”
นลแทบไม่เชื่อหูกับถ้อยคำที่ได้ยิน ส่วนปราณปภัสนั้นมีสีหน้าราบเรียบ ราวกับไม่รู้สึกอะไรในถ้อยคำที่ตัวเองเอ่ยออกมา
“อืม ที่ฉันมาอยู่ตรงนี้เพราะฉันอยากได้เบอร์ของคุณ ก็เลยตามมา โอเค ยอมรับก็ได้ว่าเดินตามมา แต่ไม่ได้เป็นโรคจิต แค่อยากได้ช่องทางติดต่อ”
คำพูดของปราณปภัสยิ่งทำให้นลขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายแทบไม่กะพริบตา พยายามหาความจริงใจในสายตาของผู้หญิงคนนี้
แต่สุดท้ายนลก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“เบอร์โทรเป็นข้อมูลส่วนตัว ฉันไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ หรอกนะ ขออภัยด้วย”
นลพูดจบก็เตรียมลากกระเป๋าเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ปราณปภัสรีบเอาตัวเองไปขวางไว้ซะก่อน คราวนี้กลับเป็นเธอที่ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่าย ๆ
“นี่ รู้ไหมว่าคุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธฉัน ถามจริง ไม่รู้จักปราณปภัส จุลวงศ์กิติสกุลรึไง” คนสูงกว่าเลิกคิ้วถาม สองมือกอดอกเข้าหากันด้วยความมั่นใจ เชื่อเหลือเกินว่าถ้าหากอีกฝ่ายรู้ว่าตนคือใครคงรีบถอนคำพูดและยินยอมให้เลขสิบตัวกลับมาแน่ ๆ แต่ปราณปภัสก็คิดผิด
“ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ แต่ถึงรู้ก็ไม่สน ขอตัวนะคะ”
นลลากกระเป๋าคู่ใจเดินไปอีกทาง ไม่คิดจะหันมามองปราณปภัสแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมองรูปร่างสมส่วนนั้นเดินห่างออกไปไกล
ครั้งแรกที่โดนปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เสียใจน่ะคงไม่ แต่เสียหน้านี่สุด ๆ ไปเลย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเที่ยวบิน แอร์โฮสเตสมักได้รับเวลาพักตามลักษณะงานและตารางเที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินระยะไกล ซึ่งเวลาพักอาจยาวนานหลายชั่วโมงหรือบางครั้งกินเวลาหนึ่งถึงสองวัน โดยสายการบินมักจัดเตรียมที่พักในโรงแรมสำหรับลูกเรือเพื่อความสะดวกสบาย
ครั้งนี้นลได้รับเวลาพักผ่อนสองวันเต็ม แต่กลับกลายเป็นสองวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราววุ่นวายใจ สิ่งที่ทำให้นลกระวนกระวายที่สุดคือเรื่องการแต่งงานที่ครอบครัวกำลังจะจัดเตรียมให้
ชายหนุ่มที่พวกเขาเลือกไว้นั้นกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เธอคิดไม่ตก ความกังวลและคำถามต่างๆ ผุดขึ้นในใจจนไม่อาจปล่อยวางได้ แม้เวลาพักจะมี แต่จิตใจก็กลับไม่อาจสงบลงตามไปด้วย
“หน้าเป็นตูดอีกแล้วชะนี เที่ยวบินนี้ดูแกไม่แฮปปี้เลยนะ”
บอยวางจานสลัดลงตรงหน้านลก่อนจะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมหลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพักเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนสาวปรายตามองอาหารตรงหน้าเล็กน้อยแล้วเลื่อนจานสลัดออกห่างอย่างไม่ไยดี
“แม่โทรมาเรื่องแต่งงานอีกแล้วว่ะแก ฉันจะทำยังไงดี”
นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ไม่ต้องพูดอะไรให้มากบอยก็พอจะเดาสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้ได้ดี
“โอ๊ย แกก็บอกไปสิว่าแกไม่ได้ชอบผู้ชาย ของแบบนี้มันบังคับกันได้ที่ไหน”
บอยขยับจานสลัดมาตรงหน้าตัวเองแทน ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจ ตัวเองเลยต้องทำหน้าที่รับจบเหมือนทุกครั้ง
“ฉันบอกแม่ไปประมาณสามพันครั้งได้แล้ว ยิ่งคราวนี้เป็นลูกชายของผู้ว่าจังหวัด แม่กับพ่อยิ่งอยากให้ฉันแต่งงานกับเขาจนตัวสั่น หน้าตาเป็นยังไงฉันยังไม่รู้เลย”
“นล ถ้าฉันพูดอะไรไปแกอย่าโกรธนะ”
บอยมีสีหน้าจริงจัง วางช้อนส้อมในมือลงชั่วขณะ
“อืม ว่ามาสิ”
“ฉันว่าพ่อแม่แกเนี่ย หลงใหลพวกยศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งกว่าอะไรเลย ผู้ชายแต่ละคนที่เค้าหามาให้แกนี่ลูกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น ฉันว่านะ ถ้าแกอยากจะต่อรองกับเขา แกต้องหาคนยศใหญ่มาแต่งงานด้วยแล้วล่ะ ปลัดกระทรวงคนนั้นเป็นไง ลูกค้าชั้นธุรกิจจอมวุ่นวายของแกน่ะ ไม่เลวนะเว้ย”
ความคิดเห็นของบอยทำให้นลนิ่งงันไปทันที เธอมัวแต่กังวลใจจนลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิท พอมาคิดดูดี ๆ ทั้งเรื่องของตำแหน่งหน้าที่การงานและการมีหน้ามีตาในสังคม ปราณปภัสไม่มีข้อติติงตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ยิ่งถ้าแต่งเพราะต้องการจัดฉากบังหน้า ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไตร่ตรองให้ดี
“คนเย่อหยิ่งแบบนั้นจะเอามาแต่งงานด้วยทำไมให้ปวดหัว”
“โอ๊ย แม่คนสวย คนตัวเลือกเยอะ งั้นก็เชิญแกกลับไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่แกเลือกไว้ให้เถอะย่ะ”
บอยสะบัดหน้ามองบนด้วยสีหน้าเอือมระอา ตามด้วยการตักผักสลัดในจานเข้าปากไปอีกหลายคำ หัวข้อสนทนาเรื่องนี้ถูกยกไปเพราะเป็นเรื่องที่นลไม่อยากเอ่ยถึงมากนัก แต่แน่นอนว่าในใจของเธอยังคงคิดวกวนตลอดเวลา
แต่งงานกับปราณปภัสงั้นเหรอ นลยังมองไม่เห็นภาพนั้นในหัวเลยสักนิด
หลังจากแยกย้ายกับบอยกลับไปพักผ่อน นลกลับมาทิ้งตัวที่ห้องตัวเองด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอล้มตัวลงบนเตียงนอนนุ่มก่อนจะคว้ารีโมททีวีมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
และภาพในจอทีวีทำให้นลต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้งเมื่อเห็นข่าวของปราณปภัสในหน้าจอ
นลตั้งใจดูข่าวในทีวีจนได้รู้ว่าปราณปภัสเดินทางมาประชุมระหว่างประเทศและหารือเรื่องเศรษฐกิจ ภาพของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและรอยยิ้มสวยสะกดทำให้นลเองเผลอมองความงามนั้นจนลืมตัวเช่นกัน
ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็นแต่เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า ปราณปภัสเป็นคนที่มีเสน่ห์และสามารถดึงดูดสายตาของทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันได้อย่างง่ายดาย นลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ปลัดกระทรวงการต่างประเทศงั้นเหรอ ตำแหน่งใหญ่โตดีจังคุณปราณ พ่วงด้วยสถานะลูกสาวท่านรัฐมนตรียิ่งดูดีเข้าไปใหญ่”
นลเอ่ยกับตัวเอง ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอดูข่าวในทีวีจนจบ ผู้หญิงที่ได้พูดคุยด้วยไม่กี่ประโยคกลับเข้ามามีอิทธิพลในความรู้สึกของเธอเป็นอย่างมาก บวกกับเสียงของบอยที่ยังแว่วในหู
แกต้องหาคนยศใหญ่มาแต่งงานด้วยแล้วล่ะ ปลัดกระทรวงคนนั้นเป็นไง
“โอ้ย บ้าเถอะ คิดอะไรอยู่เนี่ยนล ต่อว่าเค้าไว้ตั้งเยอะ ใครจะอยากมาคุยดีด้วยอีก อีกอย่าง คนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไง”
นลยังคงพึมพำกับตัวเอง จนกระทั่งสายเรียกเข้าของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง มันเปรียบเสมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่นับถอยหลังรอเวลาระเบิดมากขึ้นทุกที
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ
ปราณและนลกลับเข้าไปในงานพร้อมเสียงดนตรีแจ๊ซเบา ๆ คลอเคล้าไปกับบรรยากาศ ตอนนี้มื้ออาหารไม่เป็นที่สนใจแล้วเพราะหลายคนเริ่มอิ่มท้อง สิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจคือฟลอร์เต้นรำที่มีรัฐมนตรีหลายคนออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนานขณะที่ปราณและนลกำลังจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พ่อของปราณก็เดินเข้ามาหา เขายื่นแก้วไวน์ให้ทั้งสองคนคนละแก้วก่อนจะเอ่ยบางคำ"ปราณ ไปเต้นกับพ่อสักเพลงนะ" นายชาญชัยยื่นมือให้ลูกสาวของเขา ปราณเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ"ไม่ได้เมาใช่มั้ยเนี่ย มาชวนลูกสาวเต้น" ปราณเอ่ยแซวกลับไป"ไม่ได้เมาเว้ย ฉันอยากเต้นกับแกบ้างมันจะทำไม พวกสาว ๆ น่ะเต้นด้วยจนเบื่อแล้ว" พ่อของปราณยักคิ้วแพรวพราย สองพ่อลูกหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ปราณหันไปมองหน้านลเล็กน้อยเชิงขออนุญาต"ไปเถอะค่ะ นลไปนั่งที่โต๊ะนะ""จ้ะ ขอเวลานอกแป๊บเดียวนะ"ปราณเดินควงแขนไปกับพ่อของเธอพร้อมด้วยแก้วไวน์ในมือ ส่วนโต๊ะอาหารที่นลเดินกลับไปนั่งก็ไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก จึงเท่ากับว่าปราณยังอยู่ในสายตาของเธอเมื่อมาถึงฟลอร์เต้นรำ ปราณก็ยอมปล่อยตัวตามจังหวะเพลง ช่วงเวลาที่เธอเต้นกับพ่อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อ พ
การเดินทางไปทำงานที่เวียดนามครั้งนี้ สร้างความประทับใจแก่ปราณและนลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนลที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ และผลงานของทั้งคู่ต่างเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงเก่งทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างกันนั้น ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แต่ทั้งปราณและนลกำลังจะเปิดภาพใหม่ ๆ ให้ใครหลายคนได้เห็นถึงความเท่าเทียมที่ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของศักยภาพในการทำงานอีกด้วยและเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงประเทศไทย นายกรัฐมนตรีก็เรียกพบในทันที บรรยากาศในห้องทำงานของพ่อวันนี้ทำให้ปราณเกิดความแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันดูไม่อึดอัดอย่างที่แล้วมาเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง พ่อของปราณกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ และผายมือเชิญให้ทั้งคู่เข้ามานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน“เป็นไงบ้าง” พ่อของปราณถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเขามองทั้งสองคนด้วยความภูมิใจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ” ปราณตอบพร้อมกับหันไปมองนลเหมือนส่งสัญญาณให้เธอเล่าเพิ่มเติมนลยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “เราได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากค่ะและได้รับการสนับสนุนที่ดีในทุก ๆ โปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”นา
ในยามค่ำคืนของกรุงฮานอยที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ท้องฟ้ายามราตรีถูกประดับด้วยดวงดาวที่มองเห็นเพียงแผ่วเบา ห้องพักกว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น พร้อมกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองด้านล่าง แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงให้บรรยากาศที่นุ่มนวลเหมือนกำลังโอบล้อมทั้งคู่ไว้ในความอบอุ่นบรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดแผ่วจากภายนอก ปราณยื่นมือไปแตะที่แก้มของนลเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคนรัก ดวงตาทั้งคู่สื่อสารกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด“นล”เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสแรกจากริมฝีปากของปราณอ่อนโยนและแผ่วเบาราวกับสายลมที่แตะต้องผิวน้ำ นลหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ความรู้สึกพาเธอไปตามจังหวะของหัวใจ จูบนั้นเต็มไปด้วยความหมายและความอ่อนหวานที่ปราณมอบให้เธอมือของปราณประคองใบหน้านลไว้เบาๆ ขณะเดียวกันก็เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น นลยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของปราณ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากตัวอีกฝ่าย ความใกล้ชิดนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดินปราณถอนจูบออกช้า ๆ มองนลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความต้องการที่มากเหลือเกิน แน่นอนว่าคืนนี้เธอไม่ได้ต้องการเพียงแ
Comments