“ทะลึ่ง เชิญคุณซ้อมไปคนเดียวเถอะ!”
นลปลีกตัวเดินไปอีกทางพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า ต่างจากปราณที่กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ซ้อมฉันซ้อมคนเดียวก็ได้”
พูดจบปราณก็เดินไปกอดนลจากด้านหลังแล้วเอียงหน้าหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ!”
เสียงโวยวายที่ดังตามมาทำให้คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างชอบใจ ก่อนจะปิดประตูลงพร้อมใบหน้าสดใส ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเธอ มันอาจจะนานมากจนปราณไม่คิดว่าเธอจะกลับมารู้สึกแบบนี้ได้อีก
หลังจากเจ้าของห้องปิดประตูลง นลก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่นทันที เธอกวาดสายตาหันมองรอบตัวพลางคิดทบทวนเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ คอนโดราคาสูงท่ามกลางเมืองวุ่นวาย
นลทิ้งตัวลงนอนไปกับโซฟาจนเผลอหลับไป กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบสี่โมงเย็น ทันทีที่ลืมตาตื่นเธอคว้ามือถือมาดูนาฬิกาบนหน้าจอแล้วก็เจอกับข้อความจากปราณปภัสที่ขอเลื่อนการทานข้าวเป็นหนึ่งทุ่ม เนื่องจากภาระงานยังไม่เสร็จสิ้น นลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยังมีเวลามากพอในการแต่งหน้าแต่งตัวและเลือกชุดที่ดูดีที่สุด
แต่ไม่ทันจะได้ลุกไปเปิดกระเป๋า เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น นลกดรับทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
“มีอะไร? ส่งข้อความมาก็พอ ไม่เห็นจะต้องโทร”
“นี่ เคยมีใครบอกเธอมั้ยว่าควรจะรับสายแฟนด้วยถ้อยคำแบบไหน”
ปลายสายมีน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อนลรับสายด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ สักหน่อย คุณเลิกเล่นไอ้บทบาทสมมุติหรือการซ้อมเป็นแฟนอะไรนี่ได้แล้ว”
“ไม่เลิก”
“แล้วมีอะไร”
“ฉันสั่งชุดเดรสจากห้องเสื้อชื่อดังให้เธอ เดี๋ยวเค้าจะเอาไปส่งที่คอนโด แล้วพนักงานของคอนโดจะเอาขึ้นไปให้ ถ้ามีคนมาเคาะประตูก็เปิดด้วย”
“ทำไมต้องสิ้นเปลืองด้วย แค่ไปทานข้าว ชุดที่ฉันมีมันก็ใส่ไปทานมื้อค่ำได้”
นลแอบถอนหายใจเมื่อรู้แบบนั้น
“ถึงเธอจะมีชุด แต่ฉันอยากให้เธอใส่ชุดที่ฉันเลือกให้มากกว่า แค่นี้ก่อนนะฉันต้องไปทำงานแล้ว”
ปราณพูดจบก็กดวางสายไปทันที นลจ้องมองหน้าจอมือถืออีกหลายวินาทีด้วยความรู้สึกมากมาย เธอพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายออกมาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นไม่นานหลังจากปราณปภัสวางสาย
ชุดที่อีกฝ่ายเลือกมาเป็นชุดราตรีเกาะอกสีแดงเข้มที่ตัดเย็บด้วยผ้าซาตินมันวาวทำให้โดดเด่นเมื่อกระทบแสงและยังช่วยขับผิว ช่วงบนตกแต่งด้วยลูกไม้ประณีตเพิ่มมิติ และเข็มขัดประดับเพชรที่เอวเน้นส่วนโค้งเว้า ด้านหลังประดับโบเพิ่มความน่าสนใจ ชายกระโปรงทรงเมอร์เมดเสริมลุคสง่างามดุจเจ้าหญิง เป็นชุดที่ผสมผสานความหรูหราและอ่อนหวานอย่างลงตัว
นลมองชุดราตรีในถุงสวมแบบใสที่วางอยู่บนเตียงพร้อมคำถามมากมาย การออกไปทานมื้อค่ำกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยเหรอ
การแต่งตัวก็ต้องดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ไหนจะต้องแต่งหน้าทำผมและวางตัวอย่างเหมาะสมเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น สิ่งเหล่านี้แทบไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยหลังกลับก็คงไม่ได้ อีกหน่อยเธอก็คงต้องพาปราณปภัสไปเปิดตัวกับที่บ้านอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานัด นลที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินลงมารอปราณที่มุมนั่งเล่นใต้คอนโด แน่นอนว่าการแต่งกายของเธอเป็นที่ถูกจับตามองจากทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน จนกระทั่งรถของปราณมาจอดที่หน้าคอนโด นลก็รีบเดินออกไปทันที เมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้วเธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ทำหน้าอย่างกับโดนบังคับ เธอใส่ชุดนี้ก็สวยดีหนิ”
คนหลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้น ใบหน้าของปราณเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่การได้เติมเครื่องสำอางเล็กน้อยและจัดแต่งชุดสูททำงานตัวเก่งให้เข้าที่เข้าทางแค่นี้ก็ทำให้ลุคปลัดกระทรวงของเธอกลับมามีเสน่ห์ดังเดิม
“ก็โดนบังคับรึเปล่าล่ะ ชุดที่คุณเลือกนี่รุ่มร่ามชะมัด”
“สวยดีออก”
“เหอะ สวยคนเดียวเถอะ ชุดอย่างกับคฑากรกีฬาสีโรงเรียน”
“หนิ ชุดที่เธอใส่น่ะเกือบห้าหมื่นเลยนะ ดูพูดเข้า”
ปราณปภัสหันมามองค้อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าชุดที่เธอเลือกเข้ากับรูปร่างและสีผิวของนลเป็นอย่างดี จากที่เป็นคนสวยอยู่แล้ว การที่อีกฝ่ายสวมชุดนี้ยิ่งดูสวยมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องราคาเลยสักนิด ฉันแค่อยากแต่งตัวสบาย ๆ ไม่ต้องทำอะไรให้มันประเจิดประเจ้อนักหรอก”
“ฝึกไว้ เดี๋ยวก็ชิน ถ้าเธอแต่งงานกับฉันแล้ว หลังจากนั้นเรื่องออกงานสังคมมันจะกลายเป็นเรื่องปกติไปทันที”
“คุณไม่อึดอัดบ้างรึไง ที่ต้องสร้างภาพให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา”
คำถามของนลทำให้ปราณนิ่งงันไปชั่วครู่ ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังถนนเส้นยาวเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย คำว่าอึดอัดกับชีวิตของเธอนั้นเป็นเหมือนเพื่อนข้างกายกันไปแล้ว เพราะไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่รู้สึกแบบนั้น
“ฉันชินแล้ว”
ทันทีที่รถของปราณปภัสมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนักงานรักษาความปลอดภัยบริเวณลานจอดรถรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้เธอ คล้ายจะจำได้ว่าเป็นรถของใคร
หลังจากปราณลงจากรถแล้ว เธอยื่นกุญแจรถให้พนักงานเอารถไปเก็บ ส่วนเธอรีบเดินมาเปิดประตูให้นลแล้วยื่นมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย
“จับมือฉันไว้ ตลอดเวลา”
ถ้อยคำหลังคนพูดตั้งใจเน้นย้ำน้ำเสียงที่หนักแน่น บวกกับสายตาจริงจังที่ส่งไปทำให้นลยื่นมือไปวางบนมืออีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาเป็นตาเดียว
“พรุ่งนี้ฉันได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่ ๆ”
“ดีแล้วหนิ เราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปบอกพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย”
“พ่อคุณจะไม่มาแหกอกฉันก่อนใช่มั้ย”
“หึ บ้านเธอล่ะ พ่อกับแม่จะไม่เป็นลมไปก่อนนะ”
“เรื่องนั้นฉันบอกไม่ได้หรอก”
“ฉันก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนับจากนี้ แต่ที่รู้เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะนล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายืนอยู่ข้างฉัน เธอต้องยิ้มเข้าไว้ ยิ้มสวย ๆ แบบนั้นล่ะ”
นลส่งยิ้มให้ผู้คนที่จ้องมองมายังเธอ บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็มองด้วยท่าทีแปลก ๆ แต่เธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงห้องรับรองวีไอพี
“สวัสดีค่ะคุณปราณ ห้องที่ให้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หญิงสาวร่างสูงระหง อายุราวสามสิบกลาง ๆ แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มของร้านอาหารเดินเข้ามาต้อนรับปราณปภัสและคนข้างกายด้วยท่าทีสง่า เธอยกมือไหว้ผู้หญิงทั้งสองคนตรงหน้าก่อนจะโปรยยิ้มสวย
“ขอบใจจ้ะ วันนี้ไม่ต้องมีเด็กมาคอยบริการนะ ฉันขอความเป็นส่วนตัว”
“ได้เลยค่ะ งั้นดิฉันจะให้พนักงานยกอาหารไปให้เลยนะคะ”
“ขอบคุณมาก”
นลแอบสังเกตเห็นแววตาของพนักงานต้อนรับคนนั้นมองคนข้างกายของเธอด้วยแววตาปลาบปลื้มที่แสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด และไม่รู้อะไรสั่งให้เธอจับมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิม ระหว่างที่ทั้งคู่เดินไปยังห้องวีไอพี
“หึงรึไง”
ปราณหันมาเย้าแหย่ มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างอารมณ์ดี
“บ้า ฉันจะไปหึงคุณทำไมไม่ทราบ”
“ฉันเห็นนะ เธอมองผู้หญิงคนนั้นอย่างกับจะกินหัวเค้า ฉันไม่สนใจหรอกน่า ถึงจะมีคนสนใจฉันเยอะก็เถอะ”
“หลงตัวเองเป็นบ้า”
นลปล่อยมือจากอีกฝ่ายแต่ปราณกลับเป็นฝ่ายกุมมันไว้แน่น
“ปากแข็งแบบนี้สงสัยต้องโดนจับจูบ”
“คุณปราณ! หยุดพูดจาลามกเดี๋ยวนี้ นี่มันที่สาธารณะนะ”
นลหันมามองค้อน แต่ปราณปภัสกลับชอบใจในท่าทีนั้น
“โอเค ไว้ฉันจะพูดแบบนี้เวลาอยู่กับเธอสองคนก็แล้วกัน”
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงเมื่อเดินมาถึงห้องรับรองวีไอพี หลังจากพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟครบทุกอย่างแล้ว ห้องทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบสนิท
อาหารบนโต๊ะตรงหน้าประกอบไปด้วย ปลาหิมะซอสไวน์ขาว สเต๊กเนื้อวากิวริบอายซอสพริกไทยดำ และหอยเชลล์ฮอกไกโดซอสทรัฟเฟิล ทุกจานจัดตกแต่งด้วยความพิถีพิถันแต่กลับไม่ทำให้คนที่ได้เห็นเกิดความอยากทานได้แม้แต่น้อย
“ฉันคิดถึงกับข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านสวน น่ากินกว่ากันตั้งเยอะ แถมชุดนี้ก็อึดอัดด้วย”
นลบ่นงุบงิบ แต่เสียงเธอก็ไม่ได้เบาไปกว่าที่ปราณจะไม่ได้ยิน
“อะไรกัน มื้อนี้แพงมากเลยนะ แล้วฉันก็ตั้งใจมากด้วย ทำไมเธอถึงไม่ชอบ”
“ไม่ใช่ทุกอย่างที่แพงแล้วจะดี คุณเลิกใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้แล้ว อย่างดอกไม้ช่อใหญ่ ๆ นั่นก็เหมือนกัน ไม่ต้องส่งให้ฉันแล้ว มันเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์”
“ฉันอุตส่าห์ซ้อมเป็นแฟนที่ดี กลับไม่ถูกใจเธอซะอย่างนั้น”
ปราณปภัสก้มหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าความตั้งใจในทุกอย่างของเธอไม่สัมฤทธิผล
“คุณไปเปิดพจนานุกรมคำว่าแฟนที่ดีมาใหม่เถอะ แต่ฉันว่าแต่ละคนคงบัญญัติไม่เหมือนกัน สำหรับฉัน คำว่าแฟนที่ดี ไม่ใช่การซื้อของแพง ๆ หรือพาไปกินมื้อหรู ๆ หรอก แต่คือการอยู่ข้างกันทั้งช่วงเวลาที่สุขและทุกข์ต่างหาก”
“จำมาจากหนังรึเปล่าเนี่ย”
“โอ้ย คุณก็เป็นซะแบบนี้ พอฉันจริงจังคุณก็ชอบคิดว่าฉันพูดเล่น แต่ฉันหมายความแบบนั้นจริง ๆ”
“ยากจังเลยนะ ไอ้บทบัญญัติแฟนที่ดีของเธอเนี่ย”
นลเงียบไปครู่หนึ่งและนึกทบทวนถึงชีวิตความรักที่ผ่านมาของตัวเอง อดคิดถึงแฟนคนรักที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่เข้ามาในชีวิตเธอไม่ได้ เพราะนอกจากความรักที่ทั้งคู่มีให้กันแล้ว อีกฝ่ายยังทิ้งความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเอาไว้อีกด้วย
“นล!”
“อ้อ ค่ะ”
“เป็นอะไรรึเปล่า เธอนั่งเหม่อตั้งนาน”
“ไม่มีอะไร ทานอาหารกันดีกว่า เย็นหมดแล้ว”
นลพยายามเก็บซ่อนสายตาของความเจ็บปวดเอาไว้ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของปราณปภัสที่เป็นคนช่างสังเกต หากแต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามอะไรอีก
หลังจากทานมื้อค่ำกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อทั้งคู่ออกมาจากห้องวีไอพี นลก็ต้องตกตะลึงกับกองทัพนักข่าวที่มารออยู่หน้าร้านอาหารกันอย่างเนืองแน่น
“ให้ตายเถอะ สามทุ่มแล้วไม่หลับไม่นอนกันรึไง”
ปราณเอ่ยออกมาหลังยกข้อมือซ้ายดูนาฬิกา ส่วนนลยังคงตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น แต่ก็พยายามประคองสติให้ได้มากที่สุด
“ฉันต้องทำยังไง ควรต้องทำอะไร คุณบอกฉันสิคุณปราณ”
นลถามเสียงสั่น มือของเธอเย็นเฉียบ
“ไม่ต้องพูดอะไร แค่ยิ้มสวย ๆ ยืนข้างฉัน ฉันจัดการเอง เข้าใจมั้ย”
นลพยักหน้ารับทราบ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็จับมือกันแน่นแล้วเดินออกไปยังหน้าร้านอาหาร
ทันทีที่กลุ่มนักข่าวเห็นปราณปภัสและคนข้างกายของเธอเดินจับมือมาด้วยกัน หลายคนรีบพุ่งมาหาเพื่อจะสัมภาษณ์ ไม่ต่างจากกลุ่มอีแร้งที่หมายจะรุมทึ้งเหยื่ออันโอชะยังไงอย่างงั้น“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะคุณปราณ ไม่ทราบว่าวันนี้มาทานข้าวกับใครเหรอคะ ใช่คนรักคนใหม่รึเปล่า คบหาดูใจกันมานานรึยังคะ”คำถามแรกถูกส่งมาพร้อมไมค์อันใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า ตามด้วยเทปอัดเสียง และมือถืออีกหลายเครื่องของสื่อสำนักอื่น ๆ ปราณปภัสจับมือนลไว้แน่น เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากมือคู่นั้น อีกฝ่ายกำลังตกใจและตื่นกลัวเธอรู้ดี แต่นลก็ยังคงฝืนยิ้มและยิ้มให้ได้มากที่สุดตามที่เธอเอ่ยขอ“คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันวันนี้คือคนรักของฉันเองค่ะ เราคบกันมาประมาณหนึ่งปีแล้ว เธอชื่อนลค่ะ เป็นแอร์โฮสเตส”“ว้าว แฟนสาวนอกวงการเหรอคะเนี่ย นอกจากสวยแล้วยังเป็นแอร์โฮสเตสด้วย แล้วการคบกันมีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่าคะ คุณชาญชัยว่ายังไงบ้างที่ลูกสาวมีแฟนเป็นเพศเดียวกัน”ปราณชะงักไปครู่หนึ่ง แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าคงจะต้องเจอคำถามทำนองนี้“คุณพ่อไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้โลกเราเปิดกว้างแล้ว ประเทศไทยเราก็เพิ่งผลักดันเรื่องสมรสเท่าเทียมผ่าน มันเป็น
ภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของนายกรัฐมนตรี ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัด ทันทีที่ข่าวของปราณปภัสถูกแพร่กระจายออกไป พ่อของเธอเรียกพบโดยด่วนในเช้าวันต่อมา แม้ว่าปราณจะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์จริงเกิดขึ้นความกังวลคือสิ่งที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้เลยปราณปภัสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพ่อของเธอ ดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับเจาะทะลุผ่านหัวใจ ปราณพยายามตั้งสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะมีเวลาไตร่ตรองคิดหาถ้อยคำสวยหรูมาบอกแก่อีกฝ่าย“แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไปปราณ แกทำให้พ่อขายหน้าคนทั้งประเทศนะ รู้ตัวรึเปล่า!”น้ำเสียงตวาดกร้าวทำให้ปราณสะดุ้งโหยง แต่สองมือของเธอยังคงประสานบนหน้าตัก ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ปราณให้สัมภาษณ์ข่าวไปตามจริงค่ะ” ปราณตอบเรียบ ๆ แต่คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ“ตามจริงงั้นเหรอ แกคิดว่าการประกาศคบกับผู้หญิงกลางวงสื่อมันคือเรื่องสมควรเหรอ!” เสียงของพ่อดังขึ้นจนปราณรู้สึกสะเทือนหู“ไม่ว่าพ่อจะมองว่ามันสมควรหรือไม่ มันก็คือความจริงที่พ่อต้องยอมรับให้ได้ ครั้งนี้ปราณจะไม่ยอมให้
หลังจากภารกิจเที่ยวบินของนลเสร็จสิ้น และเธอมีเวลาพักที่ไทยสองวัน สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือการพาปราณปภัสไปหาครอบครัวและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่นลเดาไม่ออกเลยว่า เรื่องราววันนี้จะจบลงยังไง“เธอโอเคนะ”ปราณปภัสที่อยู่หลังพวงมาลัยหันมาถาม วันนี้เธอตั้งใจมาเจอครอบครัวของนลพร้อมตะกร้าของฝากมากมาย ทั้งผลไม้และไวน์รสชาติเยี่ยม อีกทั้งยังเสียสละเคลียร์งานและหาวันว่างให้ตรงกับนล ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายปราณก็ล็อกเวลาได้อย่างฉิวเฉียด แม้ว่าค่ำวันนี้เธอจะต้องไปทานข้าวกับรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ๆ ต่อก็ตาม“ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ฉันไม่พาคุณไปที่บ้าน แม่คงไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดแน่ แล้วฉันก็คงต้องเจอคำถามเดิม ๆ ไปอีกนาน ฉันตัดสินใจแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องกังวลนะ มีฉันทั้งคน”ปราณเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ทว่าครั้งนี้นลไม่ปฏิเสธการกระทำของเธออีกแล้ว กลับมีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น ระหว่างที่รถหรูของปราณขับเคลื่อนไปบนถนนเส้นยาวบ้านของนลอยู่ห่างจากชานเมืองเล็กน้อย เป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านที่อยู่หลังสุดท้าย บ้านหลังนี้นลทำงานเก็บเงินแ
เรื่องที่ปราณขอคบนลอย่างจริงจังไม่ถูกพูดถึงอีกนับแต่วันนั้น เพราะนลคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจซ่อนจุดประสงค์นี้ไว้ตั้งแต่แรก ตั้งใจให้เธอลงเรือลำเดียวกัน และงัดเอาเงื่อนไขนี้มาใช้ ทำให้นลปฏิเสธไม่ได้ซึ่งมันก็ถูก คนอย่างปราณปภัสไม่มีทางจะยอมช่วยเหลือใครง่าย ๆ หากไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกถูกชะตาใครคนนั้นตั้งแต่แรกเห็นและแน่นอนว่าการกดกระดิ่งเรียกซ้ำ ๆ ตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอกันครั้งแรก นั่นก็เพราะเธออยากจะเห็นหน้าของแอร์โฮสเตสที่ชื่อนลินภาบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ อีกฝ่ายจะมาขอร้องให้เธอช่วยแต่งงานด้วยซะอย่างนั้น งานนี้ถ้าไม่เรียกว่าอ้อยเข้าปากช้างก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว“นี่ ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยสิ รูปพรีเวดดิ้งนี่เราต้องเอาไปแปะไว้ข้างฝาบ้านนะ”ปราณกระซิบข้างหูของนลระหว่างที่ทั้งคู่พากันมาถ่ายรูปงานแต่งงานที่สตูดิโอแห่งนี้ เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถ่ายนอกสถานที่เพื่อลดปัญหาจากสายตาคู่อื่น ๆ แค่สายตาของคนในสตูดิโอก็ทำเอาทั้งคู่เกร็งไปตามกัน“เชิญคุณแปะไปคนเดียว ฉันไม่แปะด้วยหรอก”นลตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ยังพยายามแย้มรอยยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอก
หลังจากการถ่ายพรีเวดดิ้งในวันนั้นเสร็จสิ้น ปราณและนลก็แทบไม่ได้เจอกันเลย นลมีบินไฟลต์ยาวหลายไฟลต์ ส่วนปราณก็ทั้งทำงานการเมืองและเตรียมเรื่องงานแต่งหัวหมุน ทั้งคู่ได้เจอกันเพียงการวิดีโอคอลหากันเพื่อช่วยเลือกการ์ด เลือกของชำร่วยและรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องถามความคิดเห็นร่วมกัน และมีเพื่อนของบอยที่คอยประสานงานและช่วยอีกแรง ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ยังดูทุลักทุเลไปหน่อย แต่สุดท้ายการเตรียมงานแต่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีและวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของทั้งคู่“งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี” อาจเป็นคำบรรยายที่หลายคนใช้เรียกงานวิวาห์ของปราณและนลที่จัดขึ้นในวันนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง ตั้งแต่นักธุรกิจ นักการเมือง ดารานักแสดง และนักข่าวจากหลากหลายสำนักข่าวที่พากันมาทำข่าวอย่างคึกคัก“คุณปราณครับ คุณรู้สึกอย่างไรกับงานวันนี้”เสียงคำถามจากนักข่าวดังขึ้นทันทีที่ปราณและนลปรากฏตัวบริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ทั้งสองยืนคู่กันในชุดแต่งงานที่ดูหรูหราแต่เรียบง่ายวันนี้ปราณอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ส่วนเจ้าสาวอีกคน นลสวมชุดแต่งงานแบบเดรสเปิด
ห้องน้ำกว้างขวางสุดหรูที่ประดับประดาด้วยผนังหินอ่อนสีขาวดูแล้วสบายตา ตอนนี้มีกลิ่นหอมของเทียนอโรม่าจาง ๆ ลอยอบอวลไปทั่ว มันช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับคนที่กำลังลอยตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำได้เป็นอย่างดีนลยืนอยู่ริมขอบอ่าง ใบหน้าของเธอขมวดเล็กน้อยขณะมองปราณที่นั่งอยู่ในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ร่างบางเปียกโชกด้วยฟองสบู่ที่ลอยคลุมผิวเนียน ปราณเอนตัวพิงขอบอ่าง ดวงตายังดูมึนงงเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“ยืนอยู่ทำไม เธอจะปล่อยให้ฉันตัวเปื่อยคาอ่างรึไง ลงมาแช่ด้วยกันแล้วก็ถูหลังให้ฉันด้วย”เสียงปราณที่แหบพร่าเล็กน้อยดังขึ้น เธอหันมามองนลพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูเหมือนเจ้าเล่ห์นิดๆ“โตจนป่านนี้แล้วยังอาบน้ำเองไม่ได้รึไง”นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด อีกทั้งหน้าตาของเธอตอนนี้ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจในสิ่งที่ปราณร้องขอเท่าไหร่นักปราณหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยืดแขนยืดขาออกไปในน้ำ"ถ้าเธอไม่ทำ ฉันคงต้องอยู่แบบนี้ไปทั้งคืน ฉันยังมึนอยู่เลย ไม่มีแรงอาบน้ำเองหรอก"นลถอนหายใจยาวก่อนจะยอมรับชะตากรรม เธอหยิบฟองน้ำและสบู่เหลวขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงขอบอ่าง"หันหลังมาสิ"น้ำเสียงหงุดหงิดนั้นกลับทำให้ปราณยิ้มกว้างได้มากกว่าเดิม
เช้าวันใหม่หลังจากการแต่งงานผ่านพ้นไป นลลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เธอรีบคว้ามือถือมากดปิดเพราะเกรงจะรบกวนการนอนของคนข้าง ๆปราณปภัสยังคงหลับใหล ใบหน้าที่ปราศจากการเติมแต่งที่นลได้ตื่นมาเจอกลับทำให้เธอรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะกับการไม่แต่งแต้มอะไรเลยบนใบหน้ามากกว่า ปราณในตอนนี้ดูสวยและมีเสน่ห์กว่าตอนที่เธอสวมเครื่องแบบทำงานและแต่งหน้าเข้ม ๆ เป็นไหน ๆนลเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของปราณที่อยู่มุมห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าออกดูก็เจอเสื้อผ้ามากมายที่แขวนอย่างเป็นระเบียบไล่เรียงตามเฉดสี นลหยิบเสื้อสูทสีกรมท่าออกมาเตรียมไว้ จับคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและเลือกเนกไทเส้นบางให้เข้ากับชุดแล้วแขวนเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า หันไปมองคนบนเตียงอีกครั้งก็ยังคงหลับสนิท ปราณปภัสในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยยังไงอย่างนั้นนลเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ บีบยาสีฟันไว้บนแปรงของปราณปภัส เตรียมผ้าขนหนูและชุดคลุมอาบน้ำแขวนเอาไว้ จากนั้นจึงพาตัวเองออกมาจากห้องแล้วตรงไปยังห้องครัวเพื่อจะเตรียมมื้อเช้าให้อีกฝ่ายกลิ่นหอมของขนมปังปิ้งและไข่คนอบอวลไปทั้งห้องครัวหลังจากนลเข้ามาได้ไม่นาน มื้อเช้
นลมองไม่เห็นทางเลือกไหนเลย สุดท้ายเธอจำต้องยอมเดินตามผู้ชายชุดดำสองคนนั้นไปยังรถตู้คันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านหลังคอนโด เมื่อประตูเปิดออกกว้างนลก็หายสงสัยทันทีว่าผู้ชายชุดดำเป็นใคร ทั้งคู่เป็นลูกน้องของนายชาญชัยนี่เอง โดยที่เจ้านายของพวกเขากำลังนั่งอยู่ในรถด้วยใบหน้าเคร่งขรึมดังเช่นที่นลเคยได้เห็นเมื่อวันแต่งงาน“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่มีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อย”คนในรถเอ่ยขึ้นโดยที่นลนั่งอยู่เก้าอี้ด้านข้าง เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันมองหน้านายชาญชัย หัวใจยังคงเต้นรัว บรรยากาศภายในรถชวนอึดอัดเป็นอย่างมาก“เข้าเรื่องเลยละกันนะ” นายชาญชัยเริ่มต้นการสนทนาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอกับปราณไม่มีอะไรเหมาะสมกันเลย เรื่องงานแต่งงานนั่นฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องลวงโลก รับเงินในซองนี่ไปซะแล้วออกไปจากชีวิตของปราณ”เขาเลื่อนซองเอกสารที่อัดแน่นไปด้วยธนบัตรจำนวนมากไปตรงหน้านล “เงื่อนไขคือ เลิกยุ่งกับปราณทันที”นลมองซองสีน้ำตาลด้วยสายตาแน่วแน่ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน“ฉันรักลูกสาวคุณจริง ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงความรักของเราสองคนได้ ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือคำสั่งจากใครก็ตาม”สายตาของนายชาญชัยฉาย
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ
ปราณและนลกลับเข้าไปในงานพร้อมเสียงดนตรีแจ๊ซเบา ๆ คลอเคล้าไปกับบรรยากาศ ตอนนี้มื้ออาหารไม่เป็นที่สนใจแล้วเพราะหลายคนเริ่มอิ่มท้อง สิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจคือฟลอร์เต้นรำที่มีรัฐมนตรีหลายคนออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนานขณะที่ปราณและนลกำลังจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พ่อของปราณก็เดินเข้ามาหา เขายื่นแก้วไวน์ให้ทั้งสองคนคนละแก้วก่อนจะเอ่ยบางคำ"ปราณ ไปเต้นกับพ่อสักเพลงนะ" นายชาญชัยยื่นมือให้ลูกสาวของเขา ปราณเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ"ไม่ได้เมาใช่มั้ยเนี่ย มาชวนลูกสาวเต้น" ปราณเอ่ยแซวกลับไป"ไม่ได้เมาเว้ย ฉันอยากเต้นกับแกบ้างมันจะทำไม พวกสาว ๆ น่ะเต้นด้วยจนเบื่อแล้ว" พ่อของปราณยักคิ้วแพรวพราย สองพ่อลูกหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ปราณหันไปมองหน้านลเล็กน้อยเชิงขออนุญาต"ไปเถอะค่ะ นลไปนั่งที่โต๊ะนะ""จ้ะ ขอเวลานอกแป๊บเดียวนะ"ปราณเดินควงแขนไปกับพ่อของเธอพร้อมด้วยแก้วไวน์ในมือ ส่วนโต๊ะอาหารที่นลเดินกลับไปนั่งก็ไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก จึงเท่ากับว่าปราณยังอยู่ในสายตาของเธอเมื่อมาถึงฟลอร์เต้นรำ ปราณก็ยอมปล่อยตัวตามจังหวะเพลง ช่วงเวลาที่เธอเต้นกับพ่อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อ พ
การเดินทางไปทำงานที่เวียดนามครั้งนี้ สร้างความประทับใจแก่ปราณและนลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนลที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ และผลงานของทั้งคู่ต่างเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงเก่งทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างกันนั้น ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แต่ทั้งปราณและนลกำลังจะเปิดภาพใหม่ ๆ ให้ใครหลายคนได้เห็นถึงความเท่าเทียมที่ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของศักยภาพในการทำงานอีกด้วยและเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงประเทศไทย นายกรัฐมนตรีก็เรียกพบในทันที บรรยากาศในห้องทำงานของพ่อวันนี้ทำให้ปราณเกิดความแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันดูไม่อึดอัดอย่างที่แล้วมาเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง พ่อของปราณกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ และผายมือเชิญให้ทั้งคู่เข้ามานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน“เป็นไงบ้าง” พ่อของปราณถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเขามองทั้งสองคนด้วยความภูมิใจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ” ปราณตอบพร้อมกับหันไปมองนลเหมือนส่งสัญญาณให้เธอเล่าเพิ่มเติมนลยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “เราได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากค่ะและได้รับการสนับสนุนที่ดีในทุก ๆ โปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”นา
ในยามค่ำคืนของกรุงฮานอยที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ท้องฟ้ายามราตรีถูกประดับด้วยดวงดาวที่มองเห็นเพียงแผ่วเบา ห้องพักกว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น พร้อมกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองด้านล่าง แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงให้บรรยากาศที่นุ่มนวลเหมือนกำลังโอบล้อมทั้งคู่ไว้ในความอบอุ่นบรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดแผ่วจากภายนอก ปราณยื่นมือไปแตะที่แก้มของนลเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคนรัก ดวงตาทั้งคู่สื่อสารกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด“นล”เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสแรกจากริมฝีปากของปราณอ่อนโยนและแผ่วเบาราวกับสายลมที่แตะต้องผิวน้ำ นลหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ความรู้สึกพาเธอไปตามจังหวะของหัวใจ จูบนั้นเต็มไปด้วยความหมายและความอ่อนหวานที่ปราณมอบให้เธอมือของปราณประคองใบหน้านลไว้เบาๆ ขณะเดียวกันก็เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น นลยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของปราณ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากตัวอีกฝ่าย ความใกล้ชิดนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดินปราณถอนจูบออกช้า ๆ มองนลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความต้องการที่มากเหลือเกิน แน่นอนว่าคืนนี้เธอไม่ได้ต้องการเพียงแ