ทันทีที่กลุ่มนักข่าวเห็นปราณปภัสและคนข้างกายของเธอเดินจับมือมาด้วยกัน หลายคนรีบพุ่งมาหาเพื่อจะสัมภาษณ์ ไม่ต่างจากกลุ่มอีแร้งที่หมายจะรุมทึ้งเหยื่ออันโอชะยังไงอย่างงั้น
“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะคุณปราณ ไม่ทราบว่าวันนี้มาทานข้าวกับใครเหรอคะ ใช่คนรักคนใหม่รึเปล่า คบหาดูใจกันมานานรึยังคะ”
คำถามแรกถูกส่งมาพร้อมไมค์อันใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า ตามด้วยเทปอัดเสียง และมือถืออีกหลายเครื่องของสื่อสำนักอื่น ๆ ปราณปภัสจับมือนลไว้แน่น เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากมือคู่นั้น อีกฝ่ายกำลังตกใจและตื่นกลัวเธอรู้ดี แต่นลก็ยังคงฝืนยิ้มและยิ้มให้ได้มากที่สุดตามที่เธอเอ่ยขอ
“คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันวันนี้คือคนรักของฉันเองค่ะ เราคบกันมาประมาณหนึ่งปีแล้ว เธอชื่อนลค่ะ เป็นแอร์โฮสเตส”
“ว้าว แฟนสาวนอกวงการเหรอคะเนี่ย นอกจากสวยแล้วยังเป็นแอร์โฮสเตสด้วย แล้วการคบกันมีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่าคะ คุณชาญชัยว่ายังไงบ้างที่ลูกสาวมีแฟนเป็นเพศเดียวกัน”
ปราณชะงักไปครู่หนึ่ง แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าคงจะต้องเจอคำถามทำนองนี้
“คุณพ่อไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้โลกเราเปิดกว้างแล้ว ประเทศไทยเราก็เพิ่งผลักดันเรื่องสมรสเท่าเทียมผ่าน มันเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล พ่อฉันเข้าใจค่ะ”
“ดีจังค่ะ ที่ผู้นำประเทศของเราเปิดกว้างเรื่องแบบนี้ แล้วแบบนี้ถ้าความสัมพันธ์ของคุณปราณจะถูกจับตามอง คุณปราณจะรู้สึกอึดอัดมั้ยคะ”
“ไม่เลยค่ะ จริง ๆ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ เราสองคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างปกติเหมือนคู่รักทั่วไปนั่นแหละค่ะ ตอนนี้เราสองคนก็กำลังวางแผนเรื่องงานแต่งงาน เอาไว้ถึงตอนนั้นจะเชิญสื่อทุกสำนักมาร่วมงานนะคะ”
“คุณปราณคะ อยากให้เล่าหน่อยค่ะว่าคุณนลมีบทบาทยังไงในชีวิตบ้าง เพราะการที่คบกันมาหนึ่งปีแล้วก็คงจะรู้ใจกันมากแล้วใช่มั้ยคะ”
“จริง ๆ เราสองคนยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงกันไปเรื่อย ๆ และเรียนรู้กันตลอดเวลา ส่วนบทบาทในชีวิตนั้น นลเป็นทุกอย่างของฉันเลยค่ะ”
ปราณปภัสหันมองคนข้างกายแล้วแย้มรอยยิ้มกว้าง เป็นยิ้มที่นลเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก อีกทั้งแววตาเปล่งประกายที่มองเธอด้วยความรักใคร่ มันช่างเหมือนคู่รักที่รักกันมากเหลือเกิน
“ขอบคุณที่ให้สัมภาษณ์มาก ๆ เลยนะคะ อย่าลืมส่งการ์ดเชิญให้พวกเราด้วยนะคะคุณปราณ”
“แน่นอนค่ะ”
ปราณปภัสยิ้มกว้างให้กลุ่มนักข่าวอีกครั้ง นลเองก็เช่นกัน เธอยังคงทำหน้าที่เป็นคนข้าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากออกมาจากกลุ่มนักข่าวได้ รถของปราณก็มารออยู่แล้ว ทั้งคู่รีบเข้าไปในรถแล้วปราณก็ขับรถออกไปทันที ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง
“ให้ตายเถอะ เรากำลังทำอะไรกันอยู่เนี่ย”
นลเอ่ยออกมาระหว่างที่สายตามองวิวข้างทางผ่านกระจกรถ ไฟสีส้มยามค่ำคืนที่เรียงรายตามแนวตึกเป็นสิ่งที่นลไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะปกติแล้วหากเธอกลับมาพักที่ไทยก็มักจะนอนหมกตัวอยู่แต่ในห้อง สั่งอาหารมากิน แล้วก็หลับยาวจนกว่าจะถึงเวลาไปทำงาน เรื่องจะออกไปทานข้าวข้างนอกนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ฉันว่าก็ดีแล้วหนิที่มีนักข่าวมาเจอเราก่อน จะได้ดูสมจริงหน่อย คนจะได้คิดว่าเราคบหากันมาสักพักแล้ว จากนั้นก็แต่งงานกันเหมือนคู่รักทั่วไป”
“คนอื่นอาจจะคิดแบบนั้น แต่พ่อของคุณและแม่ของฉันคงไม่เชื่อแน่ ๆ หนึ่งปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยบอกแม่เลยว่ามีแฟนอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก บอกตอนไหนก็เหมือนกัน ยิ่งไม่ได้บอกก็ยิ่งเมคเซนต์ การที่เธอมีแฟนที่คบหาอยู่แล้วมาเป็นปีมันก็ไม่แปลกที่เธอจะปฏิเสธเรื่องการแต่งงานกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแม่ฉันก็คงไม่เชื่อง่าย ๆ หรอก”
“เครียดเหรอ?”
น้ำเสียงปราณปภัสอ่อนลง เธอเหลือบสายตาหันมองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่นลไม่ได้เห็นสายตาคู่นั้นเพราะเอาแต่มองวิวข้างทางอย่างเลื่อนลอย
“นิดหน่อย”
“เครียดเรื่องอะไร เรื่องที่ต้องแต่งงานกับฉันงั้นเหรอ”
“เปล่าหรอก ช่างมันเถอะ”
ปราณได้ยินเสียงนลถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เธอจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะนลเบา ๆ การกระทำนั้นทำเอานลสะดุ้งและหันมามองคนหลังพวงมาลัย
“ทำอะไรของคุณเนี่ย ลูบหัวฉันทำไม ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
“ก็เห็นเธอดูเครียด ๆ เลยอยากปลอบ ซ้อมเป็นแฟนที่ดีไง”
“พอเลย ไม่ต้องแล้ว”
นลปัดมือของปราณที่วางอยู่บนศีรษะของเธอออก
“ไม่ให้ลูบหัว จะให้ลูบอย่างอื่นรึไง”
“ทะลึ่ง!”
เมื่อเห็นสายตามองค้อนของอีกฝ่ายปราณถึงค่อยเบาใจ อย่างน้อยเสียงบ่นของนลที่ฟังดูชวนหงุดหงิดมันก็ทำให้ปราณสบายใจมากกว่าการที่คนข้าง ๆ เงียบไป เพราะใบหน้าเศร้าหมองมันดูไม่เหมาะกับนลเลยสักนิด
“เธอตกใจรึเปล่า”
“เรื่อง?”
“เมื่อกี้ไง ที่มีไมค์มาจ่อหน้า เจอแสงไฟจากกล้องแวบวับตลอดเวลา ไหนจะคำถามมากมายที่ส่งมารัว ๆ ถ้าเกิดอนาคตข้างหน้าเธอต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก หรือต้องเป็นฝ่ายตอบคำถาม คิดว่าจะรับมือไหวมั้ย”
นลเงียบไปชั่วครู่และย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก่อนจะตอบคำถามขอปราณ
“เมื่อกี้ฉันตกใจนิดหน่อย แต่ถ้าเจอสถานการณ์แบบนั้นอีกหลาย ๆ ครั้งก็คงชินไปเอง เรื่องตอบคำถามก็คงจะตอบได้ แต่อาจไม่เชี่ยวชาญเท่าคุณหรอกนะ”
“ไม่ต้องเชี่ยวชาญหรอก แค่เอาตัวรอดให้ได้ก็พอ ที่สำคัญเธอต้องอย่าลืมว่าเราคือคู่รักที่คบหาดูใจกันหนึ่งปีแล้ว งานแต่งงานของเรากำลังจะเกิดขึ้น เราคือคู่รักที่รักกันอย่างคู่ปกติทั่วไป เล่นให้สมจริงด้วยล่ะ”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำหรอกเรื่องที่เราต้องเป็นแฟนกัน”
“ไม่ได้สิ ฉันต้องย้ำ เผื่อเธอลืม”
“หึ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้พิศวาสคุณเลยสักนิด แต่ที่ต้องเป็นคุณเพราะตำแหน่งของคุณต่างหาก ไม่งั้นฉันคงไม่เอาตัวเองมาอยู่ตรงนี้หรอก”
“เรื่องนั้นฉันรู้ เราต่างมีผลประโยชน์ต่อกัน ฉันจะจำให้ขึ้นใจ”
“ดีค่ะคุณปลัด ช่วยจำให้แม่นก็แล้วกัน”
“แต่ฉันว่า มันก็ไม่แน่หรอกนะ วันใดวันนึงเธออาจจะหลงรักฉันขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้”
“เหอะ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ ๆ เถอะ”
ปราณส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินนลเอ่ยถ้อยคำทำนองนี้อีกครั้ง
“พูดแบบนี้บ่อย ๆ ระวังเถอะชาติหน้าเราจะได้เจอกันอีก”
“หึ ไม่มีทาง ไม่มีวัน ให้มันจบแค่ชาตินี้พอ”
ปราณไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายอีกเพราะรู้ดีว่าถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง นลก็คงหาคำพูดอีกมากมายมาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ บทสนทนาของทั้งคู่เลยจบลงแค่นั้น และมีเพียงความเงียบในรถมาตลอดทางจนกระทั่งถึงคอนโดของปราณ
“คืนนี้เราจะนอนด้วยกัน”
“ไม่!”
นลปฏิเสธทันทีหลังจากทั้งคู่เข้ามาในห้องและปราณเอ่ยบอกไปแบบนั้น เจ้าของห้องคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงตอบกลับมาแบบนี้ เธอเลยเตรียมแผนสำรองไว้
“ที่นี่มีห้องนอนห้องเดียว ถ้าเธอไม่โอเคก็ไปนอนตรงโซฟานู่น”
ปราณเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบหมอนกับผ้าห่มผืนบางยื่นให้นล
“พรุ่งนี้มีบินเช้าไม่ใช่เหรอ โซฟาที่นี่มันไม่นุ่มเท่าเตียงนอนคิงไซซ์หรอกนะ เลือกเอาละกัน”
ปราณยื่นเครื่องนอนให้นลแล้วปลีกตัวเดินไปห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจส่วนตัว จนกระทั่งเธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นร่างของนลนอนอยู่บนเตียง
ปราณหลุดหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นคนที่บอกปัดเสียงแข็งเมื่อครู่นอนหนุนหมอนเรียบร้อยบนเตียงใหญ่ แถมยังพลิกตัวหันหลังให้เหมือนจะประกาศว่าไม่อยากสนทนาด้วยอีกต่อไป
“ไม่ต้องนอนตัวแข็งแบบนั้นหรอกน่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
ปราณพูดขึ้นพร้อมหยิบผ้าห่มจากปลายเตียงมาคลุมตัวนล
“ฉันไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากรุกล้ำอาณาเขตของคุณ คุณเองก็เหมือนกัน ห้ามข้ามเส้นที่กั้นด้วยหมอนข้างเข้ามาเด็ดขาด”
นลเอ่ยทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น
“โอเค ฉันจะไม่ล้ำเส้นเธอ ไม่ต้องห่วง”
ปราณพูดพลางหัวเราะเล็กน้อย ก่อนเดินไปจัดหมอนอีกใบของตัวเอง เธอทรุดตัวลงนอนข้าง ๆ นล รักษาระยะห่างพอสมควร หันหน้าไปทางเดียวกับนล ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“นี่มันแค่เริ่มต้นต่างหาก คุณนลินภา”
“ฉันรู้ แล้วฉันก็หวังว่างานแต่งจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องมีใครจับตามองเราอีก อีกอย่าง แม่ฉันจะได้เลิกถามคำถามเดิม ๆ สักทีว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่”
“ก็ขอให้อะไรมันง่ายเหมือนที่เธอคิดก็แล้วกัน”
ปราณมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายในความมืด ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนอย่างนลถึงเดินเข้ามาหาเธอและขอร้องเรื่องการแต่งงานปลอม ๆ นี่
แค่ตำแหน่งของเธออย่างเดียวงั้นเหรอ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น ปราณก็ได้รู้ว่า คนอย่างนลไม่ใช่คนทะเยอทะยานหรือหลงใหลในยศถาบรรดาศักดิ์เลยสักนิด
"ฝันดีนะนล"
เสียงปราณที่เอ่ยขึ้นเบา ๆ กลายเป็นประโยคสุดท้ายของวัน ก่อนที่ความเงียบสงบจะเข้าครอบคลุมห้องนอน ทิ้งไว้เพียงสองคนที่แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่ในใจกลับยังมีความลับที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอยู่มากมาย
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขและผลประโยชน์ ทว่าในขณะเดียวกัน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ทั้งคู่ไม่ทันได้คาดคิด
เพราะในค่ำคืนนี้ เสียงหัวใจของคนทั้งคู่กลับเต้นดัง และเป็นจังหวะที่แปลกไปอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การมีบินไฟลต์เช้าทำให้นลต้องมาถึงสนามบินก่อนที่เครื่องจะออกราวสองถึงสามชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ แอร์โฮสเตสสาวพร้อมกระเป๋าเดินทางคู่ใจมาถึงจุดหมายแล้ว เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่เพื่อมาที่นี่ ไม่คิดจะรบกวนคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างกัน จนกระทั่งมาถึงสนามบิน เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น เป็นชื่อของคนที่เธอคาดการณ์เอาไว้แล้ว
“ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน จะได้ไปส่ง แล้วนี่อยู่ไหนแล้ว ปลอดภัยดีรึเปล่า”
แม้น้ำเสียงจากปลายสายจะมีความงัวเงียเล็กน้อย แต่มันก็แฝงไปด้วยความห่วงใยจนนลสัมผัสได้
“ฉันเห็นคุณหลับสบายเลยไม่อยากปลุก คุณเองก็มีประชุมเช้าหนิ นอนต่อเถอะ ฉันมาถึงสนามบินแล้ว ปลอดภัยดีไม่มีใครลักพาตัว”
“ยังจะมาประชดอีก ที่ถามก็เพราะเป็นห่วงนะ”
นลเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ตอบกลับไปถึงประเด็นนั้น
“คุณนอนต่อเถอะ ฉันจะไปเตรียมตัวแล้ว”
“แล้วรอบนี้จะกลับมาพักที่ไทยเมื่อไหร่อีก”
“ฉันต้องบินอีกสามไฟลต์ถึงจะได้พักอีก เอาไว้ถ้ากลับมาแล้วจะไลน์ไปบอก”
“รอบนี้บินไปไหน”
นลขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อปลายสายยังคงถามเรื่องเธอไม่หยุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปราณแทบไม่สนใจเรื่องงานของเธอเลยสักนิด
“บินตรงลอนดอน คุณถามทำไมเนี่ย”
“ก็จะได้รู้ว่าเครื่องลงตอนไหน ช่วงไหนที่เธอจะมีเวลาว่างรับสายฉันได้ คนเป็นแฟนกันก็ต้องใส่ใจกันสิ”
“โอ้ย ไม่ต้องให้มันสมจริงขนาดนั้นหรอก แค่นี้ก่อนนะฉันต้องไปเตรียมตัวแล้ว”
“อื้ม ดูแลตัวเองดี ๆ”
ทั้งคู่วางสายกันไป ตามด้วยเสียงของบอยที่ดังมาแต่ไกลระหว่างที่เจ้าตัวโบกมือให้นลแล้วเดินมาหา
“นล ๆ แกเห็นข่าวนี้ยัง ฉันเห็นโซเชียลแท็กกันเต็มเลย เมื่อคืนแกไปกินข้าวกับคุณปลัดมาเหรอ แถมยังมีคลิปสัมภาษณ์ด้วย แกดังแล้วนล”
บอยยื่นมือถือของตัวเองให้นลหวังจะให้อีกฝ่ายรับไปดูข่าวตัวเอง แต่นลกลับไม่สนใจมันเลยสักนิด
“วงการบันเทิงมันก็มีแต่เรื่องมายานั่นแหละ ไปทำงานกันเถอะ”
นลดึงหูจับกระเป๋าลากขึ้นสูงแล้วก้าวฉับ ๆ ไม่สนใจความตื่นเต้นของบอยแม้แต่น้อย เธอคิดเอาไว้แล้วว่าหลังจากที่ข่าวแพร่กระจายออกไป ชีวิตของเธอนับจากนี้คงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก
ภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของนายกรัฐมนตรี ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัด ทันทีที่ข่าวของปราณปภัสถูกแพร่กระจายออกไป พ่อของเธอเรียกพบโดยด่วนในเช้าวันต่อมา แม้ว่าปราณจะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์จริงเกิดขึ้นความกังวลคือสิ่งที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้เลยปราณปภัสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพ่อของเธอ ดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับเจาะทะลุผ่านหัวใจ ปราณพยายามตั้งสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะมีเวลาไตร่ตรองคิดหาถ้อยคำสวยหรูมาบอกแก่อีกฝ่าย“แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไปปราณ แกทำให้พ่อขายหน้าคนทั้งประเทศนะ รู้ตัวรึเปล่า!”น้ำเสียงตวาดกร้าวทำให้ปราณสะดุ้งโหยง แต่สองมือของเธอยังคงประสานบนหน้าตัก ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ปราณให้สัมภาษณ์ข่าวไปตามจริงค่ะ” ปราณตอบเรียบ ๆ แต่คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ“ตามจริงงั้นเหรอ แกคิดว่าการประกาศคบกับผู้หญิงกลางวงสื่อมันคือเรื่องสมควรเหรอ!” เสียงของพ่อดังขึ้นจนปราณรู้สึกสะเทือนหู“ไม่ว่าพ่อจะมองว่ามันสมควรหรือไม่ มันก็คือความจริงที่พ่อต้องยอมรับให้ได้ ครั้งนี้ปราณจะไม่ยอมให้
หลังจากภารกิจเที่ยวบินของนลเสร็จสิ้น และเธอมีเวลาพักที่ไทยสองวัน สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือการพาปราณปภัสไปหาครอบครัวและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่นลเดาไม่ออกเลยว่า เรื่องราววันนี้จะจบลงยังไง“เธอโอเคนะ”ปราณปภัสที่อยู่หลังพวงมาลัยหันมาถาม วันนี้เธอตั้งใจมาเจอครอบครัวของนลพร้อมตะกร้าของฝากมากมาย ทั้งผลไม้และไวน์รสชาติเยี่ยม อีกทั้งยังเสียสละเคลียร์งานและหาวันว่างให้ตรงกับนล ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายปราณก็ล็อกเวลาได้อย่างฉิวเฉียด แม้ว่าค่ำวันนี้เธอจะต้องไปทานข้าวกับรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ๆ ต่อก็ตาม“ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ฉันไม่พาคุณไปที่บ้าน แม่คงไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดแน่ แล้วฉันก็คงต้องเจอคำถามเดิม ๆ ไปอีกนาน ฉันตัดสินใจแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องกังวลนะ มีฉันทั้งคน”ปราณเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ทว่าครั้งนี้นลไม่ปฏิเสธการกระทำของเธออีกแล้ว กลับมีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น ระหว่างที่รถหรูของปราณขับเคลื่อนไปบนถนนเส้นยาวบ้านของนลอยู่ห่างจากชานเมืองเล็กน้อย เป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านที่อยู่หลังสุดท้าย บ้านหลังนี้นลทำงานเก็บเงินแ
เรื่องที่ปราณขอคบนลอย่างจริงจังไม่ถูกพูดถึงอีกนับแต่วันนั้น เพราะนลคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจซ่อนจุดประสงค์นี้ไว้ตั้งแต่แรก ตั้งใจให้เธอลงเรือลำเดียวกัน และงัดเอาเงื่อนไขนี้มาใช้ ทำให้นลปฏิเสธไม่ได้ซึ่งมันก็ถูก คนอย่างปราณปภัสไม่มีทางจะยอมช่วยเหลือใครง่าย ๆ หากไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกถูกชะตาใครคนนั้นตั้งแต่แรกเห็นและแน่นอนว่าการกดกระดิ่งเรียกซ้ำ ๆ ตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอกันครั้งแรก นั่นก็เพราะเธออยากจะเห็นหน้าของแอร์โฮสเตสที่ชื่อนลินภาบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ อีกฝ่ายจะมาขอร้องให้เธอช่วยแต่งงานด้วยซะอย่างนั้น งานนี้ถ้าไม่เรียกว่าอ้อยเข้าปากช้างก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว“นี่ ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยสิ รูปพรีเวดดิ้งนี่เราต้องเอาไปแปะไว้ข้างฝาบ้านนะ”ปราณกระซิบข้างหูของนลระหว่างที่ทั้งคู่พากันมาถ่ายรูปงานแต่งงานที่สตูดิโอแห่งนี้ เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถ่ายนอกสถานที่เพื่อลดปัญหาจากสายตาคู่อื่น ๆ แค่สายตาของคนในสตูดิโอก็ทำเอาทั้งคู่เกร็งไปตามกัน“เชิญคุณแปะไปคนเดียว ฉันไม่แปะด้วยหรอก”นลตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ยังพยายามแย้มรอยยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอก
หลังจากการถ่ายพรีเวดดิ้งในวันนั้นเสร็จสิ้น ปราณและนลก็แทบไม่ได้เจอกันเลย นลมีบินไฟลต์ยาวหลายไฟลต์ ส่วนปราณก็ทั้งทำงานการเมืองและเตรียมเรื่องงานแต่งหัวหมุน ทั้งคู่ได้เจอกันเพียงการวิดีโอคอลหากันเพื่อช่วยเลือกการ์ด เลือกของชำร่วยและรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องถามความคิดเห็นร่วมกัน และมีเพื่อนของบอยที่คอยประสานงานและช่วยอีกแรง ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ยังดูทุลักทุเลไปหน่อย แต่สุดท้ายการเตรียมงานแต่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีและวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของทั้งคู่“งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี” อาจเป็นคำบรรยายที่หลายคนใช้เรียกงานวิวาห์ของปราณและนลที่จัดขึ้นในวันนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง ตั้งแต่นักธุรกิจ นักการเมือง ดารานักแสดง และนักข่าวจากหลากหลายสำนักข่าวที่พากันมาทำข่าวอย่างคึกคัก“คุณปราณครับ คุณรู้สึกอย่างไรกับงานวันนี้”เสียงคำถามจากนักข่าวดังขึ้นทันทีที่ปราณและนลปรากฏตัวบริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ทั้งสองยืนคู่กันในชุดแต่งงานที่ดูหรูหราแต่เรียบง่ายวันนี้ปราณอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ส่วนเจ้าสาวอีกคน นลสวมชุดแต่งงานแบบเดรสเปิด
ห้องน้ำกว้างขวางสุดหรูที่ประดับประดาด้วยผนังหินอ่อนสีขาวดูแล้วสบายตา ตอนนี้มีกลิ่นหอมของเทียนอโรม่าจาง ๆ ลอยอบอวลไปทั่ว มันช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับคนที่กำลังลอยตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำได้เป็นอย่างดีนลยืนอยู่ริมขอบอ่าง ใบหน้าของเธอขมวดเล็กน้อยขณะมองปราณที่นั่งอยู่ในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ร่างบางเปียกโชกด้วยฟองสบู่ที่ลอยคลุมผิวเนียน ปราณเอนตัวพิงขอบอ่าง ดวงตายังดูมึนงงเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“ยืนอยู่ทำไม เธอจะปล่อยให้ฉันตัวเปื่อยคาอ่างรึไง ลงมาแช่ด้วยกันแล้วก็ถูหลังให้ฉันด้วย”เสียงปราณที่แหบพร่าเล็กน้อยดังขึ้น เธอหันมามองนลพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูเหมือนเจ้าเล่ห์นิดๆ“โตจนป่านนี้แล้วยังอาบน้ำเองไม่ได้รึไง”นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด อีกทั้งหน้าตาของเธอตอนนี้ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจในสิ่งที่ปราณร้องขอเท่าไหร่นักปราณหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยืดแขนยืดขาออกไปในน้ำ"ถ้าเธอไม่ทำ ฉันคงต้องอยู่แบบนี้ไปทั้งคืน ฉันยังมึนอยู่เลย ไม่มีแรงอาบน้ำเองหรอก"นลถอนหายใจยาวก่อนจะยอมรับชะตากรรม เธอหยิบฟองน้ำและสบู่เหลวขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงขอบอ่าง"หันหลังมาสิ"น้ำเสียงหงุดหงิดนั้นกลับทำให้ปราณยิ้มกว้างได้มากกว่าเดิม
เช้าวันใหม่หลังจากการแต่งงานผ่านพ้นไป นลลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เธอรีบคว้ามือถือมากดปิดเพราะเกรงจะรบกวนการนอนของคนข้าง ๆปราณปภัสยังคงหลับใหล ใบหน้าที่ปราศจากการเติมแต่งที่นลได้ตื่นมาเจอกลับทำให้เธอรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมาะกับการไม่แต่งแต้มอะไรเลยบนใบหน้ามากกว่า ปราณในตอนนี้ดูสวยและมีเสน่ห์กว่าตอนที่เธอสวมเครื่องแบบทำงานและแต่งหน้าเข้ม ๆ เป็นไหน ๆนลเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของปราณที่อยู่มุมห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าออกดูก็เจอเสื้อผ้ามากมายที่แขวนอย่างเป็นระเบียบไล่เรียงตามเฉดสี นลหยิบเสื้อสูทสีกรมท่าออกมาเตรียมไว้ จับคู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวและเลือกเนกไทเส้นบางให้เข้ากับชุดแล้วแขวนเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า หันไปมองคนบนเตียงอีกครั้งก็ยังคงหลับสนิท ปราณปภัสในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยยังไงอย่างนั้นนลเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ บีบยาสีฟันไว้บนแปรงของปราณปภัส เตรียมผ้าขนหนูและชุดคลุมอาบน้ำแขวนเอาไว้ จากนั้นจึงพาตัวเองออกมาจากห้องแล้วตรงไปยังห้องครัวเพื่อจะเตรียมมื้อเช้าให้อีกฝ่ายกลิ่นหอมของขนมปังปิ้งและไข่คนอบอวลไปทั้งห้องครัวหลังจากนลเข้ามาได้ไม่นาน มื้อเช้
นลมองไม่เห็นทางเลือกไหนเลย สุดท้ายเธอจำต้องยอมเดินตามผู้ชายชุดดำสองคนนั้นไปยังรถตู้คันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านหลังคอนโด เมื่อประตูเปิดออกกว้างนลก็หายสงสัยทันทีว่าผู้ชายชุดดำเป็นใคร ทั้งคู่เป็นลูกน้องของนายชาญชัยนี่เอง โดยที่เจ้านายของพวกเขากำลังนั่งอยู่ในรถด้วยใบหน้าเคร่งขรึมดังเช่นที่นลเคยได้เห็นเมื่อวันแต่งงาน“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่มีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อย”คนในรถเอ่ยขึ้นโดยที่นลนั่งอยู่เก้าอี้ด้านข้าง เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันมองหน้านายชาญชัย หัวใจยังคงเต้นรัว บรรยากาศภายในรถชวนอึดอัดเป็นอย่างมาก“เข้าเรื่องเลยละกันนะ” นายชาญชัยเริ่มต้นการสนทนาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอกับปราณไม่มีอะไรเหมาะสมกันเลย เรื่องงานแต่งงานนั่นฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องลวงโลก รับเงินในซองนี่ไปซะแล้วออกไปจากชีวิตของปราณ”เขาเลื่อนซองเอกสารที่อัดแน่นไปด้วยธนบัตรจำนวนมากไปตรงหน้านล “เงื่อนไขคือ เลิกยุ่งกับปราณทันที”นลมองซองสีน้ำตาลด้วยสายตาแน่วแน่ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน“ฉันรักลูกสาวคุณจริง ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงความรักของเราสองคนได้ ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือคำสั่งจากใครก็ตาม”สายตาของนายชาญชัยฉาย
เช้าวันต่อมา หลังจากนลและปราณอาบน้ำแต่งตัวและทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ปราณขับรถพานลมาที่บ้านสวนอีกครั้ง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะให้นลมาอยู่ที่นี่สักพัก เพราะเกรงว่าพ่อของเธอจะส่งลูกน้องมาขู่นลอีก เธอไม่อยากเห็นแววตาของความหวาดกลัวจากนลอีกแล้ว เพราะมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอไม่น้อยเลยที่ไม่สามารถดูแลคนที่ตัวเองรักได้ตลอดเวลาบรรยากาศบ้านสวนเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เสียงนกร้อง และลมเย็นที่พัดผ่าน ทำให้รู้สึกสงบและอบอุ่น ทุกอย่างที่นี่ดูปลอดภัยกว่าที่คอนโดเธอเป็นไหน ๆ แม้ว่าจะไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ตาม“นล อยู่ที่นี่สักพักนะ” ปราณพูดพลางจับมือของนลแน่นขณะทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้านสีขาวหลังเล็กที่ครั้งก่อนเคยมาทานข้าวด้วยกันแล้วนลมองปราณด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยและกำลังจับพิรุธบางอย่าง “ฉันอยู่ได้ แต่คุณไม่ได้คิดจะทำอะไรที่มันอันตรายใช่ไหม”ปราณถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดไปให้คนที่ตนรัก “ฉันต้องไปคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจัดการได้แน่นอน เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับมากินข้าวด้วยนะ ทำกับข้าวอร่อย ๆ รอไว้ด้วยล่ะ”นลยังคงกังวล เธอบีบมือปราณแน่นขึ้น “ฉันเป็นห
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ
ปราณและนลกลับเข้าไปในงานพร้อมเสียงดนตรีแจ๊ซเบา ๆ คลอเคล้าไปกับบรรยากาศ ตอนนี้มื้ออาหารไม่เป็นที่สนใจแล้วเพราะหลายคนเริ่มอิ่มท้อง สิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจคือฟลอร์เต้นรำที่มีรัฐมนตรีหลายคนออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนานขณะที่ปราณและนลกำลังจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พ่อของปราณก็เดินเข้ามาหา เขายื่นแก้วไวน์ให้ทั้งสองคนคนละแก้วก่อนจะเอ่ยบางคำ"ปราณ ไปเต้นกับพ่อสักเพลงนะ" นายชาญชัยยื่นมือให้ลูกสาวของเขา ปราณเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ"ไม่ได้เมาใช่มั้ยเนี่ย มาชวนลูกสาวเต้น" ปราณเอ่ยแซวกลับไป"ไม่ได้เมาเว้ย ฉันอยากเต้นกับแกบ้างมันจะทำไม พวกสาว ๆ น่ะเต้นด้วยจนเบื่อแล้ว" พ่อของปราณยักคิ้วแพรวพราย สองพ่อลูกหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ปราณหันไปมองหน้านลเล็กน้อยเชิงขออนุญาต"ไปเถอะค่ะ นลไปนั่งที่โต๊ะนะ""จ้ะ ขอเวลานอกแป๊บเดียวนะ"ปราณเดินควงแขนไปกับพ่อของเธอพร้อมด้วยแก้วไวน์ในมือ ส่วนโต๊ะอาหารที่นลเดินกลับไปนั่งก็ไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก จึงเท่ากับว่าปราณยังอยู่ในสายตาของเธอเมื่อมาถึงฟลอร์เต้นรำ ปราณก็ยอมปล่อยตัวตามจังหวะเพลง ช่วงเวลาที่เธอเต้นกับพ่อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อ พ
การเดินทางไปทำงานที่เวียดนามครั้งนี้ สร้างความประทับใจแก่ปราณและนลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนลที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ และผลงานของทั้งคู่ต่างเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงเก่งทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างกันนั้น ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แต่ทั้งปราณและนลกำลังจะเปิดภาพใหม่ ๆ ให้ใครหลายคนได้เห็นถึงความเท่าเทียมที่ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของศักยภาพในการทำงานอีกด้วยและเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงประเทศไทย นายกรัฐมนตรีก็เรียกพบในทันที บรรยากาศในห้องทำงานของพ่อวันนี้ทำให้ปราณเกิดความแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันดูไม่อึดอัดอย่างที่แล้วมาเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง พ่อของปราณกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ และผายมือเชิญให้ทั้งคู่เข้ามานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน“เป็นไงบ้าง” พ่อของปราณถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเขามองทั้งสองคนด้วยความภูมิใจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ” ปราณตอบพร้อมกับหันไปมองนลเหมือนส่งสัญญาณให้เธอเล่าเพิ่มเติมนลยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “เราได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากค่ะและได้รับการสนับสนุนที่ดีในทุก ๆ โปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”นา
ในยามค่ำคืนของกรุงฮานอยที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ท้องฟ้ายามราตรีถูกประดับด้วยดวงดาวที่มองเห็นเพียงแผ่วเบา ห้องพักกว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น พร้อมกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองด้านล่าง แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงให้บรรยากาศที่นุ่มนวลเหมือนกำลังโอบล้อมทั้งคู่ไว้ในความอบอุ่นบรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดแผ่วจากภายนอก ปราณยื่นมือไปแตะที่แก้มของนลเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคนรัก ดวงตาทั้งคู่สื่อสารกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด“นล”เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสแรกจากริมฝีปากของปราณอ่อนโยนและแผ่วเบาราวกับสายลมที่แตะต้องผิวน้ำ นลหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ความรู้สึกพาเธอไปตามจังหวะของหัวใจ จูบนั้นเต็มไปด้วยความหมายและความอ่อนหวานที่ปราณมอบให้เธอมือของปราณประคองใบหน้านลไว้เบาๆ ขณะเดียวกันก็เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น นลยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของปราณ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากตัวอีกฝ่าย ความใกล้ชิดนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดินปราณถอนจูบออกช้า ๆ มองนลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความต้องการที่มากเหลือเกิน แน่นอนว่าคืนนี้เธอไม่ได้ต้องการเพียงแ