ระหว่างมื้ออาหาร ทั้งปราณปภัสและนลได้เปิดใจพูดคุยกันมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นทำความรู้จักกันแต่ก็ไม่เป็นปัญหา ในเมื่อตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้ว การจะรู้จักกันให้ได้มากที่สุดนับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ
“พาสต้ากับซุปเนื้อที่สั่งมาอร่อยดีนะ”
ปราณเอ่ยขึ้นระหว่างที่บทสนทนาเงียบลงไป
“สองเมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้เลย ฉันคิดไว้แล้วว่าคุณต้องชอบแน่ ๆ”
น้ำเสียงที่ส่งมาดูสดใสขึ้นมาหน่อย แววตาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปจากตอนเจอกันบนเครื่อง ราวกับว่าแอร์โฮสเตสสาวคนนี้ยอมสลัดภาพลักษณ์แสนเย่อหยิ่งออกไปบ้างแล้ว
“แล้วนี่ไม่ต้องทำงานแล้วรึไง?”
“ฉันมีวันพักสองวันค่ะ เป็นปกติของการบินไฟลต์ยาว”
“งั้นก็แปลว่าพรุ่งนี้ว่างอีกวัน”
“อื้อ”
นลพยักหน้าแล้วตักพาสต้าในจานของเธอเข้าปากต่อ ท่าทีกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยของคนตรงหน้าทำให้ปราณยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้สิ ฉันจ่ายเอง เป็นการขอโทษตามที่เมลไปบอกไง”
“ช่างเมลนั้นเถอะ อีกหน่อยถ้าเราแต่งงานกันแล้วเธอก็ต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างในทุกเงื่อนไข ซ้อมไว้ตั้งแต่ตอนนี้ก็ดี”
ความตั้งใจที่จะเป็นเจ้ามือต้องชะงักในทันทีเมื่อปราณเอาเงื่อนไขนี้มาเอ่ย เห็นภาพอนาคตได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ว่าถ้าเกิดงานแต่งเกิดขึ้นจริง หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นลคงกลายเป็นอะไรสักอย่างที่ต้องทำตามความต้องการของปราณปภัสทุกอย่างโดยเลี่ยงไม่ได้
“งั้นก็ตามใจ”
ปราณปภัสยกยิ้มมุมปาก เธอดูชอบใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายกลายเป็นคนไม่มีปากไม่มีเสียง เหมือนว่าการทำข้อตกลงเกี่ยวกับงานแต่งปลอม ๆ ชักจะสนุกแล้วสิ
“เธอมีธุระต่อรึเปล่า ถ้าไม่รีบไปเดินเล่นกัน”
นลแปลกใจในคำชวนนั้นเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธ หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารทั้งคู่เลยพากันมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ร้านอาหาร
บรรยากาศยามค่ำคืนที่มีแสงไฟจากโคมไฟดวงเล็ก ๆ ตามจุดต่าง ๆ ในสวนสาธารณะทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น มีม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ทอดเงาอย่างอ่อนโยน บริเวณกลางสวนมีน้ำพุที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้ เพิ่มความผ่อนคลายและความมีชีวิตชีวาให้กับพื้นที่แห่งนี้
ท้องฟ้ายามค่ำคืนใสกระจ่าง พร้อมแสงดาวที่แต่งแต้มให้บรรยากาศโรแมนติกและสวยงาม เหมาะสำหรับการเดินเล่นหรือนั่งพักผ่อนมากทีเดียว
“ไปนั่งตรงโน้นกัน”
ปราณเอ่ยบอกคนข้าง ๆ แล้วเดินนำไปยังม้านั่งยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ นลทิ้งตัวลงข้างเธอเว้นระยะห่างไม่มากนัก
แม้ว่าตอนนี้ที่เยอรมนีจะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่เมื่อตกกลางคืนอากาศก็จะเย็นขึ้น นลที่มีเพียงเสื้อคลุมตัวบางติดตัวมาจึงกระชับเสื้อแนบลำตัวมากกว่าเดิมเพราะรู้สึกถึงอากาศหนาวที่เพิ่มระดับ
“คราวหลังก็หาเสื้อหนา ๆ ติดตัวไว้บ้าง เป็นแอร์โฮสเตสซะเปล่า”
ปราณถอดเสื้อแจ็กเกตของเธอออกแล้วนำมันคลุมไหล่ให้อีกฝ่าย
“ไม่ได้หนาวขนาดนั้นหรอกน่า”
ปราณเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายแน่น สอดประสานนิ้วทั้งห้าเพื่อทดสอบคำพูดของคนข้าง ๆ
“เถียงเก่งเป็นบ้า มือเธอเย็นขนาดนี้”
“หึ คุณก็จับผิดเก่งที่หนึ่ง”
“คงไม่เท่าเธอหรอกมั้ง”
“เหอะ”
ปราณปภัสยิ้มมุมปากอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
“ปล่อยมือฉันได้แล้ว”
“รีบปล่อยทำไม ฝึกไว้สิ อีกหน่อยเธอต้องควงแขนฉันออกงานนะ”
ปราณเหลือบสายตาไปมองคนข้าง ๆ อย่างชอบใจ เธอชอบนักล่ะเวลาที่อีกฝ่ายเถียงไม่ได้ ทำได้แค่แสดงออกถึงความหงุดหงิดผ่านแววตาคู่นั้น
“เล่าเรื่องเธอให้ฟังหน่อยสิ พวกประวัติส่วนตัว ข้อมูลที่ควรรู้ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ”
ปราณเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาหลังจากที่ทั้งคู่นั่งเงียบกันมาครู่หนึ่ง
“คุณไม่ต้องรู้เยอะหรอก รู้แค่ว่าฉันชื่อนล ทำอาชีพเป็นแอร์โฮสเตส และกำลังจะมาเป็นแฟนปลอม ๆ ในอนาคตของคุณแค่นั้นก็พอ”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าต้องเป็นฉัน ไอ้ตำแหน่งคู่ชีวิตจอมปลอมนี่”
“เพราะคุณเป็นถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แถมยังเป็นลูกสาวนายกรัฐมนตรี คงไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกแต่งงานด้วยหรอก”
“แต่เราเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ บ้านเธอฉันไม่รู้ แต่บ้านฉันมันไม่ง่ายเลย”
ปราณปภัสเงียบไปครู่หนึ่ง ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่ลากใครมาเกี่ยวพันกับเรื่องแบบนี้อีก แต่ตอนนี้เธอกลับนั่งจับมืออยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่กำลังจะจัดฉากการแต่งงานปลอม ๆ ขึ้นมา
แต่งงานเลยนะปราณ เรื่องเล็กซะที่ไหน แถมเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก
“ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย และเรื่องที่คุณต้องเลิกกับแฟน ฉันเสียใจด้วยนะ”
ก่อนที่นลจะมาเจอปราณตามนัด เธอหาข่าวของอีกฝ่ายย้อนไปหลายปีเพื่ออ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนั้น เนื้อหาข่าวไม่ได้ต่างจากที่บอยเปรยให้ฟังเท่าไหร่นัก แต่ภาพที่นลเห็นปราณปภัสถูกสัมภาษณ์กลางวงสื่อ ทำให้เธอรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาจับใจ เพราะแววตาของเธอบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“จริง ๆ มันก็ไม่น่าเศร้าขนาดนั้นหรอก ฉันกับเจน เอ่อ แฟนเก่าคนนั้น เราก็มีปัญหากันมาสักพักแล้ว อันที่จริงการที่ฉันยอมเข้ามารับตำแหน่งนี้เพราะฉันอยากจะลืมเรื่องนั้นด้วย”
“แล้วตอนนี้คุณดีขึ้นแล้วเหรอ?”
สายตาของนลมีความเป็นห่วงแสดงออกชัดเจนโดยที่เจ้าตัวแทบไม่รู้ตัวเลย หากแต่คนที่ได้เห็นกลับรับรู้ได้ในความห่วงใยนั้น
“ถ้าไม่ดีขึ้นคงไม่นั่งจับมือเธออยู่ตรงนี้ ฉันไม่ชอบคบใครเล่น ๆ หรอกนะ ถึงจะเป็นการจัดฉากก็เถอะ”
“หมายความว่าไง?”
ปราณปภัสเอียงหน้ามองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจแล้วจับมือนลแน่นขึ้น
“หมายความว่า หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว ฉันจะปฏิบัติกับเธอเหมือนคู่รักทั่วไป เราจะเป็นคู่รักกันจริง ๆ ไม่ว่าจะต่อหน้าสื่อหรืออยู่ที่บ้าน”
“อยู่ที่บ้าน?”
นลขมวดคิ้วเข้าหากัน ปล่อยมือออกจากมืออีกฝ่ายทันที จ้องหน้าปราณแทบไม่กะพริบตาเพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม
“แน่สิ ถ้าเราแต่งงานกันแล้วเธอต้องไปอยู่บ้านฉัน และลาออกจากงานที่ทำอยู่”
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ลาออกหรอก แค่จัดงานก็พอแล้ว ทุกคนก็รับรู้แล้วแหละน่าว่าเราคบหากัน”
“นี่ อย่าลืมคำพูดตัวเองสิ”
ปราณจ้องมองดวงตาคู่สวยของอีกฝ่ายคล้ายจะเตือนความจำให้
“เธอพูดเองนะว่าฉันสามารถควงเธอออกงานได้ แล้วถ้าถึงตอนนั้นแต่เธอบินอยู่บนฟ้าแล้วจะให้ฉันไปคว้าใครที่ไหนมาควงล่ะ ภรรยาของปลัดกระทรวงน่ะต้องสแตนด์บายตลอดเวลา”
นลเงียบไปอีกครั้ง ความสับสนมากมายเกิดขึ้นในหัว หากการแต่งงานครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยอาชีพแอร์โฮสเตสที่เธอใฝ่ฝันมันจะคุ้มค่ารึเปล่า คำถามมากมายวกวนไม่มีหยุด
“อืม ออกก็ออก แต่ก็ไม่ได้เร็วทันใจอย่างที่คุณต้องการหรอกนะ ฉันต้องแจ้งล่วงหน้าและเคลียร์เอกสารหลาย ๆ อย่าง เร็วที่สุดก็อาจจะหนึ่งเดือน”
“ฉันน่ะไม่มีปัญหา เพราะคนที่รีบแต่งงานเหมือนจะเป็นเธอมากกว่า”
“จริง ๆ ฉันก็รีบนั่นแหละ เพราะแม่พูดเรื่องแต่งงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง มันทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการทำงาน เอาแต่นั่งคิดว่าทำไมฉันถึงไม่ได้เลือกอะไรด้วยตัวเองเลย ตั้งแต่ชีวิตวัยเรียน การทำงาน จนมาถึงเรื่องคู่ครอง จะว่าไป ไอ้อาชีพสวยหรูนี่มันก็ไม่ใช่ความฝันของฉันแบบจริงจังหรอก มันเป็นความฝันของแม่มากกว่า ฝันของแม่ เรียนตามแม่ ทำงานแบบที่แม่อยากให้ทำ”
ปราณปภัสแอบสังเกตเห็นแววตาของการแบกรับอะไรหลายอย่างที่หนักหนา จากที่อีกฝ่ายไม่อยากจะพูดเรื่องส่วนตัวมากนัก กลายเป็นว่าเมื่อนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ เรื่องราวเหล่านั้นกลับถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ประหนึ่งเพื่อนสนิทคนหนึ่งกำลังบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้อีกคนฟังอย่างไว้ใจ
“งั้นเพื่อความสบายใจของแม่เธอ ถ้าเธอสะดวกจะพาฉันไปเปิดตัวก็นัดมานะ อย่างน้อยแม่เธอจะได้รู้ไว้ก่อนว่าเธอมีคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้ว”
“เป็นความคิดที่ดี งั้นฉันขอเบอร์ติดต่อของคุณหน่อย”
นลยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้อีกฝ่าย แต่ปราณกลับไม่หยิบมันไปกดเบอร์ เธอปล่อยมือของนลแล้วหยิบมือถือตัวเองมาเปิดคิวอาร์โค้ดไลน์เพื่อให้อีกฝ่ายสแกน
“ไลน์ดีกว่าเบอร์ เพราะมันส่วนตัวกว่า”
นลพยักหน้าเล็กน้อยแล้วสแกนคิวอาร์โค้ดที่อีกฝ่ายยื่นให้ทันที สติกเกอร์ทักทายถูกส่งมาหนึ่งครั้งก่อนเสียงแจ้งเตือนจากมือถือของนลจะตามมา
“อีกหนึ่งอย่างที่ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ แม้ว่าเราจะยังไม่แต่งงานกัน ถ้าฉันโทรไปต้องรับ ไลน์ไปต้องตอบ ห้ามมีความลับ ห้ามโกหกปิดบัง เพราะฉันเกลียดการโกหกที่สุด”
“เรื่องพวกนี้มันเป็นพื้นฐานของการคบหากันอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกหรอก”
“ฉันบอกไว้ก่อน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะคิดเหมือนเธอหรอกนะ”
นลแอบเห็นความเศร้าในแววตาของปราณปภัสเมื่อพูดเรื่องนี้ ถ้าให้เดาเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงมีความหลังฝังใจกับเรื่องของการโกหกแน่ ๆ
“โอเค ฉันจะไม่โกหกคุณ ฉันสัญญา”
“ดี ส่วนเรื่องงานของเธอ ถ้าลาออกแล้วฉันจะหางานให้ จะได้ไม่อยู่ว่าง ๆ ไม่ต้องกลัวว่าทิ้งอาชีพสวยหรูมาแล้วจะไม่มีอะไรทำหรอกนะ”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก จริง ๆ นอกจากอาชีพหลักที่ทำอยู่ ฉันยังมีอาชีพเสริมเป็นฟลิบเปอร์ด้วย”
“ฟลิบเปอร์? งานอะไรของเธอ”
“นักเก็งกำไรไง ไม่รู้จักรึไงเนี่ย ส่วนมากฉันจะซื้อพวกของแบรนด์เนมมาขายเก็งกำไรน่ะ เน้นสินค้ากระแสขายเร็ว ๆ ถึงยังไงก็ต้องเดินทางต่างประเทศบ่อยอยู่แล้ว เลยใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่า”
นลไม่พูดเปล่าแต่ยังเปิดช่องทางโซเชียลของเธอให้ปราณปภัสดูอย่างภาคภูมิใจ รอยยิ้มและแววตาเปล่งประกายตลอดเวลาที่พูดเกี่ยวกับอาชีพนี้ดูสดใสกว่าตอนที่เธอทำงานบนเครื่องเป็นไหน ๆ ปราณปภัสสังเกตเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
“อย่างน้อยก็มีหนึ่งอย่างที่เธอได้ทำตามใจตัวเองนะ แต่ฉันไม่เคยจะได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำเลย ตั้งแต่แม่เสีย พ่อก็เข้ามาปูทางชีวิตของฉันอย่างเต็มระบบ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือแม้แต่เรื่องความรัก เหมือน ๆ กับเธอนั่นล่ะ”
“แล้วคุณโอเครึเปล่า เรื่องที่เราจะสร้างภาพปลอม ๆ นี่ด้วยกัน มันก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่คุณไม่ได้เลือกเองเหมือนกันหนิ”
“ใครบอก การแต่งงานครั้งนี้อาจเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ฉันได้เลือกเองก็ได้”
นลไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยมากนัก แต่ไม่ทันได้ถามอะไรต่อปราณปภัสก็ฉุดมือเธอให้ลุกขึ้นตาม
“กลับกันดีกว่า ดึกแล้ว เดี๋ยวฉันเดินไปส่งเธอที่โรงแรม”
“ไม่ต้องหรอกคุณ ฉันกลับเองได้”
นลพยายามปล่อยมืออีกฝ่ายแต่ดูจะยากเหลือเกิน เพราะยิ่งเธอพยายามแกะมือของปราณ อีกฝ่ายกลับจับมือเธอแน่นมากขึ้น
“ไม่รู้เมื่อไหร่เธอจะเลิกขัดใจฉันสักที”
ปราณยังคงจับมือคนข้าง ๆ แน่น ไม่สนใจคำทักท้วงด้วยเสียงเล็ก ๆ นั่น
“ชาติหน้าเถอะ ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ไม่ปล่อย ชาติหน้าก็โอเค ไม่นานเท่าไหร่หนิ”
“คุณ!”
นลหันไปมองค้อน แต่สุดท้ายก็เถียงอะไรไม่ได้อีก เพราะอีกฝ่ายยังคงเดินจับมือเธอไปตลอดทางจนกระทั่งถึงโรงแรม
ช่วงเวลาที่นลกำลังจัดการเรื่องการลาออกจากงาน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและปราณปภัสเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นแม้ว่าตั้งแต่แยกกันที่โรงแรมคราวนั้นต่างฝ่ายต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ทั้งคู่ไม่ได้เงียบหายกันไป หนำซ้ำปราณปภัสยังชอบทำตัวแปลก ๆ โดยให้เหตุผลแค่ว่า หนึ่งเดือนนี้เธอจะฝึกซ้อมการเป็นแฟนที่ดีให้ได้มากที่สุดอย่างเช่นสิ่งที่นลได้รับในวันนี้ก็คงเป็นหนึ่งในการซ้อมเป็นแฟนปลอม ๆ เช่นกัน“ว๊าย มีดอกไม้ช่อใหญ่มาส่งอีกแล้ว”เสียงเล็กแหลมของบอยเอ่ยขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่กำลังลากกระเป๋าเดินทางไปตามทางเดินในตัวอาคาร โดยที่ในอ้อมแขนข้างหนึ่งของนลเต็มไปด้วยช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่จัดตกแต่งมาอย่างสวยงาม“แกอยากได้มั้ยล่ะ ฉันยกให้ ไม่รู้จะส่งให้ทำไมนักหนา”นลมองหน้าบอยสลับกับช่อดอกไม้ในอ้อมแขน เธอไม่คุ้นชินสักทีกับการกระทำของอีกฝ่าย แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นลได้รับช่อดอกไม้ช่อใหญ่แบบนี้“เค้าส่งให้แกก็รับไว้เถอะน่า จริงใจหรือจริงโจ้ก็รับไว้ก่อน ร้านดอกไม้ร้านนี้ดังนะเนี่ย ช่อนี้คงไม่ต่ำกว่าห้าพัน”บอยรู้แม้กระทั่งร้านดอกไม้ดัง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ส่วนนลน่ะเหรอ เธอแทบไม่รู้อะไรเลย แม้แต่เรื่
“ทะลึ่ง เชิญคุณซ้อมไปคนเดียวเถอะ!”นลปลีกตัวเดินไปอีกทางพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า ต่างจากปราณที่กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม“ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ซ้อมฉันซ้อมคนเดียวก็ได้”พูดจบปราณก็เดินไปกอดนลจากด้านหลังแล้วเอียงหน้าหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“นี่คุณ!”เสียงโวยวายที่ดังตามมาทำให้คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างชอบใจ ก่อนจะปิดประตูลงพร้อมใบหน้าสดใส ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเธอ มันอาจจะนานมากจนปราณไม่คิดว่าเธอจะกลับมารู้สึกแบบนี้ได้อีกหลังจากเจ้าของห้องปิดประตูลง นลก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่นทันที เธอกวาดสายตาหันมองรอบตัวพลางคิดทบทวนเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ คอนโดราคาสูงท่ามกลางเมืองวุ่นวายนลทิ้งตัวลงนอนไปกับโซฟาจนเผลอหลับไป กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบสี่โมงเย็น ทันทีที่ลืมตาตื่นเธอคว้ามือถือมาดูนาฬิกาบนหน้าจอแล้วก็เจอกับข้อความจากปราณปภัสที่ขอเลื่อนการทานข้าวเป็นหนึ่งทุ่ม เนื่องจากภาระงานยังไม่เสร็จสิ้น นลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยังมีเวลามากพอในการแต่งหน้าแต่งตัวและเลือกชุดที่ดูดีที่สุดแต่ไม่ทันจะได
ทันทีที่กลุ่มนักข่าวเห็นปราณปภัสและคนข้างกายของเธอเดินจับมือมาด้วยกัน หลายคนรีบพุ่งมาหาเพื่อจะสัมภาษณ์ ไม่ต่างจากกลุ่มอีแร้งที่หมายจะรุมทึ้งเหยื่ออันโอชะยังไงอย่างงั้น“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะคุณปราณ ไม่ทราบว่าวันนี้มาทานข้าวกับใครเหรอคะ ใช่คนรักคนใหม่รึเปล่า คบหาดูใจกันมานานรึยังคะ”คำถามแรกถูกส่งมาพร้อมไมค์อันใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า ตามด้วยเทปอัดเสียง และมือถืออีกหลายเครื่องของสื่อสำนักอื่น ๆ ปราณปภัสจับมือนลไว้แน่น เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากมือคู่นั้น อีกฝ่ายกำลังตกใจและตื่นกลัวเธอรู้ดี แต่นลก็ยังคงฝืนยิ้มและยิ้มให้ได้มากที่สุดตามที่เธอเอ่ยขอ“คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันวันนี้คือคนรักของฉันเองค่ะ เราคบกันมาประมาณหนึ่งปีแล้ว เธอชื่อนลค่ะ เป็นแอร์โฮสเตส”“ว้าว แฟนสาวนอกวงการเหรอคะเนี่ย นอกจากสวยแล้วยังเป็นแอร์โฮสเตสด้วย แล้วการคบกันมีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่าคะ คุณชาญชัยว่ายังไงบ้างที่ลูกสาวมีแฟนเป็นเพศเดียวกัน”ปราณชะงักไปครู่หนึ่ง แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าคงจะต้องเจอคำถามทำนองนี้“คุณพ่อไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้โลกเราเปิดกว้างแล้ว ประเทศไทยเราก็เพิ่งผลักดันเรื่องสมรสเท่าเทียมผ่าน มันเป็น
ภายในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของนายกรัฐมนตรี ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัด ทันทีที่ข่าวของปราณปภัสถูกแพร่กระจายออกไป พ่อของเธอเรียกพบโดยด่วนในเช้าวันต่อมา แม้ว่าปราณจะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์จริงเกิดขึ้นความกังวลคือสิ่งที่เธอไม่สามารถควบคุมมันได้เลยปราณปภัสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพ่อของเธอ ดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับเจาะทะลุผ่านหัวใจ ปราณพยายามตั้งสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำตัวให้นิ่งที่สุดเผื่อจะมีเวลาไตร่ตรองคิดหาถ้อยคำสวยหรูมาบอกแก่อีกฝ่าย“แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไปปราณ แกทำให้พ่อขายหน้าคนทั้งประเทศนะ รู้ตัวรึเปล่า!”น้ำเสียงตวาดกร้าวทำให้ปราณสะดุ้งโหยง แต่สองมือของเธอยังคงประสานบนหน้าตัก ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา“ปราณให้สัมภาษณ์ข่าวไปตามจริงค่ะ” ปราณตอบเรียบ ๆ แต่คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ“ตามจริงงั้นเหรอ แกคิดว่าการประกาศคบกับผู้หญิงกลางวงสื่อมันคือเรื่องสมควรเหรอ!” เสียงของพ่อดังขึ้นจนปราณรู้สึกสะเทือนหู“ไม่ว่าพ่อจะมองว่ามันสมควรหรือไม่ มันก็คือความจริงที่พ่อต้องยอมรับให้ได้ ครั้งนี้ปราณจะไม่ยอมให้
หลังจากภารกิจเที่ยวบินของนลเสร็จสิ้น และเธอมีเวลาพักที่ไทยสองวัน สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือการพาปราณปภัสไปหาครอบครัวและอธิบายเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่นลเดาไม่ออกเลยว่า เรื่องราววันนี้จะจบลงยังไง“เธอโอเคนะ”ปราณปภัสที่อยู่หลังพวงมาลัยหันมาถาม วันนี้เธอตั้งใจมาเจอครอบครัวของนลพร้อมตะกร้าของฝากมากมาย ทั้งผลไม้และไวน์รสชาติเยี่ยม อีกทั้งยังเสียสละเคลียร์งานและหาวันว่างให้ตรงกับนล ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายปราณก็ล็อกเวลาได้อย่างฉิวเฉียด แม้ว่าค่ำวันนี้เธอจะต้องไปทานข้าวกับรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ๆ ต่อก็ตาม“ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ฉันไม่พาคุณไปที่บ้าน แม่คงไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดแน่ แล้วฉันก็คงต้องเจอคำถามเดิม ๆ ไปอีกนาน ฉันตัดสินใจแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องกังวลนะ มีฉันทั้งคน”ปราณเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่นั่งอยู่เบาะข้าง ทว่าครั้งนี้นลไม่ปฏิเสธการกระทำของเธออีกแล้ว กลับมีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น ระหว่างที่รถหรูของปราณขับเคลื่อนไปบนถนนเส้นยาวบ้านของนลอยู่ห่างจากชานเมืองเล็กน้อย เป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านที่อยู่หลังสุดท้าย บ้านหลังนี้นลทำงานเก็บเงินแ
เรื่องที่ปราณขอคบนลอย่างจริงจังไม่ถูกพูดถึงอีกนับแต่วันนั้น เพราะนลคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจซ่อนจุดประสงค์นี้ไว้ตั้งแต่แรก ตั้งใจให้เธอลงเรือลำเดียวกัน และงัดเอาเงื่อนไขนี้มาใช้ ทำให้นลปฏิเสธไม่ได้ซึ่งมันก็ถูก คนอย่างปราณปภัสไม่มีทางจะยอมช่วยเหลือใครง่าย ๆ หากไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกถูกชะตาใครคนนั้นตั้งแต่แรกเห็นและแน่นอนว่าการกดกระดิ่งเรียกซ้ำ ๆ ตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอกันครั้งแรก นั่นก็เพราะเธออยากจะเห็นหน้าของแอร์โฮสเตสที่ชื่อนลินภาบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ อีกฝ่ายจะมาขอร้องให้เธอช่วยแต่งงานด้วยซะอย่างนั้น งานนี้ถ้าไม่เรียกว่าอ้อยเข้าปากช้างก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว“นี่ ยิ้มเยอะ ๆ หน่อยสิ รูปพรีเวดดิ้งนี่เราต้องเอาไปแปะไว้ข้างฝาบ้านนะ”ปราณกระซิบข้างหูของนลระหว่างที่ทั้งคู่พากันมาถ่ายรูปงานแต่งงานที่สตูดิโอแห่งนี้ เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถ่ายนอกสถานที่เพื่อลดปัญหาจากสายตาคู่อื่น ๆ แค่สายตาของคนในสตูดิโอก็ทำเอาทั้งคู่เกร็งไปตามกัน“เชิญคุณแปะไปคนเดียว ฉันไม่แปะด้วยหรอก”นลตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ยังพยายามแย้มรอยยิ้มขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอก
หลังจากการถ่ายพรีเวดดิ้งในวันนั้นเสร็จสิ้น ปราณและนลก็แทบไม่ได้เจอกันเลย นลมีบินไฟลต์ยาวหลายไฟลต์ ส่วนปราณก็ทั้งทำงานการเมืองและเตรียมเรื่องงานแต่งหัวหมุน ทั้งคู่ได้เจอกันเพียงการวิดีโอคอลหากันเพื่อช่วยเลือกการ์ด เลือกของชำร่วยและรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องถามความคิดเห็นร่วมกัน และมีเพื่อนของบอยที่คอยประสานงานและช่วยอีกแรง ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ยังดูทุลักทุเลไปหน่อย แต่สุดท้ายการเตรียมงานแต่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีและวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของทั้งคู่“งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี” อาจเป็นคำบรรยายที่หลายคนใช้เรียกงานวิวาห์ของปราณและนลที่จัดขึ้นในวันนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนมีชื่อเสียง ตั้งแต่นักธุรกิจ นักการเมือง ดารานักแสดง และนักข่าวจากหลากหลายสำนักข่าวที่พากันมาทำข่าวอย่างคึกคัก“คุณปราณครับ คุณรู้สึกอย่างไรกับงานวันนี้”เสียงคำถามจากนักข่าวดังขึ้นทันทีที่ปราณและนลปรากฏตัวบริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ทั้งสองยืนคู่กันในชุดแต่งงานที่ดูหรูหราแต่เรียบง่ายวันนี้ปราณอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ส่วนเจ้าสาวอีกคน นลสวมชุดแต่งงานแบบเดรสเปิด
ห้องน้ำกว้างขวางสุดหรูที่ประดับประดาด้วยผนังหินอ่อนสีขาวดูแล้วสบายตา ตอนนี้มีกลิ่นหอมของเทียนอโรม่าจาง ๆ ลอยอบอวลไปทั่ว มันช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับคนที่กำลังลอยตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำได้เป็นอย่างดีนลยืนอยู่ริมขอบอ่าง ใบหน้าของเธอขมวดเล็กน้อยขณะมองปราณที่นั่งอยู่ในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ร่างบางเปียกโชกด้วยฟองสบู่ที่ลอยคลุมผิวเนียน ปราณเอนตัวพิงขอบอ่าง ดวงตายังดูมึนงงเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“ยืนอยู่ทำไม เธอจะปล่อยให้ฉันตัวเปื่อยคาอ่างรึไง ลงมาแช่ด้วยกันแล้วก็ถูหลังให้ฉันด้วย”เสียงปราณที่แหบพร่าเล็กน้อยดังขึ้น เธอหันมามองนลพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูเหมือนเจ้าเล่ห์นิดๆ“โตจนป่านนี้แล้วยังอาบน้ำเองไม่ได้รึไง”นลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด อีกทั้งหน้าตาของเธอตอนนี้ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจในสิ่งที่ปราณร้องขอเท่าไหร่นักปราณหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยืดแขนยืดขาออกไปในน้ำ"ถ้าเธอไม่ทำ ฉันคงต้องอยู่แบบนี้ไปทั้งคืน ฉันยังมึนอยู่เลย ไม่มีแรงอาบน้ำเองหรอก"นลถอนหายใจยาวก่อนจะยอมรับชะตากรรม เธอหยิบฟองน้ำและสบู่เหลวขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงขอบอ่าง"หันหลังมาสิ"น้ำเสียงหงุดหงิดนั้นกลับทำให้ปราณยิ้มกว้างได้มากกว่าเดิม
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ
ปราณและนลกลับเข้าไปในงานพร้อมเสียงดนตรีแจ๊ซเบา ๆ คลอเคล้าไปกับบรรยากาศ ตอนนี้มื้ออาหารไม่เป็นที่สนใจแล้วเพราะหลายคนเริ่มอิ่มท้อง สิ่งที่กลายเป็นจุดสนใจคือฟลอร์เต้นรำที่มีรัฐมนตรีหลายคนออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนานขณะที่ปราณและนลกำลังจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พ่อของปราณก็เดินเข้ามาหา เขายื่นแก้วไวน์ให้ทั้งสองคนคนละแก้วก่อนจะเอ่ยบางคำ"ปราณ ไปเต้นกับพ่อสักเพลงนะ" นายชาญชัยยื่นมือให้ลูกสาวของเขา ปราณเห็นท่าทีนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ"ไม่ได้เมาใช่มั้ยเนี่ย มาชวนลูกสาวเต้น" ปราณเอ่ยแซวกลับไป"ไม่ได้เมาเว้ย ฉันอยากเต้นกับแกบ้างมันจะทำไม พวกสาว ๆ น่ะเต้นด้วยจนเบื่อแล้ว" พ่อของปราณยักคิ้วแพรวพราย สองพ่อลูกหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ปราณหันไปมองหน้านลเล็กน้อยเชิงขออนุญาต"ไปเถอะค่ะ นลไปนั่งที่โต๊ะนะ""จ้ะ ขอเวลานอกแป๊บเดียวนะ"ปราณเดินควงแขนไปกับพ่อของเธอพร้อมด้วยแก้วไวน์ในมือ ส่วนโต๊ะอาหารที่นลเดินกลับไปนั่งก็ไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก จึงเท่ากับว่าปราณยังอยู่ในสายตาของเธอเมื่อมาถึงฟลอร์เต้นรำ ปราณก็ยอมปล่อยตัวตามจังหวะเพลง ช่วงเวลาที่เธอเต้นกับพ่อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อ พ
การเดินทางไปทำงานที่เวียดนามครั้งนี้ สร้างความประทับใจแก่ปราณและนลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนลที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ และผลงานของทั้งคู่ต่างเป็นที่ถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงเก่งทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างกันนั้น ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แต่ทั้งปราณและนลกำลังจะเปิดภาพใหม่ ๆ ให้ใครหลายคนได้เห็นถึงความเท่าเทียมที่ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของศักยภาพในการทำงานอีกด้วยและเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงประเทศไทย นายกรัฐมนตรีก็เรียกพบในทันที บรรยากาศในห้องทำงานของพ่อวันนี้ทำให้ปราณเกิดความแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันดูไม่อึดอัดอย่างที่แล้วมาเมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง พ่อของปราณกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ และผายมือเชิญให้ทั้งคู่เข้ามานั่งที่โซฟาข้างโต๊ะทำงาน“เป็นไงบ้าง” พ่อของปราณถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาของเขามองทั้งสองคนด้วยความภูมิใจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ” ปราณตอบพร้อมกับหันไปมองนลเหมือนส่งสัญญาณให้เธอเล่าเพิ่มเติมนลยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “เราได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากค่ะและได้รับการสนับสนุนที่ดีในทุก ๆ โปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”นา
ในยามค่ำคืนของกรุงฮานอยที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ท้องฟ้ายามราตรีถูกประดับด้วยดวงดาวที่มองเห็นเพียงแผ่วเบา ห้องพักกว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น พร้อมกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองด้านล่าง แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงให้บรรยากาศที่นุ่มนวลเหมือนกำลังโอบล้อมทั้งคู่ไว้ในความอบอุ่นบรรยากาศในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดแผ่วจากภายนอก ปราณยื่นมือไปแตะที่แก้มของนลเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคนรัก ดวงตาทั้งคู่สื่อสารกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูด“นล”เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสแรกจากริมฝีปากของปราณอ่อนโยนและแผ่วเบาราวกับสายลมที่แตะต้องผิวน้ำ นลหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ความรู้สึกพาเธอไปตามจังหวะของหัวใจ จูบนั้นเต็มไปด้วยความหมายและความอ่อนหวานที่ปราณมอบให้เธอมือของปราณประคองใบหน้านลไว้เบาๆ ขณะเดียวกันก็เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น นลยกมือขึ้นจับที่ไหล่ของปราณ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากตัวอีกฝ่าย ความใกล้ชิดนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดินปราณถอนจูบออกช้า ๆ มองนลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความต้องการที่มากเหลือเกิน แน่นอนว่าคืนนี้เธอไม่ได้ต้องการเพียงแ