"อ้วนเป่า เจ้าทำดีมาก กลับจวนแล้วข้าจะเลี้ยงเนื้อเท่าที่เจ้าต้องการ" จื่อรั่วอิงกอดอกเอ่ยชมบ่าวตัวกลมในมุมมืดแห่งหนึ่งของวัดเชิงเขา
"ขอบคุณคุณหนูขอรับ คราวนี้บ่าวถึงขั้นยอมตัดผมโกนหัว เนรคุณบิดามารดาเพื่อคุณหนูเลยนะขอรับ เป็นการแสดงความภักดีที่มีต่อคุณหนูเพียงผู้เดียว"
จื่อรั่วอิงทำหน้าตาจริงจัง เอ่ยย้ำให้อ้วนเป่าคนนี้เข้าใจ "อ้วนเป่า เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้าข้างถนน ไม่รู้ว่าบิดามารดาของตนคือใคร ชีวิตเจ้ามีเพียงข้าผู้ที่รับเจ้าเข้ามาเลี้ยงดูจนอ้วนกลมได้ขนาดนี้ ดังนั้น อย่าคิดมากเรื่องนี้อีก เจ้าไม่มีพ่อแม่ให้เนรคุณ เข้าใจหรือไม่?"
เจ้าอ้วนเป่าทำหน้าซื่อ พยายามไล่ตามคำพูดของคุณหนูแล้วพยักหน้า "บ่าวลืมไปขอรับ หากไม่มีคุณหนู บ่าวคงอดตายไปนานแล้ว เช่นนั้น... บ่าวขอเรียกคุณหนูว่า 'ท่านแม่' สักครั้งได้หรือไม่ขอรับ เพื่อเป็นการสำนึกบุญคุณของคุณหนูที่เมตตาบ่าว"
จื่อรั่วอิงถึงกับหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ออก ที่จู่ ๆ ตัวเองกลายเป็นแม่ของอ้วนเป่าไปเสียแล้ว บ่าวของนางคนนี้ทั้งโง่ทั้งซื่อ แต่ก็นับว่าเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์และทำตามคำสั่งได้ดี ความดีของเขามีอยู่ไม่น้อย
เมื่อคิดถึงข้อนี้ นางจึงพยักหน้าอย่างอ่อนใจ "อ้วนเป่า ข้าจะเป็นแม่เจ้าได้อย่างไร ข้ายังสาว งามขนาดนี้ และยังโสดสนิท ไม่ต้องคิดจะเรียกข้าว่า ‘ท่านแม่’ อีกนะ"
อ้วนเป่าแสดงสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ "คุณหนู... ท่านรังเกียจบ่าวหรือขอรับ"
"อ้วนเป่า..." จื่อรั่วอิงถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายให้คนโง่ฟังยังไงให้เข้าใจ "เอาเป็นว่านี่คือคำสั่งห้ามเรียกข้าว่า 'ท่านแม่' จบ! อย่าถามมากอีก"
ในเมื่อคุณหนูสั่ง อ้วนเป่าจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้ในใจยังอยากเรียกคุณหนูว่า 'ท่านแม่' ด้วยความกตัญญูอยู่ก็ตาม
"คุณหนูซ่อนตัวอยู่ในนี้ก่อนนะขอรับ อีกไม่นานท่านอ๋องคงจะเสด็จถึงแล้ว บ่าวจะไปเตรียมตัวต้อนรับท่านอ๋องอยู่ด้านนอก ปกติจะมีองครักษ์เข้ามาสำรวจบริเวณนี้ แต่ตรงจุดนี้บ่าวได้ทำที่ซ่อนเอาไว้เป็นพิเศษ รับรองว่าต้องรอดพ้นสายตาองครักษ์ได้แน่นอน"
แม้อ้วนเป่าจะดูซื่อ ๆ และโง่เง่าในหลายเรื่อง ทว่าเขากลับหัวไวเป็นพิเศษในเรื่องการวางกับดักและการสร้างที่ซ่อน คงเพราะเขาเคยอาศัยอยู่ในป่ามาก่อน
สมัยเด็ก ๆ ตอนเล่นซ่อนหากัน จื่อรั่วอิงไม่เคยหาอ้วนเป่าเจอสักครั้ง มีอยู่คราวหนึ่งเขาทำที่ซ่อนจนแนบเนียนแล้วเผลอหลับไป นางถึงกับต้องระดมคนช่วยหาทั่วจวนก็ยังไม่เจอ จนกระทั่งวันต่อมา เขาจึงออกมาจากที่ซ่อนในสภาพหิวโซ นางเกือบคิดว่าเขาถูกใครจับตัวไปแล้ว
เรื่องนี้จึงไว้ใจเขาได้แน่นอน
จื่อรั่วอิงพยักหน้า เอ่ยว่า "เจ้าออกไปเตรียมตัวเถอะ ทำตามแผนให้ดี"
"ขอรับ!"
วัดเชิงเขาแห่งนี้เป็นอารามหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ลี่หมิงอ๋องบุรุษที่นางหมายตาไว้เป็นสามีมักมาแช่น้ำพุเพื่อรักษาอาการจากพิษที่ได้รับในสนามรบ จื่อรั่วอิงจึงส่งอ้วนเป่าไปสืบข่าวอย่างละเอียด
แผนลับจับผู้ชายของนางเริ่มต้นที่การส่งคนไปบวชเพื่อเข้าถึงตัวท่านอ๋อง อ้วนเป่าที่ขาวอ้วน ซื่อ และไร้วรยุทธ์กลายเป็นเป้าหมายในการบวช เนื่องจากเขายิ้มเก่ง ท่าทางน่าไว้ใจ ทำให้ทางวัดยอมรับ
อ้วนเป่าอดทนอยู่ที่นี่นานถึงสามเดือน กินอาหารเจจนผอมลงไปมาก กระทั่งพระรูปเดิมที่ดูแลน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ล้มป่วย เขาจึงได้รับหน้าที่นั้นแทน และเริ่มสร้างที่ซ่อนให้นางในที่สุด
จื่อรั่วอิงนั่งคิดถึงชะตากรรมของตัวเอง ชาติก่อนเธอเป็นสาวงามแห่งคณะกายกรรมชื่อดัง ตระเวนแสดงไปทั่วโลก แต่ต้องมาตายเพราะถูกวิ่งราวโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นล่าสุดที่นางอุตส่าห์ต่อแถวข้ามคืนเพื่อซื้อมา
แต่นางใช้งานได้เพียงวันเดียวก็ถูกขโมยไป นางตามจับโจรจนถึงตัว คาดไม่ถึงว่ามันจะพกมีดและแทงนางเข้าที่หัวใจตายทันที
วิญญาณของนางยังจ้องมองไอโฟนในมือนั่นด้วยความแค้นใจ และต้องหลั่งน้ำตาแทบเป็นสายเลือดด้วยความเสียดาย เงินเก็บหลายเดือนหายวับในพริบตา!
โชคดีที่ความดีในอดีตยังติดตัวอยู่ เพราะนางเคยบวชเป็นแม่ชีถึงเจ็ดภพ ท่านเทพจึงให้โอกาสใหม่ ส่งนางมาเข้าร่างของคุณหนูจื่อรั่วอิง พร้อมบอกว่าจะมอบสามีหล่อ รวย สายเปย์ ใจดีให้นาง
แต่นางอยู่ในร่างนี้มาตั้งแต่อายุหกขวบ จนวันนี้อายุสิบเจ็ดปีเข้าให้แล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ชายในฝัน มีแต่ซื่อจื่อจอมเสเพลที่มีเมียอยู่เต็มบ้านและกำลังจะได้แต่งกับนางตามคำสั่งฮ่องเต้
หรือว่าท่านเทพจะลืมสัญญา? นางไม่อยากหนีไปบวชอีกภพแน่ ยังอยากใช้ชีวิตให้สนุกอีกสักหน่อย
เมื่อนางได้ยินเรื่องของ 'อ๋องตาบอด' ผู้ชายที่ไม่มีเมีย ไม่มีลูก ไม่มีพี่น้องแย่งสมบัติ และยังโสด จื่อรั่วอิงก็ไม่ลังเล
แม้เขาจะพิการ แม้จะมีข่าวลือว่าเขาโหดเหี้ยม วิปลาส แต่นางไม่กลัว ตอนนี้เขาตาบอด มองอะไรไม่เห็นแล้วจะน่ากลัวไปได้อย่างไร
การแต่งกับคนพิการในยุคนี้ไม่มีใครต้องการ แต่นั่นแหละคือข้อดี นางแค่ต้องดูแลเขาเล็กน้อย ที่เหลือปล่อยบ่าวจัดการ แล้วชีวิตนางก็จะสุขสบายราวกับขึ้นสวรรค์
เพียงคิดก็สุขใจจนอยากโบยบินเป็นผีเสื้อเสียเดี๋ยวนั้น แผนลับจับผู้ชายของนางจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ...
"ท่านอ๋อง สถานที่จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ซีห่าวองครักษ์ขั้นสี่ซึ่งเป็นองครักษ์คนสนิทของลี่หมิงอ๋องเอ่ยขึ้นหลังจากเขาให้บรรดาองครักษ์ทั้งหมดสำรวจความปลอดภัยรอบบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จนวางใจซีห่าวนำทางลี่หมิงไปจนถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะลี่หมิงเองมาที่นี่จนจดจำเส้นทางได้แล้วแม้จะมองไม่เห็นทว่าเขากลับเดินเหินคล่องแคล่วนักเมื่อถึงบ่อน้ำร้อนซีห่าวช่วยปลดเสื้อคลุมให้ลี่หมิง กระทั่งเขาลงไปนั่งแช่ในบ่อน้ำพุจนเรียบร้อยจึงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ่อโดยละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเขาจึงค่อย ๆ ถอยออกไปลี่หมิงอาศัยช่วงเวลานี้พักผ่อนร่างกาย เขากึ่งนั่งกึ่งเอนกายแล้วหลับตาลงอย่างสงบ สองก้านธูปที่ต้องนั่งแช่อยู่ในนี้เพื่อขจัดพิษมาเกือบสองปีนี้ทำให้เขาร่างกายของเขามีอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ ทว่าดวงตาของเขากลับมีอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อยจากที่มองไม่เห็นเลยบัดนี้ยังสามารถมองเห็นเงาเลือนรางไม่อาจแยกสีสันได้ชัดเจนซึ่งกระทั่งท่านหมอเองยังถอดใจคิดว่าชาตินี้เขาอาจไม่สามารถกลับมามองเห็นเป็นปกติได้อีกต่อไป แต่กระนั้นลี่หมิงอ๋องก็ยังคงเสาะหาท่านหมอผู้เก่งกาจคนอื่นมารักษาตนแทนจื่อรั่วอิ
แผนการที่นางได้วางเอาไว้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทว่าเกือบแลกด้วยชีวิตของนางเสียแล้ว แต่เมื่อคิดถึงบวกลบในใจนับว่าคุ้มนักที่มีคนมาพบเห็นนางอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าคนทั้งหมดจะเป็นคนของลี่หมิงก็ตาม คงมีเพียงเจ้าอ้วนเป่าเท่านั้นที่แฝงมาเป็นพระและเป็นพยานของนางเพียงหนึ่งเดียวจื่อรั่วอิงมั่นใจว่าภิกษุย่อมไม่พูดเท็จ อย่างน้อยหากต้องการพยานจริง ๆ นางก็ยังสามารถคาดคั้นและเค้นออกมาจากพระพวกนี้ได้จื่อรั่วอิงแสร้งร้องไห้อย่างหนัก โกหกพกลมด้วยคำพูดที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี"ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านอ๋องที่อยู่ที่นี่จริง ๆ ความจริงเพราะร่างกายคล้ายจะไม่สบาย รู้มาว่าที่นี่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงคิดแอบมาแช่ตัว แต่บัดนี้กลับถูกล่วงเกินเสียแล้ว ท่านอ๋องเป็นท่านที่ล่วงเกินข้านะเพคะ"จื่อรั่วอิงมีผ้าผืนหนึ่งคลุมร่างกายปกปิดความขาวเนียนต่อหน้าบุรุษเหล่านี้เอาไว้ นางยังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จคุกเข่าตรงหน้าเขาผู้นั้นที่นั่งนิ่งประดุจศิลาไร้ชีวิตก้อนหนึ่ง ร่างสูงสง่าดุดันแผ่ไอสังหารรอบกายชวนให้ขวัญผวายิ่งกว่าผีร้าย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงอยู่ในชุดสีดำทั้งตัวยิ่งส่งให้เขาดูคล้ายพญามัจจุราชที่สามารถ
บทที่ 4 หุบปาก"นี่มันเรื่องวุ่นวายอันใดกัน"แม้จะมองไม่เห็นทว่าลี่หมิงก็สามารถจับความเคลื่อนไหวได้ดุจตาเห็น เขารู้ว่าองครักษ์ของเขามีกี่คน ยังประเมินจำนวนไต้ซือที่อยู่ในนี้และสตรีเพียงคนเดียวที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาได้อย่างแม่นยำคนภายนอกเห็นท่าว่ากำลังเดินอย่างเร่งร้อนด้วยเสียงฝีเท้าม้าไม่กี่ตัวที่หยุดอยู่หน้าโถงสวดมนต์ และที่น่าสนใจก็คือมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่นี่ หนึ่งในคนที่มามีตำแหน่งเป็นถึงกุ้ยเฟยของฝ่าบาท การเดินทางที่ปราศจากขบวนใหญ่โตมิหนำซ้ำยังขี่ม้ามาด้วยตนเองเช่นนี้คงเป็นเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องปิดบังไม่ให้ผู้อื่นรู้ประตูโถงสวดมนต์ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ก้าวเข้ามาด้านในโถงมีสี่คน ผู้หนึ่งเป็นสตรีโฉมสะคราญงดงามเตะตาทว่ากลับอยู่ในชุดบุรุษเพื่ออำพรางตัวตน อีกคนคือบุรุษวัยชราร่างค่อนข้างท้วมทว่ายังคงมีท่วงสง่าผ่าเผย เห็นได้ชัดว่าที่หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดอยู่บนไรผมทั้งยังมีสีหน้าอันตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ที่เหลืออีกสองคนเห็นทีจะเป็นองครักษ์ประจำจวนเสนาบดีคนทั้งหมดทำความเคารพลี่หมิงอ๋องด้วยเสียงอันดังให้ได้ยินชัดเจน ในขณะที่ลี่หมิงยังคงมีใบหน้า
บทที่ 4 หุบปาก"นี่มันเรื่องวุ่นวายอันใดกัน"แม้จะมองไม่เห็นทว่าลี่หมิงก็สามารถจับความเคลื่อนไหวได้ดุจตาเห็น เขารู้ว่าองครักษ์ของเขามีกี่คน ยังประเมินจำนวนไต้ซือที่อยู่ในนี้และสตรีเพียงคนเดียวที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาได้อย่างแม่นยำคนภายนอกเห็นท่าว่ากำลังเดินอย่างเร่งร้อนด้วยเสียงฝีเท้าม้าไม่กี่ตัวที่หยุดอยู่หน้าโถงสวดมนต์ และที่น่าสนใจก็คือมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่นี่ หนึ่งในคนที่มามีตำแหน่งเป็นถึงกุ้ยเฟยของฝ่าบาท การเดินทางที่ปราศจากขบวนใหญ่โตมิหนำซ้ำยังขี่ม้ามาด้วยตนเองเช่นนี้คงเป็นเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องปิดบังไม่ให้ผู้อื่นรู้ประตูโถงสวดมนต์ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ก้าวเข้ามาด้านในโถงมีสี่คน ผู้หนึ่งเป็นสตรีโฉมสะคราญงดงามเตะตาทว่ากลับอยู่ในชุดบุรุษเพื่ออำพรางตัวตน อีกคนคือบุรุษวัยชราร่างค่อนข้างท้วมทว่ายังคงมีท่วงสง่าผ่าเผย เห็นได้ชัดว่าที่หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดอยู่บนไรผมทั้งยังมีสีหน้าอันตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ที่เหลืออีกสองคนเห็นทีจะเป็นองครักษ์ประจำจวนเสนาบดีคนทั้งหมดทำความเคารพลี่หมิงอ๋องด้วยเสียงอันดังให้ได้ยินชัดเจน ในขณะที่ลี่หมิงยังคงมีใบหน้า
แผนการที่นางได้วางเอาไว้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทว่าเกือบแลกด้วยชีวิตของนางเสียแล้ว แต่เมื่อคิดถึงบวกลบในใจนับว่าคุ้มนักที่มีคนมาพบเห็นนางอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าคนทั้งหมดจะเป็นคนของลี่หมิงก็ตาม คงมีเพียงเจ้าอ้วนเป่าเท่านั้นที่แฝงมาเป็นพระและเป็นพยานของนางเพียงหนึ่งเดียวจื่อรั่วอิงมั่นใจว่าภิกษุย่อมไม่พูดเท็จ อย่างน้อยหากต้องการพยานจริง ๆ นางก็ยังสามารถคาดคั้นและเค้นออกมาจากพระพวกนี้ได้จื่อรั่วอิงแสร้งร้องไห้อย่างหนัก โกหกพกลมด้วยคำพูดที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี"ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านอ๋องที่อยู่ที่นี่จริง ๆ ความจริงเพราะร่างกายคล้ายจะไม่สบาย รู้มาว่าที่นี่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงคิดแอบมาแช่ตัว แต่บัดนี้กลับถูกล่วงเกินเสียแล้ว ท่านอ๋องเป็นท่านที่ล่วงเกินข้านะเพคะ"จื่อรั่วอิงมีผ้าผืนหนึ่งคลุมร่างกายปกปิดความขาวเนียนต่อหน้าบุรุษเหล่านี้เอาไว้ นางยังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จคุกเข่าตรงหน้าเขาผู้นั้นที่นั่งนิ่งประดุจศิลาไร้ชีวิตก้อนหนึ่ง ร่างสูงสง่าดุดันแผ่ไอสังหารรอบกายชวนให้ขวัญผวายิ่งกว่าผีร้าย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงอยู่ในชุดสีดำทั้งตัวยิ่งส่งให้เขาดูคล้ายพญามัจจุราชที่สามารถ
"ท่านอ๋อง สถานที่จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ซีห่าวองครักษ์ขั้นสี่ซึ่งเป็นองครักษ์คนสนิทของลี่หมิงอ๋องเอ่ยขึ้นหลังจากเขาให้บรรดาองครักษ์ทั้งหมดสำรวจความปลอดภัยรอบบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จนวางใจซีห่าวนำทางลี่หมิงไปจนถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะลี่หมิงเองมาที่นี่จนจดจำเส้นทางได้แล้วแม้จะมองไม่เห็นทว่าเขากลับเดินเหินคล่องแคล่วนักเมื่อถึงบ่อน้ำร้อนซีห่าวช่วยปลดเสื้อคลุมให้ลี่หมิง กระทั่งเขาลงไปนั่งแช่ในบ่อน้ำพุจนเรียบร้อยจึงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ่อโดยละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเขาจึงค่อย ๆ ถอยออกไปลี่หมิงอาศัยช่วงเวลานี้พักผ่อนร่างกาย เขากึ่งนั่งกึ่งเอนกายแล้วหลับตาลงอย่างสงบ สองก้านธูปที่ต้องนั่งแช่อยู่ในนี้เพื่อขจัดพิษมาเกือบสองปีนี้ทำให้เขาร่างกายของเขามีอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ ทว่าดวงตาของเขากลับมีอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อยจากที่มองไม่เห็นเลยบัดนี้ยังสามารถมองเห็นเงาเลือนรางไม่อาจแยกสีสันได้ชัดเจนซึ่งกระทั่งท่านหมอเองยังถอดใจคิดว่าชาตินี้เขาอาจไม่สามารถกลับมามองเห็นเป็นปกติได้อีกต่อไป แต่กระนั้นลี่หมิงอ๋องก็ยังคงเสาะหาท่านหมอผู้เก่งกาจคนอื่นมารักษาตนแทนจื่อรั่วอิ
"อ้วนเป่า เจ้าทำดีมาก กลับจวนแล้วข้าจะเลี้ยงเนื้อเท่าที่เจ้าต้องการ" จื่อรั่วอิงกอดอกเอ่ยชมบ่าวตัวกลมในมุมมืดแห่งหนึ่งของวัดเชิงเขา"ขอบคุณคุณหนูขอรับ คราวนี้บ่าวถึงขั้นยอมตัดผมโกนหัว เนรคุณบิดามารดาเพื่อคุณหนูเลยนะขอรับ เป็นการแสดงความภักดีที่มีต่อคุณหนูเพียงผู้เดียว"จื่อรั่วอิงทำหน้าตาจริงจัง เอ่ยย้ำให้อ้วนเป่าคนนี้เข้าใจ "อ้วนเป่า เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นเด็กกำพร้าข้างถนน ไม่รู้ว่าบิดามารดาของตนคือใคร ชีวิตเจ้ามีเพียงข้าผู้ที่รับเจ้าเข้ามาเลี้ยงดูจนอ้วนกลมได้ขนาดนี้ ดังนั้น อย่าคิดมากเรื่องนี้อีก เจ้าไม่มีพ่อแม่ให้เนรคุณ เข้าใจหรือไม่?"เจ้าอ้วนเป่าทำหน้าซื่อ พยายามไล่ตามคำพูดของคุณหนูแล้วพยักหน้า "บ่าวลืมไปขอรับ หากไม่มีคุณหนู บ่าวคงอดตายไปนานแล้ว เช่นนั้น... บ่าวขอเรียกคุณหนูว่า 'ท่านแม่' สักครั้งได้หรือไม่ขอรับ เพื่อเป็นการสำนึกบุญคุณของคุณหนูที่เมตตาบ่าว"จื่อรั่วอิงถึงกับหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ออก ที่จู่ ๆ ตัวเองกลายเป็นแม่ของอ้วนเป่าไปเสียแล้ว บ่าวของนางคนนี้ทั้งโง่ทั้งซื่อ แต่ก็นับว่าเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์และทำตามคำสั่งได้ดี ความดีของเขามีอยู่ไม่น้อยเมื่อคิดถึงข้อนี้ นางจึงพ