วันต่อมาอาจารย์จากสำนักศึกษาก็มาตามตัวลูกศิษย์ที่ไม่ได้ไปเรียนหลายวันถึงจวน ท่านพ่อของจื่อรั่วอิงเข้าวังตั้งแต่เช้าจึงไม่ได้อยู่ต้อนรับ จื่อรั่วอิงรู้ตัวอยู่แล้วว่าอาจารย์ต้องมาที่นี่ด้วยนางขอให้น้องสาวทั้งสองคนอันเกิดจากอนุรองและอนุสามช่วยเหลือ
น้องสาวของจื่อรั่วอิงเป็นเด็กสาวใบหน้างดงามอันเป็นที่เลื่องลือของคนไปทั่วทั้งเมือง ด้วยพวกนางเป็นเด็กเรียบร้อยบิดาของนางจึงหวงน้องสาวยิ่งนักการเดินทางไปเรียนแต่ละครั้งมีองครักษ์รายล้อมนับสิบคน
ตรงข้ามกับจื่อรั่วอิงที่แม้จะเป็นหญิงงามทว่าชื่อเสียงของนางกลับฉาวโฉ่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จึงทำให้บิดาแม้จะรักเอ็นดูเพียงใดก็ไม่เคี่ยวเข็ญนางเหมือนบุตรสาวคนอื่น
เพราะสินสอดของซื่อจื่อที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่านับสิบหีบ ทั้งยังมีอาภรณ์แพรพรรณงดงามหายากมากมาย นอกจากนั้นท่านย่ายังได้รับของกำนัลหีบใหญ่จากถังซื่อจื่อจึงทำให้ท่านย่าของจื่อรั่วอิงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
จื่อรั่วอิงเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เมื่อท่านย่าให้คนมาตามจึงเดินออกมาในชุดของสำนักศึกษา
"ข้าต้องขอโทษอาจารย์จิวที่ทำให้ท่านลำบากต้องมาตามคนถึงที่นี่ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้ส่งคนไปแจ้งที่สำนักศึกษา"
จื่อรั่วอิงเป็นศิษย์คนโปรดของอาจารย์จิว เพราะนางยังพอจดจำกลเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชาติก่อนสมัยที่ทัวร์เล่นกายกรรมรอบโลกได้จึงนำมาถ่ายทอดให้อาจารย์จิวผู้นี้ได้ชม ดังนั้นในสายตาของอาจารย์จิวจื่อรั่วอิงจึงกลายเป็นคนพิเศษของเขา
จื่อรั่วอิงมาถึงแล้วนางทำความเคารพท่านย่าและเคารพอาจารย์ ท่าทางเรียบร้อยผิดปกติ ท่านย่ากระแอมแล้วเอ่ยขึ้น
"ความจริงโทษกักบริเวณของเจ้ายังมีอยู่ แต่อาจารย์จิวเอ่ยว่าเจ้าจะออกเรือนแล้วสมควรมีความรู้ติดตัวให้มาก จะได้ไม่ทำขายหน้าสกุลจื่อ ย่าฟังแล้วก็รู้สึกว่าอาจารย์จิวกล่าวมีเหตุผล แต่ย่าก็ไม่ไว้ใจเจ้าเช่นนั้นจะให้คนคอยตามมากหน่อย อิงเอ๋อร์เจ้าใกล้จะออกเรือนแล้วอย่างไรก็อย่าได้คิดทำเรื่องเหลวไหลเข้าใจหรือไม่"
จื่อรั่วอิงแสร้งสงบเรียบร้อยรับคำท่านย่าพร้อมใบหน้าสำนึกผิด
"อิงเอ๋อร์ทราบเจ้าค่ะ จะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด คำของท่านย่าที่สั่งสอนอิงเอ๋อร์ได้ทบทวนและเข้าใจทุกสิ่งแล้วเจ้าค่ะ"
เมื่อเห็นท่าทางสงบเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้ของหลานสาวทำให้ท่านย่ารู้สึกผิดปกติ เดิมทีหากคิดสั่งสอนจื่อรั่วอิง เด็กคนนี้มักจะย้อนคำยังไม่เชื่อฟังเสมอ ทว่าวันนี้กลับเรียบร้อยผิดแผกเหมือนว่าไม่ใช่จื่อรั่วอิงตัวจริง
จู่ ๆ ท่านย่าก็รู้สึกไม่ไว้ใจ คำว่า 'ไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด' ของหลานสาว หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ หรือ คำว่าไม่ก่อเรื่องนี้จะเท่ากับจะก่อเรื่องให้อับอายกันแน่
เมื่อไม่แน่ใจท่านย่าจึงกวักมือเรียกนางแล้วเอ่ยเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์ เจ้ามาใกล้ ๆ ย่า"
จื่อรั่วอิงรับคำเดินเข้าไปใกล้ฮูหยินชรา แล้วคุกเข่าลงข้าง ๆ ด้วยอาการสงบนิ่งเชื่อฟัง ฮูหยินชราหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์จิวแล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมาสบตากับหลานสาวพร้อมกับกระซิบเบา ๆ
"นังปีศาจร้ายคายหลานสาวของข้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้ามียันต์อันศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์อี๋หลิงหากไม่ยอมแสดงตัวเจ้าได้ตายแน่"
จื่อรั่วอิงได้ยินดังนั้นก็งงงันไปชั่วครู่ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างแทบถลนออกจากเบ้า กระทั่งสมองประมวลภาพความคิดของท่านย่า จื่อรั่วอิงจึงกลั้นขำเอาไว้แล้วทำดวงตาบ้องแบ๊ว
"ท่านย่านี่อิงเอ๋อร์ไง อิงเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ มิใช่ปีศาจ ดวงตาของท่านย่ามีปัญหาแล้ว หรือจะเป็นต้อกระจกไปลอกตาดีหรือไม่"
ฮูหยินชราชะงักไปชั่วครู่มองใบหน้างามของหลานสาวโดยละเอียดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"เอาล่ะ คำพูดประหลาดนี้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น คงไม่ใช่ตัวปลอมเป็นแน่"
"เจ้าค่ะ จื่อรั่วอิงตัวจริงมิใช่ตัวปลอมแน่นอน"
มือเหี่ยวย่นของผู้ชรายื่นมาหาจื่อรั่วอิงทันใด ด้วยความเคยชินที่ถูกท่านย่าตีมาตั้งแต่เด็ก จื่อรั่วอิงคิดว่าตัวเองจะถูกท่านย่าบิดเนื้ออีกแล้วจึงเบี่ยงตัวหนีทว่ามือนั้นกลับจับที่มือของนางแล้วบีบเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์ เจ้าคงคิดได้แล้วสินะ มิเสียแรงที่ย่าสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี เช่นนั้นก็ไปเรียนเถิดเป็นเด็กดีอย่าดื้อ อย่าทำให้อาจารย์จิวลำบากใจ เข้าใจหรือไม่"
จื่อรั่วอิงกลอกตา มองมือเหี่ยวของท่านย่าที่บีบกระชับมือของนางอย่างอบอุ่นคล้ายไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นว่านิ้วของท่านย่านั้นเต็มไปด้วยแหวนล้ำค่าทั้งสิบนิ้วยังใส่นิ้วละสองวงยิ่งกว่าจะไปงานออกห้างประกวดเครื่องประดับ
จื่อรั่วอิงจึงเข้าใจสาเหตุของอารมณ์ประหลาดของท่านย่าแล้วของพวกนี้คงเป็นของกำนัลที่ว่าที่คู่หมั้นของนางมอบให้ท่านย่าเป็นแน่
จื่อรั่วอิงกลั้นขำพร้อมกลับเอ่ยว่า
"ท่านย่า หรือว่าเป็นท่านที่ถูกปีศาจเข้าสิงจึงได้ดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่มียันต์ของปรมาจารย์อี๋หลิงไล่ปีศาจนะ เช่นนั้นท่านก็ใช้ยันต์นั่นขับไล่ตัวเองเถิด"
พูดจบเสียงร้องของนางก็ดังขึ้นทันใด
"โอ๊ย ท่านย่า อย่าบิดข้า อิงเอ๋อร์ยอมแล้ว อิงเอ๋อร์ยอมแล้วเจ้าค่ะ"
จื่อรั่วอิงกระโดดออกจากตรงนั้นทันใดพร้อมกับวิ่งออกออกไปที่ประตู ปากร้องเสียงดัง
"ท่านอาจารย์ไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าอยากเรียนหนังสือแล้ว"
อาจารย์จิวย่อมรู้นิสัยของลูกศิษย์ผู้นี้ดี เขาลุกขึ้นอย่างสง่างามทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าจัดระเบียบเสื้อผ้าสีขาวสะอาดพร้อมทั้งหมวกแสดงฐานะอาจารย์แห่งสำนักศึกษาจนเรียบร้อยหลังจากนั้นจึงหันหลังเดินออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้จะวางท่าทางเช่นใด ด้วยบัดนี้ได้เสียกิริยาต่อหน้าอาจารย์จิวผู้เลื่องชื่อ
อยากจะบอกอาจารย์จิวเหลือเกินว่าเรื่องเมื่อสักครู่ในจวนที่นางถูกหลานสาวต่อปากต่อคำก็อย่าพูดออกไปให้อายคน
ทว่าก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จึงได้แต่ปล่อยอาจารย์จิวไป ด้วยกลัวว่าอารมณ์ที่ดีของตนจะหดหายจึงคิดหาสิ่งบันเทิงใจมาชื่นชมเสียหน่อย
"พาข้าไปที่สวน ส่งคนไปตามคณะงิ้วมาด้วย"
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเบา ทว่าสาวใช้กลับนิ่งเงียบด้วยบัดนี้ดวงตาเหม่อลอยเอาแต่จับจ้องไปที่แผ่นหลังอาจารย์จิวผู้สง่างามและทรงภูมิความรู้ผู้นั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากระแอมเสียงดังสาวใช้ทั้งสองจึงได้สติเรียบพยุงฮูหยินผู้เฒ่าไปตามคำสั่งทันใด
จวนลี่หมิงอ๋อง
หลายวันมานี้ลี่หมิงอ๋องเกิดอาการนอนไม่หลับเพราะมักจะฝันเห็นบางสิ่งบางอย่าง และเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีของเหนียวหนืดไหลออกมาจากจมูกกระทั่งจับดูจึงได้รู้ว่าที่แท้เป็นเลือดกำเดานั่นเอง
นี่เขากำเดาไหลได้อย่างไร หลังจากทบทวนความฝันก็พบว่าในฝันนั้นตนเองกำลังจับบางสิ่งบางอย่างอยู่ และอารมณ์ในยามนั้นก็ยากเกินจะบรรยายนัก
ในความฝันทุกอย่างช่างชัดเจนเหมือนว่าเขาไม่ได้ตาบอด มือของเขาในยามนี้กำลังสัมผัส ก้อนนุ่มยวบในมือสองก้อน กลิ่นหอมหวานของกายสาวที่ติดจมูกกระทั่งรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ
ในยามดึกที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าส่วนเนื้อตรงกลางร่างกายที่ไม่มีปฏิกิริยามานานบัดนี้กลับแข็งเป็นท่อนลำทั้งยังทำให้เขารู้สึกทรมานจนต้องลุกขึ้นมาฝึกกระบี่ออกกำลังกายกลางดึก
ตั้งแต่ได้สัมผัสสตรีผู้นั้นก็ทำให้เขาฝันเช่นนี้ทุกคืน ใบหน้าของลี่ หมิงอ๋องหมองคล้ำสีหน้าที่แต่เดิมเย็นชาอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งเย็นเยียบยิ่งกว่าหิมะที่ทับถมมานับพันปี เขานั่งตัวตรงในขณะที่ท่านหมอผู้หนึ่งกำลังทำการรักษา
"ท่านอ๋องอีกไม่นานแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ลี่หมิงอ๋องกำมือแน่น
"ข้ายังไม่รู้สึกเลยสักนิด แช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์มาเกือบสองปีรู้สึกร่างกายแข็งแรงยิ่งกว่าช้างสารทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะมองเห็นได้ชัดเจน คำของท่านจะเป็นจริงหรือ"
หมอเทวดาเสิ่นจิ้งเอ่ยด้วยความมั่นใจ
"ท่านอ๋องโปรดพระทัยเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับรองว่าหนึ่งเดือนให้หลังอาการตาบอดของท่านจะค่อย ๆ ดีขึ้น"
ลี่หมิงอ๋องยกมุมปากเล็กน้อย
"ขอบคุณท่านหมอ"
องครักษ์ซีห่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งหลายปีมานี้ลี่หมิงอ๋องทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น ทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่าอาการของท่านอ๋องใกล้จะหายเป็นปกติแล้ว กระทั่งยามเช้าที่บ่าวเข้ามาปรนนิบัติก็มารายงานว่าแท่งหยกของท่านอ๋องมีอาการแข็งตัว ทำให้ซีห่าวรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าผู้ใด
เป็นเพราะผลจากยาพิษจึงทำให้ส่วนนั้นของลี่หมิงอ๋องใช้การไม่ได้ เดิมทีท่านอ๋องก็แทบไม่ได้แตะต้องสตรีใด ยังต้องพิษตกอยู่ในอาการนี้ข่าวลือหลุดออกจากจวนทำให้คนรู้กันทั่วทำให้ไม่มีแม่สื่อคนใดเหยียบเข้าประตูจวน
ซีห่าวรีบค้นหาตัวบ่าวผู้นั้นและสังหารทิ้งท่ามกลางสายตาของบ่าวทุกคนในจวน ตั้งแต่นั้นมาเรื่องในจวนอ๋องก็ไม่มีผู้ใดกล้าปากสว่างอีก ทว่าข่าวลือเร็วยิ่งกว่าลมพัด เพียงบ่าวผู้นั้นคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งแคว้นหนิงเทียนกระทั่งลูกเล็กเด็กแดงยังรู้เรื่องนี้
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่ง
"พี่ใหญ่เจ้าคะ ลู่เอ๋อร์นำน้ำแกงตุ๋นโสมมาให้เจ้าค่ะ"
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับสตรีงดงามรูปร่างอรชรผู้หนึ่งที่ก้าวเข้ามา กระโปรงของนางถูกตัดเย็บเป็นชั้น ๆ เป็นสีขาวปนม่วงกลีบบัวยามเยื้องกรายดูงดงามพลิ้วไหว
ดวงหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างงดงามเย้ายวนตา ทว่าความพยายามของนางเพื่อคนผู้นั้นเขาย่อมไม่มองเห็น ถึงจะเป็นเช่นนั้นเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขานางก็ยังคงความพยายามเอาไว้
การสนทนาหยุดลงทันใด บ่าวข้างกายของลี่หมิงเข้ามารับตะกร้าจากมือของเจียวลู่ไปให้ท่านหมอตรวจสอบ
"เสวยได้พ่ะย่ะค่ะ"
เจียวลู่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า
"พี่ห่าวยังมีของท่านอีกชามนะเจ้าคะ"
องครักษ์ซีห่าวยิ้มเล็กน้อยผงกศีรษะเป็นการขอบคุณ
"ขอบคุณน้องลู่"
เพราะซีห่าวเองก็เห็นเจียวลู่เป็นน้องสาวเช่นกันกับลี่หมิง หญิงสาวสะคราญนางนี้เป็นญาติห่าง ๆ ของลี่ไท่เฟยมารดาของลี่หมิง ผู้ใดก็รู้ว่านางชื่นชมญาติผู้พี่อย่างลี่หมิงเพียงใด ด้วยความดื้อรั้นของเด็กสาวแม้ว่าลี่หมิงจะตาบอดแต่นางก็ยังคงยินดีรอเขา นางเชื่อมั่นในฝีมือของหมอเทวดาเสิ่นเจิ้นที่อย่างไรก็ต้องรักษาลี่หมิงจนหายเป็นปกติ
หมอเทวดาเสิ่นเจิ้นจัดการปิดตาให้ลี่หมิงอ๋องจนเรียบร้อย ลี่หมิงอ๋องลุกขึ้นโดยมีเจียวลู่ช่วยประคอง ทว่าเขากลับปัดมือของนางออก
"ข้าจัดการตัวเองได้ ไม่ต้องทำเหมือนข้าเป็นคนพิการ"
เจียวลู่หน้าเสียทันใด นางเม้มปากแล้วค่อย ๆ ขยับออกห่างเขา แต่กระนั้นก็ยังคงทำน้ำเสียงร่าเริง
"พี่ใหญ่ ท่านดื่มน้ำแกงบำรุงเลยดีหรือไม่ หากปล่อยให้เย็นจะไม่อร่อย"
ลี่หมิงอ๋องคิดจะเอ่ยว่าตนเองไม่หิว ทว่าซีห่าวกลับพูดตัดบทด้วยไม่อยากให้ท่านอ๋องทำให้เจียวลู่เสียใจ
"ท่านอ๋องกำลังร้อน ๆ เราดื่มกันดีกว่า"
กล่าวจบเขาก็ลากมือของลี่หมิงอ๋องไปนั่งบนเก้าอี้ เจียวลู่จึงสั่งให้บ่าวนำน้ำแกงมาให้นางแล้วจัดใส่ชามให้ท่านอ๋องและซีห่าวคนละชาม
"รสชาติเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"อืม"
ซีห่าวเช็ดปากตนเองแล้วรีบตอบ
"รสชาติดียิ่ง ขอบคุณน้องลู่"
เจียวลู่ส่งยิ้มงดงาม ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากสนทนา ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งก็กระหืดกระหอบมารายงาน
"ทูลท่านอ๋องบัดนี้มีสตรีนางหนึ่งมาโวยวาย บอกถูกท่านอ๋องกระทำการต่ำช้าล่วงเกินแล้วไม่คิดรับผิดชอบที่หน้าจวนขอรับ"
บทที่ 8 เรื่องใหญ่ที่นางก่อบัดนี้จื่อรั่วอิงกำลังใส่ชุดไว้ทุกข์ที่เจ้าอ้วนเป่าได้เตรียมเอาไว้ ด้วยแผนการของนางหลังจากเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว นางก็จัดการวางยาถ่ายคนทั้งสำนัก รวมทั้งบรรดาองครักษ์ที่ติดตามควบคุมนางไปด้วยเพราะเรื่องนี้มีน้องสี่และน้องห้าสตรีเรียบร้อยคอยช่วยเหลือ พวกเขาตกหลุมพรางอย่างง่ายดายด้วยไม่คิดว่าสตรีผู้งดงามอ่อนหวานจากสกุลจื่อทั้งสองจะหาญกล้ามาวางยาในน้ำชาที่พวกเขาดื่มกันน้องสี่และน้องห้าของจื่อรั่วอิงยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นบรรดาเพื่อน ๆ วิ่งหาห้องน้ำกันวุ่นวาย"จะไม่เป็นอันใดแน่นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงทำใบหน้าขึงขัง"พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ยาถ่ายเพียงเล็กน้อยพวกเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ข้าจำเป็นหากข้าไม่ทำเช่นนี้จะหลบหนีองครักษ์และคนทั้งสำนักไปได้อย่างไร"น้องสี่ของนางกลับตอบว่า"ข้าหมายถึงข้ากับน้องห้าเจ้าค่ะ พวกข้าจะไม่เป็นไรแน่นะเจ้าคะ ส่วนคนพวกนั้นก็ช่างเถิดไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว"จื่อรั่วอิงหัวเราะขบขันจนน้ำตาเล็ด"น้องสี่ น้องห้า พวกเจ้าช่างเหมาะสมแล้วที่เป็นน้องสาวข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"น้องสี่ทำหน้าย่น"พี่สามท่านอย่าล้อเล่น ตกลงพวกข้าจะเป็นไรหรือไม่"จื่อร
บทที่ 9 เหรียญทองสำหรับคนกล้าหาญสิ้นเสียงนั้นทุกสิ่งพลันหยุดนิ่ง ไม้ไม่ได้ตีเข้าที่แผ่นหลังของนาง จื่อรั่วอิงจึงพลิกกายรีบลุกขึ้น สองมือเล็กผลักคนที่จับแขนจับขานางเอาไว้ ทั้งคิดในใจว่า ในที่สุดพระเอกก็โผล่มาได้จังหวะเสียที ไม่ผิดกับที่วางเอาไว้เมื่อนางเงยหน้ามองคนผู้นั้นในใจหวังให้เป็นหนุ่มหล่อรูปงาม ทว่าความเป็นจริงกลับทำให้นางขนลุกเมื่อพบผู้ชายหนวดเฟิ้มใบหน้าเย็นชาคนนั้นยืนกดดันผู้คนจนชวนหวาดผวาให้ตายเถอะ น่ากลัวกว่าตอนนางเข้าไปเล่นในบ้านผีสิงเสียอีกถึงหน้าตาไม่ตรงสเปกที่วางไว้ แต่ได้ตัดสินใจแล้วอย่างไรก็ไม่อาจถอยหลังได้ นางไม่ได้มองหาคนหล่อแต่นางมองหาอิสระไม่ใช่หรือ จื่อรั่วอิงเปล่งเสียงหวานอ่อนแอที่ฟังแล้วดูน่าสงสารที่สุดออกมา"ท่านอ๋องในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว สามีท่านยอมรับข้าแล้วใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงมองสบตาเขาทว่าพบเพียงความว่างเปล่า จื่อรั่วอิงคิดได้นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาตาบอดและถูกปิดตาอยู่เช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นผวาเข้าไปหาเขา ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบกระโปรงตนเองจนเสียหลักล้มลงไป สองแขนของนางกางออกก่อนที่จะทับร่างของคนผู้นั้นจื่อรั่วอิ
บทที่ 10 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งในที่สุดคนที่อำนาจตัดสินชีวิตคนก็โผล่มาแล้ว ทว่าบัดนี้จื่อรั่วอิงก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยบิดาของนางได้ตามมาด้วย สายตาของบิดายามนี้ราวกับต้องการสังหารคนเพื่อระบายอารมณ์ แน่นอนว่าคนผู้นั้นก็คือคุณหนูสามจื่อรั่วอิงบุตรสาวของเขาเองทุกคนต่างนั่งกันอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้ ข้าง ๆ พวกเขายังมีน้ำชาและขนมส่งกลิ่นหอมหวาน จื่อรั่วอิงไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าจึงรู้สึกหิวจนท้องร้อง ตอนนี้มีเพียงจื่อรั่วอิงเท่านั้นที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ซึ่งนางคิดว่าไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อย แต่นางก็ต้องหุบปากทำตัวอ่อนแอน่าสงสารต่อไปฮ่องเต้ลี่เจินเป็นบุรุษรูปงาม อายุราวสามสิบกว่าปีแม้จะมีฐานะเป็นหลานของลี่หมิงทว่าฝ่าบาทกลับเกิดก่อนหลายปีเรียกได้ว่าเห็นเสด็จอาผู้นี้มาตั้งแต่เกิด ลี่หมิงมีฐานะเดิมคือองค์ชายสิบเก้าซึ่งเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของเสด็จปู่อันเกิดจากพระสนมวัยเยาว์ที่ในยามนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น พระสนมคลอดองค์ชายลี่หมิงในวันที่เสด็จปู่อายุมากแล้ว อดีตฮ่องเต้วัยชราจึงหลงรักบุตรชายคนเล็กยิ่งนัก ทว่าไม่นานเสด็จปู่ก็สวรรคต เสด็จพ่อของฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ต่อจากนั้น ไม่นานเสด็จพ่อก
บทที่ 11 ช่วยข้าด้วยจวนอ๋องกลับมาเงียบสงบราวป่าช้าดังเดิมหลังจากคนของสกุล จื่อกลับไปแล้ว เจียวลู่ประคองลี่ไท่เฟยเดินเล่นที่สวนดอกไม้อันกว้างขวางภายในจวนเพื่อผ่อนคลายความกดดันเพราะเรื่องของจื่อรั่วอิง"ลู่เอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องของท่านอ๋องไป อย่างไรสะใภ้ในใจข้าก็คือเจ้าคนเดียว หลังจากแต่งพระชายารองข้าจะให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เจ้ากับท่านอ๋อง ครานี้เขาคงไม่มีข้ออ้างใดได้อีก ในเมื่อพระชายารองยังรับมาไยพระชายาเอกจะรับไม่ได้"เจียวลู่เองแม้ไม่พอใจ ทว่าท่านป้าของนางยังคงหาวิธีได้เช่นนี้ก็คิดว่าเรื่องนี้หากคิดในแง่ดีก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเอง กระนั้นก็ยังอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสารไม่ได้"ท่านป้า แม่นางสกุลจื่อผู้นั้นยังเป็นน้องสาวของจื่อกุ้ยเฟย บิดาก็เป็นถึงเสนาบดีที่มีความสำคัญของฝ่าบาท นางยังดูแข็งกร้าวเพียงนั้น ลู่เอ๋อร์เกรงว่าจะถูกนางรังแกหากเป็นเช่นนั้นลู่เอ๋อร์ก็ขอดูแลท่านป้าและพี่ใหญ่ในฐานะน้องสาวอยู่เงียบ ๆ ดีกว่าเจ้าค่ะ"ลี่ไท่เฟยสงสารเจียวลู่ยิ่งนัก หลานสาวห่าง ๆ ของนางผู้นี้เจียมตนอยู่เสมอยังมีใจกตัญญูต่อนางผู้เลี้ยงดูและหากจะพูดถึงความรักมั่นคงแล้วไม่มีผู้ใดที่จะสู้เ
บทที่ 12 เชื่อข้าเถิดฝ่าบาทกลับวังด้วยใบหน้าระรื่นเพราะมีความสุขยิ่งนัก ทว่าใบหน้าของจื่อกุ้ยเฟยนั้นกลับไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด โอรสสวรรค์เห็นใบหน้างามของสนมรักเป็นเช่นนั้นจึงเอ่ยว่า"เจ้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครานี้หรือ หรือว่าเจ้าก็เป็นอีกคนที่รังเกียจเสด็จอาของข้า"เดิมทีจื่อกุ้ยเฟยก็เป็นคนที่เปิดเผยความคิดต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว นางทอดถอนใจยาวตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างวิตก"ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลตามตรงได้หรือไม่เพคะ""มีสิ่งใดที่เจ้าพูดกับข้าไม่ได้กันเล่า"จื่อกุ้ยเฟยจับพระหัตถ์โอรสสวรรค์เอาไว้ ทั้งยังจ้องพระพักตร์พระองค์เขม็ง"หม่อมฉันมิได้รังเกียจท่านอ๋องเพคะ ทว่าหนักใจยิ่งนักที่เห็นลี่ไท่เฟยวันนี้ทั้งท่านอ๋องยังดูเหมือนไม่ต้องการแต่งกับคนของหม่อมฉันเช่นนั้น จะแต่งเข้าจวนอ๋องได้อย่างไรเพคะ"ฝ่าบาททรงดึงร่างบอบบางของจื่อกุ้ยเฟยมากอดเอาไว้ตบแผ่นหลังของนางเบา ๆ "ไม่ต้องกลัวไปข้าเองก็เลี้ยงดูเสด็จอาของข้ามาเองกับมือใกล้ชิดกันยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันมาเสียอีก แม้เสด็จอาจะดูแข็งกร้าวไปบ้างแต่ข้าเห็นว่าเขาย่อมพึงใจน้องสาวของเจ้าผู้นี้อยู่บ้าง คนอย่างลี่หมิงอ๋องมิใช่ว่าข้าจะสามารถบังคับให้
บทที่ 13 สำเร็จจวนลี่หมิงอ๋องหลังจากตรวจดูดวงตาของลี่หมิงอ๋องแล้วท่านหมอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี"ท่านอ๋อง หากเป็นเช่นนี้ไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดวงตาของท่านจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า เมื่อคืนนี้จู่ ๆ ตอนที่เขาเปิดที่คาดตาก็พบว่าตนเองมองเห็นเลือนรางในความมืด แม้จะยังมองไม่ชัดเจนแต่สิ่งของที่เห็นก็เป็นรูปเป็นร่างจนพอจะแยกแยะออกเขาตื่นเต้นยินดีทว่าก็ไม่อยากตั้งความหวังมากเกินไป เขาอยู่กับความมืดเช่นนี้มาสองปีแล้วหมอมารักษานับร้อยคนยังบอกรักษาไม่ได้เดิมทีเขาได้ถอดใจและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดจนเคยชิน ทว่าบัดนี้ไม่คิดว่าวิธีการของหมอหลวงที่ฝ่าบาทส่งมาผู้นี้จะช่วยรักษาเขาจนได้"แล้วไยตอนกลางวันข้ายังมองเห็นเพียงแสงสว่างเท่านั้นเล่า ทุกอย่างยังคงพร่าเลือนเช่นเคย"ท่านหมอส่งเทียบยาชุดใหม่ให้องครักษ์ซีห่าวแล้วเอ่ยว่า"แสงสว่างยังคงเป็นปัญหาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ปรับตัวยาแล้วคาดว่าท่านอ๋องจะสามารถมองเห็นได้ในช่วงฟ้ามืดเพราะไร้แสงรบกวนในช่วงแรก หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ใช้ดวงตาในตอนกลางวันได้ทว่าต้องอาศัยระยะเวลาสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า"เรื่องนี้ปิด
บทที่ 14 ข้าไม่ยอมแพ้เป็นเพราะฝ่าบาทออกหน้ามาสู่ขอด้วยพระองค์เอง สินสอดของหมั้นยังมากมายจนคนเล่าลือไปทั้งเมือง แม้จะไม่ชอบหลานเขยตาบอดผู้นี้ทว่าก็ยังพอให้ท่านย่าเบิกบานใจได้กำหนดวันแต่งงานมีในอีกไม่กี่วัน ช่างเป็นฤกษ์ยามที่รวบรัดเป็นอย่างยิ่ง ส่งของหมั้นมาเพียงไม่กี่วันก็มีกำหนดส่งตัวเจ้าสาวเข้าจวนมาถึงทันทีท่านย่าให้บ่าวไพร่ช่วยกันยกหีบสินสอดออกมานับจำนวน จดบันทึกเอาไว้ไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่ชิ้นเดียว ใบหน้าที่เหี่ยวเฉาของท่านย่าบัดนี้กลับเบ่งบานราวกับสาวน้อยแรกแย้มผู้หนึ่ง แน่นอนว่าบัดนี้ทั่วทั้งตัวของท่านย่าเต็มไปด้วยหยกงามล้ำค่าจากวังหลวง ท่านย่าสั่งให้บ่าวไปตามหลานสาวทั้งสามให้มาช่วยทำบัญชีจดบันทึกสินสอดจื่อรั่วอิงตาลุกวาวหันไปมองเสี่ยวหยุนสาวใช้คนสนิท"ข้าจะไปหาเงิน เจ้าเตรียมการให้ดี ส่งเจ้าอ้วนเป่าไปดูคนด้วย""เจ้าค่ะ คุณหนู"บัดนี้จื่อรั่วอิง น้องสี่จื่อตาน น้องห้าจื่อเฉียว กำลังช่วยท่านย่าลงบันทึกสินสอดมือเป็นระวิง จื่อรั่วอิงหาวแล้วหาวอีกปกติช่วงเวลานี้นางต้องได้งีบหลับเอาแรงสักงีบทว่าบัดนี้กลับต้องมาทำเรื่องน่าเบื่ออยู่เช่นนี้ท่านย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสยิ่งนัก"ส
บทที่ 15 อย่าเล่นกับนางจื่อรั่วอิงลงจากเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมทั้งเลิกผ้าปิดหน้าขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของแม่สื่อผู้นั้น"เจ้าสาวลงจากเกี้ยวไม่ได้นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงถลึงตามองนาง"หากข้าไม่ลงมือเจ้ามีปัญญาให้คนจวนนี้เปิดประตูหรืออย่างไร"แม่สื่ออึ้งไปเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ จื่อรั่วอิงหันไปมองเจ้าอ้วนเป่า บ่าวของนางจึงทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว"ทหารกันคนนอกออกไปอย่าให้เข้ามามุงบริเวณนี้"ทหารที่จื่อรั่วอิงจ้างมาเป็นพิเศษด้วยสินสอดที่ขโมยมาจากท่านย่า พวกเขาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วพวกเขาช่วยกันชาวบ้านที่มามุงดูให้ถอยห่างและยังยืนขวางเป็นโล่กำแพงไม่ให้ผู้ใดมองเห็นว่าจื่อรั่วอิงกำลังทำสิ่งใดแม่สื่อมองจื่อรั่วอิงที่กำลังพับแขนเสื้อเจ้าสาวขึ้นทั้งดวงตาคู่งามยังจ้องที่ประตูใหญ่พร้อมกับมองไปรอบ ๆ แม่สื่อดวงตาเบิกโพลง นางเองได้ยินชื่อเสียงของจื่อรั่วอิงมามากจึงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดหวั่น "เจ้าสาวคิดจะพังประตูหรือเจ้าคะ ประตูจวนอ๋องไม่อาจพังได้นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงมองที่กำแพงสูงของจวนอ๋อง นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"เจ้าคิดไร้สาระอันใด ประตูจวนอ๋องทำจากเนื้อไม้แข็งที่สุดในโลกก็ว่าได้ ชาตินี้จะพังได้หรือเปล่าย
“กวนเกอร์เอ๋อร์ วาดอะไรอยู่หรือ”เด็กน้อยตัวอวบอ้วนวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษที่อยู่ตรงหน้า มือเล็กยังถือพู่กันเอาไว้พร้อมกับเอ่ยว่า“วาดภูเขาพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเดินท้องโย้เข้ามาใกล้บุตรชาย โดยมีเสี่ยวหยุนคอยประคอง“ไหนเอามาให้แม่ดูหน่อย”เด็กน้อยส่งกระดาษให้ผู้เป็นมารดาดู พร้อมกับมองตาแป๋ว“ลูกวาดเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเห็นว่าภูเขาของบุตรชายประหลาดนัก ทว่าก็ได้แต่อมยิ้มแล้วพยักหน้าช้า ๆ“งามมาก กวนเกอร์เอ๋อร์ของแม่ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ วาดภูเขาได้เหมือนมาก แล้วจุดสองจุดตรงภูเขาคืออะไรหรือ”เด็กน้อยเกาศีรษะกลมพร้อมกับส่ายหน้า“ยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ต้องถามเสด็จพ่อ”จื่อรั่วอิงขมวดคิ้ว ด้วยบัดนี้ท่านอ๋องเข้าวัง มีเพียงบ่าวของนางเจ้าอ้วนเป่าที่คอยฝนหมึกให้และบ่าวของท่านอ๋องอาฟงที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ“ไยต้องถามเสด็จพ่อเล่า”“เพราะลูกมีภาพวาดของเสด็จพ่อเป็นต้นแบบ อาฟงบอกลูกว่ายามนั้นเสด็จพ่อตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใดยังพากเพียรวาดรูปฝึกปรือฝีมือ ความเพียรนี้สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงนั่งลงข้าง ๆ บุตรชาย นางลูบท้องใหญ่ของตนเองที่บัดนี้ตั้งครรภ์ได้เ
“ทะท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”จื่อรั่วอิงมือสั่น“นี่เจ้ากล้าเรียกสามีข้าหรือ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”สาวใช้ของคุณหนูผู้นั้นกอดคุณหนูของตนเองเอาไว้แน่น ยังเอ่ยว่า“พระชายา คุณหนูของบ่าวได้รับบาดเจ็บข้อเท้าแพลงไม่อาจขยับได้เพคะ อย่าทำร้ายคุณหนูของข้า นางได้รับบาดเจ็บอยู่นะเพคะ”“เจ็บจริง ๆ หรือไม่ข้าต้องทดสอบ เจ้ารู้หรือไม่หากข้าฟาดแส้ไปที่ใบหน้าของนาง คงต้องเสียโฉมไปตลอดกาลเป็นแน่ อยากลองดีหรือไม่”กล่าวจบจื่อรั่วอิงฟาดแส้ลงมาครั้งหนึ่งลงไปข้างกายของนางผู้นั้น ผู้คนเริ่มมามุงดูกันด้วยความสงสัย ในขณะที่สตรีทั้งสองคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสาวใช้กลับไม่ยินยอม“ท่านถือดีอย่างไรจึงได้ลงมือตีคนกลางถนนเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นถึงธิดาของท่านผู้ว่าการศึกษานะเพคะ”จื่อรั่วอิงถลึงตาใส่คนทั้งสอง“ข้าถามหรือว่านางเป็นลูกใคร ได้ไล่ไม่ไปใช่หรือไม่ หากไม่ไปอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าจะตีพวกเจ้าทั้งนายและบ่าวให้ตายไปข้างหนึ่ง”จื่อรั่วอิงเงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดแส้ลงมา ไม่น่าเชื่อว่าสตรีที่บ่อน้ำตาแตกท่าทางอ่อนแอนางนั้นบัดนี้จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปสุดชีวิต ทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแส้ในมือของนางยังฟาดเข้าท
“กอดข้าหน่อยเพคะ”เขาถอดรองเท้าแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนนั้นกอดมือใหญ่ดึงร่างเล็กมากอด จื่อรั่วอิงขยับกายมาแนบชิดเกยก่ายร่างตนเองบนร่างกายใหญ่โตของเขาอบอุ่นและหอมกรุ่นยิ่งนักเขาลูบแผ่นหลังของนางอย่างรักใคร่“เหตุใดเอาแต่นอน หากนอนมากจะไม่สบายไม่รู้หรือ”จื่อรั่วอิงส่ายหน้า“ไม่ได้นอนอย่างเดียวเพคะ ยังตื่นขึ้นมากินด้วย”“กินกับนอนไม่กลัวอ้วนหรือ”“ไม่กลัวเพคะ คนเราต้องใช้ชีวิตให้ดีหากชอบกินก็กินเสียก่อนที่จะไม่ได้กิน หม่อมฉันเคยตายมาแล้วของที่อยากได้ก็ไม่ได้ใช้จึงคิดเสียดายยิ่ง ชาตินี้จึงคิดว่าหากอยากจะทำอะไรก็จะทำเพคะ”นางมักจะพูดเช่นนี้เสมอว่าตนเองเคยตายมาแล้ว ปกติจื่อรั่วอิงมักพูดจาประหลาดอยู่แล้ว ลี่หมิงอ๋องจึงเคยชินกับคำพูดของนางจึงไม่ได้เอ่ยถามคำใดเขาขยับตัวขึ้นนั่งโดยมีจื่อรั่วอิงพังพาบอยู่บนร่างกายเขา ได้กอดสามีเหมือนกอดเตาอุ่นนางจึงซุกหน้าเข้ากับอกของเขาแล้วถูเบา ๆ“ไม่คิดออกไปข้างนอกหรือ มีข่าวว่ามีของน่าสนใจมากับเรือเทียบท่าลำใหญ่ที่เพิ่งมาถึง”“ไม่ไปเพคะ หนาวข้าไม่ชอบความหนาวอยากนอน”“ไม่ไปจริงหรือ”“จริงเพคะ”แน่นอนว่านอกจากนางจะไม่ไปแล้ว ยังล็อกตัวสามีแน่นหนาไม่ยอมให
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1หลังแต่งงานใหม่เข้าจวนอ๋องในฐานะพระชายาได้สองปีกว่าจื่อรั่วอิงก็ไม่ยอมตั้งครรภ์ ด้วยนางยังห่วงความสนุกสนานในชีวิตวัยรุ่นของนางยิ่งนักในแต่ละวันหลังจากท่านอ๋องเข้าวังหลวงไปทำงาน จื่อรั่วอิงก็มักจะกลับไปจวนของตนเองเพื่อไปเยี่ยมท่านย่าและน้องสาวทั้งสองอยู่เสมอโดยขากลับต้องลำบากลี่หมิงอ๋องต้องไปรับนางด้วยตัวเองทุกวันก่อนหน้านี้ท่านย่ามาเยี่ยมที่จวนอ๋อง หลังจากเดินวนชื่นชมความงดงามของจวนพร้อมกับบ่าวคนสนิทและน้องสี่น้องห้าจนเหนื่อยก็ลงมือต้มน้ำแกงให้นางดื่มบำรุงกำลัง“เจ้าสามอย่าหาว่าย่าสั่งสอน อย่างไรเราเป็นสตรีการมีบุตรให้สามีคือหน้าที่ เจ้าแต่งมาสองปีแล้วยังไม่มีวี่แววเช่นนี้นับว่าบกพร่องต่อหน้าที่แล้ว”“ท่านย่าข้าเป็นภรรยาคน ไม่ใช่แม่พันธ์เพาะลูก อายุก็น้อยเพียงนี้จะรีบมีไปทำไม รอข้าพร้อมก่อนจะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”“น้อยได้อย่างไร คนอื่นลูกเขาต่างวิ่งกันได้แล้วดูเจ้าสิอย่าทำตัวเหลวไหลนักเลย ของที่ย่านำมาด้วยดื่มให้เป็นประจำบำรุงร่างกายทั้งนั้น ร่างกายสมบูรณ์จะได้ตั้งครรภ์เสียที”จากนั้นก็หันไปสั่งเสี่ยวหยุน“เสี่ยวหยุนอย่าลืมให้พระชายาดื่มยาบำรุงของข้าทุกวัน ร
บทที่ 51 จบบริบูรณ์วันนี้เป็นวันอันสำคัญที่ฝ่าบาทจัดขึ้นเพื่อลี่หมิงอ๋อง จึงทรงเชิญคนมากมายรวมทั้งคนในครอบครัวของจื่อรั่วอิงมาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ท่านย่าของจื่อรั่วอิงตื่นเต้นเป็นอันมาก นางยังได้เชิญญาติ ๆ มาร่วมงานด้วยโดยที่ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ขัดข้องที่เหล่าชนชั้นพ่อค้าเหล่านี้จะเข้าวังร่วมแสดงความยินดี ในขณะที่บิดาและภรรยาทั้งสี่ของเขาต่างก็เข้าร่วมงานด้วยความสำราญใจและยังได้รับการคารวะสุราแทบจะไม่ว่างเว้นจื่อรั่วอิงถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านย่าแต่งกายด้วยอาภรณ์และเครื่องประดับสีทองทั้งตัว นางกลัวว่าจะถูกคนในวังตำหนิที่ทำตัวเด่นดังเกินหน้าเกินตาน้องสี่ของนางจึงเอ่ยว่า"ฝ่าบาทพระราชทานให้ท่านย่า เพราะบอกว่าเลี้ยงพี่สามมาดียิ่งทำให้พบคนร้ายที่ทำลายดวงตาท่านอ๋อง ความดีความชอบยกให้ท่านย่าทั้งหมด อีกทั้งเครื่องประดับเหล่านั้นจึงยังเป็นลี่ไท่เฟยที่มอบให้ อีกไม่นานลี่ไท่เฟยจะดำรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว พระนางจึงมีของมากมาย ของกำนัลเหล่านี้ล้วนเป็นพระนางที่คัดเลือกส่งให้ท่านย่าทั้งหมดเจ้าค่ะ"จื่อรั่วอิงย่อมรู้ว่าแม่สามีตอบรับตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว นางดีใจจนเนื้อเต้น ไม่ใช่เพราะแม่สามีจะได้ตำ
บทที่ 50 ผู้ใดทำผิดต้องได้รับการลงโทษเจียวลู่ตามคนผู้นั้นมายังสถานที่หนึ่ง บัดนี้นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้นพร้อมกับเอ่ยว่า"จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป""เจ้าแน่ใจหรือไม่""เพคะ หม่อมฉันลงมือด้วยตนเอง และก่อนออกจากจวนก็ไปพบพวกเขา ทุกคนล้วนนอนหลับแล้วเพคะ""อืม ดีมาก คงมีเพียงเจ้าที่ไว้ใจได้ เจ้าทำพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง คงนี้คงไม่พลาดอีกใช่หรือไม่""เพคะ ทรงไว้ใจหม่อมฉันได้ ไม่พลาดแน่นอน"สตรีนางนั้นแย้มยิ้ม แล้วยกแขนขึ้นกวักมือเรียกเจียวลู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ลูกแม่ มาหาแม่สิ มาใกล้ ๆ แม่"เจียวลู่ขยับเข้าไปใกล้คนผู้นั้น แล้วซบใบหน้าลงบนตัก"เสด็จแม่ยอมรับหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่"สตรีนางนั้นเอ่ยว่า"ไม่ยอมรับได้อย่างไร เจ้าคือลูกแม่มิใช่หรือ หลายปีมานี้ใช้งานเจ้าให้หลบซ่อนตัวในจวนอ๋อง เจ้าทำตามที่แม่สั่งมาเนิ่นนาน สุดท้ายมือของเจ้ายังแปดเปื้อนเลือดคน ทั้งหมดเจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่าซื่อสัตย์ต่อแม่เพียงใด แม่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก"เจียวลู่เงยหน้ามองนางผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า"ไยจึงเปลี่ยนพระทัยสังหารไท่เฟยเพคะ นางโดนยาพิษมาหลายปีเพียงนี้อีกไม่นานก็คงล้มป่วยแล้ว"สองมือข
บทที่ 49 วางยาพิษเพราะอาการตาบอดของลี่หมิงหายแล้ว ลี่ไท่เฟยจึงเป็นคนที่ดีใจที่สุด ความจริงอยากจัดงานเลี้ยงใหญ่โตในจวน ทว่าลี่หมิงห้ามเอาไว้ บอกว่าได้หารือกับฝ่าบาทแล้วว่าจะจัดงานที่วังหลวง เชิญข้าราชบริพารมาร่วมงานจัดให้ใหญ่โตคล้ายจัดงานให้ไทฮองไทเฮาเสียอีกลี่ไท่เฟยแย้มยิ้มเอ่ยว่า"จะจัดให้ใหญ่เท่างานวันเกิดจิ้งจอกเฒ่านั้นได้อย่างไร ต้องจัดให้ใหญ่กว่าสิ ท่านอ๋องของแม่เป็นคนสำคัญเพียงใดผู้ใดก็รู้ งานนี้ฝ่าบาทคงให้กลับไปรับราชการกุมอำนาจเช่นเดิมแล้ว นางจิ้งจอกนั่นจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ววังหลวงไม่ใช่ของนางเลยแม้แต่น้อย ลูกแม่เป็นคนโปรดของฝ่าบาทเพียงนี้คงทำให้นางไม่กล้ากับแม่อีก”ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า การต่อสู้ของสตรีชราทั้งสองคงไม่มีวันจบสิ้นเป็นแน่ลี่ไท่เฟยจับมือบุตรชายแล้วเอ่ยพร้อมทอดถอนใจ“ท่านอ๋อง ศึกสงครามสงบแล้วก็ดียิ่งทว่าหากบังเอิญเกิดขึ้นอีก แม่ขอร้องท่านอ๋องอย่าได้ออกรบได้หรือไม่ ที่ผ่านมาเจ้าทุ่มเทมากมายเพียงนั้นจนกระทั่งตาบอด แม่ทำใจไม่ได้หากเห็นเจ้าต้องเข้าสู่สนามรบอีก อย่างไรก็ไม่อาจยอมได้”ลี่หมิงอ๋องเอ่ยว่า"บัดนี้คงไร้สงครามแล้ว ศึกครั้งสุดท้ายได้ทำสัญญาสงบศึกถึงยี่สิบปี
บทที่ 48 เราหย่ากันเถอะเรื่องดวงตาของท่านอ๋องหายดีแล้วนั้น ก่อนหน้านั้นเขาได้ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรียบร้อย ฝ่าบาทจึงทรงสั่งให้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงลี่หมิงอ๋องไม่ปฏิเสธ ยังรับปากแข็งขันว่าจะเข้าร่วม ทั้งยังขอให้ฝ่าบาททรงจัดงานให้ใหญ่ที่สุด เชิญคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"เสด็จอาพูดจริงหรือ ดูเหมือนไม่ใช่เสด็จอาเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเพราะแต่งกับคนสดใสร่าเริงเช่นจื่อรั่วอิงจึงทำให้เปลี่ยนไปได้เพียงนี้"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า"ฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล เกี่ยวกับสาเหตุที่กระหม่อมตาบอด"ฮ่องเต้ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ตรัสถามด้วยความตื่นเต้น"เสด็จอาสืบรู้แล้วหรือ เพียงดวงตามองเห็นก็ทราบทุกอย่างแล้วหรือ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า "ความจริงหากนึกย้อนไปดี ๆ ก็คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้ ทว่าด้วยหลายปีที่ออกศึกจึงมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้ กระหม่อมเองยามนั้นยังเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กระทั่งบัดนี้เมื่อมองเห็นและได้เห็นใบหน้าคนผู้หนึ่งความทรงจำนั้นจึงกลับมา""เสด็จอาหมายความว่าอย่างไร"ลี่หมิงอ๋องหัวเราะเย็น"ฝ่าบาทความจริงที่สืบได้รวดเร็วทั้งหมดนี้ล้
บทที่ 47 คือท่านซีห่าวมองหน้านางแล้วหันไปมองบุรุษผู้นั้นก่อนจะหันมามองหน้านางอีกที"พระชายารองไม่เห็นท่านอ๋องหรอกหรือ"นางส่ายหน้า "เขาอยู่ที่ใดมิได้อยู่กับท่านหรือ แล้วท่านมาที่นี่ทำไม"ซีห่าวหัวเราะ ในขณะที่มีคนผู้หนึ่งจับมือของนางเอาไว้แล้วหมุนตัวของนางให้หันหลัง ยามนั้นจื่อรั่วอิงใบหน้าจึงปะทะเข้ากับอกกว้าง นางร้องเจ็บออกมาเล็กน้อยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คำนินทาก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว พระชายาลี่อ๋องเดินเข้างานพร้อมกับบุรุษหนุ่มสองคน และตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดคุณชายสี่ผู้หล่อเหลาที่เพิ่งปรากฎกายนางจะหน้าด้านเกินไปแล้ว มิใช่ว่าบุรุษทุกคนนั้นต่างตกเป็นของจื่อรั่วอิงสตรีแพศยาไปแล้วหรือน่าสงสารและสมเพชเวทนาสามีตาบอดของนางที่ไม่รู้ว่าจื่อรั่วอิงนางนี้ ทำเรื่องน่าอับอายฉาวโฉ่เพียงใดจื่อรั่วอิงคิดจะผลักเขาออกกลับถูกเขาจับมือสองข้างเอาไว้อย่างรู้ทัน นางถอยห่างเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงมาเอ่ยเสียงต่ำ"ท่านคือพระชายาลี่อ๋องใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงไม่ตอบทว่ายกเข่าขึ้นทันใดแล้วกระทุ้งเข้าไปตรงกลางร่างกายของเขาอย่างแรง ลี่หมิงอ๋องหน้าเขียวแต่ไม่อาจร้องออกมาได้ ในขณะที่ซีห