บทที่ 9 เหรียญทองสำหรับคนกล้าหาญสิ้นเสียงนั้นทุกสิ่งพลันหยุดนิ่ง ไม้ไม่ได้ตีเข้าที่แผ่นหลังของนาง จื่อรั่วอิงจึงพลิกกายรีบลุกขึ้น สองมือเล็กผลักคนที่จับแขนจับขานางเอาไว้ ทั้งคิดในใจว่า ในที่สุดพระเอกก็โผล่มาได้จังหวะเสียที ไม่ผิดกับที่วางเอาไว้เมื่อนางเงยหน้ามองคนผู้นั้นในใจหวังให้เป็นหนุ่มหล่อรูปงาม ทว่าความเป็นจริงกลับทำให้นางขนลุกเมื่อพบผู้ชายหนวดเฟิ้มใบหน้าเย็นชาคนนั้นยืนกดดันผู้คนจนชวนหวาดผวาให้ตายเถอะ น่ากลัวกว่าตอนนางเข้าไปเล่นในบ้านผีสิงเสียอีกถึงหน้าตาไม่ตรงสเปกที่วางไว้ แต่ได้ตัดสินใจแล้วอย่างไรก็ไม่อาจถอยหลังได้ นางไม่ได้มองหาคนหล่อแต่นางมองหาอิสระไม่ใช่หรือ จื่อรั่วอิงเปล่งเสียงหวานอ่อนแอที่ฟังแล้วดูน่าสงสารที่สุดออกมา"ท่านอ๋องในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว สามีท่านยอมรับข้าแล้วใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงมองสบตาเขาทว่าพบเพียงความว่างเปล่า จื่อรั่วอิงคิดได้นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาตาบอดและถูกปิดตาอยู่เช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นผวาเข้าไปหาเขา ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบกระโปรงตนเองจนเสียหลักล้มลงไป สองแขนของนางกางออกก่อนที่จะทับร่างของคนผู้นั้นจื่อรั่วอิ
บทที่ 10 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งในที่สุดคนที่อำนาจตัดสินชีวิตคนก็โผล่มาแล้ว ทว่าบัดนี้จื่อรั่วอิงก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยบิดาของนางได้ตามมาด้วย สายตาของบิดายามนี้ราวกับต้องการสังหารคนเพื่อระบายอารมณ์ แน่นอนว่าคนผู้นั้นก็คือคุณหนูสามจื่อรั่วอิงบุตรสาวของเขาเองทุกคนต่างนั่งกันอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้ ข้าง ๆ พวกเขายังมีน้ำชาและขนมส่งกลิ่นหอมหวาน จื่อรั่วอิงไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าจึงรู้สึกหิวจนท้องร้อง ตอนนี้มีเพียงจื่อรั่วอิงเท่านั้นที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ซึ่งนางคิดว่าไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อย แต่นางก็ต้องหุบปากทำตัวอ่อนแอน่าสงสารต่อไปฮ่องเต้ลี่เจินเป็นบุรุษรูปงาม อายุราวสามสิบกว่าปีแม้จะมีฐานะเป็นหลานของลี่หมิงทว่าฝ่าบาทกลับเกิดก่อนหลายปีเรียกได้ว่าเห็นเสด็จอาผู้นี้มาตั้งแต่เกิด ลี่หมิงมีฐานะเดิมคือองค์ชายสิบเก้าซึ่งเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของเสด็จปู่อันเกิดจากพระสนมวัยเยาว์ที่ในยามนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น พระสนมคลอดองค์ชายลี่หมิงในวันที่เสด็จปู่อายุมากแล้ว อดีตฮ่องเต้วัยชราจึงหลงรักบุตรชายคนเล็กยิ่งนัก ทว่าไม่นานเสด็จปู่ก็สวรรคต เสด็จพ่อของฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ต่อจากนั้น ไม่นานเสด็จพ่อก
บทที่ 11 ช่วยข้าด้วยจวนอ๋องกลับมาเงียบสงบราวป่าช้าดังเดิมหลังจากคนของสกุล จื่อกลับไปแล้ว เจียวลู่ประคองลี่ไท่เฟยเดินเล่นที่สวนดอกไม้อันกว้างขวางภายในจวนเพื่อผ่อนคลายความกดดันเพราะเรื่องของจื่อรั่วอิง"ลู่เอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องของท่านอ๋องไป อย่างไรสะใภ้ในใจข้าก็คือเจ้าคนเดียว หลังจากแต่งพระชายารองข้าจะให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เจ้ากับท่านอ๋อง ครานี้เขาคงไม่มีข้ออ้างใดได้อีก ในเมื่อพระชายารองยังรับมาไยพระชายาเอกจะรับไม่ได้"เจียวลู่เองแม้ไม่พอใจ ทว่าท่านป้าของนางยังคงหาวิธีได้เช่นนี้ก็คิดว่าเรื่องนี้หากคิดในแง่ดีก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเอง กระนั้นก็ยังอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสารไม่ได้"ท่านป้า แม่นางสกุลจื่อผู้นั้นยังเป็นน้องสาวของจื่อกุ้ยเฟย บิดาก็เป็นถึงเสนาบดีที่มีความสำคัญของฝ่าบาท นางยังดูแข็งกร้าวเพียงนั้น ลู่เอ๋อร์เกรงว่าจะถูกนางรังแกหากเป็นเช่นนั้นลู่เอ๋อร์ก็ขอดูแลท่านป้าและพี่ใหญ่ในฐานะน้องสาวอยู่เงียบ ๆ ดีกว่าเจ้าค่ะ"ลี่ไท่เฟยสงสารเจียวลู่ยิ่งนัก หลานสาวห่าง ๆ ของนางผู้นี้เจียมตนอยู่เสมอยังมีใจกตัญญูต่อนางผู้เลี้ยงดูและหากจะพูดถึงความรักมั่นคงแล้วไม่มีผู้ใดที่จะสู้เ
บทที่ 12 เชื่อข้าเถิดฝ่าบาทกลับวังด้วยใบหน้าระรื่นเพราะมีความสุขยิ่งนัก ทว่าใบหน้าของจื่อกุ้ยเฟยนั้นกลับไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด โอรสสวรรค์เห็นใบหน้างามของสนมรักเป็นเช่นนั้นจึงเอ่ยว่า"เจ้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครานี้หรือ หรือว่าเจ้าก็เป็นอีกคนที่รังเกียจเสด็จอาของข้า"เดิมทีจื่อกุ้ยเฟยก็เป็นคนที่เปิดเผยความคิดต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว นางทอดถอนใจยาวตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างวิตก"ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลตามตรงได้หรือไม่เพคะ""มีสิ่งใดที่เจ้าพูดกับข้าไม่ได้กันเล่า"จื่อกุ้ยเฟยจับพระหัตถ์โอรสสวรรค์เอาไว้ ทั้งยังจ้องพระพักตร์พระองค์เขม็ง"หม่อมฉันมิได้รังเกียจท่านอ๋องเพคะ ทว่าหนักใจยิ่งนักที่เห็นลี่ไท่เฟยวันนี้ทั้งท่านอ๋องยังดูเหมือนไม่ต้องการแต่งกับคนของหม่อมฉันเช่นนั้น จะแต่งเข้าจวนอ๋องได้อย่างไรเพคะ"ฝ่าบาททรงดึงร่างบอบบางของจื่อกุ้ยเฟยมากอดเอาไว้ตบแผ่นหลังของนางเบา ๆ "ไม่ต้องกลัวไปข้าเองก็เลี้ยงดูเสด็จอาของข้ามาเองกับมือใกล้ชิดกันยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันมาเสียอีก แม้เสด็จอาจะดูแข็งกร้าวไปบ้างแต่ข้าเห็นว่าเขาย่อมพึงใจน้องสาวของเจ้าผู้นี้อยู่บ้าง คนอย่างลี่หมิงอ๋องมิใช่ว่าข้าจะสามารถบังคับให้
บทที่ 13 สำเร็จจวนลี่หมิงอ๋องหลังจากตรวจดูดวงตาของลี่หมิงอ๋องแล้วท่านหมอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี"ท่านอ๋อง หากเป็นเช่นนี้ไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดวงตาของท่านจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า เมื่อคืนนี้จู่ ๆ ตอนที่เขาเปิดที่คาดตาก็พบว่าตนเองมองเห็นเลือนรางในความมืด แม้จะยังมองไม่ชัดเจนแต่สิ่งของที่เห็นก็เป็นรูปเป็นร่างจนพอจะแยกแยะออกเขาตื่นเต้นยินดีทว่าก็ไม่อยากตั้งความหวังมากเกินไป เขาอยู่กับความมืดเช่นนี้มาสองปีแล้วหมอมารักษานับร้อยคนยังบอกรักษาไม่ได้เดิมทีเขาได้ถอดใจและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดจนเคยชิน ทว่าบัดนี้ไม่คิดว่าวิธีการของหมอหลวงที่ฝ่าบาทส่งมาผู้นี้จะช่วยรักษาเขาจนได้"แล้วไยตอนกลางวันข้ายังมองเห็นเพียงแสงสว่างเท่านั้นเล่า ทุกอย่างยังคงพร่าเลือนเช่นเคย"ท่านหมอส่งเทียบยาชุดใหม่ให้องครักษ์ซีห่าวแล้วเอ่ยว่า"แสงสว่างยังคงเป็นปัญหาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ปรับตัวยาแล้วคาดว่าท่านอ๋องจะสามารถมองเห็นได้ในช่วงฟ้ามืดเพราะไร้แสงรบกวนในช่วงแรก หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ใช้ดวงตาในตอนกลางวันได้ทว่าต้องอาศัยระยะเวลาสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า"เรื่องนี้ปิด
บทที่ 14 ข้าไม่ยอมแพ้เป็นเพราะฝ่าบาทออกหน้ามาสู่ขอด้วยพระองค์เอง สินสอดของหมั้นยังมากมายจนคนเล่าลือไปทั้งเมือง แม้จะไม่ชอบหลานเขยตาบอดผู้นี้ทว่าก็ยังพอให้ท่านย่าเบิกบานใจได้กำหนดวันแต่งงานมีในอีกไม่กี่วัน ช่างเป็นฤกษ์ยามที่รวบรัดเป็นอย่างยิ่ง ส่งของหมั้นมาเพียงไม่กี่วันก็มีกำหนดส่งตัวเจ้าสาวเข้าจวนมาถึงทันทีท่านย่าให้บ่าวไพร่ช่วยกันยกหีบสินสอดออกมานับจำนวน จดบันทึกเอาไว้ไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่ชิ้นเดียว ใบหน้าที่เหี่ยวเฉาของท่านย่าบัดนี้กลับเบ่งบานราวกับสาวน้อยแรกแย้มผู้หนึ่ง แน่นอนว่าบัดนี้ทั่วทั้งตัวของท่านย่าเต็มไปด้วยหยกงามล้ำค่าจากวังหลวง ท่านย่าสั่งให้บ่าวไปตามหลานสาวทั้งสามให้มาช่วยทำบัญชีจดบันทึกสินสอดจื่อรั่วอิงตาลุกวาวหันไปมองเสี่ยวหยุนสาวใช้คนสนิท"ข้าจะไปหาเงิน เจ้าเตรียมการให้ดี ส่งเจ้าอ้วนเป่าไปดูคนด้วย""เจ้าค่ะ คุณหนู"บัดนี้จื่อรั่วอิง น้องสี่จื่อตาน น้องห้าจื่อเฉียว กำลังช่วยท่านย่าลงบันทึกสินสอดมือเป็นระวิง จื่อรั่วอิงหาวแล้วหาวอีกปกติช่วงเวลานี้นางต้องได้งีบหลับเอาแรงสักงีบทว่าบัดนี้กลับต้องมาทำเรื่องน่าเบื่ออยู่เช่นนี้ท่านย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสยิ่งนัก"ส
บทที่ 15 อย่าเล่นกับนางจื่อรั่วอิงลงจากเกี้ยวเจ้าสาวพร้อมทั้งเลิกผ้าปิดหน้าขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของแม่สื่อผู้นั้น"เจ้าสาวลงจากเกี้ยวไม่ได้นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงถลึงตามองนาง"หากข้าไม่ลงมือเจ้ามีปัญญาให้คนจวนนี้เปิดประตูหรืออย่างไร"แม่สื่ออึ้งไปเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ จื่อรั่วอิงหันไปมองเจ้าอ้วนเป่า บ่าวของนางจึงทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว"ทหารกันคนนอกออกไปอย่าให้เข้ามามุงบริเวณนี้"ทหารที่จื่อรั่วอิงจ้างมาเป็นพิเศษด้วยสินสอดที่ขโมยมาจากท่านย่า พวกเขาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วพวกเขาช่วยกันชาวบ้านที่มามุงดูให้ถอยห่างและยังยืนขวางเป็นโล่กำแพงไม่ให้ผู้ใดมองเห็นว่าจื่อรั่วอิงกำลังทำสิ่งใดแม่สื่อมองจื่อรั่วอิงที่กำลังพับแขนเสื้อเจ้าสาวขึ้นทั้งดวงตาคู่งามยังจ้องที่ประตูใหญ่พร้อมกับมองไปรอบ ๆ แม่สื่อดวงตาเบิกโพลง นางเองได้ยินชื่อเสียงของจื่อรั่วอิงมามากจึงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดหวั่น "เจ้าสาวคิดจะพังประตูหรือเจ้าคะ ประตูจวนอ๋องไม่อาจพังได้นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงมองที่กำแพงสูงของจวนอ๋อง นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"เจ้าคิดไร้สาระอันใด ประตูจวนอ๋องทำจากเนื้อไม้แข็งที่สุดในโลกก็ว่าได้ ชาตินี้จะพังได้หรือเปล่าย
บทที่ 16 ลากนางออกไปบ่าวนางนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง"ไท่เฟยให้ข้ามาเชิญพระชายารองเข้าจวนเจ้าค่ะ"จื่อรั่วอิงมองประตูใหญ่ ทว่าประตูนั้นยังปิดสนิทนางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย"เชิญเข้าจวน ไยไม่เปิดประตูเล่า ขบวนเจ้าสาวจะเข้าไปได้อย่างไร"บ่าวนางนั้นยกมุมปากเชิดใบหน้าอวดดี ก่อนจะตอบว่า"พระชายาเป็นเพียงพระชายารอง จึงมีสิทธิ์ใช้เพียงประตูเล็ก ไม่อาจเข้าประตูใหญ่ได้ ประตูใหญ่มีไว้สำหรับพระชายาเท่านั้น ท่านเป็นเพียงลูกอนุคงคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ดีอยู่แล้วใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด นางเป็นบุตรสาวอนุก็จริง ทว่าที่จวนของนางนั้นท่านพ่อและท่านแม่ใหญ่ให้ความเป็นธรรม ที่บ้านของนางพี่น้องรักใคร่ไม่เคยแบ่งแยกบุตรฮูหยินบุตรอนุ สตรีนางนี้เป็นผู้ใดจึงกล้าแบ่งแยกชนชั้นกับนางในขณะที่จื่อรั่วอิงคิดตอบโต้ บัดนี้เสี่ยวหยุนเกิดโทสะแทนผู้เป็นนาย เสี่ยวหยุนจึงตวาดเสียงดังด้วยไม่อาจทนไหวที่นางผู้นั้นกล้ามาแตะต้องจื่อรั่วอิง"บังอาจ พระชายารองก็คือพระชายาของท่านอ๋องที่เจ้าไม่สามารล่วงเกินได้ คุณหนูของข้าเป็นบุตรสาวที่ท่านเสนาบดีรักใคร่ พี่สาวยังคือจื่อกุ้ยเฟยที่ฝ่าบาททรงโปรดปราน อีกทั้งสมรสนี้ก็ย
“กวนเกอร์เอ๋อร์ วาดอะไรอยู่หรือ”เด็กน้อยตัวอวบอ้วนวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษที่อยู่ตรงหน้า มือเล็กยังถือพู่กันเอาไว้พร้อมกับเอ่ยว่า“วาดภูเขาพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเดินท้องโย้เข้ามาใกล้บุตรชาย โดยมีเสี่ยวหยุนคอยประคอง“ไหนเอามาให้แม่ดูหน่อย”เด็กน้อยส่งกระดาษให้ผู้เป็นมารดาดู พร้อมกับมองตาแป๋ว“ลูกวาดเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเห็นว่าภูเขาของบุตรชายประหลาดนัก ทว่าก็ได้แต่อมยิ้มแล้วพยักหน้าช้า ๆ“งามมาก กวนเกอร์เอ๋อร์ของแม่ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ วาดภูเขาได้เหมือนมาก แล้วจุดสองจุดตรงภูเขาคืออะไรหรือ”เด็กน้อยเกาศีรษะกลมพร้อมกับส่ายหน้า“ยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ต้องถามเสด็จพ่อ”จื่อรั่วอิงขมวดคิ้ว ด้วยบัดนี้ท่านอ๋องเข้าวัง มีเพียงบ่าวของนางเจ้าอ้วนเป่าที่คอยฝนหมึกให้และบ่าวของท่านอ๋องอาฟงที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ“ไยต้องถามเสด็จพ่อเล่า”“เพราะลูกมีภาพวาดของเสด็จพ่อเป็นต้นแบบ อาฟงบอกลูกว่ายามนั้นเสด็จพ่อตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใดยังพากเพียรวาดรูปฝึกปรือฝีมือ ความเพียรนี้สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงนั่งลงข้าง ๆ บุตรชาย นางลูบท้องใหญ่ของตนเองที่บัดนี้ตั้งครรภ์ได้เ
“ทะท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”จื่อรั่วอิงมือสั่น“นี่เจ้ากล้าเรียกสามีข้าหรือ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”สาวใช้ของคุณหนูผู้นั้นกอดคุณหนูของตนเองเอาไว้แน่น ยังเอ่ยว่า“พระชายา คุณหนูของบ่าวได้รับบาดเจ็บข้อเท้าแพลงไม่อาจขยับได้เพคะ อย่าทำร้ายคุณหนูของข้า นางได้รับบาดเจ็บอยู่นะเพคะ”“เจ็บจริง ๆ หรือไม่ข้าต้องทดสอบ เจ้ารู้หรือไม่หากข้าฟาดแส้ไปที่ใบหน้าของนาง คงต้องเสียโฉมไปตลอดกาลเป็นแน่ อยากลองดีหรือไม่”กล่าวจบจื่อรั่วอิงฟาดแส้ลงมาครั้งหนึ่งลงไปข้างกายของนางผู้นั้น ผู้คนเริ่มมามุงดูกันด้วยความสงสัย ในขณะที่สตรีทั้งสองคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสาวใช้กลับไม่ยินยอม“ท่านถือดีอย่างไรจึงได้ลงมือตีคนกลางถนนเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นถึงธิดาของท่านผู้ว่าการศึกษานะเพคะ”จื่อรั่วอิงถลึงตาใส่คนทั้งสอง“ข้าถามหรือว่านางเป็นลูกใคร ได้ไล่ไม่ไปใช่หรือไม่ หากไม่ไปอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าจะตีพวกเจ้าทั้งนายและบ่าวให้ตายไปข้างหนึ่ง”จื่อรั่วอิงเงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดแส้ลงมา ไม่น่าเชื่อว่าสตรีที่บ่อน้ำตาแตกท่าทางอ่อนแอนางนั้นบัดนี้จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปสุดชีวิต ทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแส้ในมือของนางยังฟาดเข้าท
“กอดข้าหน่อยเพคะ”เขาถอดรองเท้าแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนนั้นกอดมือใหญ่ดึงร่างเล็กมากอด จื่อรั่วอิงขยับกายมาแนบชิดเกยก่ายร่างตนเองบนร่างกายใหญ่โตของเขาอบอุ่นและหอมกรุ่นยิ่งนักเขาลูบแผ่นหลังของนางอย่างรักใคร่“เหตุใดเอาแต่นอน หากนอนมากจะไม่สบายไม่รู้หรือ”จื่อรั่วอิงส่ายหน้า“ไม่ได้นอนอย่างเดียวเพคะ ยังตื่นขึ้นมากินด้วย”“กินกับนอนไม่กลัวอ้วนหรือ”“ไม่กลัวเพคะ คนเราต้องใช้ชีวิตให้ดีหากชอบกินก็กินเสียก่อนที่จะไม่ได้กิน หม่อมฉันเคยตายมาแล้วของที่อยากได้ก็ไม่ได้ใช้จึงคิดเสียดายยิ่ง ชาตินี้จึงคิดว่าหากอยากจะทำอะไรก็จะทำเพคะ”นางมักจะพูดเช่นนี้เสมอว่าตนเองเคยตายมาแล้ว ปกติจื่อรั่วอิงมักพูดจาประหลาดอยู่แล้ว ลี่หมิงอ๋องจึงเคยชินกับคำพูดของนางจึงไม่ได้เอ่ยถามคำใดเขาขยับตัวขึ้นนั่งโดยมีจื่อรั่วอิงพังพาบอยู่บนร่างกายเขา ได้กอดสามีเหมือนกอดเตาอุ่นนางจึงซุกหน้าเข้ากับอกของเขาแล้วถูเบา ๆ“ไม่คิดออกไปข้างนอกหรือ มีข่าวว่ามีของน่าสนใจมากับเรือเทียบท่าลำใหญ่ที่เพิ่งมาถึง”“ไม่ไปเพคะ หนาวข้าไม่ชอบความหนาวอยากนอน”“ไม่ไปจริงหรือ”“จริงเพคะ”แน่นอนว่านอกจากนางจะไม่ไปแล้ว ยังล็อกตัวสามีแน่นหนาไม่ยอมให
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1หลังแต่งงานใหม่เข้าจวนอ๋องในฐานะพระชายาได้สองปีกว่าจื่อรั่วอิงก็ไม่ยอมตั้งครรภ์ ด้วยนางยังห่วงความสนุกสนานในชีวิตวัยรุ่นของนางยิ่งนักในแต่ละวันหลังจากท่านอ๋องเข้าวังหลวงไปทำงาน จื่อรั่วอิงก็มักจะกลับไปจวนของตนเองเพื่อไปเยี่ยมท่านย่าและน้องสาวทั้งสองอยู่เสมอโดยขากลับต้องลำบากลี่หมิงอ๋องต้องไปรับนางด้วยตัวเองทุกวันก่อนหน้านี้ท่านย่ามาเยี่ยมที่จวนอ๋อง หลังจากเดินวนชื่นชมความงดงามของจวนพร้อมกับบ่าวคนสนิทและน้องสี่น้องห้าจนเหนื่อยก็ลงมือต้มน้ำแกงให้นางดื่มบำรุงกำลัง“เจ้าสามอย่าหาว่าย่าสั่งสอน อย่างไรเราเป็นสตรีการมีบุตรให้สามีคือหน้าที่ เจ้าแต่งมาสองปีแล้วยังไม่มีวี่แววเช่นนี้นับว่าบกพร่องต่อหน้าที่แล้ว”“ท่านย่าข้าเป็นภรรยาคน ไม่ใช่แม่พันธ์เพาะลูก อายุก็น้อยเพียงนี้จะรีบมีไปทำไม รอข้าพร้อมก่อนจะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”“น้อยได้อย่างไร คนอื่นลูกเขาต่างวิ่งกันได้แล้วดูเจ้าสิอย่าทำตัวเหลวไหลนักเลย ของที่ย่านำมาด้วยดื่มให้เป็นประจำบำรุงร่างกายทั้งนั้น ร่างกายสมบูรณ์จะได้ตั้งครรภ์เสียที”จากนั้นก็หันไปสั่งเสี่ยวหยุน“เสี่ยวหยุนอย่าลืมให้พระชายาดื่มยาบำรุงของข้าทุกวัน ร
บทที่ 51 จบบริบูรณ์วันนี้เป็นวันอันสำคัญที่ฝ่าบาทจัดขึ้นเพื่อลี่หมิงอ๋อง จึงทรงเชิญคนมากมายรวมทั้งคนในครอบครัวของจื่อรั่วอิงมาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ท่านย่าของจื่อรั่วอิงตื่นเต้นเป็นอันมาก นางยังได้เชิญญาติ ๆ มาร่วมงานด้วยโดยที่ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ขัดข้องที่เหล่าชนชั้นพ่อค้าเหล่านี้จะเข้าวังร่วมแสดงความยินดี ในขณะที่บิดาและภรรยาทั้งสี่ของเขาต่างก็เข้าร่วมงานด้วยความสำราญใจและยังได้รับการคารวะสุราแทบจะไม่ว่างเว้นจื่อรั่วอิงถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านย่าแต่งกายด้วยอาภรณ์และเครื่องประดับสีทองทั้งตัว นางกลัวว่าจะถูกคนในวังตำหนิที่ทำตัวเด่นดังเกินหน้าเกินตาน้องสี่ของนางจึงเอ่ยว่า"ฝ่าบาทพระราชทานให้ท่านย่า เพราะบอกว่าเลี้ยงพี่สามมาดียิ่งทำให้พบคนร้ายที่ทำลายดวงตาท่านอ๋อง ความดีความชอบยกให้ท่านย่าทั้งหมด อีกทั้งเครื่องประดับเหล่านั้นจึงยังเป็นลี่ไท่เฟยที่มอบให้ อีกไม่นานลี่ไท่เฟยจะดำรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว พระนางจึงมีของมากมาย ของกำนัลเหล่านี้ล้วนเป็นพระนางที่คัดเลือกส่งให้ท่านย่าทั้งหมดเจ้าค่ะ"จื่อรั่วอิงย่อมรู้ว่าแม่สามีตอบรับตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว นางดีใจจนเนื้อเต้น ไม่ใช่เพราะแม่สามีจะได้ตำ
บทที่ 50 ผู้ใดทำผิดต้องได้รับการลงโทษเจียวลู่ตามคนผู้นั้นมายังสถานที่หนึ่ง บัดนี้นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้นพร้อมกับเอ่ยว่า"จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป""เจ้าแน่ใจหรือไม่""เพคะ หม่อมฉันลงมือด้วยตนเอง และก่อนออกจากจวนก็ไปพบพวกเขา ทุกคนล้วนนอนหลับแล้วเพคะ""อืม ดีมาก คงมีเพียงเจ้าที่ไว้ใจได้ เจ้าทำพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง คงนี้คงไม่พลาดอีกใช่หรือไม่""เพคะ ทรงไว้ใจหม่อมฉันได้ ไม่พลาดแน่นอน"สตรีนางนั้นแย้มยิ้ม แล้วยกแขนขึ้นกวักมือเรียกเจียวลู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ลูกแม่ มาหาแม่สิ มาใกล้ ๆ แม่"เจียวลู่ขยับเข้าไปใกล้คนผู้นั้น แล้วซบใบหน้าลงบนตัก"เสด็จแม่ยอมรับหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่"สตรีนางนั้นเอ่ยว่า"ไม่ยอมรับได้อย่างไร เจ้าคือลูกแม่มิใช่หรือ หลายปีมานี้ใช้งานเจ้าให้หลบซ่อนตัวในจวนอ๋อง เจ้าทำตามที่แม่สั่งมาเนิ่นนาน สุดท้ายมือของเจ้ายังแปดเปื้อนเลือดคน ทั้งหมดเจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่าซื่อสัตย์ต่อแม่เพียงใด แม่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก"เจียวลู่เงยหน้ามองนางผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า"ไยจึงเปลี่ยนพระทัยสังหารไท่เฟยเพคะ นางโดนยาพิษมาหลายปีเพียงนี้อีกไม่นานก็คงล้มป่วยแล้ว"สองมือข
บทที่ 49 วางยาพิษเพราะอาการตาบอดของลี่หมิงหายแล้ว ลี่ไท่เฟยจึงเป็นคนที่ดีใจที่สุด ความจริงอยากจัดงานเลี้ยงใหญ่โตในจวน ทว่าลี่หมิงห้ามเอาไว้ บอกว่าได้หารือกับฝ่าบาทแล้วว่าจะจัดงานที่วังหลวง เชิญข้าราชบริพารมาร่วมงานจัดให้ใหญ่โตคล้ายจัดงานให้ไทฮองไทเฮาเสียอีกลี่ไท่เฟยแย้มยิ้มเอ่ยว่า"จะจัดให้ใหญ่เท่างานวันเกิดจิ้งจอกเฒ่านั้นได้อย่างไร ต้องจัดให้ใหญ่กว่าสิ ท่านอ๋องของแม่เป็นคนสำคัญเพียงใดผู้ใดก็รู้ งานนี้ฝ่าบาทคงให้กลับไปรับราชการกุมอำนาจเช่นเดิมแล้ว นางจิ้งจอกนั่นจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ววังหลวงไม่ใช่ของนางเลยแม้แต่น้อย ลูกแม่เป็นคนโปรดของฝ่าบาทเพียงนี้คงทำให้นางไม่กล้ากับแม่อีก”ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า การต่อสู้ของสตรีชราทั้งสองคงไม่มีวันจบสิ้นเป็นแน่ลี่ไท่เฟยจับมือบุตรชายแล้วเอ่ยพร้อมทอดถอนใจ“ท่านอ๋อง ศึกสงครามสงบแล้วก็ดียิ่งทว่าหากบังเอิญเกิดขึ้นอีก แม่ขอร้องท่านอ๋องอย่าได้ออกรบได้หรือไม่ ที่ผ่านมาเจ้าทุ่มเทมากมายเพียงนั้นจนกระทั่งตาบอด แม่ทำใจไม่ได้หากเห็นเจ้าต้องเข้าสู่สนามรบอีก อย่างไรก็ไม่อาจยอมได้”ลี่หมิงอ๋องเอ่ยว่า"บัดนี้คงไร้สงครามแล้ว ศึกครั้งสุดท้ายได้ทำสัญญาสงบศึกถึงยี่สิบปี
บทที่ 48 เราหย่ากันเถอะเรื่องดวงตาของท่านอ๋องหายดีแล้วนั้น ก่อนหน้านั้นเขาได้ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรียบร้อย ฝ่าบาทจึงทรงสั่งให้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงลี่หมิงอ๋องไม่ปฏิเสธ ยังรับปากแข็งขันว่าจะเข้าร่วม ทั้งยังขอให้ฝ่าบาททรงจัดงานให้ใหญ่ที่สุด เชิญคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"เสด็จอาพูดจริงหรือ ดูเหมือนไม่ใช่เสด็จอาเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเพราะแต่งกับคนสดใสร่าเริงเช่นจื่อรั่วอิงจึงทำให้เปลี่ยนไปได้เพียงนี้"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า"ฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล เกี่ยวกับสาเหตุที่กระหม่อมตาบอด"ฮ่องเต้ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ตรัสถามด้วยความตื่นเต้น"เสด็จอาสืบรู้แล้วหรือ เพียงดวงตามองเห็นก็ทราบทุกอย่างแล้วหรือ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า "ความจริงหากนึกย้อนไปดี ๆ ก็คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้ ทว่าด้วยหลายปีที่ออกศึกจึงมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้ กระหม่อมเองยามนั้นยังเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กระทั่งบัดนี้เมื่อมองเห็นและได้เห็นใบหน้าคนผู้หนึ่งความทรงจำนั้นจึงกลับมา""เสด็จอาหมายความว่าอย่างไร"ลี่หมิงอ๋องหัวเราะเย็น"ฝ่าบาทความจริงที่สืบได้รวดเร็วทั้งหมดนี้ล้
บทที่ 47 คือท่านซีห่าวมองหน้านางแล้วหันไปมองบุรุษผู้นั้นก่อนจะหันมามองหน้านางอีกที"พระชายารองไม่เห็นท่านอ๋องหรอกหรือ"นางส่ายหน้า "เขาอยู่ที่ใดมิได้อยู่กับท่านหรือ แล้วท่านมาที่นี่ทำไม"ซีห่าวหัวเราะ ในขณะที่มีคนผู้หนึ่งจับมือของนางเอาไว้แล้วหมุนตัวของนางให้หันหลัง ยามนั้นจื่อรั่วอิงใบหน้าจึงปะทะเข้ากับอกกว้าง นางร้องเจ็บออกมาเล็กน้อยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คำนินทาก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว พระชายาลี่อ๋องเดินเข้างานพร้อมกับบุรุษหนุ่มสองคน และตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดคุณชายสี่ผู้หล่อเหลาที่เพิ่งปรากฎกายนางจะหน้าด้านเกินไปแล้ว มิใช่ว่าบุรุษทุกคนนั้นต่างตกเป็นของจื่อรั่วอิงสตรีแพศยาไปแล้วหรือน่าสงสารและสมเพชเวทนาสามีตาบอดของนางที่ไม่รู้ว่าจื่อรั่วอิงนางนี้ ทำเรื่องน่าอับอายฉาวโฉ่เพียงใดจื่อรั่วอิงคิดจะผลักเขาออกกลับถูกเขาจับมือสองข้างเอาไว้อย่างรู้ทัน นางถอยห่างเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงมาเอ่ยเสียงต่ำ"ท่านคือพระชายาลี่อ๋องใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงไม่ตอบทว่ายกเข่าขึ้นทันใดแล้วกระทุ้งเข้าไปตรงกลางร่างกายของเขาอย่างแรง ลี่หมิงอ๋องหน้าเขียวแต่ไม่อาจร้องออกมาได้ ในขณะที่ซีห