บทที่ 17 ไม่อาจขัดรับสั่งหลังจากลี่ไท่เฟยส่งคนออกไปเปิดประตูรับจื่อรั่วอิงแล้วนางก็คิดว่าเรื่องคงจบแล้วกระมัง ในเมื่อวันนี้นางไม่มีทางที่จะให้จื่อรั่วอิงได้กราบไหว้ฟ้าดินกับลี่หมิงอ๋องเป็นแน่ อีกทั้งเมื่อเช้านี้หลังจากนางได้ส่งคนไปดูที่เรือนของลี่หมิงอ๋องยังพบว่าบุตรชายยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้ลี่ไท่เฟยเข้าใจว่าลี่หมิงอ๋องเองไม่ได้ใส่ใจในงานวิวาห์วันนี้เช่นกันทว่าหลังจากเสียงประทัดหายไป พ่อบ้านเฉาก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานอีกครั้ง"ทูลไท่เฟย บัดนี้ท่านอ๋องได้เปิดประตูใหญ่ต้อนรับขบวนเจ้าสาวด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งบ่าวนางนั้นที่เราส่งออกไปเปิดประตูเล็กยังถูกท่านอ๋องสั่งขังเพื่อรอการลงโทษ"ลี่ไท่เฟยถึงกับนั่งไม่ติดลุกขึ้นมาโดยพลัน"เจ้าว่าอะไรนะ ท่านอ๋องของข้าน่ะหรือไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ยังสั่งลงโทษคนอีกด้วยข้อหาใด""พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเอ่ยว่านางลบหลู่พระชายารอง ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจึงได้มีคำสั่งลงโทษพ่ะย่ะค่ะ และท่านอ๋องกำลังพาเจ้าสาวเข้าจวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เจียวลู่ได้รู้ว่าบ่าวคนโปรดของตนเองถูกลงโทษเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง ที่ผ่านมาแม้ท่านอ๋องจะไม่เคยมองนางในฐานะสตรีแต
บทที่ 18 ไม่ใหญ่แน่นะท่านอ๋องจื่อรั่วอิงสบายใจได้ไม่นาน นางยังไม่ได้เดินเข้าห้องโถงพิธีที่คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้ตระเตรียมสิ่งใดเพื่องานแต่งครานี้ ลี่ไท่เฟยก็ออกมาขวางเสียก่อน แน่นอนว่าลี่ไท่เฟยนั้นมาพร้อมกับน้ำตานองใบหน้าและเริ่มกล่าวโทษนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้"ท่านอ๋องของแม่ นางผู้นี้ถึงกับโยนประทัดเข้ามาในจวนทำลายข้าวของเสียหาย เป็นสตรีที่ป่าเถื่อนหยาบคาย แม่ตกใจจนเสียขวัญ นางก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกท่านอ๋องจะวางเฉยได้หรือ ท่านอ๋องยังคิดแต่งกับนางอีกหรือ เรื่องนี้แม่ต้องร้องเรียนทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ อย่างไรแม่ก็ไม่ยินยอมเป็นแน่"ลี่หมิงอ๋องหยุดเดินทันใด จื่อรั่วอิงมัวแต่มองรอบ ๆ บริเวณจึงชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างแรง หากลี่หมิงอ๋องไม่ได้ตาบอดก็คงมองนางด้วยสายตาอาฆาตแล้วเป็นแน่ นางลูบจมูกตนเองแล้วขยับมายืนอยู่ข้าง ๆ เขาปากเอ่ยขอโทษเบา ๆเมื่อจื่อรั่วอิงยืนอย่างสงบแล้ว ลี่หมิงอ๋องจึงเอ่ยว่า"เสด็จแม่ยังไม่ต้องเอ่ยเรื่องนั้น ข้าเพียงสงสัยว่าเหตุใดเสด็จแม่ไม่เปิดประตูรับเจ้าสาว อย่างไรจวนอ๋องก็ไม่อาจขัดราชโองการ"ได้ยินบุตรชายเอ่ยเช่นนั้นลี่ไท่เฟยจึงหลั่งน้ำตา ไม่ตอบคำถาม
บทที่ 19 แผนซ้อนแผนซ้อนแผนและซ้อนแผนใบหน้าซีดขาวราวกับผีของบ่าวผู้นั้นทำให้จื่อรั่วอิงอ่อนใจ อารมณ์สนุกสนานที่ได้แกล้งเย้าแหย่คนและอารมณ์ตื่นเต้นที่จะได้ออกไปผจญภัยจึงหายไปโดยพลัน"นี่เจ้ากลัวขนาดนี้เลยหรือถึงได้ตัวสั่นหน้าซีดเพียงนี้ หากผิดพลาดท่านอ๋องกลับมาก่อนเวลา เขาตาบอดอย่างไรเขาก็มองไม่เห็น เจ้าแค่ถ่วงเวลาเอาไว้มีคนของข้าคอยดูอยู่ข้าจะรีบกลับมาไม่ต้องกลัว""จะ เจ้าค่ะ บ่าวอยู่ได้เจ้าค่ะ คุณหนูรีบไปเถิด จะ เจ้าค่ะ"บ่าวนางนั้นรับคำทว่าเมื่อคิดถึงใบหน้าเหี้ยมเกรียมน่าหวาดกลัวของท่านอ๋องก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้แม้สาวใช้จะบอกว่าอยู่ได้ ทว่ายามนี้เหมือนนางจะเป็นลมชักตายอยู่ตรงนี้ จื่อรั่วอิงถอนหายใจยาว"เฮ้ย เสี่ยวหยุน ไยไม่หาคนใจกล้ากว่านี้หากผิดพลาดท่านอ๋องเข้ามาก่อนยามซวี่นางจะไม่ตกใจตายหรอกหรือ ลุงหนวดผู้นั้นยิ่งมีใบหน้าเป็นอาวุธเสียด้วย"เสี่ยวหยุนมองใบหน้าขาวซีดของบ่าวผู้นั้นทั้งพยักหน้า "บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ เวลาเร่งด่วนเช่นนี้คนที่ติดตามขบวนเจ้าสาวมาและที่ไว้ใจได้มีเพียงนางเท่านั้น เช่นนั้นให้บ่าวอยู่แทนดีหรือไม่ ข้างนอกยังมีเจ้าอ้วนเป่าอีกคงช่วยงานคุณหนูได้"จื่อรั่วอิงลังเล
บทที่ 20 เจ้าคือผู้ใดองครักษ์เปิดประตูเรือนตงเป่ยของลี่หมิงอ๋องทันทีที่เห็นเขาอุ้มสตรีในชุดเจ้าสาวเข้ามา เมื่อเข้ามาด้านในเขาลังเลเล็กน้อยว่าจะทิ้งให้นางอยู่ที่ใดดี แม้นางจะนับว่าเป็นภรรยาตบแต่งไหว้ฟ้าดินต่อหน้าฮ่องเต้แล้ว ทว่าห้องนอนของเขานั้นมิใช่ว่าสตรีใดจะเข้ามาได้โดยง่ายบ่าวคนสนิทของเขานามอาฟงค้อมกายอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นในอ้อมแขนของท่านอ๋องมีเจ้าสาวนางหนึ่งจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ"ท่านอ๋อง ไยไม่อยู่เรือนหอพ่ะย่ะค่ะ"ลี่หมิงอ๋องไม่ตอบคำถาม ทว่ากลับสั่งอาฟงน้ำเสียงราบเรียบ"เปิดประตูห้องข้าง"อาฟงคล้ายจะตกใจเล็กน้อย"ท่านอ๋อง ห้องนั้นไม่เหมาะจะเป็นห้องหอนะพ่ะย่ะค่ะ"ลี่หมิงอ๋องมองอาฟงด้วยสายตาเย็นชา"เช่นนั้นจะให้ใช้ห้องเจ้าหรืออย่างไร"อาฟงแทบกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยินคำนั้น ในจวนนี้กว้างใหญ่นับว่ามีบริเวณถึงหนึ่งในสี่ของวังหลวงก็ว่าได้ ห้องหับมีเป็นร้อยที่ใหญ่โตกว้างขวาง ทว่าท่านอ๋องยามนี้กลับทำตัวราวกับว่าตนเองยากจนข้นแค้นกระทั่งเรือนที่จะใช้เป็นห้องหอนั้นยังไม่มีแต่ในเมื่อเป็นคำสั่ง อาฟงจำต้องเปิดประตูห้องข้างที่แต่เดิมทำขึ้นมาเพื่อให้สาวใช้หรืออนุมาคอยปรนนิบัติรับใช้
บทที่ 21 อย่าเหลวไหล"อ๊ะ เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยจื่อรั่วอิง"ในยามที่เขาเอ่ยคำนี้สติของจื่อรั่วอิงก็แทบดับสิ้นแล้ว ลิ้นของนางจุกปากดวงตาเบิกกว้างสภาพอนาถยิ่งกว่าศพไร้ญาติ ลี่หมิงอ๋องรีบปลดพันธนาการออกจากร่างนางอย่างรวดเร็ว เขาจับนางให้นั่งบนตักตนเองแล้วตบหลังของนางอย่างแรง"จื่อรั่วอิง เจ้าห้ามตายนะ"จื่อรั่วอิงได้สติเพราะแผ่นหลังถูกฝ่ามือใหญ่ตบเข้าอย่างแรงราวกับว่านางเป็นเด็กแล้วกินสิ่งใดจนติดคอ แต่วิธีการของเขากลับได้ผล นางอ้าปากสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดอย่างตะกละตะกลาม ทั้งไอออกมาไม่หยุด บัดนี้นางรู้แล้วว่าคนที่ผูกคอตายนั้นรู้สึกอย่างไรหากไม่ใช่ว่าเขาคือสามีที่นางได้มาอย่างยากลำบากจื่อรั่วอิงคงใช้มีดแทงคนผู้นี้ให้ตายไปแล้ว คนวิตถารนี่ใช้ผ้ารัดคอนางทั้งยังลงมือลวนลามบีบหน้าอกจนนางเจ็บไปหมด โดยไม่รู้สึกสำนึกเลยแม้แต่น้อย"ท่านอ๋อง ท่านจะฆ่าข้าแล้ว ท่านจะฆ่าข้าแล้ว"จื่อรั่วอิงอดไม่ได้ที่จะทุบอกของเขาไปหลายทีสภาพของจื่อรั่วอิงยามนี้ห่างไกลจากคำว่าเจ้าสาวผู้งดงามอย่างสิ้นเชิง ผมเผ้ารุงรังใบหน้าเขียวคล้ำ ลำคอยังเป็นรอยแดงโดยรอบลี่หมิงอ๋องปล่อยให้นางทุบอกของเขาในขณะที่นางฟูมฟายก่นด่า เขาอาศัย
บทที่ 22 จุมพิตอันอ่อนหวานจุมพิตแผ่วเบาราวกับแมลงปอสัมผัสผิวน้ำนั้นสามารถทำให้บุรุษผู้หนึ่งถึงกับเกิดอาการที่เรียกว่าแข็งจนกลายเป็นหินทว่าภายในกลับพลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนริมฝีปากงดงามของนางยกโค้งขึ้นน้อย ๆ ดวงตาพราวระยิบระยับในยามที่จับจ้องที่ริมฝีปากได้รูปสวยของเขามือของนางค่อย ๆ ไต่ลงไปตามลำตัวหนาแล้วพยายามแกะผ้ารัดเอวของเขาออก น้ำเสียงของจื่อรั่วอิงยามนี้ก็ดูเหมือนจะหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียอีก"สามีของข้า ข้าค้นพบว่าใบหน้าของท่านความจริงไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด อีกทั้งริมฝีปากของท่านก็ช่าง...น่ากินชะมัด""หุบปากของเจ้าเสีย"น้ำเสียงดุ ๆ ของเขาไม่ได้ทำให้จื่อรั่วอิงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางกลับทำใบหน้ายั่วเย้าล้อเลียนเขาได้อย่างน่ารัก ลี่หมิงอ๋องถึงกับสะอึกเมื่อนางโถมใบหน้าเข้ามาใกล้เช่นนี้เขายังถูกนางเกี้ยวพาอย่างไร้ยางอาย หากเป็นก่อนหน้านี้คงได้รู้สึกไม่พอใจทว่ายามนี้กลับไม่ได้รู้สึกโกรธนางผู้นี้เลยแม้แต่น้อย ดวงตาเปล่งประกายใสแจ๋วที่มองเขา ทำให้ลี่หมิงอ๋องคิดว่านางกำลังชื่นชมเขาด้วยใจจริงแน่นอนว่าเขาในตอนนี้ซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเคราที่รกรุงรังย่อมยากที่จะหาความหล่อเหลาได
บทที่ 23 ผิดตัวเช้าวันต่อมา ลี่ไท่เฟยเร่งรีบมาจับผิดคนโดยแบ่งแยกคนออกเป็นสองฝั่ง อีกฝั่งนำโดยพ่อบ้านเฉาที่พาคนไปยังเรือนหอของจื่อรั่วอิง ในขณะที่ลี่ไท่เฟยนำคนมาที่เรือนหลังใหม่ที่จัดเตรียมให้ท่านอ๋องและญาติผู้น้องเมื่อคืนคนของนางมารายงานหลังจากท่านอ๋องเข้าห้องหอเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ย่างกรายออกมาจากเรือนหอหลังนั้นอีก ลี่ไท่เฟยกระหยิ่มในใจเมื่อคิดว่าบัดนี้ข้าวสารคงได้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว อย่างไรลี่หมิงอ๋องก็ไม่มีทางปฏิเสธเจียวลู่ได้อีกเป็นอันขาดเมื่อหยุดอยู่หน้าประตูเรือน ลี่ไท่เฟยจึงส่งเสียงเรียกเจียวลู่ด้วยน้ำเสียงเบิกบานพระทัยยิ่งนัก"ลู่เอ๋อร์ ไยวันนี้ตื่นสายหรือว่าเพราะเรือนใหม่หลังนี้ที่ป้ามอบให้จึงทำให้รู้สึกสบายกายจนลืมเวลาตื่นเช่นนี้"กล่าวจบพระนางก็ผลักประตูเรือนเข้าไปทันใด แน่นอนว่าลี่ไท่เฟยย่อมไม่ได้มาเพียงลำพัง คนที่ติดตามลี่ไท่เฟยมาล้วนเป็นสาวใช้ในจวนที่พร้อมจะแพร่กระจายข่าวของลี่หมิงอ๋องกับเจียวลู่ให้คนภายนอกได้รับรู้ลี่ไท่เฟยเดินเข้าไปภายในด้วยเท้าที่ก้าวว่องไวยิ่งนัก กระทั่งผ้าม่านบังตาถูกบ่าวเปิดออก เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของบ่าวที่ได้ซักซ้อมกันมาก่อนหน้าพลันดังข
บทที่ 24 สู้มา สู้กลับจื่อรั่วอิงยอมรับความหน้าด้านหน้าทนของลี่ไท่เฟยอีกหนึ่งคน ยามนี้นางตกอยู่ในจวนของคนหน้าด้านไปแล้วจริง ๆ แต่อย่างน้อยนางก็คิดว่าตัวเองยังเป็นอันดับหนึ่ง ลี่ไท่เฟยยกให้เป็นอันดับสอง ในขณะที่เจียวลู่ตกเป็นอันดับสาม ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อย่างไรนางก็ไม่ยอมยกให้ผู้ใดง่ายดายเป็นแน่จื่อรั่วอิงเกยคางของตนเองบนไหล่ของลี่หมิงอ๋องเฉกเช่นคู่รักที่รักใคร่กลมเกลียวไม่มีวันพรากจาก"ท่านอ๋องมารดาของท่านไม่ยอมแพ้เป็นแน่ ความรักอันลึกซึ้งของเรามีอุปสรรคแล้วแต่เราจะสู้และฝ่าฟันไปด้วยกันเหมือนสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวดีหรือไม่"ลี่หมิงอ๋องส่ายหน้า เขายังคงนั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้นางซุกไซร้เขาตามใจชอบ"เพ้อเจ้ออันใดอีก อย่าคิดว่าข้าชื่นชอบเจ้า จื่อรั่วอิงเป็นเพราะข้าเองก็ไม่อยากแต่งกับญาติผู้น้อง ในเมื่อแต่งกับเจ้าแล้วก็เลยคิดใช้ประโยชน์ต่อหน้าเสด็จแม่ก็เท่านั้น เจ้าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อไปไกลกว่านี้ข้าไม่มีวันคิดเกินเลยกับเจ้าเช่นกัน เราสองคนต่างคนต่างอยู่อย่าได้เกี่ยวข้องกันจะดีกว่า"จื่อรั่วอิงเป่าลมร้อนเข้าที่ใบหูของเขา แล้วกัดเบา ๆ แน่นอนว่านางไม่สนใจคำพูดของเขาแม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะด
“กวนเกอร์เอ๋อร์ วาดอะไรอยู่หรือ”เด็กน้อยตัวอวบอ้วนวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษที่อยู่ตรงหน้า มือเล็กยังถือพู่กันเอาไว้พร้อมกับเอ่ยว่า“วาดภูเขาพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเดินท้องโย้เข้ามาใกล้บุตรชาย โดยมีเสี่ยวหยุนคอยประคอง“ไหนเอามาให้แม่ดูหน่อย”เด็กน้อยส่งกระดาษให้ผู้เป็นมารดาดู พร้อมกับมองตาแป๋ว“ลูกวาดเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเห็นว่าภูเขาของบุตรชายประหลาดนัก ทว่าก็ได้แต่อมยิ้มแล้วพยักหน้าช้า ๆ“งามมาก กวนเกอร์เอ๋อร์ของแม่ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ วาดภูเขาได้เหมือนมาก แล้วจุดสองจุดตรงภูเขาคืออะไรหรือ”เด็กน้อยเกาศีรษะกลมพร้อมกับส่ายหน้า“ยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ต้องถามเสด็จพ่อ”จื่อรั่วอิงขมวดคิ้ว ด้วยบัดนี้ท่านอ๋องเข้าวัง มีเพียงบ่าวของนางเจ้าอ้วนเป่าที่คอยฝนหมึกให้และบ่าวของท่านอ๋องอาฟงที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ“ไยต้องถามเสด็จพ่อเล่า”“เพราะลูกมีภาพวาดของเสด็จพ่อเป็นต้นแบบ อาฟงบอกลูกว่ายามนั้นเสด็จพ่อตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใดยังพากเพียรวาดรูปฝึกปรือฝีมือ ความเพียรนี้สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงนั่งลงข้าง ๆ บุตรชาย นางลูบท้องใหญ่ของตนเองที่บัดนี้ตั้งครรภ์ได้เ
“ทะท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”จื่อรั่วอิงมือสั่น“นี่เจ้ากล้าเรียกสามีข้าหรือ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”สาวใช้ของคุณหนูผู้นั้นกอดคุณหนูของตนเองเอาไว้แน่น ยังเอ่ยว่า“พระชายา คุณหนูของบ่าวได้รับบาดเจ็บข้อเท้าแพลงไม่อาจขยับได้เพคะ อย่าทำร้ายคุณหนูของข้า นางได้รับบาดเจ็บอยู่นะเพคะ”“เจ็บจริง ๆ หรือไม่ข้าต้องทดสอบ เจ้ารู้หรือไม่หากข้าฟาดแส้ไปที่ใบหน้าของนาง คงต้องเสียโฉมไปตลอดกาลเป็นแน่ อยากลองดีหรือไม่”กล่าวจบจื่อรั่วอิงฟาดแส้ลงมาครั้งหนึ่งลงไปข้างกายของนางผู้นั้น ผู้คนเริ่มมามุงดูกันด้วยความสงสัย ในขณะที่สตรีทั้งสองคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสาวใช้กลับไม่ยินยอม“ท่านถือดีอย่างไรจึงได้ลงมือตีคนกลางถนนเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นถึงธิดาของท่านผู้ว่าการศึกษานะเพคะ”จื่อรั่วอิงถลึงตาใส่คนทั้งสอง“ข้าถามหรือว่านางเป็นลูกใคร ได้ไล่ไม่ไปใช่หรือไม่ หากไม่ไปอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าจะตีพวกเจ้าทั้งนายและบ่าวให้ตายไปข้างหนึ่ง”จื่อรั่วอิงเงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดแส้ลงมา ไม่น่าเชื่อว่าสตรีที่บ่อน้ำตาแตกท่าทางอ่อนแอนางนั้นบัดนี้จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปสุดชีวิต ทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแส้ในมือของนางยังฟาดเข้าท
“กอดข้าหน่อยเพคะ”เขาถอดรองเท้าแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนนั้นกอดมือใหญ่ดึงร่างเล็กมากอด จื่อรั่วอิงขยับกายมาแนบชิดเกยก่ายร่างตนเองบนร่างกายใหญ่โตของเขาอบอุ่นและหอมกรุ่นยิ่งนักเขาลูบแผ่นหลังของนางอย่างรักใคร่“เหตุใดเอาแต่นอน หากนอนมากจะไม่สบายไม่รู้หรือ”จื่อรั่วอิงส่ายหน้า“ไม่ได้นอนอย่างเดียวเพคะ ยังตื่นขึ้นมากินด้วย”“กินกับนอนไม่กลัวอ้วนหรือ”“ไม่กลัวเพคะ คนเราต้องใช้ชีวิตให้ดีหากชอบกินก็กินเสียก่อนที่จะไม่ได้กิน หม่อมฉันเคยตายมาแล้วของที่อยากได้ก็ไม่ได้ใช้จึงคิดเสียดายยิ่ง ชาตินี้จึงคิดว่าหากอยากจะทำอะไรก็จะทำเพคะ”นางมักจะพูดเช่นนี้เสมอว่าตนเองเคยตายมาแล้ว ปกติจื่อรั่วอิงมักพูดจาประหลาดอยู่แล้ว ลี่หมิงอ๋องจึงเคยชินกับคำพูดของนางจึงไม่ได้เอ่ยถามคำใดเขาขยับตัวขึ้นนั่งโดยมีจื่อรั่วอิงพังพาบอยู่บนร่างกายเขา ได้กอดสามีเหมือนกอดเตาอุ่นนางจึงซุกหน้าเข้ากับอกของเขาแล้วถูเบา ๆ“ไม่คิดออกไปข้างนอกหรือ มีข่าวว่ามีของน่าสนใจมากับเรือเทียบท่าลำใหญ่ที่เพิ่งมาถึง”“ไม่ไปเพคะ หนาวข้าไม่ชอบความหนาวอยากนอน”“ไม่ไปจริงหรือ”“จริงเพคะ”แน่นอนว่านอกจากนางจะไม่ไปแล้ว ยังล็อกตัวสามีแน่นหนาไม่ยอมให
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1หลังแต่งงานใหม่เข้าจวนอ๋องในฐานะพระชายาได้สองปีกว่าจื่อรั่วอิงก็ไม่ยอมตั้งครรภ์ ด้วยนางยังห่วงความสนุกสนานในชีวิตวัยรุ่นของนางยิ่งนักในแต่ละวันหลังจากท่านอ๋องเข้าวังหลวงไปทำงาน จื่อรั่วอิงก็มักจะกลับไปจวนของตนเองเพื่อไปเยี่ยมท่านย่าและน้องสาวทั้งสองอยู่เสมอโดยขากลับต้องลำบากลี่หมิงอ๋องต้องไปรับนางด้วยตัวเองทุกวันก่อนหน้านี้ท่านย่ามาเยี่ยมที่จวนอ๋อง หลังจากเดินวนชื่นชมความงดงามของจวนพร้อมกับบ่าวคนสนิทและน้องสี่น้องห้าจนเหนื่อยก็ลงมือต้มน้ำแกงให้นางดื่มบำรุงกำลัง“เจ้าสามอย่าหาว่าย่าสั่งสอน อย่างไรเราเป็นสตรีการมีบุตรให้สามีคือหน้าที่ เจ้าแต่งมาสองปีแล้วยังไม่มีวี่แววเช่นนี้นับว่าบกพร่องต่อหน้าที่แล้ว”“ท่านย่าข้าเป็นภรรยาคน ไม่ใช่แม่พันธ์เพาะลูก อายุก็น้อยเพียงนี้จะรีบมีไปทำไม รอข้าพร้อมก่อนจะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”“น้อยได้อย่างไร คนอื่นลูกเขาต่างวิ่งกันได้แล้วดูเจ้าสิอย่าทำตัวเหลวไหลนักเลย ของที่ย่านำมาด้วยดื่มให้เป็นประจำบำรุงร่างกายทั้งนั้น ร่างกายสมบูรณ์จะได้ตั้งครรภ์เสียที”จากนั้นก็หันไปสั่งเสี่ยวหยุน“เสี่ยวหยุนอย่าลืมให้พระชายาดื่มยาบำรุงของข้าทุกวัน ร
บทที่ 51 จบบริบูรณ์วันนี้เป็นวันอันสำคัญที่ฝ่าบาทจัดขึ้นเพื่อลี่หมิงอ๋อง จึงทรงเชิญคนมากมายรวมทั้งคนในครอบครัวของจื่อรั่วอิงมาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ท่านย่าของจื่อรั่วอิงตื่นเต้นเป็นอันมาก นางยังได้เชิญญาติ ๆ มาร่วมงานด้วยโดยที่ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ขัดข้องที่เหล่าชนชั้นพ่อค้าเหล่านี้จะเข้าวังร่วมแสดงความยินดี ในขณะที่บิดาและภรรยาทั้งสี่ของเขาต่างก็เข้าร่วมงานด้วยความสำราญใจและยังได้รับการคารวะสุราแทบจะไม่ว่างเว้นจื่อรั่วอิงถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านย่าแต่งกายด้วยอาภรณ์และเครื่องประดับสีทองทั้งตัว นางกลัวว่าจะถูกคนในวังตำหนิที่ทำตัวเด่นดังเกินหน้าเกินตาน้องสี่ของนางจึงเอ่ยว่า"ฝ่าบาทพระราชทานให้ท่านย่า เพราะบอกว่าเลี้ยงพี่สามมาดียิ่งทำให้พบคนร้ายที่ทำลายดวงตาท่านอ๋อง ความดีความชอบยกให้ท่านย่าทั้งหมด อีกทั้งเครื่องประดับเหล่านั้นจึงยังเป็นลี่ไท่เฟยที่มอบให้ อีกไม่นานลี่ไท่เฟยจะดำรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว พระนางจึงมีของมากมาย ของกำนัลเหล่านี้ล้วนเป็นพระนางที่คัดเลือกส่งให้ท่านย่าทั้งหมดเจ้าค่ะ"จื่อรั่วอิงย่อมรู้ว่าแม่สามีตอบรับตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว นางดีใจจนเนื้อเต้น ไม่ใช่เพราะแม่สามีจะได้ตำ
บทที่ 50 ผู้ใดทำผิดต้องได้รับการลงโทษเจียวลู่ตามคนผู้นั้นมายังสถานที่หนึ่ง บัดนี้นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้นพร้อมกับเอ่ยว่า"จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป""เจ้าแน่ใจหรือไม่""เพคะ หม่อมฉันลงมือด้วยตนเอง และก่อนออกจากจวนก็ไปพบพวกเขา ทุกคนล้วนนอนหลับแล้วเพคะ""อืม ดีมาก คงมีเพียงเจ้าที่ไว้ใจได้ เจ้าทำพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง คงนี้คงไม่พลาดอีกใช่หรือไม่""เพคะ ทรงไว้ใจหม่อมฉันได้ ไม่พลาดแน่นอน"สตรีนางนั้นแย้มยิ้ม แล้วยกแขนขึ้นกวักมือเรียกเจียวลู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ลูกแม่ มาหาแม่สิ มาใกล้ ๆ แม่"เจียวลู่ขยับเข้าไปใกล้คนผู้นั้น แล้วซบใบหน้าลงบนตัก"เสด็จแม่ยอมรับหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่"สตรีนางนั้นเอ่ยว่า"ไม่ยอมรับได้อย่างไร เจ้าคือลูกแม่มิใช่หรือ หลายปีมานี้ใช้งานเจ้าให้หลบซ่อนตัวในจวนอ๋อง เจ้าทำตามที่แม่สั่งมาเนิ่นนาน สุดท้ายมือของเจ้ายังแปดเปื้อนเลือดคน ทั้งหมดเจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่าซื่อสัตย์ต่อแม่เพียงใด แม่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก"เจียวลู่เงยหน้ามองนางผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า"ไยจึงเปลี่ยนพระทัยสังหารไท่เฟยเพคะ นางโดนยาพิษมาหลายปีเพียงนี้อีกไม่นานก็คงล้มป่วยแล้ว"สองมือข
บทที่ 49 วางยาพิษเพราะอาการตาบอดของลี่หมิงหายแล้ว ลี่ไท่เฟยจึงเป็นคนที่ดีใจที่สุด ความจริงอยากจัดงานเลี้ยงใหญ่โตในจวน ทว่าลี่หมิงห้ามเอาไว้ บอกว่าได้หารือกับฝ่าบาทแล้วว่าจะจัดงานที่วังหลวง เชิญข้าราชบริพารมาร่วมงานจัดให้ใหญ่โตคล้ายจัดงานให้ไทฮองไทเฮาเสียอีกลี่ไท่เฟยแย้มยิ้มเอ่ยว่า"จะจัดให้ใหญ่เท่างานวันเกิดจิ้งจอกเฒ่านั้นได้อย่างไร ต้องจัดให้ใหญ่กว่าสิ ท่านอ๋องของแม่เป็นคนสำคัญเพียงใดผู้ใดก็รู้ งานนี้ฝ่าบาทคงให้กลับไปรับราชการกุมอำนาจเช่นเดิมแล้ว นางจิ้งจอกนั่นจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ววังหลวงไม่ใช่ของนางเลยแม้แต่น้อย ลูกแม่เป็นคนโปรดของฝ่าบาทเพียงนี้คงทำให้นางไม่กล้ากับแม่อีก”ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า การต่อสู้ของสตรีชราทั้งสองคงไม่มีวันจบสิ้นเป็นแน่ลี่ไท่เฟยจับมือบุตรชายแล้วเอ่ยพร้อมทอดถอนใจ“ท่านอ๋อง ศึกสงครามสงบแล้วก็ดียิ่งทว่าหากบังเอิญเกิดขึ้นอีก แม่ขอร้องท่านอ๋องอย่าได้ออกรบได้หรือไม่ ที่ผ่านมาเจ้าทุ่มเทมากมายเพียงนั้นจนกระทั่งตาบอด แม่ทำใจไม่ได้หากเห็นเจ้าต้องเข้าสู่สนามรบอีก อย่างไรก็ไม่อาจยอมได้”ลี่หมิงอ๋องเอ่ยว่า"บัดนี้คงไร้สงครามแล้ว ศึกครั้งสุดท้ายได้ทำสัญญาสงบศึกถึงยี่สิบปี
บทที่ 48 เราหย่ากันเถอะเรื่องดวงตาของท่านอ๋องหายดีแล้วนั้น ก่อนหน้านั้นเขาได้ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรียบร้อย ฝ่าบาทจึงทรงสั่งให้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงลี่หมิงอ๋องไม่ปฏิเสธ ยังรับปากแข็งขันว่าจะเข้าร่วม ทั้งยังขอให้ฝ่าบาททรงจัดงานให้ใหญ่ที่สุด เชิญคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"เสด็จอาพูดจริงหรือ ดูเหมือนไม่ใช่เสด็จอาเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเพราะแต่งกับคนสดใสร่าเริงเช่นจื่อรั่วอิงจึงทำให้เปลี่ยนไปได้เพียงนี้"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า"ฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล เกี่ยวกับสาเหตุที่กระหม่อมตาบอด"ฮ่องเต้ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ตรัสถามด้วยความตื่นเต้น"เสด็จอาสืบรู้แล้วหรือ เพียงดวงตามองเห็นก็ทราบทุกอย่างแล้วหรือ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า "ความจริงหากนึกย้อนไปดี ๆ ก็คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้ ทว่าด้วยหลายปีที่ออกศึกจึงมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้ กระหม่อมเองยามนั้นยังเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กระทั่งบัดนี้เมื่อมองเห็นและได้เห็นใบหน้าคนผู้หนึ่งความทรงจำนั้นจึงกลับมา""เสด็จอาหมายความว่าอย่างไร"ลี่หมิงอ๋องหัวเราะเย็น"ฝ่าบาทความจริงที่สืบได้รวดเร็วทั้งหมดนี้ล้
บทที่ 47 คือท่านซีห่าวมองหน้านางแล้วหันไปมองบุรุษผู้นั้นก่อนจะหันมามองหน้านางอีกที"พระชายารองไม่เห็นท่านอ๋องหรอกหรือ"นางส่ายหน้า "เขาอยู่ที่ใดมิได้อยู่กับท่านหรือ แล้วท่านมาที่นี่ทำไม"ซีห่าวหัวเราะ ในขณะที่มีคนผู้หนึ่งจับมือของนางเอาไว้แล้วหมุนตัวของนางให้หันหลัง ยามนั้นจื่อรั่วอิงใบหน้าจึงปะทะเข้ากับอกกว้าง นางร้องเจ็บออกมาเล็กน้อยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คำนินทาก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว พระชายาลี่อ๋องเดินเข้างานพร้อมกับบุรุษหนุ่มสองคน และตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดคุณชายสี่ผู้หล่อเหลาที่เพิ่งปรากฎกายนางจะหน้าด้านเกินไปแล้ว มิใช่ว่าบุรุษทุกคนนั้นต่างตกเป็นของจื่อรั่วอิงสตรีแพศยาไปแล้วหรือน่าสงสารและสมเพชเวทนาสามีตาบอดของนางที่ไม่รู้ว่าจื่อรั่วอิงนางนี้ ทำเรื่องน่าอับอายฉาวโฉ่เพียงใดจื่อรั่วอิงคิดจะผลักเขาออกกลับถูกเขาจับมือสองข้างเอาไว้อย่างรู้ทัน นางถอยห่างเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงมาเอ่ยเสียงต่ำ"ท่านคือพระชายาลี่อ๋องใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงไม่ตอบทว่ายกเข่าขึ้นทันใดแล้วกระทุ้งเข้าไปตรงกลางร่างกายของเขาอย่างแรง ลี่หมิงอ๋องหน้าเขียวแต่ไม่อาจร้องออกมาได้ ในขณะที่ซีห