จื่อรั่วอิงเกิดมาชาตินี้อยู่ในยุคที่สตรีต้องครองตัวให้บริสุทธิ์ผุดผ่องกระทั่งข้อเท้ายังไม่อาจให้ผู้ชายที่ไม่ใช่สามีเห็นได้ แต่แล้วนี่มันอะไรกัน นางถูกตาลุงนั่นกอดรัดทั้งยังจับหน้าอก เล่าเรื่องให้พี่สาวฟังโดยละเอียดก็แล้ว เล่าให้พ่อฟังก็แล้วนางยังถูกสั่งให้หุบปากแล้วให้ลืมไปเสีย
เห็นหรือไม่ นางเดาไม่ผิดว่าท่านพ่อต้องไม่เห็นด้วยเป็นแน่นี่คงเป็นเพราะว่าคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเป็นคนของตาลุงหนวดเฟิ้มนั่นคนพวกนั้นย่อมไม่เอ่ยปากอันใด ยุคนี้ก็ไม่มีโทรศัพท์พอที่จะถ่ายรูปหลักฐานได้ ว่าแล้วหัวใจก็หดหู่เมื่อหวนคิดถึงไอโฟนเครื่องนั้นที่ทำให้นางต้องถึงแก่ความตายในชาติก่อน
ให้ตายเถอะ ไหนท่านเทพบอกจะมอบสามีหล่อ รวย สายเปย์มาให้ ดูสิตอนนี้นางกำลังดิ้นรนจากการกลายเป็นเมียน้อยคนอื่นอย่างสุดชีวิต ท่านเทพพวกนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว
จื่อรั่วอิงใช้สมองเค้นคำอย่างหนัก เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ท่านพ่อไม่เห็นด้วยยังค้านหัวชนฝา นางคงต้องหวังพึ่งพี่สาวอีกสักครา
"ท่านพี่ช่วยข้าสักครั้งเถิด ข้าตกหลุมรักท่านอ๋องแล้วเขาล่วงเกินข้าเพียงนี้ท่านจะให้ข้าลืมได้อย่างไร"
จื่อกุ้ยเฟยใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากน้องสาวตัวดีที่กำลังเกาะขาตนเองอยู่แล้วเอ่ยว่า
"เจ้าจะโป้ปดข้าไปไย ตกหลุมรักหรือผู้ใดจะตกหลุมรักท่านอ๋องบุรุษที่ท่าทางราวกับศพเดินได้ผู้นั้นกัน อ้าปากออกมาก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ในสมองของเจ้ากำลังคิดสิ่งใดกัน ท่านพ่อไม่ยอมให้เจ้าออกเรือนกับคนพิการเป็นแน่ เจ้าก็รู้แม้ว่าเขาจะมียศสูงศักดิ์เพียงใดก็เป็นแค่คนพิการ แล้วจะปกป้องเจ้าได้อย่างไร อีกอย่างในกายของท่านอ๋องก็ยังมีพิษหากร่วมหอกับเจ้าแล้วพิษไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเจ้าทำให้เจ้าล้มป่วยอีกคน เจ้ามิตายเปล่าหรือ หน้าตาสกุลจื่อเจ้าไม่คิดช่วยกันรักษาหรือไร หากแต่งกับคนพิการไม่เท่ากับทำลายสกุลไปหนึ่งส่วนหรอกหรือ"
"พี่หญิงนั่นพิษนะไม่ใช่อสุจิจะได้ไหลเข้าตัวข้าได้ ท่านก็พูดไปเรื่อย"
"อสุจิอันใดของเจ้า คำที่เอ่ยออกมาแต่ละคำล้วนแปลกประหลาด เช่นนี้แล้วหากเข้าจวนอ๋องก็ไม่เท่ากับวิ่งเข้าไปหาความตายหรอกหรือ"
"พี่หญิง ท่านช่วยข้าเถิดข้าสัญญาว่าข้าเอาตัวรอดได้ ข้าต้องมีความสุขเป็นแน่ นะเจ้าคะ นะ นะ นะ พี่หญิง ช่วยน้องสาวสุดน่ารักคนนี้ด้วยนะเจ้าคะ ข้าอยากแต่งให้ท่านอ๋องจริง ๆ ข้าไม่แต่งกับถังป๋อคนมากเมียคนนั้น ข้าไม่เอานะเจ้าคะ เพื่อเห็นแก่ความรักอันบริสุทธิ์ของน้องสาว ช่วยข้าด้วย หากท่านเอ่ยปากมีหรือฝ่าบาทจะไม่ฟังคำท่าน ฝ่าบาทรักพี่หญิงของข้าเพียงนั้น"
“นี่เจ้า เฮ้ย รั่วอิงหนอรั่วอิงไยต้องเกิดมาเป็นน้องข้าด้วย เช่นนี้จะให้ข้าทำเช่นไร”
เหมือนพี่หญิงของนางจะลังเล ทว่าเมื่อหันไปเห็นสายตาดุดันของท่านพ่อก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วหันหน้าหนีไม่ฟังคำของน้องสาวอีกต่อไป
จื่อรั่วอิงดิ้นอยู่บนพื้นเหมือนเด็ก ๆ นี่นางต้องถูกจับใส่ตะกร้าล้างน้ำแต่งเป็นอนุคนอื่นจริง ๆ หรือกระทั่งที่พึ่งสุดท้ายของนางก็ไม่เข้าข้างนางแล้ว
"หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว หากเจ้าไม่หยุดข้าจะให้คนอุดปากของเจ้าเอาไว้อีกแล้วจับมัดไว้กับเสาในเรือนไม่ให้ขยับไปไหน"
เสนาบดีจื่อหานกอดอกแล้วเอ่ยเสียงเย็นอาการปวดศีรษะตุบ ๆ พลันเกิดขึ้นทันใด หลังจากตำหนิบุตรสาวจนหายใจไม่ทันไปก่อนหน้าบัดนี้เรี่ยวแรงของเขาได้กลับมาแล้ว ความจริงในมือของเขามีไม้ขนาดพอเหมาะมือหวังโบยนางให้หลาบจำทว่าเมื่อมองร่างบอบบางงดงามของนาง เสนาบดีจื่อหานกลับใจอ่อนทำไม่ลง
แม้ว่าจื่อรั่วอิงจะทำให้เขาโกรธแต่นางก็มักเป็นเด็กที่ช่างประจบเอาใจ และทำให้เขาหัวเราะได้เสมอเพราะแบบนี้เขาจึงตามใจนางจนเคยตัวกระทั่งกลายเป็นสตรีแก่นแก้วไม่เชื่อฟังเช่นนี้
"กุ้ยเฟยพ่อว่าพระองค์เสด็จกลับวังไปก่อนเถิด เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้วหากฝ่าบาทเรียกหาจะทรงตำหนิได้"
จื่อกุ้ยเฟยลูบศีรษะน้องสาวต่างมารดาเบา ๆ กำชับอีกหลายคำด้วยความรู้สึกห่วงใยจนกลัดกลุ้ม
"เจ้าก็อย่าดื้อเลย อย่าพยายามเรื่องท่านอ๋องอีก พี่เองไม่ได้มีวรยุทธ์หรือเวทมนตร์มาช่วยเจ้าได้ทันท่วงที หากวันนี้ไม่ใช่เพราะบังเอิญมาเยี่ยมท่านพ่อจะไปช่วยเจ้าได้ทันหรือ ทำตัวดี ๆ แล้วเตรียมตัวเป็นอนุของซื่อจื่อเสีย เขาเป็นเพื่อนพี่ใหญ่และเอ็นดูเจ้ามาตั้งแต่เด็กอย่างไรก็ไม่ปล่อยให้เจ้าลำบากแน่ ถึงแม้ว่าสตรีในจวนนั้นจะมีชื่อเสียงร้ายกาจ แต่ข้าคิดว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ใดทำร้ายน้องสาวข้าได้ ใช่หรือไม่"
“ข้าไม่แต่ง ข้าไม่อยากเป็นเมียน้อยใครนี่เจ้าคะ พี่หญิง”
จื่อกุ้ยเฟยไม่พูดแล้ว หากนางรั้งอยู่นานกว่านี้คงต้องใจอ่อนเป็นแน่
จื่อรั่วอิงหน้าบูดบึ้งความจริงหากคนสองคนไม่โผล่ไปนางอาจตกลงกับตาลุงนั่นได้แล้ว เวรกรรมอันใดกันเล่าเรื่องจึงเลยเถิดมาได้ขนาดนี้
หลังจื่อกุ้ยเฟยกลับวังหลวง เรือนของจื่อรั่วอิงก็เต็มไปด้วยเวรยาม สาวใช้ของนางเสี่ยวหยุนก็ถูกท่านพ่อลงโทษไม่ให้มารับใช้นางชั่วคราว ในขณะที่อ้วนเป่าเองก็ยังไม่สึกออกจากวัดแห่งนั้น
จื่อรั่วอิงขาดมือขวามือซ้ายร่วมคิดแผนการนางจึงได้แต่นั่งคอตกถูกขังอยู่ในเรือน แต่คนเช่นนางไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นเมียน้อยใครเป็นแน่ นางไม่มีทางให้ชีวิตตัวเองตกต่ำเช่นนั้นเป็นอันขาด
โอกาสนี้พลาดไปแล้ว แต่อย่างน้อยตาลุงนั่นก็ได้ลวนลามนางจริง ๆ ต่อให้ต้องป่าวประกาศให้ทั่วทั้งเมืองนางก็ไม่อับอาย
เขาเป็นถึงเสด็จอาของฝ่าบาทเรื่องร้ายแรงเพียงนี้มีหรือที่ฝ่าบาทจะนิ่งเฉย
ในเมื่อพี่หญิงไม่ยอมช่วยนาง เอาเถิดนางต้องหาทางออกจากที่นี่แล้วกระพือข่าวลือให้รู้กันทั้งเมืองด้วยตนเอง!
พระสนมจื่อกุ้ยเฟยกลับไปถึงวังหลวงก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว แน่นอนว่ายามนี้ฝ่าบาทของนางก็มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าทันใด
จื่อกุ้ยเฟยอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์หอมกรุ่น ใบหน้าสะคราญดุจนางสวรรค์ท่าทางอ่อนหวานชดช้อยทุกท่วงท่ากิริยาล้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี กระนั้นท่าทางนั้นก็ไม่ได้ดูแต่งแต้มจนเกินงามกลับเป็นท่วงท่าที่งดงามเป็นธรรมชาติกระทั่งทำให้พระสนมอื่นหรือแม้แต่ฮองเฮาต้องริษยา
สตรีที่ฝ่าบาทโปรดปรานและมีใจให้ตั้งแต่ก่อนอภิเษกกับฮองเฮาก็คือจื่อเว่ยพวกเขาพบกันตั้งแต่ฝ่าบาทยังเป็นเพียงองค์รัชทายาท
ทว่าผู้ที่ถูกคัดเลือกและมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าจื่อเว่ยในการเป็นฮองเฮานั้นกลับกลายเป็นบุตรสาวมหาอำมาตย์เล่ยอูผู้นั้น ฝ่าบาทจึงจำต้องรับผู้อื่นเป็นฮองเฮาเพื่ออำนาจ แต่หลังจากแต่งตั้งฮองเฮาได้ไม่นานฝ่าบาทก็ทรงแต่งตั้งกุ้ยเฟยทันใด ไม่ต้องการให้จื่อเว่ยน้อยเนื้อต่ำใจแม้แต่น้อย
ในขณะที่จื่อเว่ยเข้าใจสถานะของฝ่าบาทดีนางเองแม้จะไม่ชอบแต่ก็รักฝ่าบาทมากจนยอมมองข้ามเรื่องเหล่านี้
หลังจื่อเว่ยเข้าวังหลวงตำหนักฮองเฮาและสนมอื่นนั้นก็แทบจะกลายเป็นตำหนักร้างที่ฝ่าบาทไม่เคยเสด็จอีกเลย
เพราะเป็นเช่นนี้จื่อกุ้ยเฟยจึงเป็นที่ริษยาและเป็นที่รังเกียจจากสนมอื่นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ทว่านางกลับไม่เคยสนใจเลยสักหนนั่นเป็นเพราะคนที่สอนให้นางสู้คนพวกนั้นก็คือจื่อรั่วอิงน้องสาวของนางเอง
เด็กคนนั้นมีสารพัดวิธีที่จะเอาคืนผู้อื่นอย่างเจ็บแสบจนน่าตกใจ และแน่นอนว่าด้วยฝีมือของจื่อรั่วอิงจึงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะล่วงเกินจื่อเว่ยแม้แต่คนเดียว
"ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ"
เสียงหวานใสที่พระองค์คิดถึงทั้งวันในที่สุดก็ปรากฏกายแล้ว สีพระพักตร์จึงแย้มยิ้มขึ้นทันใด
หวังกงกงที่ยืนคอยปรนนิบัติก็พลันรู้สึกเบิกบานไปด้วยหลังจากที่หายใจไม่คล่องตั้งแต่จื่อกุ้ยเฟยกลับวังหลวงผิดเวลา
"เหตุใดจึงกลับช้านัก หากช้ากว่านี้ข้าคงออกไปตามเจ้าด้วยตนเองแล้ว"
จื่อกุ้ยเฟยนั่งลงข้าง ๆ ฝ่าบาทพร้อมกับกล่าวขออภัย
"เกิดเรื่องที่บ้านขึ้นเล็กน้อยเพคะ หม่อมฉันเลยต้องจัดการก่อนกลับเพคะ"
ฝ่าบาทยิ้มพร้อมกับล้มตัวลงนอนหนุนตักพระสนมรัก จับมือขาวหอมของนางมาสูดดมแล้วเอ่ยว่า
"น้องสาวของเจ้าหรือ จื่อรั่วอิงคนนั้นทำสิ่งใดอีก"
จื่อเว่ยยิ้มงดงาม
"น้องสาวของหม่อมฉันมีถึงสามคน ไยฝ่าบาทคิดว่าเป็นนางเล่าเพคะ"
พระองค์ทรงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ทุกครั้งที่เจ้าวิ่งหน้าตื่นออกจากวัง หรือไม่ก็วิ่งมาหาข้าล้วนเพราะต้องการช่วยปกปิดความผิดให้น้องสาวผู้นี้มิใช่หรือ เด็กคนนั้นทำความลำบากใดให้เจ้าอีก"
จื่อเว่ยไม่กล้าตอบความจริง หากเล่าเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทฟังนางย่อมรู้ว่าคงไม่พ้นสมรสพระราชทานเป็นแน่ และฐานะจื่อรั่วอิงนั้นเป็นเพียงบุตรสาวของอนุอย่างไรเสียก็ไม่มีทางได้แต่งเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋อง คงได้เป็นเพียงตำแหน่งอนุมิหนำซ้ำยังเป็นอนุของบุรุษตาบอด ท่านพ่อของนางรักจื่อรั่วอิงมากเพียงนั้น ย่อมไม่ต้องการให้น้องสาวอยู่ร่วมกับสามีพิการที่จิตใจวิปริตไปตลอดชีวิต
"ไม่มีสิ่งใดเพคะ นางก็ซนตามประสาหม่อมฉันจัดการเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับมา"
"อืม สิ่งใดที่อยากทำก็ทำเถิด เพียงแต่ว่าหากคราหน้าจะอยู่นานก็ส่งคนมาบอกเสียหน่อย ข้าเป็นห่วงสนมรักของข้า"
"เพคะ"
จื่อเว่ยเห็นท่าทางของฝ่าบาทเองก็กลัดกลุ้มอยู่มาก นางจึงเอ่ยว่า
"ฝ่าบาท มีเรื่องในพระทัยหรือเพคะ"
ฝ่าบาททรงไม่เคยปิดบังนางอันเป็นที่รัก จึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยว่า
"ข้าหวังจะหาพระชายาให้เสด็จอาสักคน ทว่าขุนนางร้ายกาจพวกนั้นกลับไม่มีผู้ใดยินยอมยกบุตรสาวให้เขา ข้าก็เข้าใจหัวอกพวกเขาจึงไม่อาจบังคับ แต่ข้าก็รู้สึกผิดต่อเสด็จอาบัดนี้เขามอบกำลังทหารคืนข้าจนหมดสิ้น ตนเองเหลือเพียงกององครักษ์อารักขาไม่กี่นาย ตำแหน่งราชการไม่รับสักตำแหน่งคนจึงมองว่าเขาสิ้นไร้หนทางรุ่งเรืองแล้วสตรีที่เหมาะสมจึงนับวันจะหายากขึ้นทุกที หากเพราะไม่ใช่ข้าส่งเขาไปออกศึก เขาคงไม่กลายเป็นคนพิการเช่นนี้ เว่ยเว่ยข้ารู้สึกผิดต่อเสด็จอายิ่งนัก"
จื่อเว่ยถึงกับพูดไม่ออก ใจของนางอยากจะทูลฝ่าบาทไปทำตามความประสงค์ของน้องสาวและทำให้ฝ่าบาทสมหวัง ทว่าเมื่อคิดถึงท่านพ่อและนึกถึงใบหน้าเหี้ยมเกรียมของลี่หมิงอ๋องแล้วก็จำต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว
เกรงว่าหากส่งจื่อรั่วอิงเข้าจวนอ๋องจริง ๆ สตรีซุกซนเช่นนางจะทำท่านอ๋องขุ่นเคือง หากเขาพลั้งเผลอลงมือสังหารจื่อรั่วอิงไปจะทำเช่นใดกัน ฝ่าบาทรักเสด็จอามากเพียงนั้นต่อให้จื่อรั่วอิงตายด้วยน้ำมืออ๋องตาบอด เกรงว่าฝ่าบาทคงไม่เอาความผิดท่านอ๋องเป็นแน่
เมื่อเป็นเช่นนี้จื่อเว่ยจึงต้องใคร่ครวญให้ดีอีกสักครั้ง ยามนี้ยังไม่อาจบอกเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบได้
บทที่ 6 นักล่าผู้ชายสามวันต่อมาในขณะที่จื่อรั่วอิงยังคงถูกขังอยู่แต่ภายในเรือน ของหมั้นจากจวนราชครูถังก็ถูกส่งมาถึงดูเหมือนว่าบิดาของนางจะยินดียิ่ง เรื่องที่นางถูกลวนลามก็ถูกปิดราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้มารดาของจื่อรั่วอิงเปิดประตูเข้ามาด้วยน้ำตานองใบหน้านั่นคงเป็นเพราะว่ากำลังปลาบปลื้มกับวาสนาจอมปลอมของจื่อรั่วอิงเป็นแน่แน่ล่ะในเมื่อมารดาของนางเป็นเพียงผู้ช่วยหมอในหมู่บ้านเล็ก ๆ นับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่บิดาต้องตาต้องใจในตอนที่เขาไปคุมงานสร้างเขื่อนนอกเมืองหลวงจึงได้รับนางมาเป็นอนุคนที่สี่ซึ่งนับเป็นอนุคนสุดท้ายของจวน บิดาของนางก็ล้วนให้ความเป็นธรรมกับบรรดาภรรยาทั้งสี่คนพวกเขาแม้จะไม่ถึงขนาดรักใคร่ปรองดองแต่ก็ไม่เคยอยู่ที่จวนนี้อย่างยากลำบากเหมือนสตรีจวนอื่นมารดาของจื่อรั่วอิงก็เป็นเพียงสตรีโบราณการที่เห็นนางแต่งงานเป็นเมียน้อยคนมีฐานะมีหน้ามีตาในเมืองก็ย่อมต้องเห็นดีเห็นงามแทบอยากจะจัดงานแต่งวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญคนที่ตามมารดามาก็คือฮูหยินผู้เฒ่าหรือท่านย่าของจื่อรั่วอิงนั่นเองเรื่องที่จื่อรั่วอิงถูกลวนลามนั้นทั้งมารดาและท่านย่
บทที่ 7 ปีศาจร้ายวันต่อมาอาจารย์จากสำนักศึกษาก็มาตามตัวลูกศิษย์ที่ไม่ได้ไปเรียนหลายวันถึงจวน ท่านพ่อของจื่อรั่วอิงเข้าวังตั้งแต่เช้าจึงไม่ได้อยู่ต้อนรับ จื่อรั่วอิงรู้ตัวอยู่แล้วว่าอาจารย์ต้องมาที่นี่ด้วยนางขอให้น้องสาวทั้งสองคนอันเกิดจากอนุรองและอนุสามช่วยเหลือน้องสาวของจื่อรั่วอิงเป็นเด็กสาวใบหน้างดงามอันเป็นที่เลื่องลือของคนไปทั่วทั้งเมือง ด้วยพวกนางเป็นเด็กเรียบร้อยบิดาของนางจึงหวงน้องสาวยิ่งนักการเดินทางไปเรียนแต่ละครั้งมีองครักษ์รายล้อมนับสิบคน ตรงข้ามกับจื่อรั่วอิงที่แม้จะเป็นหญิงงามทว่าชื่อเสียงของนางกลับฉาวโฉ่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จึงทำให้บิดาแม้จะรักเอ็นดูเพียงใดก็ไม่เคี่ยวเข็ญนางเหมือนบุตรสาวคนอื่นเพราะสินสอดของซื่อจื่อที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่านับสิบหีบ ทั้งยังมีอาภรณ์แพรพรรณงดงามหายากมากมาย นอกจากนั้นท่านย่ายังได้รับของกำนัลหีบใหญ่จากถังซื่อจื่อจึงทำให้ท่านย่าของจื่อรั่วอิงอารมณ์ดีเป็นพิเศษจื่อรั่วอิงเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เมื่อท่านย่าให้คนมาตามจึงเดินออกมาในชุดของสำนักศึกษา"ข้าต้องขอโทษอาจารย์จิวที่ทำให้ท่านลำบากต้องมาตามคนถึงที่นี่ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ไ
บทที่ 8 เรื่องใหญ่ที่นางก่อบัดนี้จื่อรั่วอิงกำลังใส่ชุดไว้ทุกข์ที่เจ้าอ้วนเป่าได้เตรียมเอาไว้ ด้วยแผนการของนางหลังจากเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว นางก็จัดการวางยาถ่ายคนทั้งสำนัก รวมทั้งบรรดาองครักษ์ที่ติดตามควบคุมนางไปด้วยเพราะเรื่องนี้มีน้องสี่และน้องห้าสตรีเรียบร้อยคอยช่วยเหลือ พวกเขาตกหลุมพรางอย่างง่ายดายด้วยไม่คิดว่าสตรีผู้งดงามอ่อนหวานจากสกุลจื่อทั้งสองจะหาญกล้ามาวางยาในน้ำชาที่พวกเขาดื่มกันน้องสี่และน้องห้าของจื่อรั่วอิงยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นบรรดาเพื่อน ๆ วิ่งหาห้องน้ำกันวุ่นวาย"จะไม่เป็นอันใดแน่นะเจ้าคะ"จื่อรั่วอิงทำใบหน้าขึงขัง"พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ยาถ่ายเพียงเล็กน้อยพวกเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ข้าจำเป็นหากข้าไม่ทำเช่นนี้จะหลบหนีองครักษ์และคนทั้งสำนักไปได้อย่างไร"น้องสี่ของนางกลับตอบว่า"ข้าหมายถึงข้ากับน้องห้าเจ้าค่ะ พวกข้าจะไม่เป็นไรแน่นะเจ้าคะ ส่วนคนพวกนั้นก็ช่างเถิดไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว"จื่อรั่วอิงหัวเราะขบขันจนน้ำตาเล็ด"น้องสี่ น้องห้า พวกเจ้าช่างเหมาะสมแล้วที่เป็นน้องสาวข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"น้องสี่ทำหน้าย่น"พี่สามท่านอย่าล้อเล่น ตกลงพวกข้าจะเป็นไรหรือไม่"จื่อร
บทที่ 9 เหรียญทองสำหรับคนกล้าหาญสิ้นเสียงนั้นทุกสิ่งพลันหยุดนิ่ง ไม้ไม่ได้ตีเข้าที่แผ่นหลังของนาง จื่อรั่วอิงจึงพลิกกายรีบลุกขึ้น สองมือเล็กผลักคนที่จับแขนจับขานางเอาไว้ ทั้งคิดในใจว่า ในที่สุดพระเอกก็โผล่มาได้จังหวะเสียที ไม่ผิดกับที่วางเอาไว้เมื่อนางเงยหน้ามองคนผู้นั้นในใจหวังให้เป็นหนุ่มหล่อรูปงาม ทว่าความเป็นจริงกลับทำให้นางขนลุกเมื่อพบผู้ชายหนวดเฟิ้มใบหน้าเย็นชาคนนั้นยืนกดดันผู้คนจนชวนหวาดผวาให้ตายเถอะ น่ากลัวกว่าตอนนางเข้าไปเล่นในบ้านผีสิงเสียอีกถึงหน้าตาไม่ตรงสเปกที่วางไว้ แต่ได้ตัดสินใจแล้วอย่างไรก็ไม่อาจถอยหลังได้ นางไม่ได้มองหาคนหล่อแต่นางมองหาอิสระไม่ใช่หรือ จื่อรั่วอิงเปล่งเสียงหวานอ่อนแอที่ฟังแล้วดูน่าสงสารที่สุดออกมา"ท่านอ๋องในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว สามีท่านยอมรับข้าแล้วใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงมองสบตาเขาทว่าพบเพียงความว่างเปล่า จื่อรั่วอิงคิดได้นางลืมไปได้อย่างไรว่าเขาตาบอดและถูกปิดตาอยู่เช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นผวาเข้าไปหาเขา ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบกระโปรงตนเองจนเสียหลักล้มลงไป สองแขนของนางกางออกก่อนที่จะทับร่างของคนผู้นั้นจื่อรั่วอิ
บทที่ 10 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งในที่สุดคนที่อำนาจตัดสินชีวิตคนก็โผล่มาแล้ว ทว่าบัดนี้จื่อรั่วอิงก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยบิดาของนางได้ตามมาด้วย สายตาของบิดายามนี้ราวกับต้องการสังหารคนเพื่อระบายอารมณ์ แน่นอนว่าคนผู้นั้นก็คือคุณหนูสามจื่อรั่วอิงบุตรสาวของเขาเองทุกคนต่างนั่งกันอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้ ข้าง ๆ พวกเขายังมีน้ำชาและขนมส่งกลิ่นหอมหวาน จื่อรั่วอิงไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าจึงรู้สึกหิวจนท้องร้อง ตอนนี้มีเพียงจื่อรั่วอิงเท่านั้นที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ซึ่งนางคิดว่าไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อย แต่นางก็ต้องหุบปากทำตัวอ่อนแอน่าสงสารต่อไปฮ่องเต้ลี่เจินเป็นบุรุษรูปงาม อายุราวสามสิบกว่าปีแม้จะมีฐานะเป็นหลานของลี่หมิงทว่าฝ่าบาทกลับเกิดก่อนหลายปีเรียกได้ว่าเห็นเสด็จอาผู้นี้มาตั้งแต่เกิด ลี่หมิงมีฐานะเดิมคือองค์ชายสิบเก้าซึ่งเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของเสด็จปู่อันเกิดจากพระสนมวัยเยาว์ที่ในยามนั้นมีอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น พระสนมคลอดองค์ชายลี่หมิงในวันที่เสด็จปู่อายุมากแล้ว อดีตฮ่องเต้วัยชราจึงหลงรักบุตรชายคนเล็กยิ่งนัก ทว่าไม่นานเสด็จปู่ก็สวรรคต เสด็จพ่อของฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ต่อจากนั้น ไม่นานเสด็จพ่อก
บทที่ 11 ช่วยข้าด้วยจวนอ๋องกลับมาเงียบสงบราวป่าช้าดังเดิมหลังจากคนของสกุล จื่อกลับไปแล้ว เจียวลู่ประคองลี่ไท่เฟยเดินเล่นที่สวนดอกไม้อันกว้างขวางภายในจวนเพื่อผ่อนคลายความกดดันเพราะเรื่องของจื่อรั่วอิง"ลู่เอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวลใจเรื่องของท่านอ๋องไป อย่างไรสะใภ้ในใจข้าก็คือเจ้าคนเดียว หลังจากแต่งพระชายารองข้าจะให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เจ้ากับท่านอ๋อง ครานี้เขาคงไม่มีข้ออ้างใดได้อีก ในเมื่อพระชายารองยังรับมาไยพระชายาเอกจะรับไม่ได้"เจียวลู่เองแม้ไม่พอใจ ทว่าท่านป้าของนางยังคงหาวิธีได้เช่นนี้ก็คิดว่าเรื่องนี้หากคิดในแง่ดีก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเอง กระนั้นก็ยังอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสารไม่ได้"ท่านป้า แม่นางสกุลจื่อผู้นั้นยังเป็นน้องสาวของจื่อกุ้ยเฟย บิดาก็เป็นถึงเสนาบดีที่มีความสำคัญของฝ่าบาท นางยังดูแข็งกร้าวเพียงนั้น ลู่เอ๋อร์เกรงว่าจะถูกนางรังแกหากเป็นเช่นนั้นลู่เอ๋อร์ก็ขอดูแลท่านป้าและพี่ใหญ่ในฐานะน้องสาวอยู่เงียบ ๆ ดีกว่าเจ้าค่ะ"ลี่ไท่เฟยสงสารเจียวลู่ยิ่งนัก หลานสาวห่าง ๆ ของนางผู้นี้เจียมตนอยู่เสมอยังมีใจกตัญญูต่อนางผู้เลี้ยงดูและหากจะพูดถึงความรักมั่นคงแล้วไม่มีผู้ใดที่จะสู้เ
บทที่ 12 เชื่อข้าเถิดฝ่าบาทกลับวังด้วยใบหน้าระรื่นเพราะมีความสุขยิ่งนัก ทว่าใบหน้าของจื่อกุ้ยเฟยนั้นกลับไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด โอรสสวรรค์เห็นใบหน้างามของสนมรักเป็นเช่นนั้นจึงเอ่ยว่า"เจ้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครานี้หรือ หรือว่าเจ้าก็เป็นอีกคนที่รังเกียจเสด็จอาของข้า"เดิมทีจื่อกุ้ยเฟยก็เป็นคนที่เปิดเผยความคิดต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว นางทอดถอนใจยาวตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างวิตก"ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลตามตรงได้หรือไม่เพคะ""มีสิ่งใดที่เจ้าพูดกับข้าไม่ได้กันเล่า"จื่อกุ้ยเฟยจับพระหัตถ์โอรสสวรรค์เอาไว้ ทั้งยังจ้องพระพักตร์พระองค์เขม็ง"หม่อมฉันมิได้รังเกียจท่านอ๋องเพคะ ทว่าหนักใจยิ่งนักที่เห็นลี่ไท่เฟยวันนี้ทั้งท่านอ๋องยังดูเหมือนไม่ต้องการแต่งกับคนของหม่อมฉันเช่นนั้น จะแต่งเข้าจวนอ๋องได้อย่างไรเพคะ"ฝ่าบาททรงดึงร่างบอบบางของจื่อกุ้ยเฟยมากอดเอาไว้ตบแผ่นหลังของนางเบา ๆ "ไม่ต้องกลัวไปข้าเองก็เลี้ยงดูเสด็จอาของข้ามาเองกับมือใกล้ชิดกันยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันมาเสียอีก แม้เสด็จอาจะดูแข็งกร้าวไปบ้างแต่ข้าเห็นว่าเขาย่อมพึงใจน้องสาวของเจ้าผู้นี้อยู่บ้าง คนอย่างลี่หมิงอ๋องมิใช่ว่าข้าจะสามารถบังคับให้
บทที่ 13 สำเร็จจวนลี่หมิงอ๋องหลังจากตรวจดูดวงตาของลี่หมิงอ๋องแล้วท่านหมอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี"ท่านอ๋อง หากเป็นเช่นนี้ไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดวงตาของท่านจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า เมื่อคืนนี้จู่ ๆ ตอนที่เขาเปิดที่คาดตาก็พบว่าตนเองมองเห็นเลือนรางในความมืด แม้จะยังมองไม่ชัดเจนแต่สิ่งของที่เห็นก็เป็นรูปเป็นร่างจนพอจะแยกแยะออกเขาตื่นเต้นยินดีทว่าก็ไม่อยากตั้งความหวังมากเกินไป เขาอยู่กับความมืดเช่นนี้มาสองปีแล้วหมอมารักษานับร้อยคนยังบอกรักษาไม่ได้เดิมทีเขาได้ถอดใจและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดจนเคยชิน ทว่าบัดนี้ไม่คิดว่าวิธีการของหมอหลวงที่ฝ่าบาทส่งมาผู้นี้จะช่วยรักษาเขาจนได้"แล้วไยตอนกลางวันข้ายังมองเห็นเพียงแสงสว่างเท่านั้นเล่า ทุกอย่างยังคงพร่าเลือนเช่นเคย"ท่านหมอส่งเทียบยาชุดใหม่ให้องครักษ์ซีห่าวแล้วเอ่ยว่า"แสงสว่างยังคงเป็นปัญหาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ปรับตัวยาแล้วคาดว่าท่านอ๋องจะสามารถมองเห็นได้ในช่วงฟ้ามืดเพราะไร้แสงรบกวนในช่วงแรก หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ใช้ดวงตาในตอนกลางวันได้ทว่าต้องอาศัยระยะเวลาสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า"เรื่องนี้ปิด
“กวนเกอร์เอ๋อร์ วาดอะไรอยู่หรือ”เด็กน้อยตัวอวบอ้วนวัยสามขวบเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษที่อยู่ตรงหน้า มือเล็กยังถือพู่กันเอาไว้พร้อมกับเอ่ยว่า“วาดภูเขาพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเดินท้องโย้เข้ามาใกล้บุตรชาย โดยมีเสี่ยวหยุนคอยประคอง“ไหนเอามาให้แม่ดูหน่อย”เด็กน้อยส่งกระดาษให้ผู้เป็นมารดาดู พร้อมกับมองตาแป๋ว“ลูกวาดเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงเห็นว่าภูเขาของบุตรชายประหลาดนัก ทว่าก็ได้แต่อมยิ้มแล้วพยักหน้าช้า ๆ“งามมาก กวนเกอร์เอ๋อร์ของแม่ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ วาดภูเขาได้เหมือนมาก แล้วจุดสองจุดตรงภูเขาคืออะไรหรือ”เด็กน้อยเกาศีรษะกลมพร้อมกับส่ายหน้า“ยังไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ต้องถามเสด็จพ่อ”จื่อรั่วอิงขมวดคิ้ว ด้วยบัดนี้ท่านอ๋องเข้าวัง มีเพียงบ่าวของนางเจ้าอ้วนเป่าที่คอยฝนหมึกให้และบ่าวของท่านอ๋องอาฟงที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ“ไยต้องถามเสด็จพ่อเล่า”“เพราะลูกมีภาพวาดของเสด็จพ่อเป็นต้นแบบ อาฟงบอกลูกว่ายามนั้นเสด็จพ่อตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใดยังพากเพียรวาดรูปฝึกปรือฝีมือ ความเพียรนี้สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”จื่อรั่วอิงนั่งลงข้าง ๆ บุตรชาย นางลูบท้องใหญ่ของตนเองที่บัดนี้ตั้งครรภ์ได้เ
“ทะท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”จื่อรั่วอิงมือสั่น“นี่เจ้ากล้าเรียกสามีข้าหรือ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”สาวใช้ของคุณหนูผู้นั้นกอดคุณหนูของตนเองเอาไว้แน่น ยังเอ่ยว่า“พระชายา คุณหนูของบ่าวได้รับบาดเจ็บข้อเท้าแพลงไม่อาจขยับได้เพคะ อย่าทำร้ายคุณหนูของข้า นางได้รับบาดเจ็บอยู่นะเพคะ”“เจ็บจริง ๆ หรือไม่ข้าต้องทดสอบ เจ้ารู้หรือไม่หากข้าฟาดแส้ไปที่ใบหน้าของนาง คงต้องเสียโฉมไปตลอดกาลเป็นแน่ อยากลองดีหรือไม่”กล่าวจบจื่อรั่วอิงฟาดแส้ลงมาครั้งหนึ่งลงไปข้างกายของนางผู้นั้น ผู้คนเริ่มมามุงดูกันด้วยความสงสัย ในขณะที่สตรีทั้งสองคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสาวใช้กลับไม่ยินยอม“ท่านถือดีอย่างไรจึงได้ลงมือตีคนกลางถนนเช่นนี้ คุณหนูของข้าเป็นถึงธิดาของท่านผู้ว่าการศึกษานะเพคะ”จื่อรั่วอิงถลึงตาใส่คนทั้งสอง“ข้าถามหรือว่านางเป็นลูกใคร ได้ไล่ไม่ไปใช่หรือไม่ หากไม่ไปอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าจะตีพวกเจ้าทั้งนายและบ่าวให้ตายไปข้างหนึ่ง”จื่อรั่วอิงเงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดแส้ลงมา ไม่น่าเชื่อว่าสตรีที่บ่อน้ำตาแตกท่าทางอ่อนแอนางนั้นบัดนี้จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปสุดชีวิต ทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อแส้ในมือของนางยังฟาดเข้าท
“กอดข้าหน่อยเพคะ”เขาถอดรองเท้าแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนนั้นกอดมือใหญ่ดึงร่างเล็กมากอด จื่อรั่วอิงขยับกายมาแนบชิดเกยก่ายร่างตนเองบนร่างกายใหญ่โตของเขาอบอุ่นและหอมกรุ่นยิ่งนักเขาลูบแผ่นหลังของนางอย่างรักใคร่“เหตุใดเอาแต่นอน หากนอนมากจะไม่สบายไม่รู้หรือ”จื่อรั่วอิงส่ายหน้า“ไม่ได้นอนอย่างเดียวเพคะ ยังตื่นขึ้นมากินด้วย”“กินกับนอนไม่กลัวอ้วนหรือ”“ไม่กลัวเพคะ คนเราต้องใช้ชีวิตให้ดีหากชอบกินก็กินเสียก่อนที่จะไม่ได้กิน หม่อมฉันเคยตายมาแล้วของที่อยากได้ก็ไม่ได้ใช้จึงคิดเสียดายยิ่ง ชาตินี้จึงคิดว่าหากอยากจะทำอะไรก็จะทำเพคะ”นางมักจะพูดเช่นนี้เสมอว่าตนเองเคยตายมาแล้ว ปกติจื่อรั่วอิงมักพูดจาประหลาดอยู่แล้ว ลี่หมิงอ๋องจึงเคยชินกับคำพูดของนางจึงไม่ได้เอ่ยถามคำใดเขาขยับตัวขึ้นนั่งโดยมีจื่อรั่วอิงพังพาบอยู่บนร่างกายเขา ได้กอดสามีเหมือนกอดเตาอุ่นนางจึงซุกหน้าเข้ากับอกของเขาแล้วถูเบา ๆ“ไม่คิดออกไปข้างนอกหรือ มีข่าวว่ามีของน่าสนใจมากับเรือเทียบท่าลำใหญ่ที่เพิ่งมาถึง”“ไม่ไปเพคะ หนาวข้าไม่ชอบความหนาวอยากนอน”“ไม่ไปจริงหรือ”“จริงเพคะ”แน่นอนว่านอกจากนางจะไม่ไปแล้ว ยังล็อกตัวสามีแน่นหนาไม่ยอมให
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1หลังแต่งงานใหม่เข้าจวนอ๋องในฐานะพระชายาได้สองปีกว่าจื่อรั่วอิงก็ไม่ยอมตั้งครรภ์ ด้วยนางยังห่วงความสนุกสนานในชีวิตวัยรุ่นของนางยิ่งนักในแต่ละวันหลังจากท่านอ๋องเข้าวังหลวงไปทำงาน จื่อรั่วอิงก็มักจะกลับไปจวนของตนเองเพื่อไปเยี่ยมท่านย่าและน้องสาวทั้งสองอยู่เสมอโดยขากลับต้องลำบากลี่หมิงอ๋องต้องไปรับนางด้วยตัวเองทุกวันก่อนหน้านี้ท่านย่ามาเยี่ยมที่จวนอ๋อง หลังจากเดินวนชื่นชมความงดงามของจวนพร้อมกับบ่าวคนสนิทและน้องสี่น้องห้าจนเหนื่อยก็ลงมือต้มน้ำแกงให้นางดื่มบำรุงกำลัง“เจ้าสามอย่าหาว่าย่าสั่งสอน อย่างไรเราเป็นสตรีการมีบุตรให้สามีคือหน้าที่ เจ้าแต่งมาสองปีแล้วยังไม่มีวี่แววเช่นนี้นับว่าบกพร่องต่อหน้าที่แล้ว”“ท่านย่าข้าเป็นภรรยาคน ไม่ใช่แม่พันธ์เพาะลูก อายุก็น้อยเพียงนี้จะรีบมีไปทำไม รอข้าพร้อมก่อนจะมีแน่นอนไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”“น้อยได้อย่างไร คนอื่นลูกเขาต่างวิ่งกันได้แล้วดูเจ้าสิอย่าทำตัวเหลวไหลนักเลย ของที่ย่านำมาด้วยดื่มให้เป็นประจำบำรุงร่างกายทั้งนั้น ร่างกายสมบูรณ์จะได้ตั้งครรภ์เสียที”จากนั้นก็หันไปสั่งเสี่ยวหยุน“เสี่ยวหยุนอย่าลืมให้พระชายาดื่มยาบำรุงของข้าทุกวัน ร
บทที่ 51 จบบริบูรณ์วันนี้เป็นวันอันสำคัญที่ฝ่าบาทจัดขึ้นเพื่อลี่หมิงอ๋อง จึงทรงเชิญคนมากมายรวมทั้งคนในครอบครัวของจื่อรั่วอิงมาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ท่านย่าของจื่อรั่วอิงตื่นเต้นเป็นอันมาก นางยังได้เชิญญาติ ๆ มาร่วมงานด้วยโดยที่ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ขัดข้องที่เหล่าชนชั้นพ่อค้าเหล่านี้จะเข้าวังร่วมแสดงความยินดี ในขณะที่บิดาและภรรยาทั้งสี่ของเขาต่างก็เข้าร่วมงานด้วยความสำราญใจและยังได้รับการคารวะสุราแทบจะไม่ว่างเว้นจื่อรั่วอิงถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านย่าแต่งกายด้วยอาภรณ์และเครื่องประดับสีทองทั้งตัว นางกลัวว่าจะถูกคนในวังตำหนิที่ทำตัวเด่นดังเกินหน้าเกินตาน้องสี่ของนางจึงเอ่ยว่า"ฝ่าบาทพระราชทานให้ท่านย่า เพราะบอกว่าเลี้ยงพี่สามมาดียิ่งทำให้พบคนร้ายที่ทำลายดวงตาท่านอ๋อง ความดีความชอบยกให้ท่านย่าทั้งหมด อีกทั้งเครื่องประดับเหล่านั้นจึงยังเป็นลี่ไท่เฟยที่มอบให้ อีกไม่นานลี่ไท่เฟยจะดำรงตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว พระนางจึงมีของมากมาย ของกำนัลเหล่านี้ล้วนเป็นพระนางที่คัดเลือกส่งให้ท่านย่าทั้งหมดเจ้าค่ะ"จื่อรั่วอิงย่อมรู้ว่าแม่สามีตอบรับตำแหน่งไทฮองไทเฮาแล้ว นางดีใจจนเนื้อเต้น ไม่ใช่เพราะแม่สามีจะได้ตำ
บทที่ 50 ผู้ใดทำผิดต้องได้รับการลงโทษเจียวลู่ตามคนผู้นั้นมายังสถานที่หนึ่ง บัดนี้นางคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้นพร้อมกับเอ่ยว่า"จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป""เจ้าแน่ใจหรือไม่""เพคะ หม่อมฉันลงมือด้วยตนเอง และก่อนออกจากจวนก็ไปพบพวกเขา ทุกคนล้วนนอนหลับแล้วเพคะ""อืม ดีมาก คงมีเพียงเจ้าที่ไว้ใจได้ เจ้าทำพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง คงนี้คงไม่พลาดอีกใช่หรือไม่""เพคะ ทรงไว้ใจหม่อมฉันได้ ไม่พลาดแน่นอน"สตรีนางนั้นแย้มยิ้ม แล้วยกแขนขึ้นกวักมือเรียกเจียวลู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ลูกแม่ มาหาแม่สิ มาใกล้ ๆ แม่"เจียวลู่ขยับเข้าไปใกล้คนผู้นั้น แล้วซบใบหน้าลงบนตัก"เสด็จแม่ยอมรับหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่"สตรีนางนั้นเอ่ยว่า"ไม่ยอมรับได้อย่างไร เจ้าคือลูกแม่มิใช่หรือ หลายปีมานี้ใช้งานเจ้าให้หลบซ่อนตัวในจวนอ๋อง เจ้าทำตามที่แม่สั่งมาเนิ่นนาน สุดท้ายมือของเจ้ายังแปดเปื้อนเลือดคน ทั้งหมดเจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่าซื่อสัตย์ต่อแม่เพียงใด แม่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก"เจียวลู่เงยหน้ามองนางผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า"ไยจึงเปลี่ยนพระทัยสังหารไท่เฟยเพคะ นางโดนยาพิษมาหลายปีเพียงนี้อีกไม่นานก็คงล้มป่วยแล้ว"สองมือข
บทที่ 49 วางยาพิษเพราะอาการตาบอดของลี่หมิงหายแล้ว ลี่ไท่เฟยจึงเป็นคนที่ดีใจที่สุด ความจริงอยากจัดงานเลี้ยงใหญ่โตในจวน ทว่าลี่หมิงห้ามเอาไว้ บอกว่าได้หารือกับฝ่าบาทแล้วว่าจะจัดงานที่วังหลวง เชิญข้าราชบริพารมาร่วมงานจัดให้ใหญ่โตคล้ายจัดงานให้ไทฮองไทเฮาเสียอีกลี่ไท่เฟยแย้มยิ้มเอ่ยว่า"จะจัดให้ใหญ่เท่างานวันเกิดจิ้งจอกเฒ่านั้นได้อย่างไร ต้องจัดให้ใหญ่กว่าสิ ท่านอ๋องของแม่เป็นคนสำคัญเพียงใดผู้ใดก็รู้ งานนี้ฝ่าบาทคงให้กลับไปรับราชการกุมอำนาจเช่นเดิมแล้ว นางจิ้งจอกนั่นจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ววังหลวงไม่ใช่ของนางเลยแม้แต่น้อย ลูกแม่เป็นคนโปรดของฝ่าบาทเพียงนี้คงทำให้นางไม่กล้ากับแม่อีก”ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า การต่อสู้ของสตรีชราทั้งสองคงไม่มีวันจบสิ้นเป็นแน่ลี่ไท่เฟยจับมือบุตรชายแล้วเอ่ยพร้อมทอดถอนใจ“ท่านอ๋อง ศึกสงครามสงบแล้วก็ดียิ่งทว่าหากบังเอิญเกิดขึ้นอีก แม่ขอร้องท่านอ๋องอย่าได้ออกรบได้หรือไม่ ที่ผ่านมาเจ้าทุ่มเทมากมายเพียงนั้นจนกระทั่งตาบอด แม่ทำใจไม่ได้หากเห็นเจ้าต้องเข้าสู่สนามรบอีก อย่างไรก็ไม่อาจยอมได้”ลี่หมิงอ๋องเอ่ยว่า"บัดนี้คงไร้สงครามแล้ว ศึกครั้งสุดท้ายได้ทำสัญญาสงบศึกถึงยี่สิบปี
บทที่ 48 เราหย่ากันเถอะเรื่องดวงตาของท่านอ๋องหายดีแล้วนั้น ก่อนหน้านั้นเขาได้ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรียบร้อย ฝ่าบาทจึงทรงสั่งให้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงลี่หมิงอ๋องไม่ปฏิเสธ ยังรับปากแข็งขันว่าจะเข้าร่วม ทั้งยังขอให้ฝ่าบาททรงจัดงานให้ใหญ่ที่สุด เชิญคนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"เสด็จอาพูดจริงหรือ ดูเหมือนไม่ใช่เสด็จอาเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเพราะแต่งกับคนสดใสร่าเริงเช่นจื่อรั่วอิงจึงทำให้เปลี่ยนไปได้เพียงนี้"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า"ฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล เกี่ยวกับสาเหตุที่กระหม่อมตาบอด"ฮ่องเต้ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ตรัสถามด้วยความตื่นเต้น"เสด็จอาสืบรู้แล้วหรือ เพียงดวงตามองเห็นก็ทราบทุกอย่างแล้วหรือ"ลี่หมิงอ๋องพยักหน้า "ความจริงหากนึกย้อนไปดี ๆ ก็คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้ ทว่าด้วยหลายปีที่ออกศึกจึงมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้ กระหม่อมเองยามนั้นยังเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กระทั่งบัดนี้เมื่อมองเห็นและได้เห็นใบหน้าคนผู้หนึ่งความทรงจำนั้นจึงกลับมา""เสด็จอาหมายความว่าอย่างไร"ลี่หมิงอ๋องหัวเราะเย็น"ฝ่าบาทความจริงที่สืบได้รวดเร็วทั้งหมดนี้ล้
บทที่ 47 คือท่านซีห่าวมองหน้านางแล้วหันไปมองบุรุษผู้นั้นก่อนจะหันมามองหน้านางอีกที"พระชายารองไม่เห็นท่านอ๋องหรอกหรือ"นางส่ายหน้า "เขาอยู่ที่ใดมิได้อยู่กับท่านหรือ แล้วท่านมาที่นี่ทำไม"ซีห่าวหัวเราะ ในขณะที่มีคนผู้หนึ่งจับมือของนางเอาไว้แล้วหมุนตัวของนางให้หันหลัง ยามนั้นจื่อรั่วอิงใบหน้าจึงปะทะเข้ากับอกกว้าง นางร้องเจ็บออกมาเล็กน้อยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คำนินทาก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว พระชายาลี่อ๋องเดินเข้างานพร้อมกับบุรุษหนุ่มสองคน และตอนนี้ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดคุณชายสี่ผู้หล่อเหลาที่เพิ่งปรากฎกายนางจะหน้าด้านเกินไปแล้ว มิใช่ว่าบุรุษทุกคนนั้นต่างตกเป็นของจื่อรั่วอิงสตรีแพศยาไปแล้วหรือน่าสงสารและสมเพชเวทนาสามีตาบอดของนางที่ไม่รู้ว่าจื่อรั่วอิงนางนี้ ทำเรื่องน่าอับอายฉาวโฉ่เพียงใดจื่อรั่วอิงคิดจะผลักเขาออกกลับถูกเขาจับมือสองข้างเอาไว้อย่างรู้ทัน นางถอยห่างเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงมาเอ่ยเสียงต่ำ"ท่านคือพระชายาลี่อ๋องใช่หรือไม่"จื่อรั่วอิงไม่ตอบทว่ายกเข่าขึ้นทันใดแล้วกระทุ้งเข้าไปตรงกลางร่างกายของเขาอย่างแรง ลี่หมิงอ๋องหน้าเขียวแต่ไม่อาจร้องออกมาได้ ในขณะที่ซีห