ยิ้มขำกันทั้งสองคน รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ในแบบบ้านเก่าของจีนโบราณ ที่เคยเห็นในซีรีย์จีน พริมมี่กับสมศักดิ์เงยหน้ามอง ป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดในตอนแรก
”ตำหนักชมดาว”
สมศักดิ์พึมพำเบาๆ พริมมี่ขนลุกซู่ ภาพวิ่งเข้ามาในหัวคือ การรัดนิ้วเสียงร้องโอดโอย ม้าแยกร่าง การประหารด้วยดาบคมกริบ หัวที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งมาที่แทบเท้า พริมมี่ยกขาขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าภาพที่เห็นเกิดขึ้นจริงๆ
“พี่พริมเป็นอะไร” ยิ้มเจื่อนๆ
“แค่คิดอะไรเพลินๆ ”
สมศักดิ์มองหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวสยองของพริมมี่
“เขาบอกว่าที่นี่เป็นห้องหอขององค์ชายสร้างขึ้นเพราะความรัก เหมือนทัชมาฮาลเป็นสัญลักษณ์ของความรักในพระมเหสี ไม่สิต้องใช้คำว่าชายา พี่พริมคิดไปถึงไหนกัน..ชื่อออกเพราะ…ตำหนักชมดาว…”
“ฮ่าาาา พี่คิดมากไปเองเราพักที่นี่ใช่ไหม”สมศักดิ์พยักหน้า
“ไปเถอะกินข้าวหิวแล้ว เดี๋ยวคุณซุนก็คงจะมา”
ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิง
ซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่างดี และปกครองราษฎรด้วยความผ่อนปรน ปลดแอกชาวฮั่นจากราชวงค์หยวนและชาวมองโกล แต่ในทางการเมืองการปกครองพระองค์ใช้ความเด็ดขาด ปราบปรามผู้ต่อต้าน และผู้รังแกราษฎรอย่างเข้มงวด
พระองค์มีรัชทายาทชื่อ จูเปียว แต่สิ้นพระชนม์ จึงแต่งตั้งลูกของรัชทายาทจูเปียว เป็นรัชทายาท ทำให้โอรสองค์อื่น ๆ ไม่พอใจ หลังจากพระเจ้าหมิงไท่จู่สิ้นพระชนม์รัชทายาทที่เป็นหลานได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ชื่อ “เจี้ยนเหวินฮ่องเต้” ต่อมาโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้าหมิงไท่จู่ ชื่อเจ้าเอี้ยนหวาง ผู้เป็นอาของพระเจ้าเจี้ยนเหวิน ก่อกบฏยึดเมืองหนานจิงซึ่งเป็นเมืองหลวง และพระเจ้าเจี้ยน เหวิน สูญหายไป
ที่ได้ยินมาแบบนี้ว่าแต่องค์ชายที่ว่าเป็นคนไหนกัน รัชทายาทจูเปียว เจี้ยนเหวินฮ่องเต้ หรือว่าเจ้าเอี้ยนหวาง แต่จะว่าองค์ชาย ก็คงเป็นจูเปียว หรือไม่ก็เจ้าเอี้ยนหวาง หรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ที่ต่อมาคือจักรพรรดิหย่งเล่อที่เป็นคนสร้างพระราชวังต้องห้ามกำลังคิดอะไรเพลินๆ สมศักดิ์ที่สะกิดเบาๆ
“พี่พริม ระวังสะดุด”
ธรณีประตูที่ทำจากไม้ตีประกบไว้บนพื้นก่อนทางเข้าห้องที่มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือห้องรับแขก บรรดาแจกันลายครามลวดลายงดงามไม่ใช่ของใหม่ที่ทำเลียนแบบขึ้นแน่ คงเป็นของที่เคยอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว
บนโต๊ะมีอาหารจัดวางไว้พอสมควรไม่ได้ล้นทะลักเหมือนที่คิดไว้แต่แรก พริมมี่กลืนน้ำลายลงคอเพราะความหิวเกือบบ่ายสองแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
“@#$@#$#$#@& ( ((_+#@”
สมศักดิ์ยิ้ม เมื่อคนดูแลบ้านที่เป็นลุงแก่ๆ หนวดยาวเรียงตัวเป็นระเบียบสีขาว มัดไว้ที่ปลายคาง เหมือนจะตลกแต่ก็ดูเรียบร้อยดี พูดอะไรบางอย่าง
“เขาให้เราจิบชารอ พี่พริมไหวไหม คุณซุนกำลังมาที่นี่ พร้อมกับลายแทง”
ไม่ไหวก็ต้องไหว หญิงวัยกลางคนคงเป็นแม่บ้านหรือคนดูแลด้านอาหารของที่นี่ยก กาชงชาเข้ามาพร้อมกับขนมก้อน สองจานหอมฟุ้งมาแต่ไกล
“หอมจัง”พริมมี่อดจะพูดเสียไม่ได้
หญิงคนนั้นยื่นจานขนมในมือให้พริมมี่ เหมือนเข้าใจภาษาไทยอีกจานวางไว้บนโต๊ะ หรือว่าพริมมี่เข้าใจอะไรผิดแม่บ้านฟังภาษาไทยไม่ออกแค่พอจะเดาได้ลางๆ ว่าพริมมี่คือคนสำคัญหัวหน้าทีม หรืออาจใช้ ค่านิยมเลดี้เฟริส พริมมี่ยิ้มอย่างภูมิใจ
บนจานใบนั้นมีขนมสองชนิดคือขนมกุ้ยฮวา (ผสมดอกหอมหมื่นลี้) กับขนมเฉียวกั่ว ขนมแห่งความฉลาดกินเข้าไปจะฉลาดเฉลียวเขาว่างั้น พริมมี่หยิบขนม เฉียวกั๋วขึ้นมาชิม รสหวานนุ่มลิ้น รับจอกชามาจิบเบาๆ แล้วหันไปทางขนมกุ้ยฮวาที่เป็นต้นตอของกลิ่นหอม ขนมสองชนิดเป็นขนมโบราณของจีนจะด้วยความหิวหรืออะไรไม่รู้ทำให้ พริมมี่กินขนมไปหมดจานเพียงคนเดียว
“อร่อยไหม ขอรับ”
พริมมี่พยักหน้าก่อนจะอ้าปากค้าง เมื่อคำพูดที่ได้ยินเป็นคำพูดของลุงคนดูแลบ้านที่ส่งภาษาจีน แต่ทำไมพริมมี่ถึงเข้าใจความหมายได้ดี
“อร่อยก็มีให้กินทุกวันขนมเฉียวกั่วจะช่วยคุณหนูได้มากในโอกาสต่อไป คุณท่านซุนมาแล้ว”
ลุงคนดูแลบ้านพูดขึ้นขัดความคิดของพริมมี่ที่กำลังจะถามว่าลุงพูดว่าอะไรแต่ พริมมี่สิ้นสงสัยในทันทีเมื่อครั้งนี้ลุงแกก็พูดภาษาจีนเหมือนก่อนนั้นแต่พริมมี่กลับฟังออกทุกคำ หรือว่าขนมนี่ผสมออะไรเข้าไป
ชายชราร่างเล็กลงมาจากรถโรลลอยส์พร้อมไม้เท้าคู่กาย ให้เดาอายุคงไม่ต่ำเก้าสิบปี แต่ทว่ายังเดินด้วยตัวเองมีแค่เพียงไม้เท้าช่วยพยุงบอดี้กร์าดเฝ้าระวังกลัวว่าจะล้ม
เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเองพริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอดคุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้” อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจังแบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะมือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณพริมมี่ยิ้ม“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ"คุณพริมมี่ครับ เ
“กลับกันเถอะ ผมจะแจ้งคุณซุนอย่างเป็นทางการอีกทีว่าพบกล่องทองเหลืองที่ข้างในมีนาฬิกาพกถึงลุงพ่อบ้านจะบอกว่าแจ้งแล้วก็เถอะ พรุ่งนี้เราตั้งใจขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ ทีมงานบอกว่า ดินชั้นล่าง ลงไปความหนาแน่นของชั้นดินลดลง พูดกันตามจริงคงต้องมีใครเคยขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่จริงๆ ทีมขุดบอกว่า มันกว้าง กว้างมากจนน่าจะเป็นสุสานหรือหลุมฝังศพเลยก็ได้” พริมมี่พยักหน้า“กลับกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจใหม่บางทีอาจพบขุมสมบัติเข้าจริงๆ ก็ได้"พริมมี่พูดไปยิ้มไป สมศักดิ์ยกมือท่วมหัว“สาธุขอให้ได้ขอให้โดน”ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว พริมมี่หยิบเอากล่องทองเหลืองที่ทำความสะอาดจนสวยพร้อมกับนาฬิกาพกมาวางไว้ บนโต๊ะหินอ่อน สมศักดิ์กับทีมขุดคงเหนื่อยวันนี้ต่างแยกย้ายกันนอนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสองทุ่ม ดวงจันทร์ดวงกลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าสีแดงสด จนน่าประหลาดใจฟูลมูนหรือไรคืนนี้ถอดสายสร้อยที่ห้อยคอมาวางเทียบกันพริมมี่ไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อยพยายาม มองและจ้องไปที่ลวดลายที่สวยงาม หน้าฝาปิดนาฬิกาพกทั้งสอง ตรงกลางห่วงสร้อยที่บอกเวลาเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เหมือนจะเป็นอักขระที่เหมือนตัวอักษร แต่ว่าเป็นอักษรของ ประเทศไหนหร
พริมมี่ หญิงสาวร่างเล็กอึกทึกทนใบหน้าคลำแดด แต่ก็ไม่วายสะดุดตายามมองดวงตาคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง กับลิปติกสีส้มประกายมุก เสื้อยืดสกรีนชื่อของหน่วยงานกระโปรงยาวกุมข้อเท้ากับนาฬิกาพกตกทอดมาจากแม่อร หรือคุณอรอุมา ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยสร้อยเส้นเล็กไม่ได้พกไว้ในกระเป๋าหรือถือไว้ ตามแบบที่เขานิยมทำกันวันนี้เข้าออฟฟิศหลังจากที่ ไม่ได้เข้าเมืองมาแรมเดือน“พริมมี่ หัวหน้าให้คุณไปหา”หัวหน้าทีมงานขุดค้น แหล่งอารยธรรมที่ก่อตั้งขึ้นด้วยชื่อที่สวยหรู อุดมการณ์ที่บ่งบอกว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อสืบค้นแหล่งอารยธรรมที่จมหายไปกับกาลเวลา พริมมี่ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเก่าก่อน สมัครเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนักสำรวจ และขุดค้นภาคสนาม เงินก็เป็นส่วนหนึ่งไม่สิเงินดีไม่น้อย พอใช้ในแต่ละเดือนเหลือจุนเจือครอบครัว ใครไม่เอาเงินก็บ้าแล้วสมัยนี้สมัยที่ต้องปากกัดตีนถีบ“ ได้ยินแล้วค่ะพี่แก้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้”ลุกขึ้นปัดกระโปรงด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องกระจก มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านนอกร่างสูงชะลูดเกือบจะเหมือนนายแบบ ใบหน้าหล่อจนพริมมี่อดที่จะเขินไม่ได้“หืมมม พริมมี่นั่งลงก่อนสิ”ลุกขึ้นยืน อย่างคนที่สุภาพเขาทำกัน“ส
“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่ง
“กลับกันเถอะ ผมจะแจ้งคุณซุนอย่างเป็นทางการอีกทีว่าพบกล่องทองเหลืองที่ข้างในมีนาฬิกาพกถึงลุงพ่อบ้านจะบอกว่าแจ้งแล้วก็เถอะ พรุ่งนี้เราตั้งใจขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ ทีมงานบอกว่า ดินชั้นล่าง ลงไปความหนาแน่นของชั้นดินลดลง พูดกันตามจริงคงต้องมีใครเคยขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่จริงๆ ทีมขุดบอกว่า มันกว้าง กว้างมากจนน่าจะเป็นสุสานหรือหลุมฝังศพเลยก็ได้” พริมมี่พยักหน้า“กลับกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจใหม่บางทีอาจพบขุมสมบัติเข้าจริงๆ ก็ได้"พริมมี่พูดไปยิ้มไป สมศักดิ์ยกมือท่วมหัว“สาธุขอให้ได้ขอให้โดน”ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว พริมมี่หยิบเอากล่องทองเหลืองที่ทำความสะอาดจนสวยพร้อมกับนาฬิกาพกมาวางไว้ บนโต๊ะหินอ่อน สมศักดิ์กับทีมขุดคงเหนื่อยวันนี้ต่างแยกย้ายกันนอนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสองทุ่ม ดวงจันทร์ดวงกลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าสีแดงสด จนน่าประหลาดใจฟูลมูนหรือไรคืนนี้ถอดสายสร้อยที่ห้อยคอมาวางเทียบกันพริมมี่ไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อยพยายาม มองและจ้องไปที่ลวดลายที่สวยงาม หน้าฝาปิดนาฬิกาพกทั้งสอง ตรงกลางห่วงสร้อยที่บอกเวลาเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เหมือนจะเป็นอักขระที่เหมือนตัวอักษร แต่ว่าเป็นอักษรของ ประเทศไหนหร
คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณพริมมี่ยิ้ม“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ"คุณพริมมี่ครับ เ
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเองพริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอดคุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้” อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจังแบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะมือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว
ยิ้มขำกันทั้งสองคน รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ในแบบบ้านเก่าของจีนโบราณ ที่เคยเห็นในซีรีย์จีน พริมมี่กับสมศักดิ์เงยหน้ามอง ป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดในตอนแรก”ตำหนักชมดาว”สมศักดิ์พึมพำเบาๆ พริมมี่ขนลุกซู่ ภาพวิ่งเข้ามาในหัวคือ การรัดนิ้วเสียงร้องโอดโอย ม้าแยกร่าง การประหารด้วยดาบคมกริบ หัวที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งมาที่แทบเท้า พริมมี่ยกขาขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าภาพที่เห็นเกิดขึ้นจริงๆ“พี่พริมเป็นอะไร” ยิ้มเจื่อนๆ“แค่คิดอะไรเพลินๆ ” สมศักดิ์มองหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวสยองของพริมมี่“เขาบอกว่าที่นี่เป็นห้องหอขององค์ชายสร้างขึ้นเพราะความรัก เหมือนทัชมาฮาลเป็นสัญลักษณ์ของความรักในพระมเหสี ไม่สิต้องใช้คำว่าชายา พี่พริมคิดไปถึงไหนกัน..ชื่อออกเพราะ…ตำหนักชมดาว…”“ฮ่าาาา พี่คิดมากไปเองเราพักที่นี่ใช่ไหม”สมศักดิ์พยักหน้า“ไปเถอะกินข้าวหิวแล้ว เดี๋ยวคุณซุนก็คงจะมา”ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิงซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่
“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่ง
พริมมี่ หญิงสาวร่างเล็กอึกทึกทนใบหน้าคลำแดด แต่ก็ไม่วายสะดุดตายามมองดวงตาคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง กับลิปติกสีส้มประกายมุก เสื้อยืดสกรีนชื่อของหน่วยงานกระโปรงยาวกุมข้อเท้ากับนาฬิกาพกตกทอดมาจากแม่อร หรือคุณอรอุมา ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยสร้อยเส้นเล็กไม่ได้พกไว้ในกระเป๋าหรือถือไว้ ตามแบบที่เขานิยมทำกันวันนี้เข้าออฟฟิศหลังจากที่ ไม่ได้เข้าเมืองมาแรมเดือน“พริมมี่ หัวหน้าให้คุณไปหา”หัวหน้าทีมงานขุดค้น แหล่งอารยธรรมที่ก่อตั้งขึ้นด้วยชื่อที่สวยหรู อุดมการณ์ที่บ่งบอกว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อสืบค้นแหล่งอารยธรรมที่จมหายไปกับกาลเวลา พริมมี่ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเก่าก่อน สมัครเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนักสำรวจ และขุดค้นภาคสนาม เงินก็เป็นส่วนหนึ่งไม่สิเงินดีไม่น้อย พอใช้ในแต่ละเดือนเหลือจุนเจือครอบครัว ใครไม่เอาเงินก็บ้าแล้วสมัยนี้สมัยที่ต้องปากกัดตีนถีบ“ ได้ยินแล้วค่ะพี่แก้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้”ลุกขึ้นปัดกระโปรงด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องกระจก มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านนอกร่างสูงชะลูดเกือบจะเหมือนนายแบบ ใบหน้าหล่อจนพริมมี่อดที่จะเขินไม่ได้“หืมมม พริมมี่นั่งลงก่อนสิ”ลุกขึ้นยืน อย่างคนที่สุภาพเขาทำกัน“ส