คุณหมอหย่งก้าวขามายืนหน้าห้องพิเศษSuper vipที่พริมมี่ นอนไม่ได้สติอยู่ที่นั่น จูซุน เอนกายลงบนเตียงนอนคู่ด้านข้าง อีกฝั่งเป็นกระจกกว้างที่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวย และทิวทัศน์จากมุมสูง
“ก็อกๆ”เคาะประตูไปสองครั้งเบาๆ
“เชิญเข้ามา”
จูซุน ขยับกายนั่งห้อยขาที่เตียงนอน
“คุณจูซุนขอรับ กระผมมาตรวจดูอาการของ..ของคู่รักของคุณจูซุนครับ”
ร่างสูงในวัยแก่กว่าจูซุนไม่กี่ปี ก้าวขามายังเตียงคนไข้ที่พริมมี่นอนอยู่แต่กลับตะลึงจังงัง กับใบหน้าคุ้นตาของพริมมี่
“อืมมมยินดีที่ได้พบกัน..อีกครั้ง”
หมอหย่งไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของจูซันทว่าสะดุดใจกับใบหน้าของพริมมี่ที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึง
“เอ่อ คะครับผมคุณผู้หญิงท่านนี้ นอนหลับไม่ได้สติมาสามคืน แล้วตามที่ผมวินิจฉัยอาการเบื้องต้นจากข้อมูลและประวัติของคนไข้ทำให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติอะไรสมองยังคงสมบูรณ์ไม่ได้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือบาดเจ็บที่ศีรษะหรือภาษาบ้านๆ คือล้มหัวฟาดหรืออะไร….”
จูซุนมองหมอหย่งที่บรรยายเนิบๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของพริมมี่ มือก็สารวนกับการ ใช้เครื่องเสตทโตสโคปวางลงที่อกข้างซ้าย
“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”
หมอหย่งถอนหายใจ
“นั่นอาจเพราะเธอเลือกที่จะนอน”
“แล้วมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เธอตื่นหรือว่าต้องจุมพิตเหมือนเจ้าหญิงนิทรา อย่างนั้นผมจะไม่ลังเลเลย”
จูซุนพูดที่เล่นที่จริง
“ก็ไม่แน่ครับบางทีอาจเป็นเพราะเธอรอให้ใครบางคนแสดงว่าอยากให้เธอกลับมา”
“เอาจริงดิคุณหมอเป็นพยานนะผมจะ จุมพิตให้เจ้าหญิงนิทราฟื้นขึ้นมา”ก้มลงช้าๆ
“ตื๊ดดดดดดด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ พริมมี่สะดุ้งเฮือกจากการหลับใหลก่อนที่จะถูกจุมพิต ตากลมโตจ้องมองใบหน้า หล่อเหลาของจูซุนที่ก้มลงเกือบจะชิดใบหน้า ค้างไว้แบบนั้นอย่างงงงัน
“ฮัลโหล”หมอหย่งกรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์
“เอ่อ คุณ จูซุนครับมาที่นี่ด่วนครับ เราขุดพบ หีบสมบัติสมัยราชวงศ์หมิงและ หีบศพของนางกำนัลที่สลักชื่อบนหีบศพว่า เจียงมีมี่…”
“อ่อ..เปล่าครับ ผมคุณหมอหย่งไม่ใช่คุณจูซุนครับ”พริมมี่พูดขึ้นดังๆ
“ท่าน ฝ่าบาทไม่สิจูเหวิน”
น้ำตาเต็มขอบตา
“หืมมม อย่าร้องข้าไม่ชอบน้ำตาของเจ้า แค่เพียงเห็นมันใจข้าก็จะขาดรอนๆ”พริมมี่ยิ้มทั้งน้ำตา
“ข้ามารับเจ้า ข้ามารอเจ้าตามสัญญาที่ให้กับเจ้าไว้”
พริมมี่สะอื้นอย่างหนักคิดว่าจะหลุดไปยังช่วงเวลาอื่นเสียแล้วไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่แล้วยังได้รับโชคสองชั้นพบกับ เจี้ยนเหวินที่รออยู่
“คุณ เอ่อ ท่านรอข้าอย่างนั้นหรือ”
พริมมี่เอียงคอมองคุณหมอหย่ง
“เอ้า เอี้ยนอ๋องท่านก็มาด้วยหรือ”
หมอหย่งทำสีหน้าเหลอหลา
“หย่งเลอ ฉีหยงเล่อคุณหมอ ที่กำลังจะมาตรวจรักษาอาการป่วยของคุณครับ”
คุณหมอหย่งโค้งศีรษะลงน้อยๆ พริมมี่อ้าปากค้าง
คิดไปเองว่าเจี้ยนเหวิน และหย่งเล่อก็คงข้ามเวลามาเช่นกัน ไม่คิดว่าเจี้ยนเหวินอาศัยน้ำพุกาลเวลา รอคอยพริมมี่ถึงหกร้อยกว่าปี ส่วนหมอหย่งเพียงแค่กลับชาติมาเกิด
“ฉันรอเธอพริมมี่ มีหลายเรื่องที่เราจะต้องคุยกันแต่ตอนนี้ ที่นี่ข้าไม่มีผู้ใดไม่มีฮ่องเต้ไม่มีฮองเฮามีเพียงข้าที่นั่งเฝ้าไข้เจ้าอยู่ที่นี่ทุกวันคืน หวังว่าเจ้าจะกลับมา เช่นนั้นได้โปรด แต่งงานกับข้าเถิด….”
ล้วงหยิบแหวนเพชรเม็ดมหึมาในกระเป๋าเสื้อ เปิดมันออกช้าๆ คุกเข่าลงกับพื้น
หมอหย่งยกมือขึ้นกอดอกหลวมๆ ยิ้มบางๆ
“แต่งานกับข้าเถิด”
พริมมี่ยิ้มหยักหน้าขึ้นลงจูซุนกอดรวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนแน่น พริมมี่ยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องฐานะของจูซุนที่แท้จริง ว่ามีทั้งเงินและอสังหาริมทรัพย์มากแค่ไหนหากรู้คงตกใจแทบช็อค
“ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม คุณตกลงแต่งงานกับผมแล้ว”
หย่งเล่อ ถอนหายใจยาว
จูซุน ผู้ยิ่งใหญ่ในปักกิ่งคนนี้ ถึงกับยอมคุกเข่าขอสาวแต่งงานผู้หญิงคนนี้คงมีอะไรพิเศษยิ่งนัก
“คุณหมอหย่ง เป็นพยานให้ด้วย พริมมี่รับปากตกลงจะแต่งงานกับผมแล้ว”คุณหมอหย่งยิ้ม บางๆ
“ได้ครับยินดีกับคุณด้วยคุณผู้หญิง ยินดีด้วยคุณ จูซุน”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนทั้งสามราวกับอดีต หวนคืนมาณ.ที่แห่งนี้
“คุณหมอค่ะ คุณหมอหย่ง ท่านผู้อำนวยการเชิญคุณหมอไปพบค่ะ”
คุณหมอหย่งเลอ หันกลับไปมองใบหน้าขาวสะอาดของพยาบาลสาวที่มีใบหน้าละม้ายไป๋อิงชายาของเอี้ยนอ๋องจูตี้หรือฮองเฮาในจักรพรรดิหย่งเล่อ คุณหมอหย่งส่งยิ้มให้กับพยาบาลที่ก้มหน้าหลบตาคมด้วยความเขินอาย เดินมาทำท่าสนใจสายน้ำเกลือของพริมมี่แก้เขิน พริมมี่ยิ้มเบ้ปากอมยิ้ม
“คุณพยาบาลขา คุณพยาบาลจะต้องเดินไปส่งคุณหมอแล้วล่ะค่ะ”
พยาบาลสาวแก้มแดงระเรื่อ
“นะนะ ไปส่งคุณหมอหน่อย เราสองคน อยากอยู่ด้วยกัน”
จูซุน ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของพริมมี่เบาๆ
“อืมมหวานจริงๆ ฟื้นมาก็หวานเลยแบบนี้สิถึงจะเป็นพริมมี่”
ยิ้มทั้งสีหน้าและดวงตา พริมมี่กอดรวบลำคอของจูซุน
“แล้วเราก็มาพบกันขอบคุณสวรรค์”
จูซุนกอดรัดร่างบา่งไว้แนบแน่น ราวกับกลัวว่าอีกคนจะหลุดมือไป
“ข้าคิดถึงเจ้าที่สุด พริมมี่”
เป่ยจิงในอดีต
โรงเตี๊ยม สุ่ยหลี
“ฝะฝะฝ่่าบาท”
สุ่ยหลี วิ่งเข้าสวมกอดจูเหวินที่ เขามาในโรงเตี๊ยมด้วยท่าทีองอาจเช่นเคย
“สบายดีหรือไม่”
คำกล่าวแรกที่จูเหวินใช้กล่าวกับสุ่ยหลีในเช้าสดใสวันนั้นวันที่ใบไป๋กว่อสีเหลืองทอง
“สบายดีขอรับ ฝะนะนายท่านเล่าสบายดีไหม”
ร่างอุ้ยอ้ายของหญิงงามคนหนึ่งก้าวขาออกมาจากโรงเตี๊ยมสุ่ยหลีเพียงโอบอ้อมแขนรอบไหล่บาง
“ภรรยาของข้าน้อยกำลังตั้งครรภ์”จูเหวินยิ้ม
“ดีแล้ว”
“นายท่าน บ้านซุนรอต้อนรับนายท่าน นายหญิงรออยู่ที่นั่น”
“ต่อไปให้เรียกข้าว่าจูซุน เราจะอยู่ที่เป่ยจิงจนกว่าจะพบกับพริมมี่อีกครั้ง”
สุยหลียิ้มมากวาคำอธิบายใดใด จูซุนคงพบน้ำพุกาลเวลาแล้ว สุ่ยหลีควรจะเลิกกังวล สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือใช้ชีวิตให้มีความสุขดูแลนายท่านจูซุนต่อไป
ปี2004“คุณ พงษ์ปรีดาค่ะภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะคุณได้ลูกสาวหน้าตาน่าชังเชียวค่ะ”พ่อของพริมมี่ รีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องคลอด อรอุมา อุ้มทารกเพศหญิงให้ดื่มนมจากอก“โอ้ลูกพ่อ ให้ผมดูหน้าเขาหน่อย พริมมี่ของพ่อ”“คุณพงษ์ยังไม่เห็นหน้าลูกอีกหรือ อรคิดว่าคุณเข้ามาก่อนแล้ว”สีหน้าแสดงความสงสัย พงษ์ปรีดารับเอาร่างกระจ้อย“เปล่านี่”“แล้วนี่คืออะไร”คุณอรอุมาวางนาฬิกาพกลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา“นาฬิกา”“ค่ะ อรเห็นมันวางอยู่ข้างๆ ลูกของเรา”คุณพงษ์ปรีดาหันหน้าหันหลัง“อาจเป็นใครสักคน” คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเสียงนาฬิกายังเดินปกติ“ผมจะลองเอาออกไปไกลๆ ไม่แน่อาจเป็นระเบิดเวลาหรือมีอะไรซุกซ่อนอยู่”"ดีเลยค่ะให้พยาบาลประกาศตามหาเจ้าของดีไหม”คุณพงษ์ปรีดาพยักหน้าก่อนจะรวบนาฬิกาออกห่างจากพริมมี่น้อย“อุ๊แว อุ๊แวๆๆๆๆๆๆๆ”อยู่ๆพริมมี่ก็ร้องไห้จ้า“คุณค่ะ”คุณอรอุมาให้พริมมี่กินนม เห่กล่อมก็ไม่ยอมหยุด คุณพงษ์ปรีดาวางนาฬิกาพกลงข้างๆร่างกระจ้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะมีรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งจะคลอดออกมา“อย่าเลยคุณ บางทีนี่อาจเป็นของยายหนูก็ได้แกจึงหวงมากขนาดนี้”คุณพงษ์ปรีดาถอนหายใจ จูซุนก้าวขายาวๆ ออกจากโรงพยาบาล“ฉันรอเธออย
พริมมี่ หญิงสาวร่างเล็กอึกทึกทนใบหน้าคลำแดด แต่ก็ไม่วายสะดุดตายามมองดวงตาคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง กับลิปติกสีส้มประกายมุก เสื้อยืดสกรีนชื่อของหน่วยงานกระโปรงยาวกุมข้อเท้ากับนาฬิกาพกตกทอดมาจากแม่อร หรือคุณอรอุมา ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยสร้อยเส้นเล็กไม่ได้พกไว้ในกระเป๋าหรือถือไว้ ตามแบบที่เขานิยมทำกันวันนี้เข้าออฟฟิศหลังจากที่ ไม่ได้เข้าเมืองมาแรมเดือน“พริมมี่ หัวหน้าให้คุณไปหา”หัวหน้าทีมงานขุดค้น แหล่งอารยธรรมที่ก่อตั้งขึ้นด้วยชื่อที่สวยหรู อุดมการณ์ที่บ่งบอกว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อสืบค้นแหล่งอารยธรรมที่จมหายไปกับกาลเวลา พริมมี่ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเก่าก่อน สมัครเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนักสำรวจ และขุดค้นภาคสนาม เงินก็เป็นส่วนหนึ่งไม่สิเงินดีไม่น้อย พอใช้ในแต่ละเดือนเหลือจุนเจือครอบครัว ใครไม่เอาเงินก็บ้าแล้วสมัยนี้สมัยที่ต้องปากกัดตีนถีบ“ ได้ยินแล้วค่ะพี่แก้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้”ลุกขึ้นปัดกระโปรงด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องกระจก มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านนอกร่างสูงชะลูดเกือบจะเหมือนนายแบบ ใบหน้าหล่อจนพริมมี่อดที่จะเขินไม่ได้“หืมมม พริมมี่นั่งลงก่อนสิ”ลุกขึ้นยืน อย่างคนที่สุภาพเขาทำกัน“ส
“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่ง
ยิ้มขำกันทั้งสองคน รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ในแบบบ้านเก่าของจีนโบราณ ที่เคยเห็นในซีรีย์จีน พริมมี่กับสมศักดิ์เงยหน้ามอง ป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดในตอนแรก”ตำหนักชมดาว”สมศักดิ์พึมพำเบาๆ พริมมี่ขนลุกซู่ ภาพวิ่งเข้ามาในหัวคือ การรัดนิ้วเสียงร้องโอดโอย ม้าแยกร่าง การประหารด้วยดาบคมกริบ หัวที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งมาที่แทบเท้า พริมมี่ยกขาขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าภาพที่เห็นเกิดขึ้นจริงๆ“พี่พริมเป็นอะไร” ยิ้มเจื่อนๆ“แค่คิดอะไรเพลินๆ ” สมศักดิ์มองหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวสยองของพริมมี่“เขาบอกว่าที่นี่เป็นห้องหอขององค์ชายสร้างขึ้นเพราะความรัก เหมือนทัชมาฮาลเป็นสัญลักษณ์ของความรักในพระมเหสี ไม่สิต้องใช้คำว่าชายา พี่พริมคิดไปถึงไหนกัน..ชื่อออกเพราะ…ตำหนักชมดาว…”“ฮ่าาาา พี่คิดมากไปเองเราพักที่นี่ใช่ไหม”สมศักดิ์พยักหน้า“ไปเถอะกินข้าวหิวแล้ว เดี๋ยวคุณซุนก็คงจะมา”ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิงซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่
เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเองพริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอดคุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้” อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจังแบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะมือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณพริมมี่ยิ้ม“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ"คุณพริมมี่ครับ เ
ปี2004“คุณ พงษ์ปรีดาค่ะภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะคุณได้ลูกสาวหน้าตาน่าชังเชียวค่ะ”พ่อของพริมมี่ รีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องคลอด อรอุมา อุ้มทารกเพศหญิงให้ดื่มนมจากอก“โอ้ลูกพ่อ ให้ผมดูหน้าเขาหน่อย พริมมี่ของพ่อ”“คุณพงษ์ยังไม่เห็นหน้าลูกอีกหรือ อรคิดว่าคุณเข้ามาก่อนแล้ว”สีหน้าแสดงความสงสัย พงษ์ปรีดารับเอาร่างกระจ้อย“เปล่านี่”“แล้วนี่คืออะไร”คุณอรอุมาวางนาฬิกาพกลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา“นาฬิกา”“ค่ะ อรเห็นมันวางอยู่ข้างๆ ลูกของเรา”คุณพงษ์ปรีดาหันหน้าหันหลัง“อาจเป็นใครสักคน” คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเสียงนาฬิกายังเดินปกติ“ผมจะลองเอาออกไปไกลๆ ไม่แน่อาจเป็นระเบิดเวลาหรือมีอะไรซุกซ่อนอยู่”"ดีเลยค่ะให้พยาบาลประกาศตามหาเจ้าของดีไหม”คุณพงษ์ปรีดาพยักหน้าก่อนจะรวบนาฬิกาออกห่างจากพริมมี่น้อย“อุ๊แว อุ๊แวๆๆๆๆๆๆๆ”อยู่ๆพริมมี่ก็ร้องไห้จ้า“คุณค่ะ”คุณอรอุมาให้พริมมี่กินนม เห่กล่อมก็ไม่ยอมหยุด คุณพงษ์ปรีดาวางนาฬิกาพกลงข้างๆร่างกระจ้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะมีรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งจะคลอดออกมา“อย่าเลยคุณ บางทีนี่อาจเป็นของยายหนูก็ได้แกจึงหวงมากขนาดนี้”คุณพงษ์ปรีดาถอนหายใจ จูซุนก้าวขายาวๆ ออกจากโรงพยาบาล“ฉันรอเธออย
คุณหมอหย่งก้าวขามายืนหน้าห้องพิเศษSuper vipที่พริมมี่ นอนไม่ได้สติอยู่ที่นั่น จูซุน เอนกายลงบนเตียงนอนคู่ด้านข้าง อีกฝั่งเป็นกระจกกว้างที่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวย และทิวทัศน์จากมุมสูง“ก็อกๆ”เคาะประตูไปสองครั้งเบาๆ“เชิญเข้ามา” จูซุน ขยับกายนั่งห้อยขาที่เตียงนอน“คุณจูซุนขอรับ กระผมมาตรวจดูอาการของ..ของคู่รักของคุณจูซุนครับ”ร่างสูงในวัยแก่กว่าจูซุนไม่กี่ปี ก้าวขามายังเตียงคนไข้ที่พริมมี่นอนอยู่แต่กลับตะลึงจังงัง กับใบหน้าคุ้นตาของพริมมี่“อืมมมยินดีที่ได้พบกัน..อีกครั้ง”หมอหย่งไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของจูซันทว่าสะดุดใจกับใบหน้าของพริมมี่ที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึง“เอ่อ คะครับผมคุณผู้หญิงท่านนี้ นอนหลับไม่ได้สติมาสามคืน แล้วตามที่ผมวินิจฉัยอาการเบื้องต้นจากข้อมูลและประวัติของคนไข้ทำให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติอะไรสมองยังคงสมบูรณ์ไม่ได้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือบาดเจ็บที่ศีรษะหรือภาษาบ้านๆ คือล้มหัวฟาดหรืออะไร….”จูซุนมองหมอหย่งที่บรรยายเนิบๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของพริมมี่ มือก็สารวนกับการ ใช้เครื่องเสตทโตสโคปวางลงที่อกข้างซ้าย“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”หมอหย่งถอ
"อะอะนายท่านเกรงใจไปแล้วนายท่านสูงส่งรินสุราให้สุ่ยหลีไม่เหมาะนัก""ข้าเต็มใจเจ้าดื่มหมดจอกแทนคำขอบคุณข้า"สุ่ยหลียิ้มทั้งน้ำตายกจอกสุรารินลงคออย่างไม่ลังเลเพียงพริบตาสุ่ยหลีก็คอพับลงไปกับพื้นหลับใหลไปในทันที"นายท่านโธ่นายท่าน"ตะวันบ่ายสุ่ยหลีคร่ำครวญกับกองสัมภาระน้ำตาเต็มสองตาดึงยกเป้สัมภาระไม้ไผ่ขึ้นทาบแผ่นหลัง"ข้าจะตามนายท่านขึ้นไปเดี๋ยวนี้""ตุ๊บ"บางอย่างล่วงลงพื้นสุยหลีทรุดกายลงพิงต้นไม้ใหญ่คลี่ก้อนผ้าที่มีตัวอักษรอยู่บนนั้น"สุ่ยหลีฟังข้าที่เป่ยจิง มีโรงเตี๊ยมชื่อว่า…สุ่ยหลีที่นั่นข้าใช้เงินสร้างมันเพื่อเจ้ากลับไปรอข้าที่นั่น หากตามขึ้นมาวันไหนที่ข้ากลับไปจึงไม่พบเจ้า ฝากดูแลตำหนักชมดาว..แทนข้า แล้วเราจึงจะได้พบกัน..อย่าฝืนบัญชาหากยังตามข้าขึ้นไปพบข้าเราจึงตัดขาดกัน"ปาดน้ำตาที่ไหลรินสะอื้นอย่างหนัก"ข้าเช่นไรจะกล้าฝืนบัญชาฝ่าบาท กล้าให้ฝ่าบาทตัดขาดกับข้า"ปาดน้ำตาแห้งเหือดหันมองเทือกเขาเหลียงซานยิ้มเศร้าๆ ก้าวขาบ่ายหน้ากลับไปยังเป่ยจิงรอวันพบกันกับจูเหวินหน้าผาสูงสลับซับซ้อน มือเรียวราวลำเทียนยึดเกาะปีนป่าย"เหลือเพียงที่แห่งนี้ที่ขายังไม่เคยเสาะแสวงหาน้ำพุกาลเวลาหวังว่
สุ่ยหลียิ้ม“เช่นนั้นเขาเหลียงซานเบื้องหน้าเหมาะที่จะปีนป่ายต่อเติมความหวังในเมื่อเราเดินทางไปมาจนทั่วยังไม่พบน้ำพุแห่งกาลเวลา บางทีควรจะลองปีนเขาดูบ้าง”เจี้ยนเหวินยิ้มกว้างเป่ยจิง"จักรพรรดิหย่งเล่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี"เสียงถวายพระพรดังกึกก้องเมื่อจักรพรรดิหย่งเล่อหรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ในอดีตเสด็จขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร หย่งเล่ออมยิ้มอดคิดถึงพริมมี่กับคำว่าหย่งเล่อหรือหยกเลอค่ายกกำไลหยกสีแดงขึ้นมามองดู"ยังคงคิดถึงเจ้าเหมือนเดิมมีมี่"พึมพำเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ"ฝ่าบาท เมืองหลวงเป่ยจิงและพระราชวังต้องห้ามบัดนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว ตามพระบัญชา""ดีมาก จิ้งเหอท่านควรจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องนี้""พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป่ยจิงของเรารุ่งเรืองร่มเย็น ต่างชาติล้วนต้องการผูกมิตร""ดียิ่งแล้วข้าน้อมนำดำรัสของไท่หวงซางหมิงไท่จูสืบต่อมาหวังว่าบรรพบุรุษจะชื่นชม ครั้งนี้ตั้งใจส่งสินค้าและราชทูตยังต่างชาติต่างภาษาเพื่อเจริญสัมพันธ์ทางการทูต"จิ้งเหอประสานมือตรงหน้า"ข้าน้อยยินดีเป็นตัวแทนเดินเรือยังต่างแคว้น"จักรพรรดิหย่งเล่อยิ้มกว้าง"ดีแล้วจิ้งเหอท่านไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง"จักรพรรดิหย่งเล่อเดินเอามื
แม้จะเจ็บปวดเพียงใดขอแค่ให้ได้ลอง พริมมี่ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ เลือดไหลซึมออกจากอกข้างซ้าย“ฉันกำลังจะตายใช่ไหม ฉันจะตายจริงๆ ใช่ไหม”บนเนินเขา นั่นแสงทองสุดท้ายสาดส่องไปที่ต้นไป๋กว่อ เหลืองอร่ามใบสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองงดงามราวกับภาพฝัน สุ่ยหลีหยุดเกี้ยว เจี้ยนเหวินอ้าปากค้างเมื่อเห็น สีเหลืองอร่ามตานั้น“พริมมี่ ดูนั่น”พยุงพริมมี่ให้ลงไปยังต้นไป๋กว่อพริมมี่ยิ้มเศร้าๆ เสียงหายใจรวยรินหอบเหนื่อยใกล้เข้ามาแล้วสินะใกล้ถึงเวลาแล้ว“ต้องอย่างนี้สิสำหรับพริมมี่ต้องงดงามแบบนี้ พาข้าไปที่นั่นเถิด”เจี้ยนเหวินช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาพริมมี่ไปยังต้นไป๋กว่อเหลืองอร่ามตา“จะต้องทำอย่างไร”เจี้ยนเหวินเอ่ยปากเสียแหบแห้ง ไม่อยากให้พริมมี่ต้องจากไปถึงตอนนี้คำพูดของพริมมี่ ที่เขาคิดว่าเป็นเพียงการคาดเดากลับเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง เช่นไรจึงไม่เชื่อว่านางมาจากอนาคตแล้วหากนางจะกลับไปเช่นไรเขาจึงจะไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น“พริมมี่แค่หวังว่า จะได้กลับไปจริงๆ ขอแค่ได้ลองนาฬิกาสองเรือนนั้นพาพริมมี่มาที่นี่จะต้องพากลับไปได้แน่ ภายใต้อักษรง่ายๆ แค่กดมันลงไป พริมมี่ก็จะข้ามภพกลับไปยังที่เดิม”ยิ้มบางๆ ในใจหว
เจี้ยนเหวินยิ้มเศร้าๆ“ไม่มีนาง ไม่มีข้า ไม่พบนางไม่มีข้า เพราะหัวใจข้าแหลกสลายไปเสียแล้ว มีนางจึงมีข้า”เอี้ยนอ๋องถอนหายใจ“หวังว่าฝ่าบาทจะยังไม่ทิ้งหนานจิง”“หนานจิงกับข้า บอบช้ำพอกัน เพียงแค่ข้าไม่อาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่คนที่รัก ก็ไม่ควรจะลอยหน้าอยู่ได้อีก เอี้ยนอ๋องหวังว่าราชวงค์หมิงจะรุ่งเรืองดังที่เสด็จปู่ต้องการ ข้าตั้งใจเร้นกายไปกับนางตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างจึงมอบให้อาสี่จึงดี”เอี้ยนอ๋องจูตี้หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความเจ็บปวดในใจเขาก็อยากจะเลือกพริมมี่เช่นเดียวกับเจี้ยนเหวินแต่นางไม่เลือกเขา“เคลื่อนเกี้ยว”สุายหลี ตวัดแส้ลงบนหลังม้าทั้งหกให้พุ่งทะยานไปยังเป่ยจิงที่อยู่ห่างออกไป1,022กิโลเมตร หรือ2,044ลี้ปี2024ซุนจูยืนยิ้มมองร่างไร้สติของพริมมี่ที่ใบหน้ากลับมีสีเลือดขึ้นมากว่าเมื่อวาน“ข้าใจแทบสลายในวันนั้นวันที่ต้องพาเจ้าเดินทางรอนแรมสองพันลี้เพื่อพาเจ้ากลับมาที่นี่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องมารอเจ้าถึงหกร้อยปีอยู่ที่นี่รอเจ้านานเหลือเกินพริมมี่ เรากำลังจะได้พบกันอีกครั้ง”“ฝ่าบาท ระยะทางยาวไกลเช่นไรจะพาพระสนมไปถึงที่นั่นได้”สุ่ยหลีแสดงความกังวลเจี้ยนเหวินประคองร่างเล็กที่หายใจ
“เจ้ารักเขาใช่ไหม เจ้าไม่เคยมีข้าในหัวใจเลยใช่ไหม”“ใช่ข้ารักเขา ข้ารักฝ่าบาท ข้าไม่อยากให้เขาตาย ข้าจึงกลับมา ข้าไม่อยากให้เขาตายข้าจึง ข้าจึงไม่ยอมจากไป…รอที่จะทวงสัญญากับท่านทวงสัญญาที่ท่านเคยให้กับข้าไว้ว่าจะไม่ฆ่าเขา ในเมื่อเขาไม่อยู่แล้วข้าก็ไม่ควรจะอยู่เช่นกัน ข้าควรจะตายเสีย”เอี้ยนอ๋องกอดรวบร่างบางแนบแน่น“ให้ข้าได้กอดลาเจ้า ได้กอดลาเจ้าได้ไหม”พริมมี่นิ่งงัน ไม่เข้าใจความหมาย เมื่อร่างสูงของเจี้ยนเหวินในอาภรณ์สีทึมดึงร่างบางจากอ้อมแขนของเอี้ยนอ๋องมากอดไว้แนบกายพริมมี่ตะลึงยิ้มทั้งน้ำตา“เจ้าห่วงข้าเพียงนี้เชียวหรือ เจ้ารักข้าเพียงนี้เชียวหรือ” เจี้ยนเหวินจูบซับน้ำตาให้กับพริมมี่อย่างอ่อนโยน เอี้ยนอ๋องยิ้มเศร้าๆหันหลังจากลา“ปัง”แสงสว่างวาบจากปืนไฟในมือของหรานหรานลูกกระสุนพุ่งเป็นเส้นตรงยังแผ่นหลังของพริมมี่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา เลือดสีแดงไหลซึมอาภรณ์สีขาวพริมมี่เจ็บแปลบที่หัวใจ ร่างเล็กทรุดลงในอ้อมแขนของเจี้ยนเหวินที่ประคองกอดไว้แน่น“ม่ายยยยยย มีมี่ม่ายยยยย”เอี้ยนอ๋องตะโกนลั่น เจี้ยนเหวินตะลึงตาค้าง หรานหรานปล่อยปืนในมือล่วงลงบนพื้น ถอยหลังกรูดเมื่อจิ้งเหอถลาเข้าใส่เอี้ย
“ปัง ปัง ปัง”เสียงองครักษ์ปืนไฟ ใช้ปืนไฟในมือยิงเข้าใส่ทหารของเอี้ยนอ๋องที่ยอมพลีชีพวิ่งสวนเข้าใสไม่กลัวตาย เมื่อกระสุนหมดความตายจึงมาเยือน ทัพปืนไฟที่ไร้อาวุธจะห้ำหั่นศัตรูต้องถูกคมดาบและคมกระบี่ สังหารและทำร้ายจนบาดเจ็บร้องโอดโอย“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทัพของเอี้ยนอ๋องได้ใจวิ่งเข้าใส่ราวกับพายุฝนที่ซาดซัดไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ทัพของหรานหรานได้แต่ถอยร่น“อารักขาฮองเฮา อารักขาฝ่าบาท”เสียงหัวหน้าองครักษ์เกราะทองตะโกนขึ้นดังๆ เจี้ยนเหวินในอาภรณ์เร้นกายกับผ้าแพร ชักกระบี่เข้าฟาดฟันกับเหล่าองครักษ์ของวังหลวงจนบาดเจ็บไม้น้อย“บุกเข้าไปจับตัวขุนนางชั่วเสีย”เสียงสั่งการของเอี้ยนอ๋องจูตี้ที่ดังระงม“แย่แล้วเพคะ ทัพของเอี้ยนอ๋องบุกเข้ามาในวังหลวงแล้ว พระนางท่านหนีไปก่อนเถิด”หรานหรานคว้าปืนไฟมาถือไว้ในมือ“ฝ่าบาทเล่าฝ่าบาทอยู่ที่ไหนปลอดภัยหรือไม่”“ฝ่าบาท เร้นกายไปยังตำหนักเหมยฮวา เพคะ ฮองเฮาอย่าได้ห่วงฝ่าบาทรีบหนีเอาตัวรอดก่อน”นางกำนัลข้างกายรีบอุ้มเอาองค์ชายน้อยไว้ในอ้อมแขนมืออีกข้างดึงมือหรานหราน“จะหนีไปไหนทัพของเราเหนือกว่าทัพปืนไฟที่อารักขาข้า แข็งแกร่งยิ่งแล้ว”“บิดาท่านให้คนมารอรับท่านไปย
2024ซุนจูกำนาฬิกาพกสองเรือนไว้ในมือ สสารชนิดเดียวกันอยู่ในทีเดียวกันได้อย่างไร มีหลายอย่างที่ยังเป็นปริศนาเช่นดียวกับเขาที่เขาจำได้แม่นยำคืนหอมหวานก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเขากอดประคองร่างบางของพริมมี่ข้างกายเขายังอยู่ที่นี่และเขาก็ยังอยู่ที่นี่รอคอยการกลับมาของพริมมี่พรุ่งนี้แล้วสินะพริมมี่จะกลับมาสู่อ้อมแขนเขาอีกครั้งเวลาเดียวกันนี้พริมมี่นั่งมองนาฬิกาพกไว้ในมือราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนหากลองกดมันจะพาพริมมี่ ข้ามผ่านกาลเวลากลับไปยังปี2024ไดไหมตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอจนกว่า จนกว่าจะช่วยหรานหรานสำเร็จ รอจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็พร้อมจะจากไปแขวนนาฬิกาหนึ่งเรือนที่ลำคอ อีกเรือนกำไว้ในมือพรุ่งนี้แล้วสินะพรุ่งนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังจะมาถึงทุกอย่างใกล้เข้ามาแล้ว เจี้ยนเหวินไม่เคยแวะมาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น พริมมี่ได้แต่เหม่อมองออกไปที่วังหลวงกว้างใหญ่ ต่อไปวังหลวงที่ยิ่งใหญ่จะถูกสร้างขึ้นที่เป่ยจิงหรือปักกิ่งโดยเอี้ยนอ๋องคำสัญญาที่ว่าจะไม่สังหารเจี้ยนเหวิน พริมมี่หวังว่าเอี้ยนอ๋องจะไม่ลืมมัน แต่นั่นก็ต้องเป็นพริมมี่ที่อยู่ตรงนั้นคอยดูว่า เอี้ยนอ๋องจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพริมมี่แสงจันทร์อำไพลอ