เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม
“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ
“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”
ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ
“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”
คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเอง
พริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ
“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอด
คุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย
“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้”
อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจัง
แบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะ
มือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว้ด้วยด้ายสีแดง อย่างทะนุถนอม เบามืออย่างที่สุด
“นี่คือสิ่งที่อยากให้คุณดู พริมมี่ลุกขึ้น เอื้อมมือไปหยิบ ม้วนกระดาษมาราวกับของมีค่าเหมือนกันนาฬิกาพกหลุดออกมาจากอกเสื้อห้อยต่องแต่งตรงหน้า
นั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม สมศักดิ์ชะโงกหน้ามามอง ม้วนกระดาษที่จากสีขาวกลายเป็นเหลืองนั้นตาไม่กะพริบ พริมมี่เองก็รู้สึกว่าใจเต้นราวกับจะทะลุออกจากอก แกะด้ายสีแดงที่รัดม้วนกระดาษออกช้าๆ คลี่ออกเบาๆ
ตัวอักษรแปลกตา หมึกสีดำตวัดเป็นลายเส้นด้วยความตั้งใจ สวยงามราวกับภาพพิมพิ์
“ไป๋กว่อ เหลืองอร่าม
แต่เจ้ากลับงดงามท่ามกลางคืนมืดมิด
พรุ่งนี้หากตื่นลืมตาไม่พบข้า จึงไม่มีเจ้า
ของกำนัลมากมาย เพื่อเจ้ายามพานพบ
แค่เพียง หล่อหลอมรวมกัน ใต้แสงจันทร์ข้าก็พร้อมมอบของกำนัลให้เจ้า
อำลา หรืออาลัยไร้ซึ่งความหมาย
นำพาข้าและเจ้ามาพบเจอกันอีกครา”
พริมมี่ขมวดคิ้วมุ่น ลายแทงไม่ได้บ่งบอกสิ่งสำคัญอะไร ต้นแปะก๊วย จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือถ้าจะบังเอิญว่าสมบัติจะฝังไว้ใต้ต้นแป๊ะก๊วย
"มีต้นไป๋กว่อที่นี่ไหม"คุณปู่ซุนยิ้ม
"ต้นไป๋กว่อ เก่าแก่แลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปอยู่ทางด้านเหนือของบ้านหลังนี้"
พริมมี่ยื่นลายแทงอะไรนั่นคืนให้กับคุณปู่ซุน
"คงต้องลองไปที่ต้นไป๋กว่อในนี้ ไม่มีอะไรที่ชี้จุดชัดเจน ลายเส้นดูเหมือนว่าตั้งใจจะสับขาหลอกว่าคือลายแทงวกไปวนมาแต่ก็พูดถึงเรื่องของกำนัล ซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไรอาจเป็นแค่ถ้วยโถโอชามหรืออาจเป็นหินสีซึ่งสมัยนั้นก็นับว่าเป็นของหายาก"คุณปู่ซุนพยักหน้าขึ้นลง
"ไม่สำคัญแค่พานพบก็พอ คงต้องอาศัยทีมงานขุดค้นคุณภาพเช่น ทีมงานย้อนเวลาหาความจริง"
สมศักดิ์ยิ้มยื่นมือสัมผัสมือคุณปู่ซุน ที่ถอนหายใจ
"เราจะไม่ทำให้ ทุกคนผิดหวัง"
สมศักดิ์ พูดขึ้นแทนทุกคนตามทำเนียม
"ของกำนัลมากมาย คำนี้ที่ทำให้ฉันคิดว่าจะต้องเป็นสมบัติเพราะของสิ่งนี้ตกทอดพร้อมคำสั่งเสียจากรุ่นสู่รุ่น"
"หากเป็นเรื่องจริง อย่างที่คุณซุนพูด นี่ก็คือสมบัติที่ตั้งใจซ่อนไว้เพื่อลูกหลาน คุณซุน พริมขออนุญาตถามตระกูลซุนมีเชื้อสายของใครกันระหว่างจักรพรรดิเจี้ยนเหวินหรือจักรพรรดิหย่งเล่อ"คุณซุนยิ้ม
"ตระกูลซุนเดิมคือแซ่จูหลังจากที่เอี้ยนอ๋องจูตี้ก่อกบฏ คนที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของจักรพรรดิเจี้ยนเหวินจึงเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เสียพวกเราจึงใช้แซ่ซุนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"
พริมมี่ครุ่นคิด จักรพรรดิเจี้ยนเหวินหลานของจักรพรรดิหมิงไท่จูหรือที่เรารู้จักกันในนามจูหยวนจางผู้ที่ปลดแอกชาวฮั่นจากมองโกลและราชวงค์หยวน ที่กดขี่ชาวฮั่นแต่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกว่าเจี้ยนเหวินตายหรือถูกตัดรากถอนโคนแต่หายไปไม่มีใครพบเห็นอีกเลยเป็นไปได้มากว่าเจ้าเจี้ยนอพยพหนีหรืออาจเปลี่ยนชื่อแซ่แต่จากที่มองบ้านซุนที่ตระกูลเดิมคือแซ่จูร่ำรวยขนาดนี้เท่ากับไม่เคยหนีไปไหนยังอยู่ที่เป่ยจิงสั่งสมบารมีและเงินทองตกทอดสู่ลูกหลาน หรือว่าเอี้ยนอ๋องจูตี้หรือหย่งเล่อไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนหรืออาจรู้แต่ไม่คิดจะทำอะไรพริมมี่เผลอหัวเราะดังๆ
"ฮ่าาาาา เรื่องนี้น่าสนุกพิลึก”
นิยายดีดีคือนิยายที่ไม่มีคนทะลุมิติ เขาว่างั้น พริมมี่จะสืบอยู่ที่ในปี2024นี่แหละให้ความจริงปรากฏ จบกันทีนิยายทะลุมิติฮ่าาาาาา สมศักดิ์สะกิดเบาๆ พริมมี่ยิ้มเกาหัวแกรกๆ
"เริ่มงานได้ทันทีนับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ที่นี่เป็นของคุณแล้วหว่ออาจไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักขอให้คุณสนุกกับมัน”
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณพริมมี่ยิ้ม“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ"คุณพริมมี่ครับ เ
“กลับกันเถอะ ผมจะแจ้งคุณซุนอย่างเป็นทางการอีกทีว่าพบกล่องทองเหลืองที่ข้างในมีนาฬิกาพกถึงลุงพ่อบ้านจะบอกว่าแจ้งแล้วก็เถอะ พรุ่งนี้เราตั้งใจขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ ทีมงานบอกว่า ดินชั้นล่าง ลงไปความหนาแน่นของชั้นดินลดลง พูดกันตามจริงคงต้องมีใครเคยขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่จริงๆ ทีมขุดบอกว่า มันกว้าง กว้างมากจนน่าจะเป็นสุสานหรือหลุมฝังศพเลยก็ได้” พริมมี่พยักหน้า“กลับกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจใหม่บางทีอาจพบขุมสมบัติเข้าจริงๆ ก็ได้"พริมมี่พูดไปยิ้มไป สมศักดิ์ยกมือท่วมหัว“สาธุขอให้ได้ขอให้โดน”ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว พริมมี่หยิบเอากล่องทองเหลืองที่ทำความสะอาดจนสวยพร้อมกับนาฬิกาพกมาวางไว้ บนโต๊ะหินอ่อน สมศักดิ์กับทีมขุดคงเหนื่อยวันนี้ต่างแยกย้ายกันนอนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสองทุ่ม ดวงจันทร์ดวงกลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าสีแดงสด จนน่าประหลาดใจฟูลมูนหรือไรคืนนี้ถอดสายสร้อยที่ห้อยคอมาวางเทียบกันพริมมี่ไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อยพยายาม มองและจ้องไปที่ลวดลายที่สวยงาม หน้าฝาปิดนาฬิกาพกทั้งสอง ตรงกลางห่วงสร้อยที่บอกเวลาเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เหมือนจะเป็นอักขระที่เหมือนตัวอักษร แต่ว่าเป็นอักษรของ ประเทศไหนหร
เจี้ยนเหวินพยุงร่าง ที่นอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น“องครัชทายาททำไมเป็นท่าน” จิ้งเหอชักลูกดอกที่ปักคาที่แผ่นหลังออกในทันที“อั๊กกก เจ้าสี่เจ้าสี่เจ้า ยิงข้าทำไมกัน”พูดได้เพียงเท่านั้นองค์รัชทายาทจูเปียวก็สิ้นสติไปในทันที เจี้ยนเหวินคุกเข่าลงจับชีพจรของ บิดา“ท่านอาแย่แล้ว ท่านพ่อ…”“พี่ใหญ่อดทนไว้ ข้าจะพาท่านกลับไปที่ประทับ เจี้ยนเหวินล่วงหน้าไปก่อนตามหมอหลวงให้มารับองค์รัชทายาททันทีที่ไปถึง จิ้งเหอช่วยข้าพยุงองค์รัชทายาท” เสียงฝีเท้าม้าของเจี้ยนเหวินควบตะบึงออกจากตรงนั้น พริมมี่อ้าปากค้างไม่มีใครสนใจเธอแม้แต่คนเดียว ก็น่าอยู่หรอกองครัชทายาทถูกลูกดอกนี่ อ้าปากค้างเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ องค์รัชทายาท อ๋อง ขันที และม้า หันมองรอบตัว นี่ไม่ธรรมดาแล้วพริมมี่มาที่นี่ได้อย่างไร ฝันจะต้องเป็นฝันหรือว่าตายไปแล้ว ก้มลงกัดแขนตัวเองอย่างแรง“โอ๊ย เจ็บจัง”ไม่ใช่ฝัน ไม่ใช่ฝันแล้วนี่คือเรื่องจริงความจริงนี่มันอะไรกันเกิดอะไรขึ้น ละละแล้วพริมมี่อยู่ที่ไหนกันไหนบอกว่านิยายดีดีจะต้องมีไม่ใครข้ามมิติมาอย่างไรเล่า เอี้ยนอ๋องจูตี้พยุงร่างสูงขององค์รัชทายาทจูเปียวให้ขึ้นไปบนม้าอย่างทุลักทุเลด้วยการช่วยเหลือ
เอี้ยนอ๋องจูตี้ นั่งคุ่กเข่าก้มหน้า องค์ชายเจี้ยนเหวินยืนอยู่ข้างๆ“เอี้ยนอ๋องจูตี้ เสียแรงที่ข้าเมตตารักใคร่ ด้วยเป็นองค์ชายอันดับสี่ใครๆก็ต่างคิดว่าเป็นลำดับอัปมงคล แต่ข้าไม่เคยโดดเดี่ยว รักใคร่เลี้ยงดูมากับองค์รัชทายาทแต่งตั้งในตำแหน่งอ๋องสูงส่งกว่าองค์ชายทั้งปวง แต่ดูสิ่งที่เจ้าทำ”น้ำเสียงเข้มดุ และเต็มไปด้วยโทสะ“เสด็จปู่ โปรดถนอมพรวรกาย โมโหมากไปจะทำให้อาการป่วยไข้ทรุดโทรม การมาครั้งนี้ เพื่อหย่อนใจท่านอาเอี้ยนอ๋องไม่ได้ตั้งใจแค่เพียงพลาดไปก็เท่านั้นลุกดอกหาถูกจุดสำคัญไม่อีกอย่างการรักษาก็ทันท่วงที”“เจี้ยน…เหวิน….บิดาเจ้าเป็นตายเท่ากันเจ้ายังเอาแต่ออกโรงปกป้องเอี้ยนอ๋องโง่งมสิ้นดี”เจี้ยนเหวินก้มหน้า ทรุดกายลงคุกเข่าเคียงข้างเอี้ยนอ๋อง“เสด็จปู่เป็นเพราะเจี้ยนเหวินที่มองเห็นกวางจึงบอกท่านอายิงมัน ทว่ากลับกลายเป็นท่านพ่อไปได้ นั่นย่อมนับว่าเป็นเจี้ยนเหวินที่มีความผิดไม่ต่างจากท่านอา”“เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมรับผิด ข้าเป็นคนพลั้งมือเหนี่ยวคันธนูเจ้าอย่าทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วมากไปกว่านี้”เอี้ยนอ๋องกระซิบเบาๆ เจี้ยนเหวินถอนหายใจ“แต่ท่านอา ข้าจะไม่ยอมให้ท่านอารับโทษเพียงลำพัง”เอี้ยนอ๋อ
“เจ้า”เดินเข็นรถเข็นไม้ที่ใส่ผ้าคิดอะไรเพลินๆ ร่างสูงของเอี้ยนอ๋องจูตี้ กล่าวทักในทันที พริมมมี่ปล่อยมือจากรถเข็นเงอะงะย่อตัวลงตามที่พวกนางในคนเก่าสั่งสอนร่างเล็กง้อนแง้นจะล้มไม่ล้มแหล่ เอี้ยนอ๋องคว้าข้อมือไว้“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าทำงานในหอซักล้างหรือไร”เอื้อมมือมาคว้ามือบางไปดูมือแดงด้วยต้องไอเย็นของน้ำ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความหนาวจากการที่เพิ่งจะแช่น้ำเย็นมา“มีมี่ คารวะท่านอ๋องไม่ไม่ ไม่ คารวะเอี้ยนอ๋องจูตี้”เอี้ยนอ๋องถอนหายใจ“บังอาจเอ่ยนาม ท่านอ๋องเจ้าไร้การอบรมเพียงนี้เชียวหรือ”จิ้งเหอโบกมือห้ามองครักษ์ประจำตัวของเอี้ยนอ๋อง“จิ้งเหอเจ้าจัดการให้นางเลื่อนขั้นมาเป็นนางในห้องเครื่องได้ไหม”เอี้ยนอ๋องเอ่ยปากกับจิ้งเหอที่มองมายังพริมมี่ด้วยสายตาเย็นชา“พะย่ะค่ะ หากเป็นพระประสงค์ของท่านอ๋อง” พริมมี่ยิ้มกว้างคนอะไรใจดีที่สุด ทีมเอี้ยนอ๋องมาแล้ว แม้จะรู้ว่า อนาคตจะเป็นแบบไหน ก็อดที่จะปลื้มเอี้ยนอ๋องที่หล่อเหลาไม่ได้ เอี้ยนอ๋องเองก็ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของพริมมี่“ท่านอ๋องขุนนางรอที่ท้องพระโรงเสียเวลากับนางมากไปแล้ว”จิ้งเหอเอ่ยปากเตือนและตำหนิกลายๆ เอี้ยนอ๋องเอื้อมมือคว้าม
“ ข้าอยากให้นางเป็นนางกำนัลข้างกาย ข้าจะไปพบท่านอาสี่เดี๋ยวนี้ ขอนางด้วยตัวเอง”“องค์ชาย เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ องค์ชายยังทรงชันษาน้อย เอี้ยนอ๋องตอนนี้มีอำนาจสูงส่ง แค่นางในหอซักล้างเพียงคนเดียวไยจึงต้องแย่งชิง”สุ่ยหลีเอ่ยปากเตือน“อย่างไรข้าก็จะไปพบท่านอาสี่”สุ่ยหลีส่ายหน้าไปมา“ตอนนี้อยู่ในช่วงไว้ทุกข์อีกทั้งฝ่าบาททรงพระประชวร องค์ชาย ยิ่งจะทำให้ฝ่าบาททรง ไม่สบายพระทัย”เจี้ยนเหวินก้มหน้านิ่ง พริมมี่ทำตัวเล็กลีบ ก้าวขากำลังจะพ้นประตูห้อง“เจี้ยนเหวิน มีเรื่องจะพูดกับข้าหรือไร”ดวงตาคมกริบของเอี้ยนอ๋องจูตี้จ้องมองมาที่พริมมี่ที่ชะงักกึกตัวแข็งทื่อเจี้ยนเหวินประสานมือ“ท่านอาสี่”เจี้ยนเหวินยิ้ม“หลังจากพิธีศพข้าหาเวลาส่วนตัวได้ยาก แต่เดิมแวะเวียนถามไถ่เจ้าไม่เคยห่างวันนี้จึงได้มาพบมีเรื่องใด ให้ช่วย…พูดมาเถอะ”น้ำเสียงอ่อนโยนจน พริมมี่รู้สึกได้“ท่านอา ท่านพ่อ โชคร้าย จากไปเร็วกว่าที่คิดไว้ ข้ารู้ว่ามันคืออุบัติเหตุไม่เคยคิดว่าเป็นความผิดของท่านอาสี่ หากมีเรื่องเล่าว่าข้าแค้นเคืองหรือเจ็บแค้นท่านอา นั่นไม่ใช่ข้า นั่นเป็นเพียงคนที่ยุยงปลุกปั่นให้เราสองคนอาหลานให้บา
ปี2004“คุณ พงษ์ปรีดาค่ะภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะคุณได้ลูกสาวหน้าตาน่าชังเชียวค่ะ”พ่อของพริมมี่ รีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องคลอด อรอุมา อุ้มทารกเพศหญิงให้ดื่มนมจากอก“โอ้ลูกพ่อ ให้ผมดูหน้าเขาหน่อย พริมมี่ของพ่อ”“คุณพงษ์ยังไม่เห็นหน้าลูกอีกหรือ อรคิดว่าคุณเข้ามาก่อนแล้ว”สีหน้าแสดงความสงสัย พงษ์ปรีดารับเอาร่างกระจ้อย“เปล่านี่”“แล้วนี่คืออะไร”คุณอรอุมาวางนาฬิกาพกลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา“นาฬิกา”“ค่ะ อรเห็นมันวางอยู่ข้างๆ ลูกของเรา”คุณพงษ์ปรีดาหันหน้าหันหลัง“อาจเป็นใครสักคน” คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเสียงนาฬิกายังเดินปกติ“ผมจะลองเอาออกไปไกลๆ ไม่แน่อาจเป็นระเบิดเวลาหรือมีอะไรซุกซ่อนอยู่”"ดีเลยค่ะให้พยาบาลประกาศตามหาเจ้าของดีไหม”คุณพงษ์ปรีดาพยักหน้าก่อนจะรวบนาฬิกาออกห่างจากพริมมี่น้อย“อุ๊แว อุ๊แวๆๆๆๆๆๆๆ”อยู่ๆพริมมี่ก็ร้องไห้จ้า“คุณค่ะ”คุณอรอุมาให้พริมมี่กินนม เห่กล่อมก็ไม่ยอมหยุด คุณพงษ์ปรีดาวางนาฬิกาพกลงข้างๆร่างกระจ้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะมีรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งจะคลอดออกมา“อย่าเลยคุณ บางทีนี่อาจเป็นของยายหนูก็ได้แกจึงหวงมากขนาดนี้”คุณพงษ์ปรีดาถอนหายใจ จูซุนก้าวขายาวๆ ออกจากโรงพยาบาล“ฉันรอเธออย
คุณหมอหย่งก้าวขามายืนหน้าห้องพิเศษSuper vipที่พริมมี่ นอนไม่ได้สติอยู่ที่นั่น จูซุน เอนกายลงบนเตียงนอนคู่ด้านข้าง อีกฝั่งเป็นกระจกกว้างที่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวย และทิวทัศน์จากมุมสูง“ก็อกๆ”เคาะประตูไปสองครั้งเบาๆ“เชิญเข้ามา” จูซุน ขยับกายนั่งห้อยขาที่เตียงนอน“คุณจูซุนขอรับ กระผมมาตรวจดูอาการของ..ของคู่รักของคุณจูซุนครับ”ร่างสูงในวัยแก่กว่าจูซุนไม่กี่ปี ก้าวขามายังเตียงคนไข้ที่พริมมี่นอนอยู่แต่กลับตะลึงจังงัง กับใบหน้าคุ้นตาของพริมมี่“อืมมมยินดีที่ได้พบกัน..อีกครั้ง”หมอหย่งไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของจูซันทว่าสะดุดใจกับใบหน้าของพริมมี่ที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึง“เอ่อ คะครับผมคุณผู้หญิงท่านนี้ นอนหลับไม่ได้สติมาสามคืน แล้วตามที่ผมวินิจฉัยอาการเบื้องต้นจากข้อมูลและประวัติของคนไข้ทำให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติอะไรสมองยังคงสมบูรณ์ไม่ได้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือบาดเจ็บที่ศีรษะหรือภาษาบ้านๆ คือล้มหัวฟาดหรืออะไร….”จูซุนมองหมอหย่งที่บรรยายเนิบๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของพริมมี่ มือก็สารวนกับการ ใช้เครื่องเสตทโตสโคปวางลงที่อกข้างซ้าย“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”หมอหย่งถอ
"อะอะนายท่านเกรงใจไปแล้วนายท่านสูงส่งรินสุราให้สุ่ยหลีไม่เหมาะนัก""ข้าเต็มใจเจ้าดื่มหมดจอกแทนคำขอบคุณข้า"สุ่ยหลียิ้มทั้งน้ำตายกจอกสุรารินลงคออย่างไม่ลังเลเพียงพริบตาสุ่ยหลีก็คอพับลงไปกับพื้นหลับใหลไปในทันที"นายท่านโธ่นายท่าน"ตะวันบ่ายสุ่ยหลีคร่ำครวญกับกองสัมภาระน้ำตาเต็มสองตาดึงยกเป้สัมภาระไม้ไผ่ขึ้นทาบแผ่นหลัง"ข้าจะตามนายท่านขึ้นไปเดี๋ยวนี้""ตุ๊บ"บางอย่างล่วงลงพื้นสุยหลีทรุดกายลงพิงต้นไม้ใหญ่คลี่ก้อนผ้าที่มีตัวอักษรอยู่บนนั้น"สุ่ยหลีฟังข้าที่เป่ยจิง มีโรงเตี๊ยมชื่อว่า…สุ่ยหลีที่นั่นข้าใช้เงินสร้างมันเพื่อเจ้ากลับไปรอข้าที่นั่น หากตามขึ้นมาวันไหนที่ข้ากลับไปจึงไม่พบเจ้า ฝากดูแลตำหนักชมดาว..แทนข้า แล้วเราจึงจะได้พบกัน..อย่าฝืนบัญชาหากยังตามข้าขึ้นไปพบข้าเราจึงตัดขาดกัน"ปาดน้ำตาที่ไหลรินสะอื้นอย่างหนัก"ข้าเช่นไรจะกล้าฝืนบัญชาฝ่าบาท กล้าให้ฝ่าบาทตัดขาดกับข้า"ปาดน้ำตาแห้งเหือดหันมองเทือกเขาเหลียงซานยิ้มเศร้าๆ ก้าวขาบ่ายหน้ากลับไปยังเป่ยจิงรอวันพบกันกับจูเหวินหน้าผาสูงสลับซับซ้อน มือเรียวราวลำเทียนยึดเกาะปีนป่าย"เหลือเพียงที่แห่งนี้ที่ขายังไม่เคยเสาะแสวงหาน้ำพุกาลเวลาหวังว่
สุ่ยหลียิ้ม“เช่นนั้นเขาเหลียงซานเบื้องหน้าเหมาะที่จะปีนป่ายต่อเติมความหวังในเมื่อเราเดินทางไปมาจนทั่วยังไม่พบน้ำพุแห่งกาลเวลา บางทีควรจะลองปีนเขาดูบ้าง”เจี้ยนเหวินยิ้มกว้างเป่ยจิง"จักรพรรดิหย่งเล่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี"เสียงถวายพระพรดังกึกก้องเมื่อจักรพรรดิหย่งเล่อหรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ในอดีตเสด็จขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร หย่งเล่ออมยิ้มอดคิดถึงพริมมี่กับคำว่าหย่งเล่อหรือหยกเลอค่ายกกำไลหยกสีแดงขึ้นมามองดู"ยังคงคิดถึงเจ้าเหมือนเดิมมีมี่"พึมพำเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ"ฝ่าบาท เมืองหลวงเป่ยจิงและพระราชวังต้องห้ามบัดนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว ตามพระบัญชา""ดีมาก จิ้งเหอท่านควรจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องนี้""พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป่ยจิงของเรารุ่งเรืองร่มเย็น ต่างชาติล้วนต้องการผูกมิตร""ดียิ่งแล้วข้าน้อมนำดำรัสของไท่หวงซางหมิงไท่จูสืบต่อมาหวังว่าบรรพบุรุษจะชื่นชม ครั้งนี้ตั้งใจส่งสินค้าและราชทูตยังต่างชาติต่างภาษาเพื่อเจริญสัมพันธ์ทางการทูต"จิ้งเหอประสานมือตรงหน้า"ข้าน้อยยินดีเป็นตัวแทนเดินเรือยังต่างแคว้น"จักรพรรดิหย่งเล่อยิ้มกว้าง"ดีแล้วจิ้งเหอท่านไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง"จักรพรรดิหย่งเล่อเดินเอามื
แม้จะเจ็บปวดเพียงใดขอแค่ให้ได้ลอง พริมมี่ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ เลือดไหลซึมออกจากอกข้างซ้าย“ฉันกำลังจะตายใช่ไหม ฉันจะตายจริงๆ ใช่ไหม”บนเนินเขา นั่นแสงทองสุดท้ายสาดส่องไปที่ต้นไป๋กว่อ เหลืองอร่ามใบสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองงดงามราวกับภาพฝัน สุ่ยหลีหยุดเกี้ยว เจี้ยนเหวินอ้าปากค้างเมื่อเห็น สีเหลืองอร่ามตานั้น“พริมมี่ ดูนั่น”พยุงพริมมี่ให้ลงไปยังต้นไป๋กว่อพริมมี่ยิ้มเศร้าๆ เสียงหายใจรวยรินหอบเหนื่อยใกล้เข้ามาแล้วสินะใกล้ถึงเวลาแล้ว“ต้องอย่างนี้สิสำหรับพริมมี่ต้องงดงามแบบนี้ พาข้าไปที่นั่นเถิด”เจี้ยนเหวินช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาพริมมี่ไปยังต้นไป๋กว่อเหลืองอร่ามตา“จะต้องทำอย่างไร”เจี้ยนเหวินเอ่ยปากเสียแหบแห้ง ไม่อยากให้พริมมี่ต้องจากไปถึงตอนนี้คำพูดของพริมมี่ ที่เขาคิดว่าเป็นเพียงการคาดเดากลับเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง เช่นไรจึงไม่เชื่อว่านางมาจากอนาคตแล้วหากนางจะกลับไปเช่นไรเขาจึงจะไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น“พริมมี่แค่หวังว่า จะได้กลับไปจริงๆ ขอแค่ได้ลองนาฬิกาสองเรือนนั้นพาพริมมี่มาที่นี่จะต้องพากลับไปได้แน่ ภายใต้อักษรง่ายๆ แค่กดมันลงไป พริมมี่ก็จะข้ามภพกลับไปยังที่เดิม”ยิ้มบางๆ ในใจหว
เจี้ยนเหวินยิ้มเศร้าๆ“ไม่มีนาง ไม่มีข้า ไม่พบนางไม่มีข้า เพราะหัวใจข้าแหลกสลายไปเสียแล้ว มีนางจึงมีข้า”เอี้ยนอ๋องถอนหายใจ“หวังว่าฝ่าบาทจะยังไม่ทิ้งหนานจิง”“หนานจิงกับข้า บอบช้ำพอกัน เพียงแค่ข้าไม่อาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่คนที่รัก ก็ไม่ควรจะลอยหน้าอยู่ได้อีก เอี้ยนอ๋องหวังว่าราชวงค์หมิงจะรุ่งเรืองดังที่เสด็จปู่ต้องการ ข้าตั้งใจเร้นกายไปกับนางตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างจึงมอบให้อาสี่จึงดี”เอี้ยนอ๋องจูตี้หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความเจ็บปวดในใจเขาก็อยากจะเลือกพริมมี่เช่นเดียวกับเจี้ยนเหวินแต่นางไม่เลือกเขา“เคลื่อนเกี้ยว”สุายหลี ตวัดแส้ลงบนหลังม้าทั้งหกให้พุ่งทะยานไปยังเป่ยจิงที่อยู่ห่างออกไป1,022กิโลเมตร หรือ2,044ลี้ปี2024ซุนจูยืนยิ้มมองร่างไร้สติของพริมมี่ที่ใบหน้ากลับมีสีเลือดขึ้นมากว่าเมื่อวาน“ข้าใจแทบสลายในวันนั้นวันที่ต้องพาเจ้าเดินทางรอนแรมสองพันลี้เพื่อพาเจ้ากลับมาที่นี่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องมารอเจ้าถึงหกร้อยปีอยู่ที่นี่รอเจ้านานเหลือเกินพริมมี่ เรากำลังจะได้พบกันอีกครั้ง”“ฝ่าบาท ระยะทางยาวไกลเช่นไรจะพาพระสนมไปถึงที่นั่นได้”สุ่ยหลีแสดงความกังวลเจี้ยนเหวินประคองร่างเล็กที่หายใจ
“เจ้ารักเขาใช่ไหม เจ้าไม่เคยมีข้าในหัวใจเลยใช่ไหม”“ใช่ข้ารักเขา ข้ารักฝ่าบาท ข้าไม่อยากให้เขาตาย ข้าจึงกลับมา ข้าไม่อยากให้เขาตายข้าจึง ข้าจึงไม่ยอมจากไป…รอที่จะทวงสัญญากับท่านทวงสัญญาที่ท่านเคยให้กับข้าไว้ว่าจะไม่ฆ่าเขา ในเมื่อเขาไม่อยู่แล้วข้าก็ไม่ควรจะอยู่เช่นกัน ข้าควรจะตายเสีย”เอี้ยนอ๋องกอดรวบร่างบางแนบแน่น“ให้ข้าได้กอดลาเจ้า ได้กอดลาเจ้าได้ไหม”พริมมี่นิ่งงัน ไม่เข้าใจความหมาย เมื่อร่างสูงของเจี้ยนเหวินในอาภรณ์สีทึมดึงร่างบางจากอ้อมแขนของเอี้ยนอ๋องมากอดไว้แนบกายพริมมี่ตะลึงยิ้มทั้งน้ำตา“เจ้าห่วงข้าเพียงนี้เชียวหรือ เจ้ารักข้าเพียงนี้เชียวหรือ” เจี้ยนเหวินจูบซับน้ำตาให้กับพริมมี่อย่างอ่อนโยน เอี้ยนอ๋องยิ้มเศร้าๆหันหลังจากลา“ปัง”แสงสว่างวาบจากปืนไฟในมือของหรานหรานลูกกระสุนพุ่งเป็นเส้นตรงยังแผ่นหลังของพริมมี่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา เลือดสีแดงไหลซึมอาภรณ์สีขาวพริมมี่เจ็บแปลบที่หัวใจ ร่างเล็กทรุดลงในอ้อมแขนของเจี้ยนเหวินที่ประคองกอดไว้แน่น“ม่ายยยยยย มีมี่ม่ายยยยย”เอี้ยนอ๋องตะโกนลั่น เจี้ยนเหวินตะลึงตาค้าง หรานหรานปล่อยปืนในมือล่วงลงบนพื้น ถอยหลังกรูดเมื่อจิ้งเหอถลาเข้าใส่เอี้ย
“ปัง ปัง ปัง”เสียงองครักษ์ปืนไฟ ใช้ปืนไฟในมือยิงเข้าใส่ทหารของเอี้ยนอ๋องที่ยอมพลีชีพวิ่งสวนเข้าใสไม่กลัวตาย เมื่อกระสุนหมดความตายจึงมาเยือน ทัพปืนไฟที่ไร้อาวุธจะห้ำหั่นศัตรูต้องถูกคมดาบและคมกระบี่ สังหารและทำร้ายจนบาดเจ็บร้องโอดโอย“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทัพของเอี้ยนอ๋องได้ใจวิ่งเข้าใส่ราวกับพายุฝนที่ซาดซัดไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ทัพของหรานหรานได้แต่ถอยร่น“อารักขาฮองเฮา อารักขาฝ่าบาท”เสียงหัวหน้าองครักษ์เกราะทองตะโกนขึ้นดังๆ เจี้ยนเหวินในอาภรณ์เร้นกายกับผ้าแพร ชักกระบี่เข้าฟาดฟันกับเหล่าองครักษ์ของวังหลวงจนบาดเจ็บไม้น้อย“บุกเข้าไปจับตัวขุนนางชั่วเสีย”เสียงสั่งการของเอี้ยนอ๋องจูตี้ที่ดังระงม“แย่แล้วเพคะ ทัพของเอี้ยนอ๋องบุกเข้ามาในวังหลวงแล้ว พระนางท่านหนีไปก่อนเถิด”หรานหรานคว้าปืนไฟมาถือไว้ในมือ“ฝ่าบาทเล่าฝ่าบาทอยู่ที่ไหนปลอดภัยหรือไม่”“ฝ่าบาท เร้นกายไปยังตำหนักเหมยฮวา เพคะ ฮองเฮาอย่าได้ห่วงฝ่าบาทรีบหนีเอาตัวรอดก่อน”นางกำนัลข้างกายรีบอุ้มเอาองค์ชายน้อยไว้ในอ้อมแขนมืออีกข้างดึงมือหรานหราน“จะหนีไปไหนทัพของเราเหนือกว่าทัพปืนไฟที่อารักขาข้า แข็งแกร่งยิ่งแล้ว”“บิดาท่านให้คนมารอรับท่านไปย
2024ซุนจูกำนาฬิกาพกสองเรือนไว้ในมือ สสารชนิดเดียวกันอยู่ในทีเดียวกันได้อย่างไร มีหลายอย่างที่ยังเป็นปริศนาเช่นดียวกับเขาที่เขาจำได้แม่นยำคืนหอมหวานก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเขากอดประคองร่างบางของพริมมี่ข้างกายเขายังอยู่ที่นี่และเขาก็ยังอยู่ที่นี่รอคอยการกลับมาของพริมมี่พรุ่งนี้แล้วสินะพริมมี่จะกลับมาสู่อ้อมแขนเขาอีกครั้งเวลาเดียวกันนี้พริมมี่นั่งมองนาฬิกาพกไว้ในมือราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนหากลองกดมันจะพาพริมมี่ ข้ามผ่านกาลเวลากลับไปยังปี2024ไดไหมตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอจนกว่า จนกว่าจะช่วยหรานหรานสำเร็จ รอจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็พร้อมจะจากไปแขวนนาฬิกาหนึ่งเรือนที่ลำคอ อีกเรือนกำไว้ในมือพรุ่งนี้แล้วสินะพรุ่งนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังจะมาถึงทุกอย่างใกล้เข้ามาแล้ว เจี้ยนเหวินไม่เคยแวะมาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น พริมมี่ได้แต่เหม่อมองออกไปที่วังหลวงกว้างใหญ่ ต่อไปวังหลวงที่ยิ่งใหญ่จะถูกสร้างขึ้นที่เป่ยจิงหรือปักกิ่งโดยเอี้ยนอ๋องคำสัญญาที่ว่าจะไม่สังหารเจี้ยนเหวิน พริมมี่หวังว่าเอี้ยนอ๋องจะไม่ลืมมัน แต่นั่นก็ต้องเป็นพริมมี่ที่อยู่ตรงนั้นคอยดูว่า เอี้ยนอ๋องจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพริมมี่แสงจันทร์อำไพลอ