คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง
“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น
“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”
ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่
“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”
พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร
“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”
โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป
“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”
“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”
“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”
ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณ
พริมมี่ยิ้ม
“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”
ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ
"คุณพริมมี่ครับ เจออะไรบางอย่างแล้วครับ"
พริมมี่วิ่งไปยังด้านข้างของต้นแปะก๊วยมองเห็นทีมขุดกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง แทรกตัวเข้าไปมองเห็นกล่องทองเหลืองที่โผล่ขึ้นมาจากดิน
“สมศักดิ์หินสีจริงๆ ด้วย”
แปรงขนอ่อนถูกส่งไว้ในมือพริมมี่ใช้แปลงปัดเศษดินที่ เกาะติดออกช้าๆ
ใจเต้นรัว นี่แหละคือสิ่งที่พริมมี่ชื่นชอบ มันคือความตื่นเต้นในยามที่พบโบราณวัตถุไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เกียงอันเล็กในมือแซะเข้าไปรอบๆ กล่องทองเหลืองท่ามกลางสายตาจับจ้องของทีมขุดและลุงพ่อบ้าน กล่องถูกยกขึ้นมา สายตาทุกคู่จับจ้องพริมมี่ เปิดสลักของกล่องทองเหลืองออกช้าๆ
หยิบเอาสายสร้อยสีทองขึ้นมากำไว้ปลายด้านหนึ่งเป็นนาฬิกาพกมันคือนาฬิกาพกที่ลวดลาย และลักษณะไม่ต่างจากที่ พริมมี่มีอยู่
“พี่พริม”
สมศักดิ์เองก็คงคิดเหมือนกันกับพริมมี่มีใครเล่นตลกอะไรหรือเปล่า ในเมื่อของสองอย่างที่เหมือนกันราวกับเป็นชิ้นเดียวกันจะมาอยู่ที่นี่เวลานี้ และคนที่มาขุดมันก็มีของที่เหมือนกันติดตัว
“คุณลุง พูดความจริงมามีใครเล่นตลกอะไรหรือเปล่า”
ลุงพ่อบ้านทำสีหน้าจริงจัง
“คุณพูดแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติคุณซุน เป็นความจริงยิ่งกว่าสิ่งใดนั่นคือไม่มีใคร ลงทุนทำเรื่องนี้เพราะไม่ว่ามองมุมไหนเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร”
พริมมี่คิดตามจะปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ลุงพ่อบ้านพูดมาเป็นเรื่องจริง คุณซุนร่ำรวยขนาดนี้ ถ้าจะทำแค่สนุกหรือแก้เบื่อก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้
“ลงมือขุดรอบๆ กันต่อได้เลย”
พริมมี่วางนาฬิกาพกที่ส่องประกายเแวววาวต้องแสงอาทิตย์พร้อมกับกล่องทองเหลืองไว้บนกระบะไม้
“คงต้องส่งให้เขาพิสูจน์อายุของมันว่าเก่าจริงหรือเปล่า ถึงเวลานั้นค่อยคุยกัน”สมศักดิ์พยักหน้า
“หากจะเป็นเรื่องบังเอิญก็คงเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติที่เราไม่อาจพิสูจน์ได้ พี่พริมเราทำงานพวกนี้มาเยอะ เอาเข้าจริงๆ เราก็ไม่เคยเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมาก่อนไม่ว่าผีหรือสิ่งลี้ลับ”
พริมมี่พยักหน้ายกเอากระบะไม้เดินไปที่ร่มไม้ข้างๆ
“พี่พริม ความจริงที่ลุงพ่อบ้านพูดมาก็น่าเชื่อเขาจะทำเพื่ออะไรพี่ก็หน้าตาบ้านๆ ไม่ได้สวยเสียหน่อยหรือเราก็ไม่ใช่คนรวยที่ใครจะมาหลอกเขาจะจัดฉากไปทำไมกัน”
สมศักดิ์พูดเบาๆ พอได้ยินกันสองคน
“คงต้องส่งพิสูจน์จริงๆ หากเป็นของใหม่ ก็คงต้องบายกันละงานนี้ แต่ถ้าเป็นของเก่า นั่นคงต้องงมกันไปอีกนานเย็นนี้พี่จะลองโทรคุยกับแม่อรดูว่า นาฬิกาของพี่ได้มาอย่างไงเอาให้ลงรายละเอียดมากที่สุด”
การตรวจสอบวัตถุโบราณนั้นทำได้ไม่ยากแล้ว เพราะมีบริการตรวจสอบงานศิลปะและวัตถุโบราณที่ทั้งง่าย สะดวก แถมไม่ทำลายตัวอย่างชิ้นงานด้วย ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. เปิดให้บริการตรวจสอบงานศิลปะและวัตถุโบราณ ด้วยเครื่องไมโคร อีดีเอ็กซ์อาร์เอฟ (Micro Energy Dispersive X-Ray Fluorescence Spectrometer) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ หาองค์ประกอบของธาตุจากตัวอย่าง โดยใช้รังสีเอกซ์แบบการกระจาย จุดเด่นของเครื่องมือชิ้นนี้ คือ ใช้วิเคราะห์ธาตุหรือสารประกอบในตัวอย่างได้ โดยไม่ทำลายชิ้นงาน ทำให้นำมาประยุกต์ใช้ตรวจสอบวัตถุโบราณได้ โดยสามารถตรวจชิ้นงานได้ทั้งขนาดเล็กเป็นผง จนถึงชิ้นงานขนาดใหญ่ รับหนักได้สูงสุดถึง 4 กิโลกรัม และยังสามารถถ่ายภาพด้วยกำลังขยาย 10 และ 70 เท่าด้วย
ถ้าเป็นในประเทศไทยส่งตรวจได้ที่กรมศิลปากร แต่ในเมืองจีนคงต้องให้คุณลุงพ่อบ้านกับสมศักดิ์ช่วยกันประสานงานคงใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามวันเป็นอย่างต่ำ
พริมมี่ใช้เวลาทำความสะอาด นาฬิกาพกเรือนนั้นอย่างประณีต รู้สึกผูกพันไม่น้อยหากจะเป็นความบังเอิญ พริมมี่ก็คงถูกแรงดึงดูดของของสิ่งนี้ พามาที่นี่ใจอยากให้ของชิ้นนี้มีอายุหลายร้อยปีจะได้มีเรื่องราวให้ค้นหาเชื่อมโยงหรือนาฬิกาพกของพริมมี่จะเป็นของที่ทำเลียนแบบแต่ดันไปเหมือนของชิ้นนี้ ที่รู้สึกว่ามันขลังจริงๆ
จนบ่ายจนเย็นทีมขุดก็ไม่พบสิ่งใดเพิ่มเติม สมศักดิ์หอบเอา จอบเสียมมาวางไว้รวมกัน
“กลับกันเถอะ ผมจะแจ้งคุณซุนอย่างเป็นทางการอีกทีว่าพบกล่องทองเหลืองที่ข้างในมีนาฬิกาพกถึงลุงพ่อบ้านจะบอกว่าแจ้งแล้วก็เถอะ พรุ่งนี้เราตั้งใจขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ ทีมงานบอกว่า ดินชั้นล่าง ลงไปความหนาแน่นของชั้นดินลดลง พูดกันตามจริงคงต้องมีใครเคยขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่จริงๆ ทีมขุดบอกว่า มันกว้าง กว้างมากจนน่าจะเป็นสุสานหรือหลุมฝังศพเลยก็ได้” พริมมี่พยักหน้า“กลับกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจใหม่บางทีอาจพบขุมสมบัติเข้าจริงๆ ก็ได้"พริมมี่พูดไปยิ้มไป สมศักดิ์ยกมือท่วมหัว“สาธุขอให้ได้ขอให้โดน”ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว พริมมี่หยิบเอากล่องทองเหลืองที่ทำความสะอาดจนสวยพร้อมกับนาฬิกาพกมาวางไว้ บนโต๊ะหินอ่อน สมศักดิ์กับทีมขุดคงเหนื่อยวันนี้ต่างแยกย้ายกันนอนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสองทุ่ม ดวงจันทร์ดวงกลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าสีแดงสด จนน่าประหลาดใจฟูลมูนหรือไรคืนนี้ถอดสายสร้อยที่ห้อยคอมาวางเทียบกันพริมมี่ไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อยพยายาม มองและจ้องไปที่ลวดลายที่สวยงาม หน้าฝาปิดนาฬิกาพกทั้งสอง ตรงกลางห่วงสร้อยที่บอกเวลาเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เหมือนจะเป็นอักขระที่เหมือนตัวอักษร แต่ว่าเป็นอักษรของ ประเทศไหนหร
พริมมี่ หญิงสาวร่างเล็กอึกทึกทนใบหน้าคลำแดด แต่ก็ไม่วายสะดุดตายามมองดวงตาคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง กับลิปติกสีส้มประกายมุก เสื้อยืดสกรีนชื่อของหน่วยงานกระโปรงยาวกุมข้อเท้ากับนาฬิกาพกตกทอดมาจากแม่อร หรือคุณอรอุมา ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยสร้อยเส้นเล็กไม่ได้พกไว้ในกระเป๋าหรือถือไว้ ตามแบบที่เขานิยมทำกันวันนี้เข้าออฟฟิศหลังจากที่ ไม่ได้เข้าเมืองมาแรมเดือน“พริมมี่ หัวหน้าให้คุณไปหา”หัวหน้าทีมงานขุดค้น แหล่งอารยธรรมที่ก่อตั้งขึ้นด้วยชื่อที่สวยหรู อุดมการณ์ที่บ่งบอกว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อสืบค้นแหล่งอารยธรรมที่จมหายไปกับกาลเวลา พริมมี่ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเก่าก่อน สมัครเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนักสำรวจ และขุดค้นภาคสนาม เงินก็เป็นส่วนหนึ่งไม่สิเงินดีไม่น้อย พอใช้ในแต่ละเดือนเหลือจุนเจือครอบครัว ใครไม่เอาเงินก็บ้าแล้วสมัยนี้สมัยที่ต้องปากกัดตีนถีบ“ ได้ยินแล้วค่ะพี่แก้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้”ลุกขึ้นปัดกระโปรงด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องกระจก มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านนอกร่างสูงชะลูดเกือบจะเหมือนนายแบบ ใบหน้าหล่อจนพริมมี่อดที่จะเขินไม่ได้“หืมมม พริมมี่นั่งลงก่อนสิ”ลุกขึ้นยืน อย่างคนที่สุภาพเขาทำกัน“ส
“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่ง
ยิ้มขำกันทั้งสองคน รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ในแบบบ้านเก่าของจีนโบราณ ที่เคยเห็นในซีรีย์จีน พริมมี่กับสมศักดิ์เงยหน้ามอง ป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดในตอนแรก”ตำหนักชมดาว”สมศักดิ์พึมพำเบาๆ พริมมี่ขนลุกซู่ ภาพวิ่งเข้ามาในหัวคือ การรัดนิ้วเสียงร้องโอดโอย ม้าแยกร่าง การประหารด้วยดาบคมกริบ หัวที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งมาที่แทบเท้า พริมมี่ยกขาขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าภาพที่เห็นเกิดขึ้นจริงๆ“พี่พริมเป็นอะไร” ยิ้มเจื่อนๆ“แค่คิดอะไรเพลินๆ ” สมศักดิ์มองหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวสยองของพริมมี่“เขาบอกว่าที่นี่เป็นห้องหอขององค์ชายสร้างขึ้นเพราะความรัก เหมือนทัชมาฮาลเป็นสัญลักษณ์ของความรักในพระมเหสี ไม่สิต้องใช้คำว่าชายา พี่พริมคิดไปถึงไหนกัน..ชื่อออกเพราะ…ตำหนักชมดาว…”“ฮ่าาาา พี่คิดมากไปเองเราพักที่นี่ใช่ไหม”สมศักดิ์พยักหน้า“ไปเถอะกินข้าวหิวแล้ว เดี๋ยวคุณซุนก็คงจะมา”ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิงซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่
เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเองพริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอดคุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้” อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจังแบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะมือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
“กลับกันเถอะ ผมจะแจ้งคุณซุนอย่างเป็นทางการอีกทีว่าพบกล่องทองเหลืองที่ข้างในมีนาฬิกาพกถึงลุงพ่อบ้านจะบอกว่าแจ้งแล้วก็เถอะ พรุ่งนี้เราตั้งใจขยายวงกว้างออกไปกว่านี้ ทีมงานบอกว่า ดินชั้นล่าง ลงไปความหนาแน่นของชั้นดินลดลง พูดกันตามจริงคงต้องมีใครเคยขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่จริงๆ ทีมขุดบอกว่า มันกว้าง กว้างมากจนน่าจะเป็นสุสานหรือหลุมฝังศพเลยก็ได้” พริมมี่พยักหน้า“กลับกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจใหม่บางทีอาจพบขุมสมบัติเข้าจริงๆ ก็ได้"พริมมี่พูดไปยิ้มไป สมศักดิ์ยกมือท่วมหัว“สาธุขอให้ได้ขอให้โดน”ทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว พริมมี่หยิบเอากล่องทองเหลืองที่ทำความสะอาดจนสวยพร้อมกับนาฬิกาพกมาวางไว้ บนโต๊ะหินอ่อน สมศักดิ์กับทีมขุดคงเหนื่อยวันนี้ต่างแยกย้ายกันนอนทั้งๆ ที่เพิ่งจะสองทุ่ม ดวงจันทร์ดวงกลมโตเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าสีแดงสด จนน่าประหลาดใจฟูลมูนหรือไรคืนนี้ถอดสายสร้อยที่ห้อยคอมาวางเทียบกันพริมมี่ไม่เห็นความแตกต่างแม้แต่น้อยพยายาม มองและจ้องไปที่ลวดลายที่สวยงาม หน้าฝาปิดนาฬิกาพกทั้งสอง ตรงกลางห่วงสร้อยที่บอกเวลาเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน เหมือนจะเป็นอักขระที่เหมือนตัวอักษร แต่ว่าเป็นอักษรของ ประเทศไหนหร
คนขับแมคโคร เลิกคิ้วสูง“ผมรับ เท่านี้ประจำ”ยืนยันหนักแน่น“แต่นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป เอาน่า เรายังไม่แน่ใจว่าจะต้องขุดอีกมากเท่าไหร่ ถ้ายอมลดให้ ต่อไปเราสัญญาว่าจะใช้บริการของคุณทุกครั้งแต่ถ้าไม่ยอมลดให้ คราวหลังเราคงต้องใช้บริการของ บริษัทอื่น”ลุงคนดูแลบ้านยิ้มขำกับการต่อรองแบบนี้ลูกล่อลูกชนของพริมมี่“ก็ได้ แต่คราวหน้าคุณต้องเรียกใช้พวกเรานะ”พริมมี่ยิ้ม หักเงินออกจากจำนวนเต็มยื่นส่งให้ คนขับแมคโคร“แน่นอน เราไม่มีทางมองบริการของคนอื่นในเมื่อคุณดีกับเราขนาดนี้”โรยยาหอม คนขับแมคโครยิ้ม สมศักดิ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อคนขับแมคโครจากไป“พี่พริม นี่เขี้ยวจริงๆ ”“นี่ พูดดีดีหน่อยฉันช่วยประหยัดเงินให้คุณซุนก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำงานแบบนี้บางที่ต้องมีโอนอ่อนกันบ้าง ดินก็ไม่ได้แข็งอะไร แล้วอีกอย่างทำไม่ถึงชั่วโมงเพราะใต้ต้นแปะก๊วยดินดีไม่น้อยขุดง่ายนิดเดียว”“ขอบคุณคุณหนูมากๆ ครับ ถ้าไม่ได้คุณหนู เราอาจต้องจ่ายแพงๆ ”ลุงคนดูแลบ้านเอ่ยปากขอบคุณพริมมี่ยิ้ม“มันคือผลประโยชน์ของเราจะปล่อยให้เขาเอาเปรียบไม่ดีนัก เซฟเงินไว้มาเลี้ยงขนมพวกเรากันเองดีกว่า”ลุงดูแลบ้านเคราขาวยิ้มบางๆ"คุณพริมมี่ครับ เ
พริมมี่ปิดปากหาวพรุ่งนี้งานใหญ่ต้องเปิดหน้าดิน ต้องประสานงานและออกคำสั่งกับบรรดาทีมขุดที่วันนี้ให้ลุงพ่อบ้านอำนวยความสะดวกให้ โดยการโทรไปเช่ารถแมคโครคันเล็กมาเรียบร้อยแล้ว พริมมี่เดินผ่าน สมศักดิ์และคนอื่นๆ“พี่ไปนอนก่อนนะพวกนายก็อย่านอนดึกพรุ่งนี้ ต้องทำงานใหญ่”ไม่มีใครสนใจตกปากรับคำสักคน สนใจแต่หน้าจอ พริมมี่ส่ายหน้า เดินเข้าห้องด้านในที่เป็นห้องนอนที่มิดชิดรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที“ประเทศจีนนี่หนาวแฮะ”พึมพำเบาๆ กระโดดขึ้นแท่นนอน แบบจีนโบราณแต่มีเบาะรองนอนที่หนา ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีห่มผ้าหลับตา“เหนื่อยมาทั้งวันหลับเสียทีเหอะ”รู้สึกสบายตัวที่สุดเพียงพริบตาพริมมี่ก็หลับสนิทกลางดึกสงัดนั่นเอง ร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ที่แท่นนอนหนา ที่พริมมี่นอนหลับตานิ่งสนิทในนั้น ดวงตาคมจ้องมองยังร่างบาง ริมฝีปากมีรอยยิ้มแห่งความปีติ“เพียงหล่อหลอมร่วมกันใต้แสงจันทร์”จ้องมองนาฬิกาพกตาไม่กะพริบ ก่อนทื่ร่างสูงจะค่อยๆ ออกจากห้องไป“ฮ้าววววว”พริมมี่บิดขี้เกียจบนแท่นนอนแบบจีนโบราณ“นอนสบายดีจัง เฮ้อนี่สิถึงเรียกว่าชีวิตกินอิ่มนอนหลับ นึกว่าจะแปลกที่นอนไม่หลับนี้เอาจนสาย”ดึงเอา นาฬิกาที่ห้อยคอมาดู ม
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณปู่ซุน ก็เอ่ยคำลาอี๋ลู่ผิงอัน(เดินทางโดยสวัสดิภาพ) กับพริมมี่และสมศักดิ์พร้อมกับรอยยิ้ม“ทำไมต้องกล่าวลาแบบนั้นด้วย สมศักดิ์กระซิบเราไม่ได้ไปไหนเสียหน่อย”พริมมี่ยิ้ม “คุณปู่ซุนแกอายุตั้ง90ปีแล้ว คง หลงๆ ลืมกันไปบ้าง”“พี่พริม เราลองเดินไปที่ต้นแปะก๊วยกันไหม”พริมมี่เอาศอกกระทุ้งสมศักดิ์“งัยตื่นเต้นละสิอยากจะเห็นสมบัติราชวงค์หมิงเข้าแล้วหรือไร ก็นะ เป็นถึงจักรพรรดิที่สาบสูญคงมีเงินมีทองมหาศาล หากไท่จูฮ่องเต้ไม่รักไม่ตามใจก็คงไม่แต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทยาทต่อจากพ่อที่ตายไป ทั้งๆที่มีลูกตั้งหลายคน”พริมมี่ตั้งข้อสังเกต“เลยทำให้คนเป็นอาไม่พอใจ ก่อกบฏ เฮ้อน่าสงสารเป็นฮ่องเต้ได้ไม่นานแล้วยังหายสาบสูญพี่พริมว่า เจี้ยนเหวินจักรพรรดิ โดนฆ่าไหม”สมศักดิ์คนที่ขี้สงสารเอ่ยปากน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่แน่ใจนะ เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นศพนี่”พริมมี่ถอนหายใจ“แล้ว ที่บอกว่าเป็นฮ่องเต้ที่ไม่ดีล่ะ ล้มล้างสิ่งที่พระอัยกาทำไว้เสียหมดจนเอี้ยนอ๋องจูตี้ไม่พอใจ ก่อกบฏเสียเลยพี่ว่าจริงไหม”“โอียนายจะมาถามฉันทำไม ไม่รู้สิ เขาเอาเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่ใจหรือเชื่อคำยุยงของขุนนางก
เงยหน้ามองพริมมี่ ใบหน้าแย้มยิ้ม“หนินห่าว หนินหาวมะ” (ทำไมใช้คำว่าหนินห่าวที่ใช้กับคนที่อาวุโสกว่า) พริมมี่ขมวดคิ้วไม่ใช่แต่พริมมี่ที่ขมวดคิ้ว สมศักดิ์เองก็ทำสีหน้าตกใจกับคำที่ได้ยิน หรือว่าคุณปู่ท่านนี้จะเลอะเลือนไปชั่วขณะ“หนินห่าว เหล่าซือห่าวค่ะ”ใบหน้าชรา เลิกคิ้วสูง ยิ้มพึงใจพริมมี่ออกเสียงภาษาจีนได้คล่องแคล่วจนพริมมี่เองก็แปลกใจ“ไม่ได้ขอรับ ดีใจเสียจริงที่ในที่สุดก็มาที่นี่”คำพูดมีเลศนัย แต่ก็คงเป็นไปตามวัยด้วยคุณปู่ชรามากแล้วนั่นเองพริมมี่ยิ้มเจื่อนๆ“เชิญ ด้านในดีกว่า กินข้าวเสียก่อนแล้วก็คุยกัน เด็กๆหยิบกล่องไม้ในรถมาด้วย” บอดี้การ์ดร่างสูงตามมาตรฐานสองคนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ท่านลุงหนวดขาวพยุงคุณซุนเข้าไปด้านในอีกทอดคุณซุนเยี่ยเต๋อ นั่งหัวโต๊ะ พริมมี่และสมศักดิ์ นั่งขวาซ้าย“กินไปคุยไปได้ หว่อ (หว่อ) ไม่ถือสา เข้าเรื่องเลยดีไหม หว่ออยากให้คุณช่วยดูของสิ่งนี้” อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีจากนอบน้อมเป็นจริงจังแบมือรับเอากล้องไม้เก่า ทว่าสลักลวดลายงดงาม ประดับด้วยมุกและหยกด้านบนของฝากล่อง ที่บอดี้กร์าดวางลงบนมือเบาๆ ซุนเยี่ยเต๋อวางกล้องไม้ลงบนโต๊ะมือเหี่ยวหยิบม้วนกระดาษที่มัดไว
ยิ้มขำกันทั้งสองคน รถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ในแบบบ้านเก่าของจีนโบราณ ที่เคยเห็นในซีรีย์จีน พริมมี่กับสมศักดิ์เงยหน้ามอง ป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่มองเห็นไม่ชัดในตอนแรก”ตำหนักชมดาว”สมศักดิ์พึมพำเบาๆ พริมมี่ขนลุกซู่ ภาพวิ่งเข้ามาในหัวคือ การรัดนิ้วเสียงร้องโอดโอย ม้าแยกร่าง การประหารด้วยดาบคมกริบ หัวที่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งมาที่แทบเท้า พริมมี่ยกขาขึ้นด้วยความตกใจราวกับว่าภาพที่เห็นเกิดขึ้นจริงๆ“พี่พริมเป็นอะไร” ยิ้มเจื่อนๆ“แค่คิดอะไรเพลินๆ ” สมศักดิ์มองหน้าที่แสดงออกถึงความเสียวสยองของพริมมี่“เขาบอกว่าที่นี่เป็นห้องหอขององค์ชายสร้างขึ้นเพราะความรัก เหมือนทัชมาฮาลเป็นสัญลักษณ์ของความรักในพระมเหสี ไม่สิต้องใช้คำว่าชายา พี่พริมคิดไปถึงไหนกัน..ชื่อออกเพราะ…ตำหนักชมดาว…”“ฮ่าาาา พี่คิดมากไปเองเราพักที่นี่ใช่ไหม”สมศักดิ์พยักหน้า“ไปเถอะกินข้าวหิวแล้ว เดี๋ยวคุณซุนก็คงจะมา”ประตูไม้ เปิดอ้าออกช้าๆ พริมมี่รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนเข้าไปยังต้อนต้นของยุคราชวงค์หมิงซึ่งนั่นฮ่องเต้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ จูหยวนจาง สถาปนาเป็น “หมิงไท่จู่ฮ่องเต้” ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาศิลปวัฒนธรรมจีนเป็นอย่
“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่ง
พริมมี่ หญิงสาวร่างเล็กอึกทึกทนใบหน้าคลำแดด แต่ก็ไม่วายสะดุดตายามมองดวงตาคมเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง กับลิปติกสีส้มประกายมุก เสื้อยืดสกรีนชื่อของหน่วยงานกระโปรงยาวกุมข้อเท้ากับนาฬิกาพกตกทอดมาจากแม่อร หรือคุณอรอุมา ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาด้วยสร้อยเส้นเล็กไม่ได้พกไว้ในกระเป๋าหรือถือไว้ ตามแบบที่เขานิยมทำกันวันนี้เข้าออฟฟิศหลังจากที่ ไม่ได้เข้าเมืองมาแรมเดือน“พริมมี่ หัวหน้าให้คุณไปหา”หัวหน้าทีมงานขุดค้น แหล่งอารยธรรมที่ก่อตั้งขึ้นด้วยชื่อที่สวยหรู อุดมการณ์ที่บ่งบอกว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อสืบค้นแหล่งอารยธรรมที่จมหายไปกับกาลเวลา พริมมี่ชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องราวเก่าก่อน สมัครเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะนักสำรวจ และขุดค้นภาคสนาม เงินก็เป็นส่วนหนึ่งไม่สิเงินดีไม่น้อย พอใช้ในแต่ละเดือนเหลือจุนเจือครอบครัว ใครไม่เอาเงินก็บ้าแล้วสมัยนี้สมัยที่ต้องปากกัดตีนถีบ“ ได้ยินแล้วค่ะพี่แก้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้”ลุกขึ้นปัดกระโปรงด้านหลัง แล้วเดินเข้าไปในห้องกระจก มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านนอกร่างสูงชะลูดเกือบจะเหมือนนายแบบ ใบหน้าหล่อจนพริมมี่อดที่จะเขินไม่ได้“หืมมม พริมมี่นั่งลงก่อนสิ”ลุกขึ้นยืน อย่างคนที่สุภาพเขาทำกัน“ส