“ได้ยินว่านางจับเสด็จพ่อพลิกซ้ายพลิกขวา ใช้มือเล็กๆ ของนางเคาะเบาๆ ไม่กี่ทีเสด็จพ่อถึงกับขับเสลดออกมาไม่มีอาการไอจนถึงเช้า ป่านนี้ก็ยังไม่ไอแล้วยังลุกขึ้นมาเดินเหินชมนกชมไม้ ราวกับไม่ป่วยไข้ อาจเพราะได้นอนหลับพักผ่อน”
เอี้ยนอ๋องพยักหน้าขึ้นลงเมื่อองค์ชายห้าจ้านกวง นำข่าวเรื่องที่พริมมี่ใช้วิชาการแพทย์รักษาอาการประชวรของหมิงไท่จู
“นางไม่เหมือนหญิงอื่นข้ารู้ดี นางแตกต่างไม่น้อย”
ดวงตาแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างในใจ
“พี่สี่ ท่าน คิดว่าซื้อตัวนางไว้ข้างกาย ให้นางช่วยสอดแนมเจี้ยนเหวินทำประโยชน์ให้เราแล้วยังได้วิชาการแพทย์จากนางอีกด้วย”
“ข้าไม่คิดว่านางมีวิชาการแพทย์ที่แตกฉานอะไร บางทีนางอาจเคยเห็นท่านหมอบางคนทำเหมือนที่นางทำแล้วทำให้คนที่ป่วยอาการดีขึ้นนางเป็นคนฉลาดจึงสามารถจำมาใช้ได้ไม่ขัดเขิน จึงส่งผลดีทำให้นางเป็นที่กล่าวขานในหมู่คนที่ไม่เคย พบเห็นสิ่งที่แปลกใหม่”
นับว่า เอี้ยนอ๋องมีความคิดสมัยใหม่ไม่น้อย เขาคือหย่งเล่อ หากเป็นเพียงอ๋องโง่ๆ เหมือนในนิยายคงไม่ได้เป็นจักรพรรดิอันดับสามของ..ราชวงค์หมิง
“พี่สี่ท่านไม่เสียดายนางหรือ คนโง่งมเช่นเจี้ยนเหวินไม่ควรมีคนฉลาดเฉลียวไว้ข้างกาย เสด็จพ่อประชวรเรายังสามารถหาผลประโยชน์ด้านต่างๆ ได้ แต่วันนี้เสด็จพ่อออกว่าราชการที่ท้องพระโรง เพราะข้าได้ยินมาว่านางปรุงโอสถถวายเสด็จพ่อทั้งยังโอ้อวดว่าโอสถนางแค่ของธรรมดาที่มีเกลื่อนป่านั่นคือน้ำผึ้งป่าเกลือสมุทรและมะนาว เสด็จพ่อเมื่อจิบโอสถของนางชมว่ารสดีแล้วยังไม่ทรงกรรสะอีก”
“ข้าขอเสด็จพ่อประทานนางให้ข้าในตำแหน่งชายารอง”
จ้านกวงอ้าปากค้าง ก่อนจะยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงกับกลยุทธ์ของพี่สี่ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
“พี่สี่นี่ไม่น่าเชื่อว่าจะมองการณ์ไกลและไม่เคยรีรอ ข้านับถือท่านจริงๆ แบบนี้เจี้ยนเหวินคงหมดหนทางดิ้นรน”
ยิ้มร่า ผิดกับเอี้ยนอ๋องที่มีสีหน้านิ่งเฉย หนักใจยิ่งนัก หากว่าพริมมี่จะเป็นที่น่าจับตาเพียงนี้เกรงว่าหมิงไท่จูจะไม่ยอมประทานอนุญาตให้เขาแต่งกับพริมมี่
ตำหนักเจี้ยนเหวิน
“แม่นางขอได้รับคำขอโทษจากข้า”
ขันทีชรา หอบเอาขนมเฉี่ยวกั่ว ใส่ถาดมาไม่น้อย
“กงกง ข้าไม่เคยถือสา ไม่มีผลงานใครกันจะนับถือ ในครั้งนี้เรื่องเล็กน้อยที่พอจะทำได้ข้าอยากให้ฝ่าบาทมีพลานามัยที่แข็งแรง…ข้าก็ดีใจแล้ว"
กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นต่อจากนี้ต่างหากเล่าคือของจริง แค่เพียงช่วงนี้ที่แต่งตั้งไท่จือเรียบร้อย ฝ่าบาทก็จะทรงประชวร หนักยิ่งกว่าเดิมแล้วก็จะเกิดเรื่องเศร้าและเรื่องวุ่นวายต่อจากนี้ไปอีกสามปี เรื่องราวจึงจะจบลง… หรือเปล่า พริมมี่ถอนหายใจไม่รู้สึกอะไรจริงหรือในเมื่อผูกพันกับคนที่นี่บ้างแล้ว พวกเขาเองแต่ละคนล้วนมีน้ำใจ
“ฝ่าบาททรงประทานขนมเฉียวกั่วมาให้ แม่นางมีมี่ด้วยเห็นว่าแม่นางชอบกินมัน”
พริมมี่เหมือนได้ยินเสียงกงกงจากที่ไกลแสนไกล พริมมี่ชอบกินขนมเฉียวกั่ว ไม่ชอบ แต่หากไม่กินนั่นต่างหากที่จะทำให้ไม่เข้าใจภาษาจีนของพวกเขา หรือว่าพริมมี่คิดไปเอง
"เฉียว กั่ว" (巧果) ที่นิยมรับประทานกันในเทศกาลชีซี และขายกันในตลาด ส่วนใหญ่ทำจากแม่พิมพ์ ทั้งอร่อยและสวย มักเป็นรูปเรขาคณิต มีลวดลายภาพแห่งสิริมงคลต่างๆ เช่น ดอกบัว ลูกท้อ เสือ สิงโต แมว ลิง ไก่ตัวผู้ ลูกหมู และจักจั่น เล่ากันว่า เมื่อเด็กๆ ทาน "เฉียว กั่ว" หรือ "ขนมแห่งความเฉลียวฉลาด"
ประเภทนี้แล้ว หัวสมองจะเฉียบไว มือนั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว จะเป็นเช่นนี้จริงหรือ ลองชิมดูนะ
รับเอาถาดขนมไว้ในมือ เจี้ยนเหวินหยิบมันใส่ปากเคี้ยวก่อนที่พริมมี่จะทันได้ชิมขันทีชรามองอากัปกิริยาขององค์ชายน้อยแล้วยิ้มๆ เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดี
“ข้าน้อยได้ยินเรื่องหนึ่งที่ ส่งผลต่อทั้งองค์ชายและแม่นางมีมี่”
“กงกงพูดมาเถิด”เจี้ยนเหวินพูดไปเคี้ยวไป
“เอี้ยนอ๋องในวันนั้น ที่ ..เข้าเฝ้าฝ่าบาทได้ประทานขอนางกำนัลข้างกาย องค์ชายเจี้ยนเหวินแต่งเข้าจวนเอี้ยนอ๋องจูตี้ในตำแหน่งชายารอง”
“กงกงหมายถึงใครกัน”เจี้ยนเหวินพาซื่อยังไม่สนใจเคี้ยวขนมงับๆ
“องค์ชาย คงเป็นแม่นางเจียงมีมี่ ไม่ผิดแน่ เอี้ยนอ๋องสายตากว้างไกลไม่ต่างจากฝ่าบาท อุปนิสัยก็ไม่แตกต่างมองการณ์ภายหน้าได้แม่นยำยิ่งนัก ข้าน้อยยนำเรื่องลับนี้มาบอกท่านทั้งสองเพราะเป็นว่าแม่นางมีมี่เกี่ยวข้องโดยตรง”
พริมมี่ถอนหายใจเอี้ยนอ๋องจูตี้ จะบ้าตายจะมาชอบอะไรพริมมี่หนอคิดสั้นหรือไร
“เมียก็มีแล้วมาขอข้าเป้นชายารองเนี๊ยะนะ”
“ชายเอกของเอี้ยนอ๋องจูตี้ทรงชอบการบำเพ็ญเพียรวันๆเอาแต่สวดมนต์ ฝ่าบาทเองเคยถามเรื่องชายาเอกว่าเมื่อไหร่จะตั้งครรภ์ท่านอ๋องเอี้ยนจึงบอกว่าไม่อาจบังคับชาบยาเอกให้ทำตามใจ อยากจะได้ชายารอง”
เจี้ยนเหวินสำลักขนมแล้ววางขนมในมือลงบนถาด
“กงกง ละละแล้วเจี้ยนเหวินควรทำอย่างไร”
พริมมี่ถอนหายใจ ลงทุนจุ๊บแก้มหมอนี่ เอี้ยนอ๋องคนนั้นยังมองเห็นพิรุธ
“กงกงช่วย อะไรข้าหน่อยได้หรือไม่” กงกงประสานมือ
“แม่นาง เอ่ยปากเช่นไร ข้าน้อยจะไม่กล้าถือว่าข้าทำคุณไถ่โทษแม่นางโปรดพูดมา”
จวนเอี้ยนอ๋อง
“พระชายา”
ตู้กงกง ประสานมือตรงหน้า ชายาเอกผู้เงียบขรึมของเอี้ยนอ๋องจูตี้
“กงกง ฝ่าบาททรงมีบัญเรื่องใดเร่งด่วนหรือไม่จึงให้กงกงมาถึงนี่” ตู้กงกงยิ้มอ่อนโยน“หลายวันก่อน ท่านอ๋องทรงเข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าน้อยได้ยินที่ฝ่าบาทและท่านอ๋องพูดกัน เรื่องที่พระชายาไม่ตั้งครรภ์เสียทีจึงมีความห่วงใยไม่น้อย”ไป๋อิงเลิกคิ้วแสดงความประหลาดใจไม่น้อยกับเรื่องที่ทั้งฮ่องเต้และเอี้ยนอ๋องพูดคุยกันแล้วยังเป็นตู้กงกงที่มาที่นี่เพราะเรื่องนี้“เรื่องตั้งครรภ์ของข้าคงหมดหวัง หลายปีแต่งเข้าจวนอ๋อง แม้ท่านพี่จะใส่ใจแต่ก็ไม่เคยมีอ๋องน้อยอาจเป็นด้วยสุขภาพของข้าหรือเรื่องอื่นใดไม่อาจทราบได้”น้ำเสียงเรียบเฉยเพราะรู้ดีว่าทำมาทุกทางแล้วกงกงยิ้ม พูดมาแบบนี้ก็เปิดช่องให้กงกงได้พูดต่อ“วานก่อน นางกำนัลขององค์ชายเจี้ยนเหวิน ทรงรักษาอาการประชวรของฝ่าบาทให้ดีขึ้น ข้าน้อยจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับนาง เมื่อฝ่าบาทประทานของกำนัลให้นางแทนคำขอบคุณข้าน้อยนำไปมอบให้กับนางจึงได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องทั่วไป คุยไปคุยมาได้ความว่านางเองตอนนี้ตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขขององค์ชายเจี้ยนเหวิน องค์ชายแม้กำลังจะแต่งชายาเอกแต่คงต้องยกนางไว้ในฐานะชายารองนับว่านางประสบความสำเร็จจากเพียงนางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น และนางยังบอกว่าน
“อีกไม่กี่วัน องค์ชายจะต้องแต่งกับถังหรานหราน”“มีมี่เจ้าจะอยู่ในฐานะใดกัน ข้า ..ข้า…ในเมื่อเจ้าเองไม่พูดก็เหมือนพูด ว่ามีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับข้า.. เจ้าเองที่เสียหาย ข้า…ข้าจะละเลยเจ้าได้อย่างไร”“ฮ่าาาา อย่าซีเรียส ข้ายังไม่ซีเรียสเลย ข้าเป็นชายารอง ชายาสามชายาสี่หรืออะไรก็ได้”ขอแค่ให้มีที่ซุกหัวและคนคุ้มกะลาหัวที่ดีดีแบบนี้ก็พอ กินอิ่มนอนหลับไม่กวนใจและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเจี้ยนเหวินก้มหน้าดวงตาเศร้าสร้อย“เจ้าคงหมายความว่าจะยอมเป็นชายารองของข้าใช่ไหม หลายวันมานี้ ข้าช่วยงานอาสี่ เดินหมากหารือเรื่องในราชสำนักจนบัดนี้สามารถช่วยงานท่านอาได้ตามสมควรมีมี่นั่นเพราะเจ้า นั่นเพราะมีเจ้าที่คอยยืนเคียงข้างข้า ข้ารู้สึกผิดมากเพียงใดที่ต้องให้เจ้าอยู่ในฐานะชายารอง”สีหน้าเศร้าสร้อบยจริงจังคนอะไร จะเปราะบางขนาดนั้น“ฮ่าาาาา ไม่หรอก ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร ท่านก็แค่แต่งงานแล้วก็มีเวลาอยู่กับข้าน้อยลง ท่านก็แค่ มีใครอีกคนคอยพูดด้วยในขณะที่ข้าไม่มีใครพูดด้วย ท่านก็แค่มีคนนั่งกินข้าวด้วยแต่ข้ากินคนเดียว รวมๆ แล้วข้าก็ยังสบายดี”ทำไมน้ำเสียงสั่นเครือเพราะหมอนี้มาบิ้วอารมร์แน่ๆ“จริงจริ้งงงงไม่ได้รู้
เจี้ยนเหวินยืนนิ่ง ตู้กงกงสะกิดให้คุกเข่ารับตราหยกประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทจากมือของหมิงไท่จู ที่ยิ้มและมองหลานชายด้วยสายตาอ่อนโยน“ตำแหน่งไท่จือเหมาะที่จะเป็นของเจ้าเจี้ยนเหวิน”เสียงประกาศก้องเสียงแซ่ซ้องและเสียงอื้ออึงด้วยความประหลาดใจ คราวนี้เป็นพริมมี่ที่หันมองเอี้ยนอ๋องว่าเขาไหวไหม เอี้ยนอ๋องก้าวขาออกจากตรงนั้นไปคล้ายจะหลบหนีความอัปยศ กับตำแหน่งรัชทายาทคนใหม่ของราชวงศ์หมิงที่หมายมั่นไว้แต่ตำแหน่งนี้กับตกอยู่ที่องค์ชายเจี้ยนเหวิน ที่เอี้ยนอ๋องไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้พริมมี่ ก้าวขาตามเอี้ยนอ่องไปทันที บางอย่างบอกพริมมี่ว่าไม่อาจปล่อยผ่าน เขาจะผิดหวังแค่ไหน เขาจะแค้นเคืองเพียงใด เป็นพริมมี่ที่จะแก้ไขประวิติศาสตร์ไม่ให้เอี้ยนอ๋องจูตี้ก่อกบฏ“ท่านอ๋องรอมีมี่ด้วย”เอี้ยนอ๋องจูตี้หันมา สวมกอดพริมมี่ไว้แน่นเพียงครู่เดียวที่ พริมมี่รู้สึกว่าคนผู้นี้กำลังอ่อนแอผลักพริมมี่ออกห่าง“เจ้าไปเสีย”“ข้ามาเพื่อจะบอกท่านว่า คนเราไม่ได้สมหวังไปเสียทุกอย่างหรอกนะจะต้องมีผิดหวังกันบ้าง”เอี้ยนอ๋องยิ้มขมขื่น“เจ้ากำลังสงสารข้าหรือ”“ข้าก็สงสารไปเสียทุกคน ทุกคนที่นี่น่าสงสารไปหมดไม่ว่าจะท่านอ๋อง ฝ่าบาท
เสียงสุ่ยหลีดังมาจากที่ไกลแสนไกล"เข้าใจแล้วสมศักดิ์นายไปนอนเถอะ"พึมพำเบาๆเกลือกกลิ้งใบหน้าบนโต๊ะ แต่เมื่อลืมตาตื่นกลับเป็นอกกว้างของใครบางคนที่อุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกรักใคร่"นอนเสีย รับรองว่าจะส่งเจ้าถึงแท่นนอน"เจี้ยนเหวินที่บัดนี้มีสีหน้าเรียบเฉยอุ้มเอาร่างบางที่ไร้สติเดินเข้าไปยังห้องพักด้านข้างสำหรับนางกำนัลของตำหนักเจี้ยนเหวิน“อะอะองค์ชาย..ไม่ใช่องค์รัชทายาทคืนนี้เป็นคืนเข้าหอกับไท่จือเฟย ไท่จือจะพานางกำนัลเข้าหอไม่ได้นะ” เจี้ยนเหวินเดินตรงเข้าห้องปิดประตูเกือบจะกระแทกโดนใบหน้า ของสุ่ยหลี“ไท่จือจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”สุ่ยหลียังตะโกนอยู่ตรงนั้นวางพริมมี่ลงบนแท่นนอน ห่มผ้าให้แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เลื่อนริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากบางจุมพิตอ่อนหวานอ่อนโยน“เหม็นกลิ่นสุราสิ้นดี”ยิ้มบางๆเดินไปหยิบชามน้ำและผ้ามาเช็ดใบหน้าแดงระเรื่อด้วยฤิทธิ์สุรา“ข้าไม่อาจขาดเจ้าไป มีมี่ไม่ว่าข้าจะทำใจว่ามีหรานหรานเคียงข้าง แต่ในใจข้ากลับมีเจ้าตลอดเวลา ขอแค่ได้มองเจ้าแบบนี้ขอแค่ได้เห็นเจ้าแบบนี้ แม้จะไม่ได้เชยชม ก็ไม่เคยจะเรียกร้องขอแค่เจ้ายังอยู่ที่นี่กับข้า”.....ไม่ได้รู้สึกอะไ
เจียงมีมี่นางกำนัลผู้มักใหญ่ใฝ่สูง(ในประวัติศาสตร์ตัวละครสมมุติ)เป็นนางกำนัลที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน และเอี้ยนอ๋องจูตี้หรือจักรพรรดิหย่งเล่อสร้างความบาดหมางและร้าวฉานนางมีความมักใหญ่ใฝ่สูงยั่วยวนทั้งสองคนให้ลุ่มหลงพริมมี่นักขุดค้นโบราณวัตถุ ที่ทำเพื่อเงินแต่แอบอ้างอุดมการณ์จอมปลอมจนกระทั่งย้อนเวลากลับไปสมัยราชวงศ์หมิง จึงแปรเปลี่ยนเพราะความรักเป็นตัวละครที่กำลังจะดำเนินตามรอยเดิมในแบบของมีมี่แต่ด้วยรักแท้จึงละทิ้งความโลภจักรพรรดิเจี้ยนเหวินแต่เดิมก่อนที่พริมมี่จะย้อนเวลากลับไปเป็นคนที่ยอมคนและโง่งม ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงมองโลกในแง่ดีมาตลอด จนกระทั่งกลัวว่าต้องสูญเสียพริมมี่จึงเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเย็นชา และร้ายกาจจนเป็นต้นเหตุของเรื่องการชิงบัลลังค์และหายสาบสูญไปเมื่อายุเพียง24ปีเอี้ยนอ๋องจูตี้หรือจักรพรรดิหย่งเล่อเก็บงำความรู้สึกได้ดี ฉลาดหลักแหลมอดทนเป็นเลิศ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของพริมมี่ จนต้องแย่งชิงทั้งหญิงงามและบัลลังค์เพราะทางเดียวที่จะได้ครอบครองคือต้องมีอำนาจและยิ่งใฆญ่เกินใครเท่านั้นบัลลังก์มังกรคือคำตอบเดียวสุ่ยหลีขันทีที่มี
ลอบมองเสี้ยวหน้าของเอี้ยนอ๋องที่ก้าวเดินสวนทางกำลังจะผ่านไป แววตาเศร้าสร้อยยังไม่จางหายไปแต่เป็นเอี้ยนอ๋องที่หยุดเดินหันหลังพุ่งตรงมายังขบวนของเจี้ยนเหวินไท่จือ"เอี้ยนอ๋องจูตี้ถวายพระพรไท่จือและไท่จือเฟยทรงพระเจริญ"เจี้ยนเหวินยิ้มน้อยๆไม่ได้มีท่าทีเงอะงะอีกต่อไป"ท่านอาสี่เดินทางกลับเป่ยจิงในวันนี้เลยหรือ ไหนเปิ่นหวางได้ยินว่าหมายกำหนดการจนกว่าพระอัยกาจะหายประชวร"เปลี่ยนสรรพนามที่แทนตัวเองอย่างสนิทสนม..ข้า..เป็นคำว่า…เปิ่นหวาง.."เสด็จพ่ออาการดีขึ้นไม่น้อย อีกอย่างเสด็จพ่อแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้วตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนก็คงไร้ความหมาย.."เอี้ยนอ๋องนึกเจ็บใจที่ก่อนหน้านั้นสอนงานในราชสำนักเจี้ยนเหวินจนถ่องแท้ไม่เข้าใจก็เอาจนเข้าใจ ทำแทนเขาได้แทบทุกเรื่อง"เดินทางปลอดภัย หวังว่าเป่ยจิงจะรุ่งเรืองร่มเย็น"เอี้ยนอ๋องประสานมือ ก่อนจะหันมาทางพริมมี่"ข้าเอี้ยนอ๋องเดิมคิดว่าจะไม่ได้กล่าวลาเจ้าแล้ว ขอบใจเจ้าสำหรับคำปลอบใจ ครั้งนี้ไม่อยากกล่าวลาพร้อมๆกับที่ไม่อยากจากลา กำไลหยกชิ้นนี้ถือว่าแทนไมตรี หากวันใดที่เจ้าไร้ทางไป เป่ยจิง…เหมือนที่ข้าบอกว่าไม่ไกลเกินไปข้ายินดีมารับเจ้า"เจี้ยนเหวินย
"ข้าจำเป็นต้องเลือกด้วยหรือ ข้าขอไม่เลือกทั้งสองคน""เช่นนั้นเจ้าย้ายตำหนักดีไหม"สุ่ยหลีที่มองการณ์ไกลและหวังดีเกินกว่าจะเข้าใจ หาทางออกที่ดีให้"จะอย่างไรดี""กุ้ยเฟยมีอาการปวดพระนาภี มีมี่เจ้ามีวิชาการแพทย์ลองใช้มันเพื่อทูลขอให้กุ้ยเฟยรับเจ้าเข้าเป็นนางกำนัลตำหนักเหมยฮวา วังหลวงแห่งนี้มีเพียงกุ้ยเฟยเท่านั้นที่จะคานอำนาจของพระสนมเอกตระกูลถังได้""ขอบคุณท่าน สุ่ยหลี"ยิ้มเศร้าๆ ก็ดีเหมือนกันไปจากตรงนี้เสียจึงไม่ต้องมูฟองมูฟออนอะไร ไม่เห็นก็ไม่ต้องรู้สึก ไม่เจอก็เท่ากับตัดใจ"ตู้กงกง จะพาเจ้าเข้าพบกุ้ยเฟยได้โดยสะดวกแต่มีมี่ข้าขออะไรเจ้าอย่างหนึ่งไม่ว่าไท่จือจะคัดค้านเรื่องที่เจ้าย้ายตำหนักเพียงใดอย่าได้ยอมใจอ่อนเพราะเจ้ามีโอกาสครั้งเดียว"พริมมี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆตำหนักเหมยฮวา"นี่หรือนางกำนัลผู้มีวิชาแพทย์ของตำหนักบูรพา"เสียงอ่อนโยนของกุ้ยเฟยซุนหนี่"เจียงมีมี่ถวายพระพรซุนหนี่กุ้ยเฟย""หืมมมหน้าตาผิวพรรณผุดผ่องงดงามอีกทั้งยังมีวิชาแพทย์”“นางเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท และไท่จือ หลายวันก่อนฝ่าบาททรงให้คนมาฝึกการรักษาอาการไอของฝ่าบาทเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอได้ดี วันนี้ข้าน้อยเห็นว่ากุ้ยเ
“สุ่ยหลี ตามมีมี่ให้ข้า”“เอ่อๆๆ ไท่จือนางกำนัลมีมี่นางขอย้ายไปยังตำหนักเหมยฮวาของซุนหนี่กุ้ยเฟยเสียแล้ว”เจี้ยนเหวินขมวดคิ้ว“แล้วทำไมไม่มีใครบอกข้าเรื่องนี้ใครอนุญาตให้นางไปได้ในเมื่อนางเป็นนางกำนัลคนสนิทของข้า”“เอ่อ กุ้ยเฟยซุนหนี่ ให้ตู้กงกงมาแจ้งว่า กุ้ยเฟย… ชอบใจนางกำนัลมีมี่ยิ่งนักจึงรับ นางไว้ข้างกายที่ตำหนักบูรพามีนางกำนัลมากมาย กุ้ยเฟยหวังว่าไท่จือจะใจกว้าง”“พูดเช่นนี้หาว่าข้าใจแคบหรือไร”“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ”“นี่เจ้าไม่รู้หรือไรว่ากุ้ยเฟยเลี้ยงดู อาสี่มาตั้งแต่แบเบาะสมัยนั้นใครบ้างไม่รู้ว่าเสด็จพ่อโปรดปรานกุ้ยเฟย พอเสด็จย่าที่คลอดอาสี่ออกมาเสียชีวิตลงไปท่านอาก็ถูกเลี้ยงมาโดยกุ้ยเฟย”“สุ่ยหลีรู้เรื่องนี้ดี”ก้มหน้ารับผิด“นั่นอย่างไรเล่า ข้าจึงไม่อาจวางใจให้ มีมี่อยู่ที่ตำหนักเหมยฮวา กุ้ยเฟยตั้งใจทำเรื่องใดกันแน่ ตั้งใจชุบตัวมีมี่เพื่อใส่พานให้กับท่านอาสี่ หรือนี่เป็นแผนการของพวกเขาตั้งใจกลั่นแกล้งข้า”เสียงเข้มด้วยโทสะและความหวาดระแวง“ไท่จือทรงกังวลมากไปแล้วความจริง แล้วมีมี่นางก็แค่ตั้งใจลดแรงปะทะกับไท่จือเฟย”เจี้ยนเหวิน กุมขมับ“สุ่ยหลีไปที่ตำหนักเหมยฮวา”ตำหนักเหมยฮวา“งดงาม
ปี2004“คุณ พงษ์ปรีดาค่ะภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะคุณได้ลูกสาวหน้าตาน่าชังเชียวค่ะ”พ่อของพริมมี่ รีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องคลอด อรอุมา อุ้มทารกเพศหญิงให้ดื่มนมจากอก“โอ้ลูกพ่อ ให้ผมดูหน้าเขาหน่อย พริมมี่ของพ่อ”“คุณพงษ์ยังไม่เห็นหน้าลูกอีกหรือ อรคิดว่าคุณเข้ามาก่อนแล้ว”สีหน้าแสดงความสงสัย พงษ์ปรีดารับเอาร่างกระจ้อย“เปล่านี่”“แล้วนี่คืออะไร”คุณอรอุมาวางนาฬิกาพกลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา“นาฬิกา”“ค่ะ อรเห็นมันวางอยู่ข้างๆ ลูกของเรา”คุณพงษ์ปรีดาหันหน้าหันหลัง“อาจเป็นใครสักคน” คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเสียงนาฬิกายังเดินปกติ“ผมจะลองเอาออกไปไกลๆ ไม่แน่อาจเป็นระเบิดเวลาหรือมีอะไรซุกซ่อนอยู่”"ดีเลยค่ะให้พยาบาลประกาศตามหาเจ้าของดีไหม”คุณพงษ์ปรีดาพยักหน้าก่อนจะรวบนาฬิกาออกห่างจากพริมมี่น้อย“อุ๊แว อุ๊แวๆๆๆๆๆๆๆ”อยู่ๆพริมมี่ก็ร้องไห้จ้า“คุณค่ะ”คุณอรอุมาให้พริมมี่กินนม เห่กล่อมก็ไม่ยอมหยุด คุณพงษ์ปรีดาวางนาฬิกาพกลงข้างๆร่างกระจ้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะมีรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งจะคลอดออกมา“อย่าเลยคุณ บางทีนี่อาจเป็นของยายหนูก็ได้แกจึงหวงมากขนาดนี้”คุณพงษ์ปรีดาถอนหายใจ จูซุนก้าวขายาวๆ ออกจากโรงพยาบาล“ฉันรอเธออย
คุณหมอหย่งก้าวขามายืนหน้าห้องพิเศษSuper vipที่พริมมี่ นอนไม่ได้สติอยู่ที่นั่น จูซุน เอนกายลงบนเตียงนอนคู่ด้านข้าง อีกฝั่งเป็นกระจกกว้างที่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวย และทิวทัศน์จากมุมสูง“ก็อกๆ”เคาะประตูไปสองครั้งเบาๆ“เชิญเข้ามา” จูซุน ขยับกายนั่งห้อยขาที่เตียงนอน“คุณจูซุนขอรับ กระผมมาตรวจดูอาการของ..ของคู่รักของคุณจูซุนครับ”ร่างสูงในวัยแก่กว่าจูซุนไม่กี่ปี ก้าวขามายังเตียงคนไข้ที่พริมมี่นอนอยู่แต่กลับตะลึงจังงัง กับใบหน้าคุ้นตาของพริมมี่“อืมมมยินดีที่ได้พบกัน..อีกครั้ง”หมอหย่งไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของจูซันทว่าสะดุดใจกับใบหน้าของพริมมี่ที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึง“เอ่อ คะครับผมคุณผู้หญิงท่านนี้ นอนหลับไม่ได้สติมาสามคืน แล้วตามที่ผมวินิจฉัยอาการเบื้องต้นจากข้อมูลและประวัติของคนไข้ทำให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติอะไรสมองยังคงสมบูรณ์ไม่ได้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือบาดเจ็บที่ศีรษะหรือภาษาบ้านๆ คือล้มหัวฟาดหรืออะไร….”จูซุนมองหมอหย่งที่บรรยายเนิบๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของพริมมี่ มือก็สารวนกับการ ใช้เครื่องเสตทโตสโคปวางลงที่อกข้างซ้าย“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”หมอหย่งถอ
"อะอะนายท่านเกรงใจไปแล้วนายท่านสูงส่งรินสุราให้สุ่ยหลีไม่เหมาะนัก""ข้าเต็มใจเจ้าดื่มหมดจอกแทนคำขอบคุณข้า"สุ่ยหลียิ้มทั้งน้ำตายกจอกสุรารินลงคออย่างไม่ลังเลเพียงพริบตาสุ่ยหลีก็คอพับลงไปกับพื้นหลับใหลไปในทันที"นายท่านโธ่นายท่าน"ตะวันบ่ายสุ่ยหลีคร่ำครวญกับกองสัมภาระน้ำตาเต็มสองตาดึงยกเป้สัมภาระไม้ไผ่ขึ้นทาบแผ่นหลัง"ข้าจะตามนายท่านขึ้นไปเดี๋ยวนี้""ตุ๊บ"บางอย่างล่วงลงพื้นสุยหลีทรุดกายลงพิงต้นไม้ใหญ่คลี่ก้อนผ้าที่มีตัวอักษรอยู่บนนั้น"สุ่ยหลีฟังข้าที่เป่ยจิง มีโรงเตี๊ยมชื่อว่า…สุ่ยหลีที่นั่นข้าใช้เงินสร้างมันเพื่อเจ้ากลับไปรอข้าที่นั่น หากตามขึ้นมาวันไหนที่ข้ากลับไปจึงไม่พบเจ้า ฝากดูแลตำหนักชมดาว..แทนข้า แล้วเราจึงจะได้พบกัน..อย่าฝืนบัญชาหากยังตามข้าขึ้นไปพบข้าเราจึงตัดขาดกัน"ปาดน้ำตาที่ไหลรินสะอื้นอย่างหนัก"ข้าเช่นไรจะกล้าฝืนบัญชาฝ่าบาท กล้าให้ฝ่าบาทตัดขาดกับข้า"ปาดน้ำตาแห้งเหือดหันมองเทือกเขาเหลียงซานยิ้มเศร้าๆ ก้าวขาบ่ายหน้ากลับไปยังเป่ยจิงรอวันพบกันกับจูเหวินหน้าผาสูงสลับซับซ้อน มือเรียวราวลำเทียนยึดเกาะปีนป่าย"เหลือเพียงที่แห่งนี้ที่ขายังไม่เคยเสาะแสวงหาน้ำพุกาลเวลาหวังว่
สุ่ยหลียิ้ม“เช่นนั้นเขาเหลียงซานเบื้องหน้าเหมาะที่จะปีนป่ายต่อเติมความหวังในเมื่อเราเดินทางไปมาจนทั่วยังไม่พบน้ำพุแห่งกาลเวลา บางทีควรจะลองปีนเขาดูบ้าง”เจี้ยนเหวินยิ้มกว้างเป่ยจิง"จักรพรรดิหย่งเล่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี"เสียงถวายพระพรดังกึกก้องเมื่อจักรพรรดิหย่งเล่อหรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ในอดีตเสด็จขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร หย่งเล่ออมยิ้มอดคิดถึงพริมมี่กับคำว่าหย่งเล่อหรือหยกเลอค่ายกกำไลหยกสีแดงขึ้นมามองดู"ยังคงคิดถึงเจ้าเหมือนเดิมมีมี่"พึมพำเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ"ฝ่าบาท เมืองหลวงเป่ยจิงและพระราชวังต้องห้ามบัดนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว ตามพระบัญชา""ดีมาก จิ้งเหอท่านควรจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องนี้""พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป่ยจิงของเรารุ่งเรืองร่มเย็น ต่างชาติล้วนต้องการผูกมิตร""ดียิ่งแล้วข้าน้อมนำดำรัสของไท่หวงซางหมิงไท่จูสืบต่อมาหวังว่าบรรพบุรุษจะชื่นชม ครั้งนี้ตั้งใจส่งสินค้าและราชทูตยังต่างชาติต่างภาษาเพื่อเจริญสัมพันธ์ทางการทูต"จิ้งเหอประสานมือตรงหน้า"ข้าน้อยยินดีเป็นตัวแทนเดินเรือยังต่างแคว้น"จักรพรรดิหย่งเล่อยิ้มกว้าง"ดีแล้วจิ้งเหอท่านไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง"จักรพรรดิหย่งเล่อเดินเอามื
แม้จะเจ็บปวดเพียงใดขอแค่ให้ได้ลอง พริมมี่ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ เลือดไหลซึมออกจากอกข้างซ้าย“ฉันกำลังจะตายใช่ไหม ฉันจะตายจริงๆ ใช่ไหม”บนเนินเขา นั่นแสงทองสุดท้ายสาดส่องไปที่ต้นไป๋กว่อ เหลืองอร่ามใบสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองงดงามราวกับภาพฝัน สุ่ยหลีหยุดเกี้ยว เจี้ยนเหวินอ้าปากค้างเมื่อเห็น สีเหลืองอร่ามตานั้น“พริมมี่ ดูนั่น”พยุงพริมมี่ให้ลงไปยังต้นไป๋กว่อพริมมี่ยิ้มเศร้าๆ เสียงหายใจรวยรินหอบเหนื่อยใกล้เข้ามาแล้วสินะใกล้ถึงเวลาแล้ว“ต้องอย่างนี้สิสำหรับพริมมี่ต้องงดงามแบบนี้ พาข้าไปที่นั่นเถิด”เจี้ยนเหวินช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาพริมมี่ไปยังต้นไป๋กว่อเหลืองอร่ามตา“จะต้องทำอย่างไร”เจี้ยนเหวินเอ่ยปากเสียแหบแห้ง ไม่อยากให้พริมมี่ต้องจากไปถึงตอนนี้คำพูดของพริมมี่ ที่เขาคิดว่าเป็นเพียงการคาดเดากลับเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง เช่นไรจึงไม่เชื่อว่านางมาจากอนาคตแล้วหากนางจะกลับไปเช่นไรเขาจึงจะไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น“พริมมี่แค่หวังว่า จะได้กลับไปจริงๆ ขอแค่ได้ลองนาฬิกาสองเรือนนั้นพาพริมมี่มาที่นี่จะต้องพากลับไปได้แน่ ภายใต้อักษรง่ายๆ แค่กดมันลงไป พริมมี่ก็จะข้ามภพกลับไปยังที่เดิม”ยิ้มบางๆ ในใจหว
เจี้ยนเหวินยิ้มเศร้าๆ“ไม่มีนาง ไม่มีข้า ไม่พบนางไม่มีข้า เพราะหัวใจข้าแหลกสลายไปเสียแล้ว มีนางจึงมีข้า”เอี้ยนอ๋องถอนหายใจ“หวังว่าฝ่าบาทจะยังไม่ทิ้งหนานจิง”“หนานจิงกับข้า บอบช้ำพอกัน เพียงแค่ข้าไม่อาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่คนที่รัก ก็ไม่ควรจะลอยหน้าอยู่ได้อีก เอี้ยนอ๋องหวังว่าราชวงค์หมิงจะรุ่งเรืองดังที่เสด็จปู่ต้องการ ข้าตั้งใจเร้นกายไปกับนางตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างจึงมอบให้อาสี่จึงดี”เอี้ยนอ๋องจูตี้หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความเจ็บปวดในใจเขาก็อยากจะเลือกพริมมี่เช่นเดียวกับเจี้ยนเหวินแต่นางไม่เลือกเขา“เคลื่อนเกี้ยว”สุายหลี ตวัดแส้ลงบนหลังม้าทั้งหกให้พุ่งทะยานไปยังเป่ยจิงที่อยู่ห่างออกไป1,022กิโลเมตร หรือ2,044ลี้ปี2024ซุนจูยืนยิ้มมองร่างไร้สติของพริมมี่ที่ใบหน้ากลับมีสีเลือดขึ้นมากว่าเมื่อวาน“ข้าใจแทบสลายในวันนั้นวันที่ต้องพาเจ้าเดินทางรอนแรมสองพันลี้เพื่อพาเจ้ากลับมาที่นี่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องมารอเจ้าถึงหกร้อยปีอยู่ที่นี่รอเจ้านานเหลือเกินพริมมี่ เรากำลังจะได้พบกันอีกครั้ง”“ฝ่าบาท ระยะทางยาวไกลเช่นไรจะพาพระสนมไปถึงที่นั่นได้”สุ่ยหลีแสดงความกังวลเจี้ยนเหวินประคองร่างเล็กที่หายใจ
“เจ้ารักเขาใช่ไหม เจ้าไม่เคยมีข้าในหัวใจเลยใช่ไหม”“ใช่ข้ารักเขา ข้ารักฝ่าบาท ข้าไม่อยากให้เขาตาย ข้าจึงกลับมา ข้าไม่อยากให้เขาตายข้าจึง ข้าจึงไม่ยอมจากไป…รอที่จะทวงสัญญากับท่านทวงสัญญาที่ท่านเคยให้กับข้าไว้ว่าจะไม่ฆ่าเขา ในเมื่อเขาไม่อยู่แล้วข้าก็ไม่ควรจะอยู่เช่นกัน ข้าควรจะตายเสีย”เอี้ยนอ๋องกอดรวบร่างบางแนบแน่น“ให้ข้าได้กอดลาเจ้า ได้กอดลาเจ้าได้ไหม”พริมมี่นิ่งงัน ไม่เข้าใจความหมาย เมื่อร่างสูงของเจี้ยนเหวินในอาภรณ์สีทึมดึงร่างบางจากอ้อมแขนของเอี้ยนอ๋องมากอดไว้แนบกายพริมมี่ตะลึงยิ้มทั้งน้ำตา“เจ้าห่วงข้าเพียงนี้เชียวหรือ เจ้ารักข้าเพียงนี้เชียวหรือ” เจี้ยนเหวินจูบซับน้ำตาให้กับพริมมี่อย่างอ่อนโยน เอี้ยนอ๋องยิ้มเศร้าๆหันหลังจากลา“ปัง”แสงสว่างวาบจากปืนไฟในมือของหรานหรานลูกกระสุนพุ่งเป็นเส้นตรงยังแผ่นหลังของพริมมี่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา เลือดสีแดงไหลซึมอาภรณ์สีขาวพริมมี่เจ็บแปลบที่หัวใจ ร่างเล็กทรุดลงในอ้อมแขนของเจี้ยนเหวินที่ประคองกอดไว้แน่น“ม่ายยยยยย มีมี่ม่ายยยยย”เอี้ยนอ๋องตะโกนลั่น เจี้ยนเหวินตะลึงตาค้าง หรานหรานปล่อยปืนในมือล่วงลงบนพื้น ถอยหลังกรูดเมื่อจิ้งเหอถลาเข้าใส่เอี้ย
“ปัง ปัง ปัง”เสียงองครักษ์ปืนไฟ ใช้ปืนไฟในมือยิงเข้าใส่ทหารของเอี้ยนอ๋องที่ยอมพลีชีพวิ่งสวนเข้าใสไม่กลัวตาย เมื่อกระสุนหมดความตายจึงมาเยือน ทัพปืนไฟที่ไร้อาวุธจะห้ำหั่นศัตรูต้องถูกคมดาบและคมกระบี่ สังหารและทำร้ายจนบาดเจ็บร้องโอดโอย“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทัพของเอี้ยนอ๋องได้ใจวิ่งเข้าใส่ราวกับพายุฝนที่ซาดซัดไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ทัพของหรานหรานได้แต่ถอยร่น“อารักขาฮองเฮา อารักขาฝ่าบาท”เสียงหัวหน้าองครักษ์เกราะทองตะโกนขึ้นดังๆ เจี้ยนเหวินในอาภรณ์เร้นกายกับผ้าแพร ชักกระบี่เข้าฟาดฟันกับเหล่าองครักษ์ของวังหลวงจนบาดเจ็บไม้น้อย“บุกเข้าไปจับตัวขุนนางชั่วเสีย”เสียงสั่งการของเอี้ยนอ๋องจูตี้ที่ดังระงม“แย่แล้วเพคะ ทัพของเอี้ยนอ๋องบุกเข้ามาในวังหลวงแล้ว พระนางท่านหนีไปก่อนเถิด”หรานหรานคว้าปืนไฟมาถือไว้ในมือ“ฝ่าบาทเล่าฝ่าบาทอยู่ที่ไหนปลอดภัยหรือไม่”“ฝ่าบาท เร้นกายไปยังตำหนักเหมยฮวา เพคะ ฮองเฮาอย่าได้ห่วงฝ่าบาทรีบหนีเอาตัวรอดก่อน”นางกำนัลข้างกายรีบอุ้มเอาองค์ชายน้อยไว้ในอ้อมแขนมืออีกข้างดึงมือหรานหราน“จะหนีไปไหนทัพของเราเหนือกว่าทัพปืนไฟที่อารักขาข้า แข็งแกร่งยิ่งแล้ว”“บิดาท่านให้คนมารอรับท่านไปย
2024ซุนจูกำนาฬิกาพกสองเรือนไว้ในมือ สสารชนิดเดียวกันอยู่ในทีเดียวกันได้อย่างไร มีหลายอย่างที่ยังเป็นปริศนาเช่นดียวกับเขาที่เขาจำได้แม่นยำคืนหอมหวานก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเขากอดประคองร่างบางของพริมมี่ข้างกายเขายังอยู่ที่นี่และเขาก็ยังอยู่ที่นี่รอคอยการกลับมาของพริมมี่พรุ่งนี้แล้วสินะพริมมี่จะกลับมาสู่อ้อมแขนเขาอีกครั้งเวลาเดียวกันนี้พริมมี่นั่งมองนาฬิกาพกไว้ในมือราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนหากลองกดมันจะพาพริมมี่ ข้ามผ่านกาลเวลากลับไปยังปี2024ไดไหมตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอจนกว่า จนกว่าจะช่วยหรานหรานสำเร็จ รอจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็พร้อมจะจากไปแขวนนาฬิกาหนึ่งเรือนที่ลำคอ อีกเรือนกำไว้ในมือพรุ่งนี้แล้วสินะพรุ่งนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังจะมาถึงทุกอย่างใกล้เข้ามาแล้ว เจี้ยนเหวินไม่เคยแวะมาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น พริมมี่ได้แต่เหม่อมองออกไปที่วังหลวงกว้างใหญ่ ต่อไปวังหลวงที่ยิ่งใหญ่จะถูกสร้างขึ้นที่เป่ยจิงหรือปักกิ่งโดยเอี้ยนอ๋องคำสัญญาที่ว่าจะไม่สังหารเจี้ยนเหวิน พริมมี่หวังว่าเอี้ยนอ๋องจะไม่ลืมมัน แต่นั่นก็ต้องเป็นพริมมี่ที่อยู่ตรงนั้นคอยดูว่า เอี้ยนอ๋องจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพริมมี่แสงจันทร์อำไพลอ