บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่? “อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบเสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา“รู้ความผิดหรือยัง?”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้ง
คำพูดที่กล่าวไปพักหนึ่งของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนนิ่งอึ้งไป เขากำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างมึนงงมิใช่ว่าเขากลัวเสียเปรียบเลยไม่ลงมือ ทว่า… คำพูดของหลิงอวี๋คล้ายมีความจริงหลายส่วน!แต่ความนิ่งเงียบไม่กล่าวคำของเขาทำให้ลู่หนานเข้าใจผิด ลู่หนานเคยเห็นเซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ห้อยไว้บนต้นไม้ด้วยตาตัวเอง เลยหวั่นเซียวหลินเทียนจะออกมือต่อหลิงอวี๋ภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ!แต่นี่อยู่ข้างนอก พวกเขาจะขายหน้าเพราะคนผู้นี้มิได้!“ท่านอ๋อง อาจจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างในหมู่พวกนางจริง ๆ หาไม่แล้ว เราลองฟังที่พระชายาพูดดูเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ลู่หนานกล่าวโน้มน้าวเมื่อเสิ่นจวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ผู้พี่ หรือว่าท่านมิเชื่อใจหม่อมฉันเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนเช่นไรท่านยังไม่รู้แจ้งหรือ?”“ท่านดูสิ นางตบหน้าหม่อมฉัน ร่องรอยล้วนยังอยู่! อีกอย่างหม่อมฉันยังมีพยานบุคคล...”เสิ่นจวนดันเจิงจื่ออวี้ออกไป แล้วเจิงจื่ออวี้ก็กล่าวอย่างปราดเปรื่องว่า“กราบบังคมทูลท่านอ๋อง เป็นพระชายาอ๋องอี้ตบเสิ่นจวนจริงเพคะ แถมยังกล่าวว่าต้องการทำลายดวงหน้าของนาง! เราทุกคนเป็นพยานให้เสิ่นจวนได้เพคะ!”“หม่อมฉันก็เป็นพยานได้เพ
ครั้นผู้อาสุโวกล่าวจบ ประหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้บ่ายศีรษะไปมองทางเซียวหลินเทียน ยิ้มตาหยีกล่าวคำ“ท่านอ๋องอี้ นี่คือกฎของภัตตาคารจี๋เสียงที่จะลงโทษแขกที่ทานอาหารไม่จ่ายเงิน ท่านพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เซียวหลินเทียนไม่ชอบรอยยิ้มเหน็บแนมนี้ของท่านผังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความเย็นชาเมื่อหลิงอวี๋เห็นสายตาเขาพลันเข้าใจทันที เจ้าใช้แววตานี้สื่อเป็นนัยว่าเพียงขอโทษนาง เขาก็จะช่วยจ่ายเงินให้ทว่าหัวใจของหลิงอวี๋ล้วนถูกเขาทำให้เยือกเย็นไปแล้ว ไฉนเลยจะรู้สึกซาบซึ้งได้!หลิงอวี๋มิใช่เป็นคนที่โค้งคำนับเพื่อข้าวสารหาถัง!เซียวหลินเทียนต้องการให้นางละทิ้งหลักการของตนเพื่อเงินสองสามร้อยตำลึง แล้วนี่มีสิ่งใดแตกต่างจากท่านผังที่ทำให้นางต้องอัปยศกัน!ในเมื่อเซียวหลินเทียนต้องการแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้ ได้ หากเขาไม่กลัวขายหน้าตำหนักอ๋องอี้ นางหลิงอวี๋ผู้นี้ก็จะไม่หวั่นเกรง!“ข้าจะใช้หนี้เอง ข้าจะคืนเอง!”“พวกเจ้าให้ข้าพบกับท่านเกิ่งเอ้อร์สักหน่อย บอกไปว่าข้ามีธุรกิจจะคุยกับเขา!”“ท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเรากำลังยุ่งอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดอยากคุยธุรกิจกับเขาก็
นางสลัดการเกาะกุมตนของเสี่ยวเอ้อร์ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นวิ่งรุดตามไปชั้นบนเพียงตนช่วยชีวิตท่านเกิ่งเอ้อร์ได้ ความอัปยศในวันนี้ก็จะล้างมลทินออกไปได้…หลิงอวี๋เพิ่งวิ่งถึงชั้นสองก็พลันเห็นแม่นมลี่ดึงหลิงอวี๋เอาไว้ หลิงซินยืนอยู่ทางออกใกล้บันไดอย่างพะว้าพะวังครั้นเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงแม่นมลี่มากล่าวปลอบขวัญ “พวกเจ้าไปนั่งรอข้าเถอะ หากอยากกินสิ่งใดสั่งได้เลย!”“พวกเจ้าเชื่อข้า วันนี้พวกเราจะไม่ต้องจ่ายอาหารมื้อนี้สักเฟินเดียว!”เมื่อนางเอ่ยจบก็รีบไล่ตามขึ้นไปแม่นมลี่น้ำตาแทบไหล นางเพิ่งกลับมาก็เห็นหลิงอวี๋จะถูกลากไปประจาน!หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก เมื่อกี้ก็ไม่น่าขอเทียบเชิญกับแม่นมเว่ย ควรจะขอเงินสองสามร้อยตำลึงแค่นี้ก็แก้ไขเรื่องจวนตัวเพื่อคุณหนูได้แล้วเฮ้อ จะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว!“ดูสิ หลิงอวี๋กำลังคุยโวอย่างไม่กระดากอายอีกแล้ว!”ครั้นได้ยินคำพูดนี้เสิ่นจวนที่ยืนอยู่ด้านล่างบันไดก็ลั่นวาจาเย้ยหยันทันใดนางรั้งสายตาไปยังเซียวหลินเทียนแล้วกล่าวคำ “ผู้พี่ เราขึ้นไปดูสักหน่อยเถอะ! หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นคนที่ถูกก้างปลาติดคอตายเลยเพคะ!”“อีกทั้งเปี่ยวจิ้วก็ไปแล้วด้วย
เกิ่งเสี่ยวหาวหันหน้ากลับมามองบิดาของตนเอง พบว่าเกิ่งเสี่ยวเหยนิ่งเงียบไปแล้ว เหลือเพียงหน้าอกที่ยังกระเพื่อมแผ่วเบา“เรามาเดิมพันกันเถอะ! ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า!”“หากข้าทำสำเร็จ เจ้าต้องยอมรับข้าเป็นพี่สาว! แต่หากข้าทำล้มเหลว ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต!”หลิงอวี๋พบว่าคนสกุลเกิ่งผู้นี้ในแววตาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าเขาจะพุ่งปราดมาตรงหน้าตนแล้ว แต่หมัดนั้นกลับไม่เคยโดนนางเลยอีกนัยหนึ่งคือนางอยากสร้างรายได้นั่นเอง ถ้ามีลู่ทางสายนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวคงจะราบรื่นยิ่งความคิดเรื่องยอมรับเป็นน้องชายนี้ก็พลันแวบสว่างเข้ากลางใจทันใด“คุณชายเกิ่ง อย่าฟังนาง! เดิมทีนางมิได้วิชาแพทย์ด้วยซ้ำ! หมอของโรงหมอยังไม่มีวิธี แล้วนางจะมีวิธีทำอะไรได้!” เจิงจื่ออวี้กล่าวดังลั่นครั้นหมอเหวินได้ยินชื่อตนหยิบยกขึ้นก็กระแอมไอเบา ๆ และกล่าวคำ“เรารอหมอหลวงจางดีกว่าเถอะ! ถ้าหมอหลวงไม่มีวิธี เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน! คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!”แต่เกิ่งเสี่ยวหาวกลับจ้องเขม็งไปยังหลิงอวี๋และนางก็กำลังมองเขาอย่างยั่วยุเช่นกัน สายตาทั้งสองประสานกัน“เสี่ยวหาว อย่าเสียแรงเป
ฝูงชนมองไปทางท่านเกิ่งเอ้อร์อีกครั้ง พบเพียงท่านเกิ่งเอ้อร์ไอค่อกแค่กสองสามครั้งและหายใจทางปาก“มา นี่คือลูกอมเย็นสดชื่นเป็นยาอมแก้เจ็บคอ ให้ท่านพ่อเจ้าอมเสีย!”เมื่อเห็นลมหายใจเข้าออกของท่านเกิ่งเอ้อร์ค่อย ๆ สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงถอดถุงมือหยิบยาอมแก้เจ็บคอสองสามเม็ดส่งให้เกิ่งเสี่ยวหาวครั้นเกิ่งเสี่ยวหาวเห็นสีหน้าบิดาดีขึ้นเยอะแล้วก็ถอดถุงมืออย่างเชื่อฟัง ก่อนจะแกะยาอมแล้วป้อนเข้าในปากเขาท่านเกิ่งเอ้อร์คว้าตัวเขาไว้ แค่นกล่าวสองคำ “ช่วย… นั่ง!”เกิ่งเสี่ยวหาวรีบคุกเข่าลงทันควัน พยุงเขาขึ้นนั่งหายใจได้ราบรื่นมากแบบนี้ทำให้ท่านเกิ่งเอ้อร์รู้สึกสบายขึ้นเยอะเมื่ออมยาอมแก้เจ็บคอที่หลิงอวี๋ให้ไว้ในปาก ความรู้สึกเจ็บปวดแผดเผาที่ถูกก้างปลาแทงในลำคอก็เริ่มมลายหายไปอย่างช้า ๆเขามองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความซึ้งใจ เมื่อครู่เขาพูดไม่ได้เพราะถูกก้างปลาแทงคอ ทว่าก็รู้กระจ่างถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและเขาก็รู้ด้วยว่าถ้าไม่มีหลิงอวี๋ ตนก็คงสิ้นใจไปธารเหลือง(1)แล้วจริง ๆ“ดียิ่ง… ขอบคุณพระชายาอ๋องอี้...”ท่านเกิ่งเอ้อร์บีบมือเกิ่งเสี่ยวหาวอย่างลึกซึ้งพ่อลูกเกิ่งเสี่ยวหาวมีความสัมพันธ์แน่
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋กำลังคิดว่าต้องพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเกิ่งเสี่ยวหาว นางสั่งให้หลิงเยวี่ยเชื่อฟังแม่นมลี่ จากนั้นก็ออกตำหนักพร้อมกับหลิงซินหลิงซินได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ซื้อใหม่และกำลังถือกระปุกยารักษาแผลที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ เดินตามนางออกตำหนักอย่างเบิกบานคราวนี้พอทั้งสองคนมาถึงภัตตาคารจี๋เสียงก็ได้รับการปฏิบัติแตกต่างไปจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเสี่ยวเอ้อร์ของร้านคนนั้นก็ไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว สีได้หน้าผันแปรใหม่ครั้นเห็นหลิงอวี๋ก็กล่าวอย่างเคารพนบน้อม “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมาแล้ว คุณชายน้อยเหลือห้องส่วนตัวไว้ให้ท่านที่ชั้นสามขอรับ!”“ท่านขึ้นไปดื่มชาก่อนเถิด กระผมจะส่งคนไปแจ้งคุณชายน้อยและท่านเอ้อร์เดี๋ยวนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มแล้วเดินตามขึ้นไปชั้นสามการตกแต่งของชั้นนี้หรูหราโอ่อ่ากว่าชั้นสองเสียอีก!เมื่อวานหลิงอวี๋วุ่นอยู่กับการช่วยคน ไม่ได้สังเกตให้ละเอียดวันนี้มีเวลาว่างแล้วจึงได้ดูละเอียดถี่ถ้วนหลิงซินสับสนวุ่นใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก สถานที่หรูหราแห่งนี้ทำให้นางรู้สึกประหม่ายิ่งผ่านไปสักพักหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาดีกับขนมอบมาหลิงอวี๋ดึงหลิงซินให้นั่งล
สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลิงอวี๋แย้มรอยยิ้ม “ท่านเอ้อร์ ท่านกล้าเปิดบ่อนการพนัน กล้าปล่อยเงินกู้! แต่กลับมิกล้าผูกมิตรกับผู้หญิงคนหนึ่ง! นี่ดูไม่คล้ายนิสัยของท่านเลย!”ท่านเกิ่งเอ้อร์กระแอมไอเบา ๆ พลางพูด “นั่นมันไม่เหมือนกัน พระชายากับข้าต่างก็รู้ดี เรื่องบางเรื่องให้อยู่ได้แค่ในที่ลับ ไม่สามารถให้มาอยู่ในที่แจ้งได้!”หลิงอวี๋พยักหน้า “แต่ผลมันไม่เหมือนกันหรือ? เขาคิดจะจัดการท่าน จะที่ลับหรือที่แจ้งเจ้าก็หนีไม่พ้นหรอก!”“ท่านไม่ให้เสี่ยวหาวไปทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคือง แต่ผู้สูงศักดิ์คิดจะจัดการท่าน จะไปทำให้ขุ่นเคืองหรือไม่ผลก็ไม่ต่างกัน!”สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เรียบนิ่ง พลางพูด “นี่พระชายากำลังขู่ข้า หรือว่าจะตีสนิทแทนท่านอ๋องเล่า?”“แน่นอนว่าไม่ใช่”หลิงอวี๋โบกมือ พลางยิ้มเย็นชาแล้วพูด “เมื่อวานข้าก็พูดไปแล้ว ว่าเซียวหลินเทียนก็คือเซียวหลินเทียน ส่วนข้าก็คือข้า! หนี้ที่ข้าติดไว้ข้าจะชดใช้คืนเอง!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าติดหนี้อยู่มากถึงเพียงนี้ เซียวหลินเทียนไม่เคยสนใจข้าอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาก็มิได้ดี ท่านเอ้อร์อย่ามาพูดว่าไม่รู
เถี่ยซู่พยักหน้า คำที่หลงจิ้งดุด่าเขาเมื่อครู่นั้นมิอาจทนฟังได้เลย เขาฟังอยู่สองสามครั้งก็อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอหลงจิ้งให้ตายเสียแล้วแต่บัดนี้เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่า หลงจิ้งถูกคนวางแผนร้ายใส่ เถี่ยซู่ก็รู้สึกคลายกังวลไปเล็กน้อย หากมิใช่เจตนาของหลงจิ้งก็ดี“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยเดินไปถึงกรงเหล็กแล้วเรียกออกไปด้วยความเป็นห่วง “ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”หลงจิ้งมิได้เคลื่อนไหวใด ๆ และมิได้พูดอะไรทั้งนั้น“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยมองเย่หรงอย่างทำอะไรมิถูก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลงจิ้งจะมิตายไปเช่นนี้ใช่หรือไม่?เย่หรงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “หลงจิ้ง ข้ามิได้ขายเจ้าจริง ๆ เป็นเพราะพูดถึงสำนักซิงหลัว จึงได้เอ่ยถึงพวกเจ้าด้วย!”“เมื่อครู่เจ้าเองก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการติดขี้ผึ้งหอมแล้ว เจ้าน่าจะรู้นะว่าขี้ผึ้งหอมนั้นมิใช่สิ่งที่ปลอดภัย!”“หลงจิ้ง ในสายตาของข้า เจ้าเป็นคนสุขุม ปราดเปรื่อง ควบคุมตนเองได้ดีและมีความรู้กว้างขวาง มิเหมือนกับพวกคนที่คลุกคลีอยู่กับบ่อนการพนันเลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทีของเจ้าเมื่อครู่นี้กลับมิได้ต่างอะไรจากพวกเขาเลยสักนิด!”“เจ้า
“มิได้ มิได้ มันเสี่ยงเกินไป!”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหัว “พี่สามของเจ้าเป็นเช่นนี้ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าอีกคนมิได้!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาแล้วเพคะ แม้ว่าคนของท่านจะไปสืบสวนก็รู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น!”“หากปล่อยเวลายืดเยื้อไปก็จะยิ่งมีอุปสรรคมาก แล้วหากสำนักซิงหลัวชิงลงมือล่วงหน้าเล่าเพคะ?”“ก่อนหน้านี้ท่านเคยตรัสไว้ว่า รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่ไม่แตก หากตระกูลอื่นถูกสำนักซิงหลัวใช้ประโยชน์แล้วเช่นนั้นจะมิเป็นภัยต่อจวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราหรือเพคะ?”ใบหน้าของเจ้าแห่งทิศใต้ดูเคร่งเครียดขึ้นมา “นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าผู้เป็นสตรีควรจะทำ! หากต้องไปจริง ๆ ข้าจะหาคนที่ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายกับพี่สามของเจ้าไป!”“กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ส่วนสูงและรูปร่างของกระหม่อมคล้ายกับหลงจิ้งมาก อีกทั้งกระหม่อมก็มีสหายอยู่ในสำนักซิงหลัวด้วย หากเผชิญกับอันตรายก็จะหลบหนีได้ง่าย!”ทุกคนต่างมองไปทางเย่หรงส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงนั้นคล้ายกับหลงจิ้งมาก ส่วนใบหน้าหากแปลงโฉมสักหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ“เย่หรง น
“เจ้าแห่งทิศใต้ อย่าได้ร้อนพระทัยไปเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนั้นคือหลิงอวี๋และเย่ซงเฉิง“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ให้เขาพูดก่อนเย่ซงเฉิงจึงพยักหน้า “เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้ามหาเทพให้ส่งทหารไปโจมตีสำนักซิงหลัวเช่นนี้ จะมิเป็นการเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”“ยามนี้พวกเรามิรู้ความแข็งแกร่งของสำนักซิงหลัว หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปเช่นนี้ จะเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“อีกทั้งยังมิรู้ด้วยว่า พวกเขาแอบใช้วิธีเช่นนี้ควบคุมคนอยู่เท่าไร หากจัดการเรื่องนี้มิดี ก็จะเป็นหายนะของเมืองหลวงแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้ามิเชื่อว่าหากผู้นำตระกูลอื่นรู้ว่าบุตรหลานของตนถูกผู้อื่นใช้งานเช่นนี้แล้วจะมิสะทกสะท้านเลย!”“หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ว่าสำนักซิงหลัวจะมีคนจำนวนมาก ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นกัน!”หลิงอวี๋อมยิ้มบาง ๆ “เจ้าแห่งทิศใต้ มิใช่ทุกคนจะเด็ดขาดเช่นท่านเพคะ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านร่วมมือกับทุกคนเพื่อจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นได้เพคะ!”“อาจารย์ปู่ของหม่อมฉันพูดถูกแล้ว เรื่องนี้จะบุ่
“หากต้องการเลิกยา ช่วงเจ็ดวันแรกจะเป็นช่วงที่ยากที่สุด ท่านขังเขาไว้ในกรงเหล็กนี้ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว อย่าให้สิ่งของใดกับเขาเป็นอันขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างใจแข็ง “มิว่าเขาจะอ้อนวอนและมีท่าทีเจ็บปวดมากเพียงใด ท่านก็อย่าได้ใจอ่อนปล่อยเขาออกมานะเพคะ!”“หม่อมฉันจะจัดตำรับยาให้อีก เป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย และยับยั้งการติดยา!”“เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านปล่อยเขาออกมากลางคัน ทำเช่นนั้นมิใช่เป็นการรักเขาเพคะ แต่เป็นการทำร้ายเขา และจะทำให้เขายิ่งติดขี้ผึ้งหอมเพคะ!”“หลังจากผ่านเจ็ดวันไปได้แล้ว ขอเพียงระมัดระวังอย่าให้เขาสัมผัสกับขี้ผึ้งหอม และอย่าให้ติดต่อกับคนที่เคยสูดดมขี้ผึ้งหอมด้วยกันอีก นานวันไปเขาจะฟื้นตัวเองเพคะ!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลงจิ้งที่อยู่ในกรงเหล็ก จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะทำตามวิธีการที่คุณหนูสิงบอกอย่างแน่นอน!”“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังนาง! ลูกรับรองว่าขี้ผึ้งหอมไม่มีอันตรายจริง ๆ! ปล่อยลูกออกไปเถิด!”เมื่อหลงจิ้งได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็โกรธจนพุ่งไปที่หน้ากรงเหล็กแล้วเขย่าอย่างแรงแต่กรงเหล็กที่หนักอึ้งนั้นมิขยับแม้แต่น้อย“ท่านพ่อ ปล่อยข้าออกไป!”หลงจิ้
หลงจิ้งหุบยิ้มทันใด มองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็มิเกี่ยวกับเจ้า! เจ้าอย่าหวังว่าจะล้วงความลับของพวกเขาจากปากข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าหลงจิ้งจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสำนักซิงหลัวเสียด้วย!หลิงอวี๋ส่ายหน้า ยามนี้มิว่าจะพูดอะไรกับหลงจิ้ง เขาก็จะมีท่าทีต่อต้านเสมอ รอให้เขาเกิดอาการคลั่งยาขึ้นมาก่อนเถอะ ค่อยพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง!หลงเพ่ยเพ่ยให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้มาให้ทุกคน เจ้าแห่งทิศใต้ยังสั่งให้นางชงชามาต้อนรับท่านเจ้าสำนักจินและเย่ซงเฉิงอย่างดีทุกคนดื่มชาพลางพูดคุยกันไประหว่างรอหลิงอวี๋จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของหลงจิ้ง และเห็นว่าเขาอ้าปากหาวถี่ขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกหลงจิ้งยังคงใส่ใจภาพลักษณ์ของตน แต่ต่อมาหลงจิ้งก็มิสนใจอีกต่อไป มิปิดบังอาการน้ำตาของหลงจิ้งค่อย ๆ ไหลออกมา เดินวนเวียนไปมาในกรงเหล็กอย่างควบคุมตนเองมิได้ ราวกับพยายามควบคุมความมิสบายกายภายในเอาไว้สุดท้าย มิเพียงแต่หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและทุกคนก็เห็นว่าหลงจิ้งเกาตามเนื้อตัวผ่านอาภรณ์อาภรณ์ที่เรียบร้อยในตอนแรก มินานก็ถูกเขาดึงทึ้งจนยุ่งเหยิงหลงเพ่ยเพ่ยทั้งเจ็บปวดใจ
สีหน้าของหลงจิ้งเคร่งขรึมลงทันที มองไปที่เย่หรงก่อนโดยสัญชาตญาณ แล้วก่นด่าว่า “เย่หรง เจ้ามาพูดจาเหลวไหลอะไรกับท่านพ่อของข้า?”“ข้ากับเจ้ามิเคยยุ่งเกี่ยวกัน เจ้าถึงกับต้องนำความมาฟ้องท่านพ่อข้าเชียวรึ?”เย่หรงพูดมิออก เขามิได้มีความคิดที่จะฟ้องเลย แต่เป็นเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มาที่นี่พร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านอย่าใส่ร้ายเย่หรง เขามิได้ฟ้องเรื่องท่าน!”หลงเพ่ยเพ่ยรีบกล่าว “พี่สาม ท่านบอกความจริงกับพวกเรามา ท่านสูดดมขี้ผึ้งหอมมานานเท่าไรแล้ว? เป็นหนี้สำนักซิงหลัวเท่าไร?”“ท่านพ่อมิได้คิดจะตำหนิท่าน พวกเราแค่มิอยากเห็นท่านถูกหลอกลวง ถูกสำนักซิงหลัวหลอกใช้ ทำร้ายตนเองและทำร้ายคนในตระกูล!”หลงจิ้งกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิได้เป็นหนี้สำนักซิงหลัวมากมายเพียงนั้น พวกท่านอย่าไปฟังเย่หรงพูดเหลวไหล! ขี้ผึ้งหอมก็มิใช่ยาพิษ ข้าก็แค่สูดดมเล่นเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น!”สูดดมเล่น?เจ้าแห่งทิศใต้และทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ มีบุตรหลานจำนวนเท่าไรที่ถูกสำนักซิงหลัวหลอกลวง ปากกล่าวว่าสูดดมเล่น ๆ สุดท้ายก็เลิกมิได้ ถูกสำนักซิงหลัวควบคุมในที่สุด!“จิ้งเอ๋อร์ พ่อคิดว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ
หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก บอกเล่าถึงอันตรายของการสูดดมขี้ผึ้งหอมให้ทุกคนฟังครั้งนี้เจ้าแห่งทิศใต้มิสงบนิ่งอีกต่อไป ถามอย่างตกตะลึง “เจ้าบอกว่าขี้ผึ้งหอมมีพิษ? ทำให้เสพติดได้งั้นรึ?”หลงจิ้งเป็นบุตรชายที่เจ้าแห่งทิศใต้ภาคภูมิใจที่สุด เขามีทั้งพรสวรรค์และสติปัญญา เจ้าแห่งทิศใต้เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้า“ท่านเจ้าแห่งทิศใต้ หม่อมฉันพูดความจริง ขี้ผึ้งหอมชนิดนี้สูดดมหนึ่งถึงสองครั้งจะมิเป็นไร ทว่าหากนานวันเข้า มันจะทำลายอวัยวะภายในร่างกาย! ทำให้ร่างกายซูบผอม!”“เมื่อมิได้สูดดมจะปวดเมื่อยตามตัว คันตามกระดูก! ขอท่านโปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด ความเจ็บปวดเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็มิอาจทนได้!”“ขอท่านโปรดลองไตร่ตรองดู ความเจ็บปวดเช่นนี้เทียบได้กับการทรมานทั้งเป็น หากผู้เสพทนความเจ็บปวดมิไหว ท่านให้เขาทำอะไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาจะมิยินดีทำหรือ?”เจ้าแห่งทิศใต้เป็นผู้มีอำนาจ เข้าใจวิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ทำตามคำสั่งของตน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็เข้าใจในทันที เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นตามแผ่นหลังสำนักซิงหลัวควบคุมบุตรชายของตนเช่นนี
เย่หรงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นวันพรุ่งข้าจะเชิญท่านปู่ของข้าไปรอเจ้าที่สำนักศึกษาชิงหลง!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้าเมื่อเย่หรงกลับไป หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลแม้ว่านางจะมิใช่คนของเมืองหลวงแดนเทพ แต่เย่ซื่อฝาน เจ้าสำนักจิน และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักศึกษาชิงหลงหลายคนก็ดีต่อนาง นางมิอาจทนเห็นพวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติครั้งนี้ได้ยังมีหลงเพ่ยเพ่ย บิดาของนางคือเจ้าแห่งทิศใต้ หากสำนักซิงหลัวควบคุมพี่ชายคนที่สามของนางได้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิตกที่นั่งลำบากหรอกหรือ?ครั้งนี้ที่สามารถตามสิงจั๋วกลับมาได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหลงเพ่ยเพ่ย หลิงอวี๋ถือว่าติดหนี้นางหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งจะพาเจ้าสำนักจินและเย่ซื่อฝานไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ และหารือกับเจ้าแห่งทิศใต้ร่วมกันเช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ให้เถาจื่อไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้เพื่อแจ้งหลงเพ่ยเพ่ย ให้นางรั้งตัวเจ้าแห่งทิศใต้ไว้ที่จวนให้ได้ส่วนตนก็พาหานเหมยไปที่สำนักศึกษาชิงหลงเย่ซงเฉิงและเย่หรงมาถึงแล้ว เจ้าสำนักจินได้ยินข่าวก็ออกมาต้อน
“พี่หญิง หรือว่าขี้ผึ้งหอมชนิดนี้มีพิษ?”เย่หรงเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋มิสู้ดี จึงถามด้วยความสงสัย“หากมีพิษ พวกเขาจะกล้าขายให้ทุกคนได้อย่างไร?”หลิงอวี๋ตอบอย่างขมขื่น “หากเจ้าไปตรวจสอบขี้ผึ้งหอมดู แน่นอนว่ามิพบพิษในนั้น แม้จะมีก็มีเพียงเล็กน้อย มิถึงแก่ความตาย!”“แต่... หากสูดดมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย อายุขัยสั้นลง!”“เย่หรง หากใครสูดดมขี้ผึ้งหอมเป็นประจำ เมื่อมิได้สูดดมจะอาการมีน้ำมูกไหล คันตามตัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างทรมาน”“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งหอมมาใช้งาน แม้คนผู้นั้นต้องสังหารผู้อื่น เขาก็จะทำโดยมิลังเล! แม้แต่บิดามารดาของตนเอง!”เย่หรงสูดหายใจเข้าลึก “ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียว!”“ใช่ ข้ามิได้พูดเกินจริง! เจ้ายังจำโลกที่มีตึกสูงระฟ้าที่เจ้าฝันถึงได้หรือไม่? การแพทย์ของพวกเขาก้าวหน้ากว่าแดนเทพมากนัก ทว่าการช่วยให้ผู้ติดยาเสพติดเลิกยาได้ก็ต้องใช้เวลานานเช่นกัน!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างกังวล “ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเลิกได้แล้ว ทว่าหากมีสิ่งล่อใจ เหมือนคนที่เคยลิ้มรสความหวาน หากไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่แข็