สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลิงอวี๋แย้มรอยยิ้ม “ท่านเอ้อร์ ท่านกล้าเปิดบ่อนการพนัน กล้าปล่อยเงินกู้! แต่กลับมิกล้าผูกมิตรกับผู้หญิงคนหนึ่ง! นี่ดูไม่คล้ายนิสัยของท่านเลย!”ท่านเกิ่งเอ้อร์กระแอมไอเบา ๆ พลางพูด “นั่นมันไม่เหมือนกัน พระชายากับข้าต่างก็รู้ดี เรื่องบางเรื่องให้อยู่ได้แค่ในที่ลับ ไม่สามารถให้มาอยู่ในที่แจ้งได้!”หลิงอวี๋พยักหน้า “แต่ผลมันไม่เหมือนกันหรือ? เขาคิดจะจัดการท่าน จะที่ลับหรือที่แจ้งเจ้าก็หนีไม่พ้นหรอก!”“ท่านไม่ให้เสี่ยวหาวไปทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคือง แต่ผู้สูงศักดิ์คิดจะจัดการท่าน จะไปทำให้ขุ่นเคืองหรือไม่ผลก็ไม่ต่างกัน!”สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เรียบนิ่ง พลางพูด “นี่พระชายากำลังขู่ข้า หรือว่าจะตีสนิทแทนท่านอ๋องเล่า?”“แน่นอนว่าไม่ใช่”หลิงอวี๋โบกมือ พลางยิ้มเย็นชาแล้วพูด “เมื่อวานข้าก็พูดไปแล้ว ว่าเซียวหลินเทียนก็คือเซียวหลินเทียน ส่วนข้าก็คือข้า! หนี้ที่ข้าติดไว้ข้าจะชดใช้คืนเอง!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าติดหนี้อยู่มากถึงเพียงนี้ เซียวหลินเทียนไม่เคยสนใจข้าอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาก็มิได้ดี ท่านเอ้อร์อย่ามาพูดว่าไม่รู
“ท่านเอ้อร์รวดเร็วดีมาก!”หลิงอวี๋ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับคนฉลาดมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างในได้ทันที ก็ยิ่งชื่นชมท่านเกิ่งเอ้อร์นางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านเอ้อร์ ข้านั้น ก็มิได้ชอบที่จะเข้าไปอยู่ในเรื่องถูก ๆ ผิด ๆ อะไรเช่นกัน!”“ในเมื่อท่านเอ้อร์ให้ความสนใจ ต่อไปหากมีการคบค้าสมาคมใดที่หาเงินได้ ข้าก็จะร่วมงานกับแค่ท่านเอ้อร์เท่านั้น!”“หากท่านเอ้อร์หลอกข้า! เช่นนั้นเราจะคบค้ากันแค่ครั้งเดียว!”หลิงอวี๋เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัย “ข้าหวังว่าเราจะใจเดียวกัน พยายามหาเงินก็เพียงพอแล้ว!”“ย่อมแน่อยู่แล้ว! ข้าเองก็คิดเพียงแค่จะพยายามหาเงินเท่านั้น!”ท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจความนัยของหลิงอวี๋ จึงยิ้มพลางพยักหน้าขอเพียงไม่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในราชสำนัก เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องหรอก!“เช่นนั้นเรามาพูดกันให้ชัดเลยแล้วกัน นี่คือตำรับโอสถ!”“ท่านเอ้อร์ไปลองสรรพคุณโอสถ หลังจากแน่ใจว่าจะร่วมงานกันแล้ว เสี่ยวหาวก็ไปรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรตามตำรับ แล้วค่อยเลือกสถานที่หนึ่งเพื่อเตรียมผลิตในจำนวนมาก!”หลิงอวี๋เอาตำรับยาที่เขียนไว้แล้วส่งให้
หลิงอวี๋รับจดหมายมา แล้วเปิดออกดู ข้างในมีธนบัตรบาง ๆ อยู่ห้าใบทันทีที่นางหยิบออกมาดู ก็รู้สึกเจ็บที่ปลายจมูก คิดไม่ถึงว่ามันคือเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน!นึกถึงภาพที่เกิ่งเสี่ยวหาววิ่งเข้าไปแล้ววิ่งออกมา หลิงอวี๋ก็รู้เลยว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนใส่เข้าไป!เขากลัวว่าถ้าให้ต่อหน้าแล้วนางจะไม่รับ จึงได้หาข้ออ้างเอาของกินให้ลูกชายนางแล้วใส่มาให้นางน้องชายผู้นี้นี่… เหตุใดจึงได้จริงใจกับตนเองเยี่ยงนี้นะ!หลิงอวี๋ซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้!น้องชายผู้นี้ นางมิได้ถูกเอาเปรียบเลยจริง ๆ !ในชั่วพริบตา ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อท่านเกิ่งเอ้อร์ที่กังวลต่อตัวตนของนาง และไม่ยอมให้เกิ่งเสี่ยวหาวเรียกนางว่าพี่นั้นก็พลันหายไป!นี่นับว่าเป็นความจริงใจแรกนอกจากแม่นมลี่ หลิงเยวี่ย และหลิงซินที่นางได้รับตั้งแต่ที่มาถึงในโลกนี้เลย!หลิงอวี๋แอบสาบานในใจว่า นางจะต้องทำดีกับเกิ่งเสี่ยวหาวให้มากยิ่งขึ้นอีก!เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือในยามยากนี้!เซียวหลินเทียนกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังสูดอากาศอยู่กับลู่หนานในสวน แล้วก็เห็นหลิงอวี๋ยกหีบมาเดินเข้ามา“นี่คือมรดกของท่านอ๋อง! รับไปสิเพคะ!”หลิงอวี๋ก็ไม่พูดพร
สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ววันงานฉลองวันเกิดไทเฮา แขกเหรื่อทุกครัวเรือนที่ได้รับเทียบเชิญ ต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวกันตรวจดูเสื้อผ้าอาภรณ์ ตรวจดูของขวัญ และเตรียมคำแสดงความยินดีครั้งแล้วครั้งเล่าการได้รับเทียบเชิญอันล้ำค่านี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากจะทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยหลังจากตรวจดูครั้งแล้วครั้งเล่าและเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญก็ขึ้นรถม้ารีบไปที่ประตูวังงานฉลองวันเกิดปีนี้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีใครแอบเข้าไป จึงมีการจัดทหารองครักษ์สามกลุ่มคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ประตูวังองครักษ์สองแถวซ้ายขวาล้วนสวมหมวกบนศีรษะ ที่ตัวก็สวมชุดเกราะแวววาวใหม่เอี่ยม ที่เท้าสวมรองเท้าบูตยาว และต่างก็ถือดาบไว้ในมือองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ในมือจะมีคันธนูและลูกธนู แล้วกระจายกำลังกันอยู่ข้างนอกเมื่อเห็นท่าทางนี้ ลูก ๆ ของขุนนางระดับสูงที่มากับบิดามารดาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พูดจาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้องครักษ์เหล่านี้โกรธแล้วต้องเผชิยกับผลที่ตามมาเจิงจื่ออวี้กับเสิ่นจวนลงจากรถม้าก็พบกันเลย ทั้งสองคนรวมตัวกัน แล้วเสิ่นจวนก็เอ่ยถาม
ดาบส่องประกายเจิดจ้าเมฆดำอึมครึมเข้าปกคลุมทั้งเมือง...เพียงชั่วพริบตา คนที่รอคอยดูเรื่องสนุกอยู่ด้านนอกวังต่างก็ตกใจจนกลั้นหายใจกันหมด...แม้ว่าจะคาดเดาไว้แล้วว่าหลิงอวี๋จะต้องถูกสกัดเอาไว้ หรืออาจจะถึงขั้นถูกแทงเลยด้วย!แต่พอเห็นภาพนี้กับตา คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกใจจนตัวสั่นอันเจ๋อเองก็ตกใจจนกำมือทั้งสองข้างแน่นเช่นกัน ใจเด้งขึ้นมาถึงลำคอ รู้สึกว่าใจของตนเต้นตุบ ๆๆๆ...ไกลออกไป เซียวหลินเทียนเองก็ชะโงกหน้าอยู่บนรถเข็นไปดูโดยไม่รู้ตัว พลันใจก็เต้นลู่หนานก็ตกใจจนจับตรงที่จับรถเข็นเซียวหลินเทียนแน่นเช่นกัน มือที่กำแน่นนั้นเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกมา...มีเพียงชิวเหวินซวงที่ยิ้มอย่างเย็นชาหลิงอวี๋ ครั้งนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังตายยากตายเย็นอยู่หรือไม่?ข้าบอกไว้ตั้งนานแล้วว่า หากเจ้าไม่รู้จักความเป็นความตายกล้ามาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพ เจ้าก็จะมาแล้วไม่ได้กลับ!หึ… ข้าพูดไว้ถูกต้องทีเดียว!เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จับมือกันไว้แน่นจนเจ็บ แต่กลับไม่สังเกตเลยสักนิด ได้แต่จ้องดาบพวกนั้นเขม็ง หัวสมองว่างเปล่าไปหมดพระชายาผิงหยางหัวเราะขึ้นมา “หลิงอวี๋คนโง่ คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าเอาเทียบเชิ
แม่นมเว่ยที่ตามมาติด ๆ วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ“ราชองครักษ์ผาง… เมื่อครู่ซุ่ยเอ๋อร์บอกเรื่องข่าวลือกับข้าแล้ว ข้าถึงได้รู้ว่ามีคนกุข่าวลือเช่นนี้...”“เทียบเชิญนี้เป็นของจริง...ไทเฮาทรงพระอักษรมันด้วยพระองค์เอง!”“ข้ากลัวว่าราชองครักษ์ผางจะฟังข่าวลือนั้นแล้วทำให้พระชายาอ๋องอี้ลำบาก ถึงได้รีบออกมาต้อนรับ...”“ยังดี… ยังดีที่ไม่ได้มาช้าไป!”“คิดไม่ถึงเลยว่าไทเฮาจะทรงเชิญพระชายาอ๋องอี้ด้วยพระองค์เอง?”ราชองครักษ์ผางยากที่จะเชื่อ เขารับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์มาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นไทเฮาเขียนเทียบเชิญแขกด้วยพระองค์เอง“ใช่! วันนี้ข้ายังเป็นคนที่ส่งเทียบเชิญให้ขันทีด้วยตัวข้าเอง ให้เขาไปเชิญ!”แม่นมเว่ยมองขันทีเซี่ยอย่างตำหนิขันทีเซี่ยก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม “ผู้นั้นอ้างว่าตนเป็นแม่นมของพระชายาผิงหยาง บอกว่าพระชายาผิงหยางกำลังรับประทานอาหารกับพระชายาอ๋องอี้ ตอนนั้นข้ารีบกลับวัง จึงให้นางไปโดยไม่ได้ถามให้ละเอียด...”“ไฉนเลยจะคิดว่าข่าวลือเรื่องเทียบเชิญปลอมจะแพร่สะพัดออกไป! รอให้จบเรื่องก่อนแล้วข้าค่อยถามอีกทีว่าใครที่ใส่ร้า
มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกเช่นเดียวกับเจิงจื่ออวี้ พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะเข้าไปไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!เงินน่ะสิ… คนนับไม่ถ้วนอยากจะลงไปร้องไห้กับพื้น!ให้ตายเถอะ แพ้อย่างน่าอนาถเสียจริง!“ฮ่า ๆ … ฮ่า ๆ ...”อันเจ๋อเห็นคนที่อยู่รอบ ๆ ที่วางเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะแพ้ดูหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็แค่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆแต่กลัวว่าจะไปยั่วโมโหทุกคน เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้มุมปากของคนรับใช้เขาแทบจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว เป็นดังที่คิด วางเดิมพันตามนายท่าน เดิมพันร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!ห้าสิบตำลึงกลายเป็นห้าพันตำลึง...โอ้โห ความรู้สึกของการมีเงิน สามารถเอากลับไปซื้อที่ดินให้แม่ได้เลย!“องค์รัชทายาท สายพระเนตรของพระองค์ช่างเฉียบคมนัก! กระหม่อมนับถือยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”อันเจ๋อเหลือบมองเขา “เสี่ยวย่าง เจ้าลงเดิมพันพระชายาตามข้าสินะ? อย่าได้พูดว่าไม่เชียว หากปากของเจ้ายิ้มขึ้นไปอีกก็คงไปแขวนอยู่บนหูแล้ว!”“เหอะ ๆ… ไหนเลยจะได้เยอะเท่าพระองค์ ที่ได้เงินถึงสองแสนพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้ไม่กล้าคิดเลยว่าเงินมากขนาดนั้นจะไปกองเต็มห้องกี่ห้อง ชีวิตนี้ต่อให้เป็น
ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องหลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจนางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าวหลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ
หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างยินดี แท้จริงแล้วนางก็มิได้อยู่ตัวคนเดียว มีพี่ชายอย่างสิงจั๋ว มิว่าจะเผชิญกับความยากลำบากใด ๆ นางก็มิกลัว“พี่ใหญ่ ประเดี๋ยวข้าจะไปที่บ้านตระกูลเย่สักหน่อย! ต้ายาจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน ท่านรีบพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรง พวกเราจะได้ออกเดินทางกัน!”หลิงอวี๋หาเถาวัลย์เชียนจีเจอแล้ว จะต้องรีบสกัดออกมาแล้วนำไปให้แม่ทัพเฉิงนางกลับไปที่ห้องนอนของตนแล้วรีบเข้าไปในมิติเพื่อสกัดเถาวัลย์เชียนจี เมื่อทำเสร็จแล้วหลิงอวี๋ก็รีบไปที่บ้านตระกูลเย่ยามเฝ้าประตูเห็นหลิงอวี๋ก็กล่าวว่า “คุณหนูสิง คุณชายหรงออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เขาบอกว่าหากท่านมา ให้ท่านเข้าไปรอเขาที่ห้องปรุงโอสถของอาจารย์ท่าน แล้วเขาจะรีบกลับมาก่อนเวลาอาหารกลางวันขอรับ!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว เย่หรงได้รับบาดเจ็บแต่กลับมิยอมอยู่บ้านพักผ่อนให้ดี วิ่งโร่ไปที่ใดอีกเล่า?หลิงอวี๋ไม่มีทางเลือก จำต้องไปรอที่ห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝานก่อนเย่ซื่อฝานกำลังปรุงโอสถอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็กล่าวทักทาย “เสี่ยวชี ขอบอกข่าวดีให้เจ้าทราบ อัตราความสำเร็จในการปรุงโอสถสมานแผลของข้าก้าวหน้าถึงแปดส่วนแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคำชี้แนะจากเจ้า!”
หลิงอวี๋ถูกคำพูดของเถาจื่อทำให้หัวเราะออกมาได้ แต่นางก็นึกถึงความคลุมเครือระหว่างเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียน และอดมิได้ที่จะกล่าวออกมา“ฝ่าบาทของพวกเจ้าก็มิเห็นจะลำบากอะไร คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อมิใช่หรือที่หลงรักเขาหัวปักหัวปำ?”หานเหมยเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมีความหมาย พลางยิ้มอย่างซุกซน “ฮองเฮา ท่านกำลังหึงหวงหรือเพคะ?”ใบหน้าของหลิงอวี๋แดงก่ำในทันที เก็บซ่อนรอยยิ้มแล้วทำหน้าบึ้งตึงกล่าวว่า “ใครหึงเขากัน ข้าพูดความจริงต่างหาก!”เถาจื่อและหานเหมยมองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็ขยิบตาให้กันเถาจื่อรู้ว่าเพราะหลิงอวี๋ความจำเสื่อม ซ้ำยังถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยุยง ยามนี้จึงยังมีปมในใจติดค้างต่อเซียวหลินเทียน และมิอยากให้หลิงอวี๋เข้าใจเซียวหลินเทียนผิดอีก จึงกล่าวว่า“ฮองเฮา เก๋อเฟิ่งฉิงชอบฝ่าบาทก็จริง แต่บ่าวกล้ารับประกันกับท่านได้เลยว่าฝ่าบาทมิได้มีพระทัยเป็นอื่นต่อนาง!”เถาจื่อเล่าให้หลิงอวี๋ฟังเรื่องที่พวกเขาขึ้นไปบนภูเขาหิมะเพื่อตามหาหลิงอวี๋ แต่กลับถูกหัวหน้าตระกูลเฉียววางแผน เซียวหลินเทียนตกลงไปในหุบเหวน้ำแข็ง และเก๋อเฟิ่งฉิงก็เสี่ยงชีวิตช่วยเซียวหลินเทียนไว้“เพื่อรักษาชื่อเสียงของเก่อ
นานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่มีข่าวคราวเลย ทว่าจู่ ๆ ก็มีข่าวความคืบหน้า มีเพียงความเป็นไปได้เดียวคืออาการของหวงฝู่หมิงจูกำเริบตระกูลจงเจิ้งลักพาตัวหวงฝู่หมิงจูไป จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการข่มขู่ให้หวงฝู่หลินส่งมอบวังเทพ หากหวงฝู่หมิงจูตายไปก็จะทำให้หวงฝู่หลินยิ่งโกรธแค้นเท่านั้น“หวงฝู่หมิงจูอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”หลิงอวี๋ถาม“ยังมิรู้แน่ชัด เฮยอิงส่งข่าวมาเก้าวัน บอกเพียงให้พวกเรารีบกลับไปที่คฤหาสน์อู่ หวงฝู่หลินขอความช่วยเหลือ ต้องรอให้กลับไปถึงจะรู้สถานการณ์ที่แน่ชัด!”เซียวหลินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมื่อกลับไปถึง เจ้ากับหานเหมยกลับจวนไปรอก่อน พวกเราจะไปช่วยคน!”“ข้าจะไปกับพวกท่านด้วย! สภาพร่างกายของหวงฝู่หมิงจูนั้นพิเศษอยู่บ้าง หากข้าอยู่ด้วยอาจจะช่วยชีวิตนางได้ทันการณ์!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างรีบร้อน“มิได้!”เซียวหลินเทียนส่ายหน้า “เราสองคนจะเสี่ยงอันตรายพร้อมกันมิได้ เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยเสือซ่อนมังกร ตระกูลจงเจิ้งก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ หากเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้น เจ้ากับหานเหมยอยู่ข้างนอกก็ยังสามารถช่วยพวกเราได้!”“หากพวกเราทั้งหมดตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรู ก็จะไม่
หลิงอวี๋เดินวนรอบ ๆ สองรอบก็ยังมิเห็นเบาะแสใด ๆ นางก็นึกถึงแหวนพระสุเมรุของตนขึ้นมา หรือว่าหัวมังกรแต่ละหัวจะเป็นมิติย่อยที่สามารถเก็บสิ่งของเหล่านี้ได้มิจำกัด?“น้ำปูนใส!”หลิงอวี๋คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หัวมังกรที่เพิ่งพ่นน้ำออกมาก็พ่นน้ำสีขาวออกมาจำนวนหนึ่ง เป็นน้ำปูนใสจริง ๆ“ใส่สมุนไพร!”หลิงอวี๋ร้องเรียกผนังด้านในของหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดออกเผยให้เห็นช่องว่าง แต่ไม่มีสมุนไพรอยู่ในนั้นหลิงอวี๋หัวเราะเยาะตนเอง นางคิดอะไรอยู่กัน คิดว่าข้างในหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์สามารถผลิตสมุนไพรเองได้อย่างนั้นหรือไร?นางสำรวจการใช้งานของหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดก็พบว่าตนมิสามารถสำรวจได้ทั้งหมด จึงลองหลอมโอสถเสริมพลังวิญญาณหนึ่งหม้อเตาหลอมโอสถทั่วไปจะใช้เวลาเจ็ดถึงแปดชั่วยามในการหลอมโอสถหนึ่งหม้อ แต่หม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามก็หลอมเสร็จแล้วหลิงอวี๋นำโอสถออกมาดูแล้วก็ต้องตกตะลึงกับคุณภาพและจำนวนที่ได้ได้โอสถถึงแปดส่วน และทั้งหมดเป็นโอสถระดับยอดเยี่ยมนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ใช้หม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากยังขาดประสบการณ์ หากหลอมอ
เซียวหลินเทียนมิได้รู้สึกเสียดายเลย อย่าว่าแต่หม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์เลย ของล้ำค่าที่สุดที่ตนมี เขาก็อยากจะมอบให้หลิงอวี๋ทั้งหมดเมื่อเห็นหลิงอวี๋ยังคงมิรับ เซียวหลินเทียนก็ยัดใส่มือของนางแล้วชักกริชออกมา เขาจับมือของหลิงอวี๋ไว้แล้วกรีดลงบนนิ้วชี้ของนางเลือดหยดลงบนแหวน แหวนก็เปล่งแสงสีม่วงอ่อน ๆ“หยดลงไปอีก หลังจากนี้หม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์นี้ก็จะเป็นของเจ้า!”เซียวหลินเทียนจับมือของหลิงอวี๋ไว้แล้วนำเลือดไปทาบนแหวนเซียวหลินเทียนกล่าว “หม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ เจ้าอยากให้มันเป็นแบบไหนก็ได้! ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ลูบแหวน มินานเสือปีกกาฬก็จะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า!”เซียวหลินเทียนกังวลว่า หากตนมิได้อยู่เคียงข้างหลิงอวี๋แล้วนางจะเจออันตราย อย่างน้อยมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเรียกเสือปีกกาฬได้ เขาก็อยากจะมอบให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋มองคิ้วและดวงตาของเซียวหลินเทียนที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม หากยามนี้เซียวหลินเทียนยังหมายปองหยกหล้าสุขาวดีของตน นั่นก็หมายความว่าหยกหล้าสุขาวดีจะต้องล้ำค่ากว่าหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นร้อยเท่ามิเช่นนั้น นางก็คิดมิออกจริง ๆ ว่า เหตุใดเซียว
ในเรื่องการจัดการกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนมีเป้าหมายเดียวกันหลิงอวี๋มิได้ปิดบังเซียวหลินเทียน นางกล่าวเสียงเคร่งขรึม “การทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผยธาตุแท้ออกมาเป็นเรื่องง่าย รอให้กลับไปก่อน ข้าจะวางยาพิษชนิดใหม่ให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ย! หากชี้นำอย่างเหมาะสม ฮูหยินเฉียวจะต้องเริ่มสงสัยในตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแน่!”ดวงตาของเซียวหลินเทียนเป็นประกาย พลันเอ่ยขึ้นว่า “หากต้องการให้ข้าทำสิ่งใดเจ้าก็บอกมาได้เลย เพื่อแก้แค้นให้ลูกของเรา ก็ขอให้ข้าได้ออกแรงบ้าง!”“เมื่อต้องการให้ท่านร่วมมือ ข้าจะให้หานเหมยแจ้งให้ท่านทราบ!”หลิงอวี๋นึกถึงเก๋อฮุ่ยหนิง นางถึงกับลงมือสังหารตนเพียงเพราะต้องการแต่งงานกับเฉียวไป๋ ครั้งนี้ก็จะจัดการกับเก๋อฮุ่ยหนิงไปด้วย ตนจะได้ไปฉินตะวันตกอย่างหมดห่วง“อาอวี๋ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เกือบลืมบอกเจ้าเสียแล้ว!”เซียวหลินเทียนนึกถึงป้าวซวนขึ้นมาได้ทันที จึงกล่าวว่า “ครั้งก่อนที่ภูเขาหมางหลิ่ง ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ นางเคยบอกข้าว่า ป้าวซวนและเจ้าสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง นางหลอกป้าวซวนให้มาเมืองหลวงแดนเทพเพื่อตามหาเจ้า!”“ช่วงนี้ข้าคอยจับตาดูเรื่องของป้าวซวนไว้
หลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนกอดไว้แน่น นางพยายามดิ้นรนแต่ก็มิอาจหลุดพ้นเขากดร่างของนางแนบแน่นบนแผงอก ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา อ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยหยดน้ำตาพลันไหลรินออกมาโดยมิทราบสาเหตุ หลิงอวี๋นึกถึงความรู้สึกสิ้นหวังเมื่อครั้งถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะจนมิอาจขัดขืนได้ น้ำตาจึงรินไหลอาบแก้มเซียวหลินเทียนบอกว่านั่นคือลูกของเขากับนาง?เมื่อครู่สีหน้าเศร้าโศกและเจ็บปวดของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋มองเห็นได้อย่างชัดเจน นางเชื่อว่าความเศร้าของเซียวหลินเทียนในยามนี้เป็นของจริง มิได้เสแสร้งหลอกลวงตน!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาจจะโกหกได้ เซียวหลินเทียนก็อาจจะแสดงละครได้ แต่หลิงอวี๋มิเชื่อว่าความเศร้าของเซียวหลินเทียนเป็นการแสดง!“อาอวี๋ ข้าจะแก้แค้นให้ลูกของเรา!”“เมื่อกลับไป ข้าจะต้องหาวิธีจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้ได้ หากเจ้าอยากจะสับนางเป็นหมื่นชิ้น มิต้องให้เจ้าลงมือ ข้าจะทำเอง!”เซียวหลินเทียนแค่นเสียงลอดไรฟัน“ความแค้นของข้า ข้าจะแก้แค้นเอง!”หลิงอวี๋ผลักเซียวหลินเทียนออกอย่างแรง นางหันหลังไปเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ตอนอยู่ที่สำนักศึกษาชิงหลง ข้าได้วางยาพิษนางไปแล้
หลิงอวี๋ยังมิเชื่อว่าเสือปีกกาฬจะฟังคำพูดของตน จึงลองลูบหัวใหญ่ ๆ ของมันแล้วอธิบายรายละเอียดของสมุนไพรที่ต้องการเสือปีกกาฬร้องสองครั้งเป็นสัญญาณว่าเข้าใจ จากนั้นก็กระโจนลงจากหน้าผาไปเพียงมิกี่นาที เสือปีกกาฬก็กระโจนขึ้นมาอีกครั้ง ในปากคาบเถาวัลย์มาวางไว้ตรงหน้าหลิงอวี๋มากมาย ทั้งหมดนั้นมีเถาวัลย์เชียนจีที่หลิงอวี๋ต้องการอยู่ด้วยยังมิทันที่หลิงอวี๋จะชมเชยมัน เสือปีกกาฬก็กระโดดลงไปอีกครั้งครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าเดิม เมื่อกลับขึ้นมาในปากคาบสมุนไพรมาวางกองไว้ตรงหน้าหลิงอวี๋มากมายอีกครั้งหลิงอวี๋มองดูอย่างตกตะลึง ในจำนวนนี้มีสมุนไพรล้ำค่าอยู่มากมาย ทั้งยังมีโสมเก้าคดอีกสองต้นครั้งก่อนโสมเก้าคดของหลิงอวี๋ยังขายมิออก ครั้งนี้ได้มาอีกสองต้น นางจึงกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในทันทีการเลี้ยงเสือปีกกาฬตัวนี้ เหมือนกับการเลี้ยงต้นไม้เงินต้นไม้ทอง!“ขอบคุณ ขอบคุณนะ!”หลิงอวี๋ลูบหัวใหญ่ ๆ ของเสือปีกกาฬอย่างมีความสุข “ครั้งหน้าข้าจะปรุงยาที่ระดับสูงกว่านี้ให้เจ้า ทำให้เจ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถบินได้อย่างแท้จริง!”เสือปีกกาฬดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของหลิงอวี๋ มันจึงใช้ศีรษะใหญ่มาคลอเคลี
พี่น้องตระกูลเย่เปิดอกคุยกัน การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาทำให้ท่านผู้เฒ่าเย่มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างไรเสียก็มิอาจหลีกหนีจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ เช่นนั้นเชื่อฟังพี่ใหญ่เถิด สนับสนุนหลิงอวี๋อย่างเต็มที่!หลิงอวี๋มิรู้เรื่องนี้เลย วันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางไปยังภูเขาหมางหลิ่งพร้อมกับฉินซานและคนอื่น ๆเซียวหลินเทียนได้โอกาสที่จะร่วมเดินทางไปกับหลิงอวี๋ จึงมาแต่เช้าตรู่ครั้งนี้ไม่มีจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและคนอื่น ๆ มาขัดขวาง พวกเขาจึงเดินทางมาถึงหน้าผานั้นในวันเดียวกันหลิงอวี๋กำลังจะให้เซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ช่วยตัดเถาวัลย์มาถักเป็นบันไดเชือกปีนลงไป เซียวหลินเทียนก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “จะทำเรื่องยุ่งยากไปไย ดูข้า!”เซียวหลินเทียนลูบหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ มิถึงสิบวินาที เสือปีกกาฬก็กระโจนขึ้นมาจากใต้หน้าผาหลิงอวี๋มองดูอย่างตกตะลึง ผ่านไปเพียงมินานเสือปีกกาฬก็เติบโตขึ้นมาก ปีกทั้งสองข้างแข็งแรง เมื่อกางออกก็ยาวถึงสองเมตรกว่า“นี่เป็นเพราะโอสถสร้างรากฐานปราณที่เจ้าให้!”เซียวหลินเทียนยื่นขวดโอสถเสริมพลังวิญญาณให้หลิงอวี๋ “เจ้าป้อนมันเองเถอะ ต้องการสมุนไพรอะไรก็บอกมัน ให้มันไปเก็บให้!”นางเคยให