สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ววันงานฉลองวันเกิดไทเฮา แขกเหรื่อทุกครัวเรือนที่ได้รับเทียบเชิญ ต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวกันตรวจดูเสื้อผ้าอาภรณ์ ตรวจดูของขวัญ และเตรียมคำแสดงความยินดีครั้งแล้วครั้งเล่าการได้รับเทียบเชิญอันล้ำค่านี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากจะทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยหลังจากตรวจดูครั้งแล้วครั้งเล่าและเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญก็ขึ้นรถม้ารีบไปที่ประตูวังงานฉลองวันเกิดปีนี้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีใครแอบเข้าไป จึงมีการจัดทหารองครักษ์สามกลุ่มคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ประตูวังองครักษ์สองแถวซ้ายขวาล้วนสวมหมวกบนศีรษะ ที่ตัวก็สวมชุดเกราะแวววาวใหม่เอี่ยม ที่เท้าสวมรองเท้าบูตยาว และต่างก็ถือดาบไว้ในมือองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ในมือจะมีคันธนูและลูกธนู แล้วกระจายกำลังกันอยู่ข้างนอกเมื่อเห็นท่าทางนี้ ลูก ๆ ของขุนนางระดับสูงที่มากับบิดามารดาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พูดจาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้องครักษ์เหล่านี้โกรธแล้วต้องเผชิยกับผลที่ตามมาเจิงจื่ออวี้กับเสิ่นจวนลงจากรถม้าก็พบกันเลย ทั้งสองคนรวมตัวกัน แล้วเสิ่นจวนก็เอ่ยถาม
ดาบส่องประกายเจิดจ้าเมฆดำอึมครึมเข้าปกคลุมทั้งเมือง...เพียงชั่วพริบตา คนที่รอคอยดูเรื่องสนุกอยู่ด้านนอกวังต่างก็ตกใจจนกลั้นหายใจกันหมด...แม้ว่าจะคาดเดาไว้แล้วว่าหลิงอวี๋จะต้องถูกสกัดเอาไว้ หรืออาจจะถึงขั้นถูกแทงเลยด้วย!แต่พอเห็นภาพนี้กับตา คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกใจจนตัวสั่นอันเจ๋อเองก็ตกใจจนกำมือทั้งสองข้างแน่นเช่นกัน ใจเด้งขึ้นมาถึงลำคอ รู้สึกว่าใจของตนเต้นตุบ ๆๆๆ...ไกลออกไป เซียวหลินเทียนเองก็ชะโงกหน้าอยู่บนรถเข็นไปดูโดยไม่รู้ตัว พลันใจก็เต้นลู่หนานก็ตกใจจนจับตรงที่จับรถเข็นเซียวหลินเทียนแน่นเช่นกัน มือที่กำแน่นนั้นเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกมา...มีเพียงชิวเหวินซวงที่ยิ้มอย่างเย็นชาหลิงอวี๋ ครั้งนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังตายยากตายเย็นอยู่หรือไม่?ข้าบอกไว้ตั้งนานแล้วว่า หากเจ้าไม่รู้จักความเป็นความตายกล้ามาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพ เจ้าก็จะมาแล้วไม่ได้กลับ!หึ… ข้าพูดไว้ถูกต้องทีเดียว!เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จับมือกันไว้แน่นจนเจ็บ แต่กลับไม่สังเกตเลยสักนิด ได้แต่จ้องดาบพวกนั้นเขม็ง หัวสมองว่างเปล่าไปหมดพระชายาผิงหยางหัวเราะขึ้นมา “หลิงอวี๋คนโง่ คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าเอาเทียบเชิ
แม่นมเว่ยที่ตามมาติด ๆ วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ“ราชองครักษ์ผาง… เมื่อครู่ซุ่ยเอ๋อร์บอกเรื่องข่าวลือกับข้าแล้ว ข้าถึงได้รู้ว่ามีคนกุข่าวลือเช่นนี้...”“เทียบเชิญนี้เป็นของจริง...ไทเฮาทรงพระอักษรมันด้วยพระองค์เอง!”“ข้ากลัวว่าราชองครักษ์ผางจะฟังข่าวลือนั้นแล้วทำให้พระชายาอ๋องอี้ลำบาก ถึงได้รีบออกมาต้อนรับ...”“ยังดี… ยังดีที่ไม่ได้มาช้าไป!”“คิดไม่ถึงเลยว่าไทเฮาจะทรงเชิญพระชายาอ๋องอี้ด้วยพระองค์เอง?”ราชองครักษ์ผางยากที่จะเชื่อ เขารับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์มาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นไทเฮาเขียนเทียบเชิญแขกด้วยพระองค์เอง“ใช่! วันนี้ข้ายังเป็นคนที่ส่งเทียบเชิญให้ขันทีด้วยตัวข้าเอง ให้เขาไปเชิญ!”แม่นมเว่ยมองขันทีเซี่ยอย่างตำหนิขันทีเซี่ยก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม “ผู้นั้นอ้างว่าตนเป็นแม่นมของพระชายาผิงหยาง บอกว่าพระชายาผิงหยางกำลังรับประทานอาหารกับพระชายาอ๋องอี้ ตอนนั้นข้ารีบกลับวัง จึงให้นางไปโดยไม่ได้ถามให้ละเอียด...”“ไฉนเลยจะคิดว่าข่าวลือเรื่องเทียบเชิญปลอมจะแพร่สะพัดออกไป! รอให้จบเรื่องก่อนแล้วข้าค่อยถามอีกทีว่าใครที่ใส่ร้า
มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกเช่นเดียวกับเจิงจื่ออวี้ พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะเข้าไปไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!เงินน่ะสิ… คนนับไม่ถ้วนอยากจะลงไปร้องไห้กับพื้น!ให้ตายเถอะ แพ้อย่างน่าอนาถเสียจริง!“ฮ่า ๆ … ฮ่า ๆ ...”อันเจ๋อเห็นคนที่อยู่รอบ ๆ ที่วางเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะแพ้ดูหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็แค่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆแต่กลัวว่าจะไปยั่วโมโหทุกคน เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้มุมปากของคนรับใช้เขาแทบจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว เป็นดังที่คิด วางเดิมพันตามนายท่าน เดิมพันร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!ห้าสิบตำลึงกลายเป็นห้าพันตำลึง...โอ้โห ความรู้สึกของการมีเงิน สามารถเอากลับไปซื้อที่ดินให้แม่ได้เลย!“องค์รัชทายาท สายพระเนตรของพระองค์ช่างเฉียบคมนัก! กระหม่อมนับถือยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”อันเจ๋อเหลือบมองเขา “เสี่ยวย่าง เจ้าลงเดิมพันพระชายาตามข้าสินะ? อย่าได้พูดว่าไม่เชียว หากปากของเจ้ายิ้มขึ้นไปอีกก็คงไปแขวนอยู่บนหูแล้ว!”“เหอะ ๆ… ไหนเลยจะได้เยอะเท่าพระองค์ ที่ได้เงินถึงสองแสนพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้ไม่กล้าคิดเลยว่าเงินมากขนาดนั้นจะไปกองเต็มห้องกี่ห้อง ชีวิตนี้ต่อให้เป็น
ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องหลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจนางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าวหลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ
"พระชายาผิงหยาง… ชุดนี้ของเจ้าสวยมาก! จ่ายไปหลายพันตำลึงเลยสินะ!" เพื่อจะระบายความโกรธที่แพ้เดิมพันเสียเงินไป เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จึงได้ผูกมิตรกับพระชายาผิงหยาง และชมเชยประจบสอพลอ"แน่นอนสิ ข้าจ่ายไปทั้งหมดห้าพันตำลึงเงิน! นี่สั่งตัดที่เรือนหลินหลางเชียวนะ!" "เพื่อเข้าร่วมงานฉลองวัพระราชสมภพของไทเฮา ข้าสั่งทำล่วงหน้าสามเดือนเลย!" ชุดที่เสิ่นจวนใส่วันนี้ก็งดงามมากเช่นกันกระโปรงสีชมพูอ่อนตรงชายมีระบายพลิ้ว มีปักลวดลายผีเสื้อตรงชายกระโปรงนางเหลือบมองหลิงอวี๋ แล้วพูดเยาะเย้ย"พระชายาผิงหยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่สามารถเทียบเจ้าได้เลย! นางน่ะ เป็นหนี้เงินกู้ตั้งมากถึงเพียงนั้น แต่ไม่มีเงินตัดชุด ทำได้เพียงใส่ชุดเก่ามา!" ทันทีที่พระชายาผิงหยางได้ยิน ก็ยิ่งเย่อหยิ่งขึ้นมา แล้วพูดดูถูก "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! หลิงอวี๋ เจ้าก็รีบบอกสิ! หากรีบบอกข้าจะได้ส่งชุดที่ข้าไม่เคยใส่ไปให้เจ้าสักชุด!"น้ำเสียงที่ดูสงเคราะห์นั้นทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ล้วนหัวเราะออกมาพระชายาผิงหยางยิ้มอย่างดูถูก "ข้าอยากจะส่งชุดที่เรือนหลินหลางตัดให้พระชายาอ๋องอี้…"พวกสาว ๆ ไ
ส่วนพระชายาผิงหยาง วันนั้นก็เห็นชุดนี้ที่เรือนหลินหลางเช่นกัน ตอนนั้นก็จ้องอยู่ตาเป็นมันด้วย! แต่อ๋องผิงหยางเป็นอ๋องที่ว่างงาน นอกเสียจากเงินเดือนที่ได้ประจำแล้ว หนึ่งปีก็มีรายได้ไม่กี่หมื่นหรอกชุดที่พระชายาผิงหยางใส่นี้ก็แอบซื้อลับหลังอ๋องผิงหยางวันนี้นางได้ยินว่ามีการวางเดิมพันกัน ก็เอาตั๋วเงินสองหมื่นออกมาอย่างเงียบ ๆยังคิดอยู่ว่าจะชนะพนัน แล้วเงินค่าชุดนี้ก็จะได้กลับมา แล้วก็จะสามารถบอกกับอ๋องผิงหยางได้เต็มที่! ไหนเลยจะคิดว่าจะแพ้จนเสียไปทั้งหมด! พระชายาผิงหยางยังไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวจะไปอธิบายกับอ๋องผิงหยางเยี่ยงไร!คิดอยู่ว่าหรือหลังจากจบงานเลี้ยงจะไปหลบอยู่ที่บ้านแม่สักสองสามวันดี!“ชุดนี้จะต้องเป็นของปลอมแน่!”ฉินรั่วซือเห็นสีหน้าของทั้งสามคนไม่สู้ดี จึงเอ่ยเตือน“ใช่ ๆ ชุดนั้นที่เรือนหลินหลางไม่ใช่แบบนี้…”ทันทีที่พระชายาผิงหยางถูกนางเตือน ก็ชี้ไปที่คอเสื้อแล้วพูดขึ้น“คอเสื้อที่เรือนหลินหลางเป็นแบบไขว้ ที่กระโปรงกับแขนเสื้อก็ใช้ดิ้นสีเงิน…”“หลิงอวี๋ เจ้าซื้อไม่ไหวก็อย่าทำของปลอมสิ! นี่ไม่ใช่การทำให้คนเขาหัวเราะกันรึ?”“คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาผู้สง่าจะใ
สาว ๆ คนอื่นมองบนตัวของตนเอง กระทั่งเข็มขัดก็ยังเทียบไม่ติดเลยจบ พลันรีบหุบปากกันทั้งหมด!คนเทียบกับคนยังทำให้โกรธได้! สิ่งของเทียบสิ่งของ ย่อมต้องมีทิ้งกันบ้างปะไร!“หลิงซิน เจ้าดูสิคนที่เขาดูของเป็นล้วนบอกว่าเป็นของจริง เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว! เงินนี้จ่ายไปอย่างคุ้มค่าแล้ว!”“ไปเถอะ! ท่านอ๋องรอพวกเราอยู่ทางนั้น!”หลิงอวี๋กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปพระชายาผิงหยางก็เหลือบมองผ้าคลุมหน้าของนาง แล้วยื่นมือไปจับนางไว้ “พระชายาอ๋องอี้ ไม่ต้องรีบร้อนกระมัง! นี่ยังคุยไม่จบเลยมิใช่รึ?”“เมื่อสองวันก่อนข้าได้รับตำรับยาพื้นบ้านมา ได้ยินว่าถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนบาดเจ็บไปทั้งหน้า ตำรับยาพื้นบ้านของข้าช่วยรักษารอยแส้ได้นะ!”นางพูดแล้วยื่นมือจะมาคว้าผ้าคลุมหน้าของหลิงอวี๋…หลิงอวี๋เห็นว่าพระชายาผิงหยางยื่นมือมา ก็หันหน้าหลบตามสัญชาตญาณพระชายาผิงหยางเห็นดังนั้นก็เอ่ยอย่างเยาะเย้ย “ผ้าคลุมหน้าผืนนี้ของเจ้าไม่ต้องคลุมแล้วกระมัง เจ้าไม่ให้ข้าดู ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าตำรับยาพื้นบ้านเหมาะกับเจ้าหรือไม่!”“ใช่!” เจิงจื่ออวี้เห็นว่าหาโอกาสที่จะให้หลิงอวี๋อับอายได้อีกครั้งแล้ว มีหรือจะปล่อยโอกาสนี้
เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที แล้วรีบเอ่ยถามรัว ๆ อย่างร้อนใจ “เหตุใดคุณชายตระกูลเฉียวจึงอยู่ที่เมืองจงกวน? คนที่มาคือผู้ใด? หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร? เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือคุณชายตระกูลเฉียวจริง ๆ?”เก๋อฮุ่ยหนิงจึงเล่าเรื่องที่จื่ออวิ๋นจำเฉียวไป๋ได้ให้เขาฟัง แล้วบอกแผนการของตนให้ข้าหลวงเก๋อรู้โดยมิปิดบังด้วยสุดท้าย เก๋อฮุ่ยหนิงก็เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “ขอเพียงท่านพ่อส่งยอดมือสักสองสามคนมาแสดงร่วมกับข้า ให้ข้าได้เป็นวีรสตรีช่วยเหลือบุรุษรูปงาม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฉียวไป๋จะต้องรู้สึกขอบคุณข้าอย่างแน่นอน!”“เมื่อกอปรกับความสามารถและความงามของข้าแล้ว ในท้ายที่สุดคุณชายเฉียวจะต้องแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน!”เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินว่าเก๋อฮุ่ยหนิงได้คิดแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในที่สุดเขาก็มองลูกสาวที่มิเป็นที่สนใจมาโดยตลอดผู้นี้ในมุมมองที่ต่างออกไป นางเป็นคนที่มีกล้าหาญ มีความฉลาด มีกลยุทธ์และมีความเด็ดขาด หากสตรีเช่นนี้มุ่งเป้ามาที่ตน ตนไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือของนางได้แน่คุณชายตระกูลเฉียวเองก็เป็นบุรุษเช่นกัน เขาเชื่อว่าคุณชายตระกูลเฉี
ฮูหยินเก๋อมิได้เข้าใจความพยายามของข้าหลวงเก๋อในทันที และยังคงรู้สึกเสียใจกับเงินห้าพันตำลึงนี้อยู่ ข้าหลวงเก๋อเห็นว่านางมิเข้าใจ จึงลากนางเดินออกไปจากนั้นข้าหลวงเก๋อจึงบอกความตั้งใจของตนให้ฮูหยินเก๋อฟังอย่างง่าย ๆ ฮูหยินเก๋อจึงได้สติคืนมาการที่สามีได้เลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นย่อมเป็นสิ่งฮูหยินเก๋ออยากเห็นอยู่แล้ว แม้ว่านางจะทำใจมิได้แต่ก็ทำได้เพียงนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงมามอบให้หลิงอวี๋และเพื่อเป็นการดึงตัวหลิงอวี๋ให้มาทำงานกับสามี ฮูหยินเก๋อจึงพยายามพูดความดีของข้าหลวงเก๋ออย่างเต็มที่ ทั้งยังพูดออกไปอย่างมิปิดบังอีกว่า ขอเพียงหลิงอวี๋ติดตามพวกเขาไปเป็นหมอประจำตระกูลเก๋อที่เมืองหลวงแดนเทพ นางจะมิทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากอย่างแน่นอนเมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จึงได้รู้ว่าที่ข้าหลวงเก๋อให้เงินเป็นจำนวนมากนั้นเพราะมีเจตนาแอบแฝง นางจึงลังเลขึ้นมาทันทีหากพูดด้วยใจที่เป็นกลางแล้วละก็ นางมิยินยอมที่จะเป็นทาสของตระกูลเก๋อ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนางจะสูญเสียอิสรภาพไปแต่เมื่อหลิงอวี๋คิดว่า นางเองก็ต้องไปที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และบางทีก็อาจจะพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ด้วย การที่มีตระกูล
เก๋อฮุ่ยหนิงมองไปแล้วก็เกือบจะอาเจียนออกมา“คุณหนูสาม หมอเจียงได้นำถุงน้ำออกมาแล้วเจ้าค่ะ นางให้บ่าวยกออกมาให้พวกท่านดู! ตอนนี้หมอเจียงกำลังเย็บแผลของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ คงจะต้องใช้เวลาสักพักเจ้าค่ะ!”นางรับใช้ใช้ตัวน้อยยกสิ่งที่อยู่ในจานให้ทุกคนดู เมื่อฮูหยินเก๋อและคุณหนูคนอื่น ๆ เห็นก็ตกใจจนรีบเบือนสายตาไปทางอื่นในทันทีเก๋อฮุ่ยหนิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่ภายในใจ หมอที่ตนเชิญมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าเก่งกาจถึงเพียงนี้ ตนช่างมีสายตาที่หลักแหลมเสียจริง!“ยกถุงน้ำไปให้ท่านพ่อดูสิ ท่านพ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ในที่สุดโรคของท่านย่าก็รักษาหายแล้ว!”เก๋อฮุ่ยหนิงจงใจเอ่ยขึ้นมานางรับใช้ตัวน้อยจึงทำตามคำสั่งแล้วยกไปให้ข้าหลวงเก๋อดูเก๋อฮุ่ยซินและฮูหยินเก๋อต่างก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างก็โกรธมาก ๆหากฮูหยินผู้เฒ่าหายดีแล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าฮูหยินเก๋อยังต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่ากดขี่ต่อไปอีก และจะมิได้สิทธิ์ดูแลตระกูลเก๋อด้วยทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเก๋อฮุ่ยหนิง!ในชั่วขณะหนึ่งฮูหยินเก๋ออยากจะตีนางสารเลวผู้นี้ให้ตายไปเสีย นางถึงกับแอบสาบานว่า นางจะต้องหาคู่แต่งงานที่น่ารังเกียจที่สุดให้ก
เมื่อหลิงอวี๋ไปถึงบ้านตระกูลเก๋อ ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงมองหลิงอวี๋แตกต่างออกไปแล้ว ที่แท้หมอเจียงก็มีตระกูลเฉียวสนับสนุนอยู่ นางจึงได้กล้าหาญมิเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเก๋อเช่นนี้!กระต่ายน้อยที่หลิงอวี๋ผ่าท้องไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจึงยิ่งรู้สึกสนใจที่จะให้หลิงอวี๋ทำการรักษานางแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจะรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว แต่หากยังมิผ่านการยินยอมจากลูกชายเสียก่อน นางก็มิอาจตัดสินใจเองโดยพลการได้ ข้าหลวงเก๋อจึงถูกเชิญมา นับเป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้พบกับใต้เท้าข้าหลวงเมืองจงกวนผู้นี้เขาอายุสี่สิบกว่า ดูมีชีวิตชีวา เขามีใบหน้ารูปเหลี่ยม จมูกงุ้มเล็กน้อยและมีดวงตาลึกเขามองประเมินหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หมอเจียง ท่านแม่ของข้าเทียบกับกระต่ายมิได้หรอกนะ ชีวิตของนางมีค่ามากกว่ากระต่ายตัวนั้นร้อยเท่า เจ้าแน่ใจหรือว่าการผ่าตัดให้นางจะมิเป็นอันตราย?”หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับข้าหลวงเก๋อผู้มีอำนาจ โดยมิได้แสดงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป “ท่านใต้เท้าเก๋อ แม้ว่าชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจะล้ำค่ากว่ากระต่ายตัวนั้นแต่ก็เป็นชีวิตเจ้าค่ะ ข้าได้พ
เก๋อฮุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากที่จื่ออวิ๋นเล่ามา เนื้อตัวของเฉียวไป๋เต็มไปด้วยบาดแผล และหมอเจียงก็เป็นหมอ ดังนั้นบางทีนางอาจจะช่วยชีวิตเฉียวไป๋เอาไว้ก็ได้เฉียวไป๋อยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเกือบพันลี้ ดังนั้นขอเพียงตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เฉียวไป๋จดจำความดีของตนเอาไว้ แล้วค่อยยุให้ท่านย่าออกหน้า การแต่งงานครั้งนี้ก็จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จถึงแปดหรือเก้าในสิบแล้วแต่จะเข้าใกล้เฉียวไป๋ได้อย่างไรกัน?เก๋อฮุ่ยหนิงมิคิดว่า หากตนเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเฉียวไป๋ก่อน เขาก็คงจะสนใจนางปกติแล้วคุณชายตระกูลขุนนางเหล่านี้มักจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น หากมิใช่คนพิเศษสักหน่อย เฉียวไป๋ไม่มีทางยอมให้ตนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด!“จื่ออวิ๋น เจ้าไปสืบมาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียว เหตุใดคุณชายเฉียวจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ได้!”“และหากสืบมาได้ว่าคุณชายเฉียวชอบอะไรก็จะยิ่งดี!”เก๋อฮุ่ยหนิงรู้สึกว่า เมื่อก่อนนั้นตนยอมรับความลำบากมาโดยตลอด จึงได้ถูกเก๋อฮุ่ยซินแย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป แต่ครั้งนี้มิว่าอย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้หากว่ามิสำเร็จ นางค่อยยอมรับชะตากรรมก็ได้
จื่ออวิ๋นติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อสามปีก่อนตระกูลเก๋อได้เดินทางไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองอายุครบร้อยปีที่ตระกูลหลงจัดขึ้นที่เมืองหลวงแดนเทพตอนนั้นจื่ออวิ๋นได้ติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงไปที่เมืองหลวงแดนเทพ เดิมทีท่านย่าของตระกูลเก๋อจะใช้โอกาสนี้พูดคุยเรื่องแต่งงานให้กับเหล่าคุณหนูตระกูลเก๋อ นางจึงพาเหล่าคุณหนูไปด้วยดังนั้นจื่ออวิ๋นจึงเคยพบกับพวกคุณชายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงที่ยังมิได้แต่งงาน ในงานเลี้ยงชมบุปผาที่ทางด้านตระกูลเก๋อเป็นผู้จัดขึ้น เฉียวไป๋ก็มาเช่นกัน จื่ออวิ๋นเคยได้พบกับเขาแล้วในเวลานั้นจื่ออวิ๋นยังเคยบอกเก๋อฮุ่ยหนิงด้วยว่า เฉียวไป๋เหมาะกับเก๋อฮุ่ยหนิงมาก ทั้งคู่อายุใกล้เคียงกัน และเฉียวไป๋ก็หน้าตาหล่อเหลาด้วยเพียงแต่เมื่อดูจากภูมิหลังทางครอบครัวของตระกูลเก๋อแล้ว แม้แต่คุณหนูที่เป็นลูกสาวถูกต้องตามกฎหมายก็มิอาจเอื้อมถึงตระกูลเฉียวได้ ยิ่งมิต้องพูดถึงเก๋อฮุ่ยหนิงที่เป็นลูกสาวของอนุภรรยาเลยในตอนนั้นแม้ว่าเก๋อฮุ่ยหนิงจะชื่นชอบเฉียวไป๋เช่นกัน แต่ด้วยฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงมิอาจเอื้อม และมิได้เอามาใส่ใจแต่จื่ออวิ๋นไหนเลยจะคาดคิดว่า เฉียวไป๋คุณชายตระกูลขุน
เงื่อนไขที่เก๋อฮุ่ยหนิงต่อรองกับหลิงอวี๋คือ หลังจากที่หลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้กระต่ายแล้ว หากว่ากระต่ายตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ ข้าหลวงเก๋อก็จะต้องปล่อยลูกชายของหมอเถาไป“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว! แต่ท่านพ่อบอกว่าเขาจะต้องได้เห็นกระต่ายมีชีวิตอยู่เท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่มีทางปล่อยตัวคนไปแน่!”เก๋อฮุ่ยหนิงกลับมาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ถึงอย่างไรเจ้าก็มั่นใจในทักษะการแพทย์ของเจ้าเองมากอยู่แล้วมิใช่หรือ เช่นนั้นรออีกสักวันก็มิเป็นอะไรหรอก!”หลิงอวี๋มองออกว่าเก๋อฮุ่ยหนิงพยายามเต็มที่แล้ว นางจึงพยักหน้ากระทั่งเก๋อฮุ่ยหนิงให้นางรับใช้ไปหากระต่ายมา หลิงอวี๋กับเสี่ยวซิ่งก็นำอุปกรณ์ที่ต้องการออกมา แล้วผ่าท้องกระต่ายต่อหน้าเก๋อฮุ่ยหนิงกระต่ายถูกโอสถหมาฝู่ส่านทำให้สลบไป และทักษะที่ชำนาญของหลิงอวี๋ก็ทำให้เก๋อฮุ่ยหนิงยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น นางรู้สึกว่าหลิงอวี๋จะต้องรักษาท่านย่าของตนได้อย่างแน่นอนกระทั่งหลิงอวี๋เย็บท้องของกระต่ายเรียบร้อยแล้ว และฤทธิ์ของโอสถหมาฝู่ส่านหมดลง เมื่อเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นกระต่ายฟื้นขึ้นมา นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็อยากจะรีบไปบอกข่าวนี้กับท่านย่า“คุณหนูสาม มันดึกแล้ว ค
ทันทีที่เก๋อฮุ่ยซินได้ยินว่า เก๋อฮุ่ยหนิงคิดจะสะสางให้ตนใสสะอาด นางก็ตะโกนขึ้นมา “เจ้าอย่าได้พูดให้น่าฟังไปหน่อยเลย ใคร ๆ ก็รู้ความในใจของเจ้ากันทั้งนั้นว่าเจ้าชื่นชอบคุณชายจ้าว…”“พอแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นการที่สองพี่น้องแย่งสามีคนเดียวกันเช่นนี้ จะปกปิดก็ยังมิทัน แต่เก๋อฮุ่ยซินกลับตะโกนออกมาต่อหน้าคนนอก นี่ยังน่าอับอายมิพออีกหรือ?“เก๋อฮุ่ยซิน เจ้าออกไปเสีย!”ฮูหยินผู้เฒ่าดุด้วยความโกรธ “เจ้าถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน หากเจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้า สินสอดของเจ้าจะลดลงกึ่งหนึ่ง!”เก๋อฮุ่ยซินรู้สึกว่าชีวิตของนางกำลังถูกบีบขึ้นมาทันที นางจึงตะโกนออกไปด้วยความร้อนรน “ท่านย่า ข้าทำเพื่อท่านจริง ๆ ท่านจะเชื่อคำพูดของเก๋อฮุ่ยหนิงกับหมอหญิงผู้นี้มิได้เป็นอันขาดนะเจ้าคะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าก็จ้องมองนางอย่างเย็นชา “หากเจ้าพูดออกมาอีกคำ สินสอดของเจ้าจะหายไปทั้งหมด!”เก๋อฮุ่ยซินตกใจจนต้องปิดปากไว้พลันน้ำตาคลอ และวิ่งออกไปร้องไห้ด้วยความคับข้องใจเก๋อฮุ่ยหนิงแอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่นางมิกล้าแสดงท่าทีใด ๆ ออกไป จึงยังคงเช็ดน้ำตาอย่างเสียใจต่อไป“หนิงเอ๋อร์ ย
หลิงอวี๋มิรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเคยถามคำถามเดียวกันนี้กับหมอคนอื่นมาก่อนแล้ว และทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิเหมาะที่จะเดินทางไกลไปรับการรักษาที่เมืองหลวงแดนเทพหมอเถาถึงกับเคยบอกอ้อม ๆ ว่าฮูหยินผู้เฒ่านั้นอาจจะตายระหว่างทางก็เป็นได้ส่วนข้าหลวงเก๋อแม้ว่าจะมีอำนาจและอิทธิพล แต่ก็มิสามารถเชิญหมอที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงแดนเทพมาได้เนื่องจากหมอที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็เป็นดังที่เก๋อฮุ่ยหนิงบอก พวกเขาล้วนสูงส่ง จำเป็นต้องไปขอร้องถึงหน้าประตูและจ่ายเงินก้อนโตก่อนจึงจะยอมรักษาหากมิให้หลิงอวี๋รักษานาง ในเมืองจงกวนจะไม่มีใครที่สามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่านี้ได้ และหากเป็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่ายังใช้ชีวิตอยู่มิเพียงพอ แล้วจะทำใจจากไปเช่นนี้ได้อย่างไรแต่จะให้หลิงอวี๋ผ่าท้องของตน ฮูหยินผู้เฒ่าก็กลัวอีกหลิงอวี๋มองออกถึงความขัดแย้งในใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงเอ่ยออกไป “ฮูหยินผู้เฒ่า ยังมีวิธีที่ประนีประนอมกันได้เจ้าค่ะ…”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น นางก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที “หมอเจียง วิธีประนีประนอมอย่างไร เจ้าบอกมาเร็วเข้า!”หลิงอวี๋