มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกเช่นเดียวกับเจิงจื่ออวี้ พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะเข้าไปไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!เงินน่ะสิ… คนนับไม่ถ้วนอยากจะลงไปร้องไห้กับพื้น!ให้ตายเถอะ แพ้อย่างน่าอนาถเสียจริง!“ฮ่า ๆ … ฮ่า ๆ ...”อันเจ๋อเห็นคนที่อยู่รอบ ๆ ที่วางเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะแพ้ดูหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็แค่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆแต่กลัวว่าจะไปยั่วโมโหทุกคน เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้มุมปากของคนรับใช้เขาแทบจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว เป็นดังที่คิด วางเดิมพันตามนายท่าน เดิมพันร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!ห้าสิบตำลึงกลายเป็นห้าพันตำลึง...โอ้โห ความรู้สึกของการมีเงิน สามารถเอากลับไปซื้อที่ดินให้แม่ได้เลย!“องค์รัชทายาท สายพระเนตรของพระองค์ช่างเฉียบคมนัก! กระหม่อมนับถือยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”อันเจ๋อเหลือบมองเขา “เสี่ยวย่าง เจ้าลงเดิมพันพระชายาตามข้าสินะ? อย่าได้พูดว่าไม่เชียว หากปากของเจ้ายิ้มขึ้นไปอีกก็คงไปแขวนอยู่บนหูแล้ว!”“เหอะ ๆ… ไหนเลยจะได้เยอะเท่าพระองค์ ที่ได้เงินถึงสองแสนพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้ไม่กล้าคิดเลยว่าเงินมากขนาดนั้นจะไปกองเต็มห้องกี่ห้อง ชีวิตนี้ต่อให้เป็น
ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องหลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจนางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าวหลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ
"พระชายาผิงหยาง… ชุดนี้ของเจ้าสวยมาก! จ่ายไปหลายพันตำลึงเลยสินะ!" เพื่อจะระบายความโกรธที่แพ้เดิมพันเสียเงินไป เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จึงได้ผูกมิตรกับพระชายาผิงหยาง และชมเชยประจบสอพลอ"แน่นอนสิ ข้าจ่ายไปทั้งหมดห้าพันตำลึงเงิน! นี่สั่งตัดที่เรือนหลินหลางเชียวนะ!" "เพื่อเข้าร่วมงานฉลองวัพระราชสมภพของไทเฮา ข้าสั่งทำล่วงหน้าสามเดือนเลย!" ชุดที่เสิ่นจวนใส่วันนี้ก็งดงามมากเช่นกันกระโปรงสีชมพูอ่อนตรงชายมีระบายพลิ้ว มีปักลวดลายผีเสื้อตรงชายกระโปรงนางเหลือบมองหลิงอวี๋ แล้วพูดเยาะเย้ย"พระชายาผิงหยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่สามารถเทียบเจ้าได้เลย! นางน่ะ เป็นหนี้เงินกู้ตั้งมากถึงเพียงนั้น แต่ไม่มีเงินตัดชุด ทำได้เพียงใส่ชุดเก่ามา!" ทันทีที่พระชายาผิงหยางได้ยิน ก็ยิ่งเย่อหยิ่งขึ้นมา แล้วพูดดูถูก "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! หลิงอวี๋ เจ้าก็รีบบอกสิ! หากรีบบอกข้าจะได้ส่งชุดที่ข้าไม่เคยใส่ไปให้เจ้าสักชุด!"น้ำเสียงที่ดูสงเคราะห์นั้นทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ล้วนหัวเราะออกมาพระชายาผิงหยางยิ้มอย่างดูถูก "ข้าอยากจะส่งชุดที่เรือนหลินหลางตัดให้พระชายาอ๋องอี้…"พวกสาว ๆ ไ
ส่วนพระชายาผิงหยาง วันนั้นก็เห็นชุดนี้ที่เรือนหลินหลางเช่นกัน ตอนนั้นก็จ้องอยู่ตาเป็นมันด้วย! แต่อ๋องผิงหยางเป็นอ๋องที่ว่างงาน นอกเสียจากเงินเดือนที่ได้ประจำแล้ว หนึ่งปีก็มีรายได้ไม่กี่หมื่นหรอกชุดที่พระชายาผิงหยางใส่นี้ก็แอบซื้อลับหลังอ๋องผิงหยางวันนี้นางได้ยินว่ามีการวางเดิมพันกัน ก็เอาตั๋วเงินสองหมื่นออกมาอย่างเงียบ ๆยังคิดอยู่ว่าจะชนะพนัน แล้วเงินค่าชุดนี้ก็จะได้กลับมา แล้วก็จะสามารถบอกกับอ๋องผิงหยางได้เต็มที่! ไหนเลยจะคิดว่าจะแพ้จนเสียไปทั้งหมด! พระชายาผิงหยางยังไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวจะไปอธิบายกับอ๋องผิงหยางเยี่ยงไร!คิดอยู่ว่าหรือหลังจากจบงานเลี้ยงจะไปหลบอยู่ที่บ้านแม่สักสองสามวันดี!“ชุดนี้จะต้องเป็นของปลอมแน่!”ฉินรั่วซือเห็นสีหน้าของทั้งสามคนไม่สู้ดี จึงเอ่ยเตือน“ใช่ ๆ ชุดนั้นที่เรือนหลินหลางไม่ใช่แบบนี้…”ทันทีที่พระชายาผิงหยางถูกนางเตือน ก็ชี้ไปที่คอเสื้อแล้วพูดขึ้น“คอเสื้อที่เรือนหลินหลางเป็นแบบไขว้ ที่กระโปรงกับแขนเสื้อก็ใช้ดิ้นสีเงิน…”“หลิงอวี๋ เจ้าซื้อไม่ไหวก็อย่าทำของปลอมสิ! นี่ไม่ใช่การทำให้คนเขาหัวเราะกันรึ?”“คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาผู้สง่าจะใ
สาว ๆ คนอื่นมองบนตัวของตนเอง กระทั่งเข็มขัดก็ยังเทียบไม่ติดเลยจบ พลันรีบหุบปากกันทั้งหมด!คนเทียบกับคนยังทำให้โกรธได้! สิ่งของเทียบสิ่งของ ย่อมต้องมีทิ้งกันบ้างปะไร!“หลิงซิน เจ้าดูสิคนที่เขาดูของเป็นล้วนบอกว่าเป็นของจริง เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว! เงินนี้จ่ายไปอย่างคุ้มค่าแล้ว!”“ไปเถอะ! ท่านอ๋องรอพวกเราอยู่ทางนั้น!”หลิงอวี๋กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปพระชายาผิงหยางก็เหลือบมองผ้าคลุมหน้าของนาง แล้วยื่นมือไปจับนางไว้ “พระชายาอ๋องอี้ ไม่ต้องรีบร้อนกระมัง! นี่ยังคุยไม่จบเลยมิใช่รึ?”“เมื่อสองวันก่อนข้าได้รับตำรับยาพื้นบ้านมา ได้ยินว่าถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนบาดเจ็บไปทั้งหน้า ตำรับยาพื้นบ้านของข้าช่วยรักษารอยแส้ได้นะ!”นางพูดแล้วยื่นมือจะมาคว้าผ้าคลุมหน้าของหลิงอวี๋…หลิงอวี๋เห็นว่าพระชายาผิงหยางยื่นมือมา ก็หันหน้าหลบตามสัญชาตญาณพระชายาผิงหยางเห็นดังนั้นก็เอ่ยอย่างเยาะเย้ย “ผ้าคลุมหน้าผืนนี้ของเจ้าไม่ต้องคลุมแล้วกระมัง เจ้าไม่ให้ข้าดู ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าตำรับยาพื้นบ้านเหมาะกับเจ้าหรือไม่!”“ใช่!” เจิงจื่ออวี้เห็นว่าหาโอกาสที่จะให้หลิงอวี๋อับอายได้อีกครั้งแล้ว มีหรือจะปล่อยโอกาสนี้
สาว ๆ คนอื่นที่ดูอยู่ก็หัวเราะออกมาเช่นกันมีคนพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ที่สอนลูกเช่นนี้!”“แม่เป็นเยี่ยงไรลูกก็เป็นเยี่ยงนั้นสินะ! พระชายามีความหยิ่งผยอง ลูกชายที่นางเลี้ยงก็หยิ่งผยองตามนาง! เพื่อที่จะประจบนาง จึงแยกไม่ออกว่าอะไรคืองามอะไรคือน่าเกลียด!”พระชายาผิงหยางพูดอย่างเกรี้ยวกราด “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าอย่าได้ปกปิดไว้เลย เปิดผ้าคลุมหน้าเถิด! พวกเราจะไม่หัวเราะเจ้าหรอก!”หัวเราะกันหมดนี่แหละ จะไม่หัวเราะได้หรือ!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยกระของพระชายาผิงหยาง แป้งหนา ๆ ก็ยังปิดไม่มิด จึงหัวเราะพลางเอ่ย “ในเมื่อพระชายาพูดเช่นนี้แล้ว!”“พวกเจ้าอยากดูถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ดูเถิด!”หลิงอวี๋ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้า พวกของเสิ่นจวนเตรียมตัวจะระเบิดหัวเราะ เพื่อดึงดูดผู้คนให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของหลิงอวี๋มากขึ้นไหนเลยจะคิดว่า พอผ้าคลุมหน้าเปิดออก ใบหน้าของหลิงอวี๋ค่อย ๆ ปรากฏต่อหน้าทุกคน…เห็นว่าใบหน้าที่เมื่อสิบกว่าวันที่แล้วเห็นแต่รอยแส้เต็มหน้านั้น ได้เปลี่ยนเป็นในหน้าที่สวยดุจบัวผุดขึ้นเหนือน้ำใบหน้านี้ มีผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา ในความขาวก็ยังมีสีแดงอ
พระชายาผิงหยางรูปร่างอ้วน เมื่อใส่ชุดที่หนา ๆ เช่นนี้ ร้อนเสียจนเหงื่อกาฬออกแป้งหนา ๆ ที่อยู่บนใบหน้าชุ่มเหงื่อ แล้วก็หลุดออกไปบางส่วนแล้วแม้ว่าจะยังไม่ถึงขนาดที่เป็นด่างเป็นดวง แต่ถ้าอยู่อีกสักหน่อย มันจะกลายเป็นรอยด่างบนหน้าจริง ๆ แล้วเดิมทีหลิงอวี๋ก็ไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่พอถูกคนคนนี้วุ่นวายมานานมากแล้วก็เลยรำคาญ ความใจร้ายของนาง ถึงได้พูดจาเยาะเย้ยไปสองสามประโยคแต่สองสามประโยคนี้ พระชายาผิงกลับหยางรับไม่ไหวแล้ว นางยกมือขึ้นจับหน้าตนเองโดยไม่รู้ตัว บนมือนั้นเช็ดแป้งออกมาเป็นชั้นเลยนางหน้าแดงหูแดงทันที รู้สึกว่าสายตาของทุกคนต่างก็กำลังเยาะเย้ยนาง!นางโกรธจนผลักหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “หลิงอวี๋ เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว… เจ้า… เจ้ารอก่อนเถอะ… เจ้ากับข้าเห็นดีกันแน่!”พูดจบ พระชายาผิงหยางก็ปิดหน้าวิ่งไปอย่างตระหนก นางต้องไปหาที่แต่งหน้า!“เอ๊ะ เหตุใดจึงไปแล้วเล่า! ข้าเจตนาดีนะ! ข้ายังอยากจะแนะนำตำรับยาพื้นบ้านที่ใช้ดูแลความงามกับนางเลย!”“เห้อ พระชายาผิงหยางนี่ใจแคบนัก เมื่อครู่นางว่าข้าไว้ตั้งมากมายถึงเพียงนั้น ข้าก็มิได้โกรธอันใด! ข้าว่านางไปแค่สองประโยค นางก็รับมิได
คนที่ตามหลังท่านอดีตเสนาบดีมาติด ๆ คือหลิงเสียงเซิงพ่อของหลิงอวี๋ ผู้เป็นอาลักษณ์สำนักฮั่นหลินเขาอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างผอมเพรียว ที่กรามเรียว ๆ ของเขามีเคราบาง ๆ อยู่สองชั้นหลิงเสียงเซิงมองมาทางนี้จากที่ไกล ๆ เห็นหลิงอวี๋ก็เบือนหน้าหนีไปเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน!ต่อจากหลิงเสียงเซิงก็คือหลิงเยี่ยนผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของหลิงอวี๋ เป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบห้าปีนางสวมกระโปรงผ้าตาข่ายสีชมพู ที่เอวผูกผ้าสีเดียวกัน ผมสีดำสนิทประดับด้วยปิ่นติดผมหยกเขียวและไข่มุกติดสลับกัน ชุดนี้ดูหรูหราแต่ก็คงความมีชีวิตชีวาอยู่!ดูท่าทางแล้วเป็นที่รักของคนในครอบครัว!ใบหน้าที่งดงามของนางยังไม่ได้เปิดเผยออกมาเต็มที่ แต่ในความเยาว์วัยนั้นก็เผยเสน่ห์แล้ว!หลิงเยี่ยนเห็นหลิงอวี๋ ในแววตาก็ฉายแววประหลาดใจ จ้องมองจากทางนี้อยู่นาน ในสายตานั้นก็เปลี่ยนเป็นความดูถูก…ด้านหลังของหลิงเยี่ยนคือหลิงเฟิง ลูกชายคนโตของหลิงเสียงเซิง หลิงเฟิงได้รับการถ่ายทอดด้านรูปร่างหน้าตาของหลิงเสียงเซิงมา เขาผอมและสูงเขาจมูกโด่ง สายตาที่มองคนอื่นนั้นจะมีความมืดมนอยู่เล็กน้อย แค่มองก็รู้เลยว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยากเขาไม่
หลิงหว่านกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาแล้วรีบเอ่ย “ขอบคุณท่านพี่เผยที่ช่วยข้ากับท่านพ่อ! แล้วก็ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเผยที่ให้เกียรติข้าก่อนหน้านี้...”“เป็นข้าเองที่มิคู่ควรกับท่านพี่เผย ขอให้ในภายภาคหน้าท่านพี่เผยได้พบกับภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมยิ่งกว่าข้า ข้าขอให้พวกท่านมีความสุข!”หลังจากพูดจบ หลิงหว่านก็หันหลังวิ่งเข้าบ้านไปเผยอวี้ตามนางไปแล้วรั้งนางไว้ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน“หว่านเอ๋อร์ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะมิยอมถอนหมั้น!”“ข้าคิดแล้ว… การแต่งงานของเราเป็นการประทานจากองค์จักรพรรดิ มีพระราชโองการลงมาแล้ว ขอเพียงองค์จักรพรรดิมิเห็นด้วย ท่านพ่อกับท่านย่าของข้าก็มิอาจคัดค้านได้!”เผยอวี้ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมที่สุด ข้ามิต้องการผู้อื่น หากต้องแต่งงานข้าก็จะแต่งกับเจ้าเท่านั้น!”“ท่านพี่เผย!”หลิงหว่านมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้น้ำใสไหลรินลงมาเป็นไปได้หรือ?นางยังแต่งงานกับเผยอวี้ได้หรือ?ท่านแม่ของนางทำเรื่องแย่กับพี่หญิงหลิงหลิงมากถึงเพียงนั้น องค์จักรพรรดิจะยังอนุญาตให้เผยอวี้แต่งงานกับตนหรือ?“เจ้าดูแลท่านพ่อของเจ้าอ
งานเลี้ยงท้องถนนจบลงแล้วใต้เท้าเถี่ยลงโทษพวกคนที่ด่าที่ชาวบ้านจับออกมาต่อหน้าทุกคน และใส่โซ่ตรวนให้เดินไปตามถนน ทุกคนถูกตัดสินให้ใช้แรงงานห้าปีเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นนางซุนเองก็ถูกระบุชื่อด้วย นางจึงก้าวมาข้างหน้าอย่างเศร้าใจแล้วคุกเข่าลงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนถูกหนานฮุ่ยข่มขู่ออกมาสุดท้ายนางซุนก็ร้องไห้พลางเอ่ย “คำพูดเหล่านั้นที่ข้าพูดที่ราชสำนักล้วนเป็นการใส่ร้ายฮองเฮา ฮองเฮามิเคยแย่งชิงทรัพย์สินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ข้าพูดโกหกเอง!”“ข้าทำผิด มิกล้าขอให้ฮองเฮาประทานอภัย ขอเพียงให้ฮองเฮาอนุญาตให้ข้าได้รอให้สามีฟื้นขึ้นมาและได้พูดกับเขามิกี่คำ แล้วข้าจะยอมตายชดใช้ความผิด!”ใต้เท้าเถี่ยประกาศออกไปอย่างเที่ยงตรง “นางซุนใส่ร้ายฮองเฮา มีความผิดโทษฐานทำลายชื่อเสียงของฮองเฮา ดังนั้นจึงต้องลงโทษไปตามความผิด!”“เห็นแก่ที่ถูกคนบีบบังคับ มีเหตุผลยอมรับได้ ได้รับการละเว้นจากโทษประหาร ให้ใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนนและรับโทษใช้แรงงานห้าปี!”บัณฑิตเหล่านั้นต่างก็ชื่นชมกับคำตัดสินของใต้เท้าเถี่ย เดิมทีทุกคนคิดว่าครานี้นางซุนจะต้องตายแน่นอนแล้วนางใส่ร้ายฮองเฮาผู้เป็นที่เคารพ แม้ว่าจะถูก
หลิงหว่านมาถึงหลังจากที่หลิงอวี๋เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ระหว่างทางนางได้ยินพวกหลู่ชิ่งพูดเรื่องที่นางซุนทำต่อหลิงอวี๋หลิงหว่านมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับท่านแม่อย่างไร ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว นางก็มิได้เข้าไปพบหน้านางซุนนางซุนเป็นมารดาของตน นางเป็นห่วงเรื่องความเป็นความตายของตนกับหลิงเสียงกังจึงถูกคนบีบให้ทำเรื่องที่เลอะเทอะเหล่านี้แต่หลิงอวี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ปกติแล้วก็ปฏิบัติต่อครอบครัวของตนอย่างดี!หลิงหว่านยอมตายแต่มิคิดจะทำร้ายหลิงอวี๋จะหน้ามือหรือหลังมือก็เนื้อเช่นกันตัดตรงไหนก็เจ็บปวด หลิงหว่านมิอาจพูดได้ว่าท่านแม่ผิด แต่ก็มิอาจยอมรับได้เช่นกันว่าท่านแม่ถูก!“ฮองเฮา หลิงเสียงกังมิเป็นไรใช่หรือไม่?”ท่านอดีตเสนาบดีเองก็เข้ามาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเช่นกันแม้ว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเป็นห่วงความเป็นความตายของลูกชายตน แต่เขาเป็นห่วงชื่อเสียงของหลิงอวี๋ยิ่งกว่า ครอบครัวของตนต่างหากที่ทำผิดต่อหลิงอวี๋เขามิสามารถให้หลิงเสียงกังทำให้หลิงอวี๋เดือดร้อนได้อีก“ท่านปู่ ข้าลงมือเอง ท่านยังมิวางใจหรือ?”หลิงอวี๋เห็นความเป็นห่วงในแววตาของท่านอดีตเสนาบดีก็ยิ้มอย่างมั่นใจพลาง
เหล่าราษฎรและบัณฑิตเปลี่ยนจากความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่กลายเป็นความเป็นห่วงแล้วเนื่องจากสิ่งนี้เป็นการผ่าตัดที่มิเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมก็มิสามารถรับประกันได้ว่าจะมิเกิดความผิดพลาดฮองเฮาที่นึกถึงราษฎรเช่นนี้ มิควรถูกคนหักล้างความดีความชอบไปเพราะการทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว!สายตาของทุกคนล้วนมองไปทางทางห้องผ่าตัดที่กั้นผ้าม่านไว้อย่างเป็นห่วง เสียงความวุ่นวายในสถานที่แห่งนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไปคนที่เป็นห่วงหลิงอวี๋ต่างก็กังวลกับหลิงอวี๋ ส่วนคนที่ด่าถูกปรามไว้นานแล้วจึงไม่มีโอกาสได้แสดงออกยามนี้เมื่อเห็นว่ามีโอกาสแล้วจึงแย่งกันตะโกนขึ้นมา“ฮองเฮา ท่านทำการรักษาจนหลิงเสียงกังตายแล้วใช่หรือไม่ รักษาเขาตายแล้วท่านก็ออกมาบอกทุกคนเถิด! มีคนมากมายที่รอฟังผลอยู่!”“ท่านอดีตเสนาบดี ท่านมิควรเชื่อฮองเฮา ใต้หล้านี้มีที่ไหนที่เปิดกะโหลกแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีก ท่านถูกนางหลอกแล้ว ท่านทำให้ลูกชายตายด้วยน้ำมือของท่านเองแล้ว!”“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงให้พวกเรารออย่างมิสิ้นสุดเช่นนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ รีบรับสั่งให้หลิงอวี๋ออกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นางซุนทำอะไรมิ
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ
เซียวหลินเทียนอยู่บนแท่นสูงเห็นผลิตภัณฑ์นมเหล่านั้นถูกทุกคนลิ้มลองไปอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของเขาก็ปรากฏความเยาะเย้ยต่อหมู่บ้านที่ค้านการเลี้ยงวัวนมเหล่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตอนแรก หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวสร้างโรงงานยาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจนทำให้ชาวบ้านท้องถิ่งนั้นร่ำรวยกันขึ้นมา!แต่องค์หญิงหกต้องการจะแย่งโรงงานยาของหลิงอวี๋ จึงซื้อโรงงานยาด้วยราคาที่สูง เกิ่งเสี่ยวหาวโกรธมากก็เลยย้ายโรงงานยาไปที่หมู่บ้านอื่น!หลิงอวี๋กับตนพยายามคิดทุกทางเพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และคิดที่จะช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นให้ร่ำรวยขึ้น ในเมื่อพวกเขามิเห็นค่าก็มองหมู่บ้านอื่นร่ำรวยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปเสียเถิด!กฎหมายมิได้รับผิดชอบต่อทุกคน เมื่อเทียบกับการลงโทษชาวบ้านเหล่านี้ เซียวหลินเทียนคิดว่าการลงโทษที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้พวกเขาได้มองการสูญเสียความร่ำรวยนั้นไป...ฉินซานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเดินตามงานเลี้ยงและแจกใบประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้น ประกาศว่าผลิตภัณฑ์นมจะนำพาผลกำไรทางเศรษฐกิจมาให้เทียบกับการโฆษณาปากเปล่าแล้ว การมีผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ทุกคนทั้งได้ลิ
การผ่าตัดเปิดกะโหลก นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีของเมืองหลวง!หลิงเสียงกังเลือดท่วม สถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงถึงชีวิตทำให้เหล่าบัณฑิตและราษฎรเหล่านั้นวางความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋ลงชั่วคราวแม้จะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเป็นบิดาของหลิงเสียงกัง ตามกฎหมายแล้วมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้หลิงอวี๋รักษาหรือไม่ และพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านนางซุนในฐานะภรรยามิได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ การคัดค้านของนางจึงถูกเมินไปหลิงอวี๋พาพวกหลิงหว่านเข้าไปปฐมพยาบาลหลิงเสียงกังข้างในเซียวหลินเทียนมองนางซุนอย่างเย็นชาราวกับมองคนตายนางซุนผู้นี้ใส่ร้ายหลิงอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีความยากบำลาก ก็มิคู่ควรที่จะได้รับการอภัยนางซุนเห็นหลิงเสียงกังถูกล้อมไว้ ส่วนนางนั้นเดียวดายไร้ผู้ใดสนใจ เมื่อเห็นเผยอวี้นั่งอยู่ด้านข้างและมีองครักษ์คนหนึ่งกำลังจัดการบาดแผลให้เขาอยู่นางซุนก็เข้าไปอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ “แม่ทัพเผย หว่านเอ๋อร์ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิรู้ว่าควรจะเกลียดหรือโกรธนางซุนดี จึงเอ่ยเรียบ ๆ “นางก็ถูกช่วยออกมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็มาถึง!”นางซุนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแล้วรีบเอ่ย “คนที่ข
“ฉึก… ฉึก...”เสียงลูกธนูคมกริบทั้งสองที่แทงทะลุร่าง ทำให้ราษฎรและบัณฑิตที่พุ่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นทหารสองคนถูกยิงเข้าที่อกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทียังมิทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมา “ทหารของข้าไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์มิเลือกหน้า คนเลวสองคนนี้คิดจะสังหารพวกเจ้า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย มีเจตนาแอบแฝง เป็นความผิดร้ายแรงมิอาจให้อภัยได้!”“ข้าสังหารพวกเขาเป็นการเตือน! ผู้ใดที่กล้ามิฟังคำสั่งและลงมืออีกก็จะมีจุดจบดังเช่นพวกเขา!”ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้นตกตะลึงไปกับฉากนี้ คนที่มีเหตุผลเมื่อคิดแล้วก็เหงื่อออกทั่วร่างหากมิใช่เพราะมือธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงสังหารมือสังหารที่ก่อเรื่องสองคนนั้น พวกเขาก็จะถูกปลุกปั่น เมื่อเห็นทหารของจักรพรรดิสังหารราษฎร พวกเขาจะพุ่งเข้าไปทุบตีต่อสู้กับเหล่าทหารหรือไม่!ถึงเวลานั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?มิว่าจะเป็นราษฎรหรือทหารที่ตายก็ล้านทำให้จัตุรัสเกิดสถานการณ์นองเลือดที่ไหลดั่งสายน้ำ...เมื่อนึกถึงภาพนองเลือดนั้น ทุกคนก็กลัวจนตัวสั่น!และในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เผยอวี้ก็ขี่ม้าพร้อมแบกหลิงเสียงกังมาออกมาตามทางที
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้