คนชุดขาวแค่นเสียงหัวเราะหึ ๆ “แม้ว่าข้าจะบอกเจ้า แต่ช่วงเวลาเยี่ยงนี้เจ้าจะปรุงยาแก้พิษได้รึ?”“หวงฝู่หลิน เดิมทีข้าจะใช้พิษนี้กับเจ้า เพียงแต่หาโอกาสมิได้เสียที!”“เมื่อครู่เสวี่ยเหมยเห็นเจ้า นางกังวลว่าจะหลบหนีไปมิได้ นางจึงวางยาพิษหวงฝู่หมิงจู!”“หวงฝู่หลิน ใต้หล้านี้มีพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าจื่อลู่ มาจากทะเลทราย สำหรับคนที่เติบโตมาในภูเขาหิมะ เช่นเจ้าคงจะมิเคยได้ยินกระมัง!”หวงฝู่หลินรู้สึกเสียใจแต่ก็สายบไปเสียแล้ว เมื่อครู่ที่พบเสวี่ยเหมยเขาน่าจะสังหารนางไปเสียแต่แรก เช่นนั้นนางก็จะไม่มีโอกาสวางยาพิษหมิงจูบัดนี้เมื่อคนชุดขาวเอ่ยถึงจื่อลู่อะไรนั่น เขาก็มิเคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ ไหนเลยจะรู้ว่าจะแก้พิษให้หมิงจูได้อย่างไรคนชุดขาวน่าจะพอคาดเดาความคิดของหวงฝู่หลินได้ เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างอดทน “หวงฝู่หลิน ในทะเลทรายมีพิษที่ร้ายแรงมากอยู่สองชนิด เมื่อเรียกรวมกันแล้วจะเป็นชื่อว่าจื่อลู่เฟิงต่าน”“ยาพิษที่เสวี่ยเหมยใช้กับหวงฝู่หมิงจูคือจื่อลู่ หากพิษของจื่อลู่เข้าไปในกระดูกและข้อต่อ ความหนาวเย็นก็จะเจาะไปในกระดูก จากนั้นอาการก็จะกำเริบในช่วงยามจื่อ[footnoteRef:0]และยามหวู่[footnoteR
“สหายหวงฝู่ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าเองก็อย่าได้ตกลงตามเงื่อนไขของเขา!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องพิษของลูกสาวเจ้า แต่คนที่แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ยังมิกล้าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ เจ้าจะเชื่อคำสัญญาของเขาได้หรือ?”“แม้ว่าเขาจะรับปากว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เมื่อฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา เขาจะลืมความแค้นที่เมื่อนั้นบรรพบุรุษของเจ้าแช่แข็งเข้าไว้ใต้ภูเขาหิมะได้หรือ?”“จากที่ข้าเห็น เขาก็แค่มิกล้าบุกเข้ามาในตำหนักใต้ดิน ก็เลยจงใจล่อลวงเจ้า!”“สหายหวงฝู่ คนชุดขาวผู้เดียวก็เก่งกาจเช่นนี้แล้ว หากฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ใดกันที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้? กลัวก็แต่เมื่อถึงกาลนั้น คนที่ตายจะมิใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราษฎรนับล้านในแดนเทพอีก!”ความเป็นความตายของคนเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า!หวงฝู่หลินเกือบจะหลุดพูดคำนี้ออกไปแล้ว แต่เมื่อหันไปเห็นปี้ซง หวงฝู่หลินก็พูดเช่นนี้มิออกปี้ซงและเหล่าทาสในวังเทพ มีหลายคนที่อยู่กับตนมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขาจะบอกว่ามิต้องไปสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นได้หรือ?หากเป็นเช่นนี้ ตนยังนับว่าเป
ลู่หนานไปสำรวจเส้นทางข้างหน้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกไว้ว่า กลไกในตำหนักใต้ดินนั้นซับซ้อนมาก และบอกพวกเขาว่าอย่าไปเสี่ยงง่าย ๆลู่หนานเดินไปจนถึงทางเลี้ยว เขาทำตามคำสั่งของเซียวหลินเทียน เมื่อเขาเห็นประตูบานหนึ่งจึงมิกล้าเข้าไปเขายืนอยู่ห่างจากหน้าประตูสองสามเมตร และพยายามตรวจดูว่าบริเวณโดยรอบมีกับดักหรือไม่แต่พื้นถนนตรงหน้าประตูกับตรงที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นแบบเดียวกัน ล้วนปูด้วยแผ่นหินชนวน ดูแล้วก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่และประตูบานนั้นก็ดูคล้ายกับว่าฝังอยู่ในผนังอุโมงค์ ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งประตูที่หนักอึ้งทั้งสองบานก็ประกบเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มิได้มีช่องว่างใดด้วยลู่หนานเคลื่อนไหวไปช้า ๆ แต่เดินไปได้เพียงหนึ่งเมตร จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ใต้เท้าว่างเปล่า แล้วแผ่นหินชนวนก็แยกออกจากกัน จากนั้นลู่หนานก็รู้สึกว่าร่างกายของตนตกลงไปเขาตกใจมากจึงกระโดดขึ้นไปจนหัวกระแทกกับเพดานถ้ำ จากนั้นก็มีลูกศรลับนับมิถ้วนพุ่งออกมาจากผนังทั้งสองด้านโชคดีที่ลู่หนานเป็นคนตาไวมือไว จึงเบี่ยงตัวหลบแล้วไถลตัวกลับไปได้ทันกาลแต่ถึงกระนั้น ที่ไหล่ของลู่หนานก็ถูกลูกศรยิ
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็เคยเห็นวิชากลไกที่เจ้าตำหนักปีกเงินคนก่อนรวบรวมไว้เช่นกัน เขาได้ทำการศึกษาพร้อมกับฉินซานและผ่านไปได้หลายด่านโดยไม่มีอันตรายใด ๆแต่ก็เป็นดังเช่นที่หุ่นไม้เตือน ด่านต่อ ๆ ไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากเผยอวี้และเซียวหลินเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนจะถูกกลไกหลอกในระดับที่ต่างกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือจ้าวซวน เขาเกือบจะถูกกลไกตัดแขนขาดครึ่งหนึ่ง ทว่าเซียวหลินเทียนเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงพุ่งเข้าไปแล้วใช้กระบี่คุนอู๋ตัดกลไกได้ทันกาล สุดท้ายก็ช่วยจ้าวซวนออกมาได้แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จ้าวซวนก็ถูกเฉือนจนเนื้อหนังเปิดอย่างน่าสยดสยอง และเลือดก็ยังคงไหลมิหยุดด้วยเผยอวี้รีบหยิบโอสถสมานแผลออกมาเทลงบนมือของจ้าวซวนจนหมดขวด แต่ก็ต้องใช้โอสถสมานแผลถึงสองขวดจึงจะห้ามเลือดที่แขนของจ้าวซวนได้เซียวหลินเทียนเห็นว่ายังเดินกันมิถึงครึ่งทางของตำหนักใต้ดิน แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว ในใจจึงแอบด่าทอเจ้าสำนักซิงหลัวคนก่อนว่าช่างวิปริตเสียจริง ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไร ถึงได้ต้องมาทำของอันตรายร้ายกาจเยี่ยงนี้!แต่ก็เพราะตำหนักใต้ดินอันตราย คนชุดขาวจ
“ฉินซาน เจ้าเห็นอะไรหรือไม่?”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซานอย่างให้กำลังใจ เมื่อครู่ฉินซานค่อนข้างท้อแท้กับความสามารถของตนเอง เซียวหลินเทียนจึงอยากใช้สิ่งนี้กระตุ้นความมั่นใจของฉินซานฉินซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่พลางเอ่ยออกมา “ในผังภาพหยินหยางมีเส้นอยู่สองเส้น เส้นหยินเริ่มจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเส้นหยางเริ่มจากทิศตะวันออก”“หากเส้นหยินเคลื่อนที่ไปตามนี้แสดงว่าหยินแข็งแกร่งหยางอ่อนแอ และหากเส้นหยางเคลื่อนที่ไปทิศทางนี้ก็แสดงว่าหยางแข็งแกร่งหยินอ่อนแอ”“กลไกที่พวกเราผ่านมาได้เมื่อครู่นี้หากอิงตามผังแปดทิศ ถูกแบ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของมัน กลไกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของผังแปดทิศ หากพวกเราเดินไปที่กลไกในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะง่ายหน่อย ทว่าหากเป็นตำแหน่งทิศตะวันออก ก็จะมีกับดักกลไกอันตรายทุกย่างก้าว!” เมื่อเผยอวี้ ลู่หนานและคนอื่น ๆ ได้ฟังเช่นนั้นก็ต่างรู้สึกสับสนกันไปหมดลู่หนานจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะแยกแยะตำแหน่งของทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกให้ชัดเจนได้เล่า มิใช่ว่าเดินไปตามนี้หรือ? มีโอกาสเลือกได้ที่ไหนกั
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็
"ข้ามีวิธีช่วยหมิงจู พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ รอสักครู่!"หลิงอวี๋ยังไม่มีเวลาปรุงยาแก้พิษ ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า "อย่าเพิ่งรบกวนข้า มินานข้าก็จะปรุงยาแก้พิษให้หมิงจูสำเร็จแล้ว!"หลิงอวี๋พิงผนังรถม้าแล้วเข้าไปในมิติปี้ซงเห็นหลิงอวี๋ดูเหมือนหลับไปก็มองหวงฝู่หลินอย่างประหลาดใจเล็กน้อย"ท่านเจ้าวัง นางหลับได้อย่างไร? นางควรจะรีบปรุงยาให้เจ้าวังน้อยมิใช่หรือ?"หวงฝู่หลินเหลือบมองหลิงอวี๋แวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า "ใต้หล้านี้มีของวิเศษบางอย่างที่ภายในเป็นพระสุเมรุ บรรจุสรรพสิ่งไว้มากมาย หยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ก็เป็นของวิเศษประเภทนี้!""นางต้องเข้าไปในนั้นเพื่อปรุงยาให้หมิงจูอย่างแน่นอน!""ข้าเชื่อในตัวนาง เจ้ารอดูเถอะ!"ปี้ซงก็เคยได้ยินตำนานทำนองนี้เช่นกันแต่มิเคยเห็นกับตา เขาจ้องมองหลิงอวี๋เขม็งก็มิเห็นนางขยับเขยื้อนเลยปี้ซงสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง ข้างในหยกหล้าสุขาวดีนั้นเป็นแบบไหนกันแน่?ด้านนอก หลงจิ้งตามหลงเพ่ยเพ่ยทันแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยมองดูว่าไม่มีทหารไล่ตามมาจึงกล่าวเสียงเบา"พี่สาม ถึงแม้พวกเราจะมิได้เปิดเผยตัวตน แต่มิช้ามหาปราชญ์ก็ต้องเดาตัวตนของพวกเราออกแน่ แล้วพวกเราจ
หลงเพ่ยเพ่ยกวาดตามอง เห็นเจ้าสำนักซิงหลัวถอยห่างออกไปสิบกว่าเมตรแล้ว ส่วนมือสังหารเหล่านั้นถูกเสือปีกกาฬกัดทึ้งจนมิกล้าเข้าใกล้“พวกเราถอย!”หลงเพ่ยเพ่ยสั่งการองครักษ์เงาให้ดึงจ้าวซวนกับลู่หนานกลับมา และให้พลธนูคุ้มกันด้านหลังคนของเก๋อเฟิ่งฉิงได้หามเก๋อเฟิ่งฉิงรวมถึงเซียวหลินเทียนที่หมดสติไปด้านหลังแล้วหลิงเฟิงและหานอวี้ได้นำพลธนูมาถึงแล้ว ทั้งสองรีบสั่งการให้องครักษ์จัดวางแนวป้องกันของพลธนูหลิงเฟิงพุ่งเข้ามาสมทบกับหลิงอวี๋ ลู่หนานและคนอื่น ๆ พร้อมกับองครักษ์หลายนายเกือบจะพร้อมกันนั้น เย่หรงและหลงจิ้งก็มาถึงเช่นกัน ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือหามเซียวหลินเทียน เก๋อเฟิ่งฉิงที่สลบอยู่และคนอื่น ๆ ขึ้นรถม้า“พวกท่านไปก่อน พวกเราจะคุ้มกันด้านหลังให้!”หลงจิ้งประเมินสถานการณ์แล้วออกคำสั่งทันทีไหนเลยมหาปราชญ์จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ เขารีบรวบรวมมือสังหารที่เหลืออยู่แล้วก็กระหนาบโจมตีเข้ามาทว่าพลธนูเหล่านี้ใช่พวกกระจอกเสียที่ไหน เมื่อมิสามารถโจมตีระยะประชิดได้ ก็แสดงอานุภาพของการโจมตีระยะไกลออกมา กอปรกับลูกศรของพลธนูหลิงเฟิงล้วนฉาบไว้ด้วยยาสลบชนิดรุนแรง ขอเพียงถูกยิงเข้า มือสังหารท
“พี่ใหญ่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นท่ามิดี จึงพุ่งเข้ามาผลักเซียวหลินเทียนออกไปพร้อมใช้ร่างของตนเองรับฝ่ามือนี้แทนเซียวหลินเทียน...พลังฝ่ามือของเจ้าสำนักซิงหลัวกระแทกเข้าใส่ร่างของเก๋อเฟิ่งฉิง ร่างของนางราวกับปุยหลิวลอยออกไปเซียวหลินเทียนอยู่ในสภาพหมดแรงแล้ว การโจมตีเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไปจนหมดสิ้นเขามองตาค้างเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวออกไป แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะเข้าไปกอดรับนางไว้ความรู้สึกที่เก๋อเฟิ่งฉิงมีต่อตนนั้นเซียวหลินเทียนจะมิเข้าใจได้อย่างไรเช่นเดียวกันกับหลิงอวี๋ในอดีต นางเองพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำดีต่อเขาบัดนี้นางถึงขั้นสละชีวิตเพื่อช่วยตน หากในใจเขาไม่มีหลิงอวี๋อยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับความรักมั่นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะมิซาบซึ้งใจได้อย่างไร!“หากข้ายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ สิ่งที่ติดค้างเจ้า ข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่!”เซียวหลินเทียนเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก ภาพเบื้องหน้ามืดลงและล้มตึงไปทันทีคนรอบข้างล้วนกำลังวุ่นอยู่กับการรับมือมหาปราชญ์และเจ้าสำนักซิงหลัว ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปดูอาการของเซียวหลินเทียนได้มู่ตงหัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ยเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวถอ
ภายใต้แสงสว่างของคบเพลิงโดยรอบ ตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าพร้อมสะท้อนแสงโลหะอันเย็นเยียบออกมา…ตาข่ายยักษ์ครอบลงมายังเสือปีกกาฬหลิงอวี๋เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ นางพุ่งเข้าไปพร้อมกระบี่ในมือโดยมิลังเลก่อนหน้านี้นางเห็นสถานการณ์การต่อสู้ตึงเครียด จึงได้ส่งหวงฝู่หมิงจูให้เถาจื่อแบกไว้ก่อนแล้วบัดนี้หลิงอวี๋พุ่งเข้ามาใช้กระบี่ตวัดเกี่ยวตาข่ายนั้น พยายามจะฉีกเปิดช่องว่างให้เสือปีกกาฬหนีออกมาได้แต่ตาข่ายเหล็กของเจ้าสำนักซิงหลัวหนักเกินไป หลิงอวี๋ใช้สุดแรงกำลังก็ยังมิอาจดึงตาข่ายเหล็กให้เปิดออกได้หวงฝู่หลินก็รู้ว่าหากเสือปีกกาฬถูกตาข่ายคลุมไว้ ย่อมไม่มีทางหนีออกมาได้แน่นอน จึงล้มเลิกการโจมตีมหาปราชญ์ จึงหันมาอีกด้านหนึ่งแล้วใช้กระบี่ของตนตวัดเกี่ยวตาข่ายเหล็กเช่นกันหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ร่วมแรงกันอย่างหนักจนเปิดช่องแคบได้เสือปีกกาฬแสนรู้ ตาข้างเดียวกวาดมองแล้วก็พุ่งออกไปทางช่องนั้นทันทีเจ้าสำนักซิงหลัวเห็นดังนั้นก็ดึงตาข่ายสุดแรง แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เสือปีกกาฬขยับตัวกระแทกพื้นกระโจนออกไปทางช่องแคบนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแม้ว่าความเร็วของมันจะสูงมาก แต่ตาข่ายเหล็กที่รัด