สาว ๆ คนอื่นที่ดูอยู่ก็หัวเราะออกมาเช่นกันมีคนพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ที่สอนลูกเช่นนี้!”“แม่เป็นเยี่ยงไรลูกก็เป็นเยี่ยงนั้นสินะ! พระชายามีความหยิ่งผยอง ลูกชายที่นางเลี้ยงก็หยิ่งผยองตามนาง! เพื่อที่จะประจบนาง จึงแยกไม่ออกว่าอะไรคืองามอะไรคือน่าเกลียด!”พระชายาผิงหยางพูดอย่างเกรี้ยวกราด “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าอย่าได้ปกปิดไว้เลย เปิดผ้าคลุมหน้าเถิด! พวกเราจะไม่หัวเราะเจ้าหรอก!”หัวเราะกันหมดนี่แหละ จะไม่หัวเราะได้หรือ!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยกระของพระชายาผิงหยาง แป้งหนา ๆ ก็ยังปิดไม่มิด จึงหัวเราะพลางเอ่ย “ในเมื่อพระชายาพูดเช่นนี้แล้ว!”“พวกเจ้าอยากดูถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ดูเถิด!”หลิงอวี๋ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้า พวกของเสิ่นจวนเตรียมตัวจะระเบิดหัวเราะ เพื่อดึงดูดผู้คนให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของหลิงอวี๋มากขึ้นไหนเลยจะคิดว่า พอผ้าคลุมหน้าเปิดออก ใบหน้าของหลิงอวี๋ค่อย ๆ ปรากฏต่อหน้าทุกคน…เห็นว่าใบหน้าที่เมื่อสิบกว่าวันที่แล้วเห็นแต่รอยแส้เต็มหน้านั้น ได้เปลี่ยนเป็นในหน้าที่สวยดุจบัวผุดขึ้นเหนือน้ำใบหน้านี้ มีผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา ในความขาวก็ยังมีสีแดงอ
พระชายาผิงหยางรูปร่างอ้วน เมื่อใส่ชุดที่หนา ๆ เช่นนี้ ร้อนเสียจนเหงื่อกาฬออกแป้งหนา ๆ ที่อยู่บนใบหน้าชุ่มเหงื่อ แล้วก็หลุดออกไปบางส่วนแล้วแม้ว่าจะยังไม่ถึงขนาดที่เป็นด่างเป็นดวง แต่ถ้าอยู่อีกสักหน่อย มันจะกลายเป็นรอยด่างบนหน้าจริง ๆ แล้วเดิมทีหลิงอวี๋ก็ไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่พอถูกคนคนนี้วุ่นวายมานานมากแล้วก็เลยรำคาญ ความใจร้ายของนาง ถึงได้พูดจาเยาะเย้ยไปสองสามประโยคแต่สองสามประโยคนี้ พระชายาผิงกลับหยางรับไม่ไหวแล้ว นางยกมือขึ้นจับหน้าตนเองโดยไม่รู้ตัว บนมือนั้นเช็ดแป้งออกมาเป็นชั้นเลยนางหน้าแดงหูแดงทันที รู้สึกว่าสายตาของทุกคนต่างก็กำลังเยาะเย้ยนาง!นางโกรธจนผลักหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “หลิงอวี๋ เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว… เจ้า… เจ้ารอก่อนเถอะ… เจ้ากับข้าเห็นดีกันแน่!”พูดจบ พระชายาผิงหยางก็ปิดหน้าวิ่งไปอย่างตระหนก นางต้องไปหาที่แต่งหน้า!“เอ๊ะ เหตุใดจึงไปแล้วเล่า! ข้าเจตนาดีนะ! ข้ายังอยากจะแนะนำตำรับยาพื้นบ้านที่ใช้ดูแลความงามกับนางเลย!”“เห้อ พระชายาผิงหยางนี่ใจแคบนัก เมื่อครู่นางว่าข้าไว้ตั้งมากมายถึงเพียงนั้น ข้าก็มิได้โกรธอันใด! ข้าว่านางไปแค่สองประโยค นางก็รับมิได
คนที่ตามหลังท่านอดีตเสนาบดีมาติด ๆ คือหลิงเสียงเซิงพ่อของหลิงอวี๋ ผู้เป็นอาลักษณ์สำนักฮั่นหลินเขาอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างผอมเพรียว ที่กรามเรียว ๆ ของเขามีเคราบาง ๆ อยู่สองชั้นหลิงเสียงเซิงมองมาทางนี้จากที่ไกล ๆ เห็นหลิงอวี๋ก็เบือนหน้าหนีไปเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน!ต่อจากหลิงเสียงเซิงก็คือหลิงเยี่ยนผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของหลิงอวี๋ เป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบห้าปีนางสวมกระโปรงผ้าตาข่ายสีชมพู ที่เอวผูกผ้าสีเดียวกัน ผมสีดำสนิทประดับด้วยปิ่นติดผมหยกเขียวและไข่มุกติดสลับกัน ชุดนี้ดูหรูหราแต่ก็คงความมีชีวิตชีวาอยู่!ดูท่าทางแล้วเป็นที่รักของคนในครอบครัว!ใบหน้าที่งดงามของนางยังไม่ได้เปิดเผยออกมาเต็มที่ แต่ในความเยาว์วัยนั้นก็เผยเสน่ห์แล้ว!หลิงเยี่ยนเห็นหลิงอวี๋ ในแววตาก็ฉายแววประหลาดใจ จ้องมองจากทางนี้อยู่นาน ในสายตานั้นก็เปลี่ยนเป็นความดูถูก…ด้านหลังของหลิงเยี่ยนคือหลิงเฟิง ลูกชายคนโตของหลิงเสียงเซิง หลิงเฟิงได้รับการถ่ายทอดด้านรูปร่างหน้าตาของหลิงเสียงเซิงมา เขาผอมและสูงเขาจมูกโด่ง สายตาที่มองคนอื่นนั้นจะมีความมืดมนอยู่เล็กน้อย แค่มองก็รู้เลยว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยากเขาไม่
ต่อหน้าคนเยอะถึงเพียงนี้ มันไม่ดีที่หลิงอวี๋จะทะเลาะกับเซียวหลินเทียนนางจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วยิ้มเยาะพลางกระซิบ “เซียวหลินเทียน ท่านไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนในครอบครัว ก็อย่าคิดว่าพวกเราจะสนใจท่าน!”“สิ่งที่หม่อมฉันติดหนี้เจ้าไว้หม่อมฉันคืนหมดแล้ว! แต่เยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ติดค้างอะไรท่านทั้งนั้น!”“ท่านถามใจตัวเองดูเถิดว่า เป็นผู้ชาย แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้ากัน ท่านจะใจร้ายกับเด็กเยี่ยงนี้หรือไม่? ”“ตั้งแต่ที่เขาเกิดมา ท่านมิสนใจเขาก็ช่าง! แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะกี่ขวบเอง? ท่านก็ต้องการให้เขาไม่สะทกสะท้านอะไรเหมือนกับผู้ใหญ่ ท่านไม่คิดว่า ท่านบังคับใจคนอื่นมากไปหรือ?”“เซียวหลินเทียน จะตัดสินโทษว่าใครฆ่าใครก็ต้องมีหลักฐาน! ท่านมาพูดแบบปั้นน้ำเป็นตัวว่าหม่อมฉันเป็นขโมย ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”“แค่เยวี่ยเยวี่ยเกิดเร็วไปสองเดือน ท่านก็สงสัยว่าเขาไม่ใช่ลูกท่านแล้ว! ท่านคิดว่ามันยุติธรรมกับเยวี่ยเยวี่ยหรือ?”“ไทเฮาเองก็ให้กำเนิดองค์จักรพรรดิตอนแปดเดือนมิใช่รึ? หรือว่าองค์จักรพรรดิเองก็เป็นลูกชู้เช่นกัน?”“หากวันหนึ่ง หม่อมฉันยืนยันได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยเป็นลูกของท่าน ท่านคิดเอาเถิดว่า การกระ
ไทเฮาเหลียงกวาดมองฝูงชนรอบ ๆ อย่างสุภาพสุขุมงามสง่า เมื่อพบหลิงอวี๋ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย“ตัวข้าผู้เป็นไทเฮารู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาอวยพรให้แก่ข้า ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”“ขอบพระทัยไทเฮา!”ฝูงชนแสดงความขอบคุณและทยอยกันลุกขึ้น ก่อนนางกำนัลของวังหลวงจะพาไปยังที่นั่งหลิงอวี๋ก็ลุกขึ้นเช่นกัน เพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มของไทเฮาที่มีต่อตนนั้น ได้มลายความน่าเกรงขามอำนาจและเกียรติศักดิ์ลงไปมากอักโขนางจูงมือหลิงเยวี่ยคิดหาที่นั่งนั่งลง บัดนี้พบว่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีแบ่งที่นั่งกันเป็นสองฝั่ง ส่วนเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นไปทางฝั่งอาคันตุกะบุรุษเรียบร้อยแล้วนางจูงมือหลิงเยวี่ยไปทางฝั่งอาคันตุกะสตรี เพียงแต่ไม่มีนางกำนัลคอยนำทางตน นางเลยไม่รู้ว่าควรนั่งแห่งใดผ่านไปไม่ช้า ทุกคนล้วนนั่งลงหมดแล้ว เหลือเพียงนางกับหลิงเยวี่ยที่ยังยืนอยู่ จากนั้นทุกสายตาก็เพ่งเล็งลงบนร่างพวกนางในบัดดลหลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตารีบกวาดมองที่นั่งเหล่านั้นหมายหาที่นั่งว่างนั่งลงให้เร็วที่สุดอย่างไรเสียหลังกวาดมองไปรอบหนึ่งแล้ว กลับพบว่าที่นั่งเต็มสิ้นไม่เหลือที่นั่งว่างอย่างสิ้นเชิงหัวใจ
“หลิงอวี๋ เจ้ายังไร้ยางอายอยู่อีกรึ! ปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮามีความผิดมหันต์!”“เจ้ายังขวัญกล้าติดสินบนขันทีเซี่ย แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางรึ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิรู้มีความผิดตั้งเท่าใดแล้ว!”เจิงจื่ออวี้แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างประหลาดใจ“ได้ยินมานานว่าชายาอ๋องอี้ไร้กาลเทศะ นึกไม่ถึงว่าจะไร้กาลเทศะถึงขั้นนี้!”“ปลอมแปลงเทียบเชิญ ติดสินบนข้าราชบริพาล ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ!”“นางปลอมแปลงเทียบเชิญแค่เพื่อโผล่หน้ามาในวังหลวงรึ? มิน่า วันนี้ถึงแต่งตัวสวยพริ้งเยี่ยงนี้! นี่กำลังคิดจะล่อลวงผู้ใดอีกอยู่หรือไม่?”“ท่านอ๋องอี้พิกลพิการแล้ว บางทีอาจไม่ทำให้นางพออกพอใจได้ ฉะนั้นจึงรีบหาคนเกาะกินคนใหม่!ฝูงชนด้านล่างต่างครหากันกระจัดกระจาย วิพากษ์วิจารณ์กันทุกรูปแบบ…จักรพรรดิอู่อันฟังได้ไม่ชันเจนนัก ก่อนจะเริ่มเดือดดาลขึ้น เขาลอบมองไปทางขันทีเซี่ยด้วยแววตาไม่พอใจขันทีเซี่ยรีบคุกเข่าลงพื้นทันควันกล่าวคำ “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ไคล้พ่ะย่ะค่ะ! เทียบเชิญนั้นเป็นของจริง กระหม่อม แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางล้วนไม่เคยรับเงินของพระชายาอ๋องอี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ไยจะไม่รับ? หลิงอวี๋ยอมรับกับปากหมดแล้
ทันในนั้นพลันมีความคิดมหาศาลแวบผ่านสู่สมอง ครั้นเห็นรอยยิ้มของขันทีเซี่ย ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมดก็มลายหายไปนางกระจ่างแจ้งเจตนาของไทเฮาแล้ว นี่คือโอกาสที่ไทเฮามอบให้ตนเพื่อล้างมลทิน!หลิงอวี๋กล่าวหนักแน่น “หลิงอวี๋ขอถามขันทีเซี่ยสักสองสามคำถามได้หรือไม่?”จักรพรรดิอู่อันจับจ้องนางอย่างสนใจใคร่รู้ ถือเทียบเชิญปลอมเข้าวังมายังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่รึ?สตรีดาษดื่นเมื่อต้องเผชิญกับคำประณามจากผู้คนมากมาย คงหวาดกลัวร้องห่มร้องไห้ตั้งนานแล้ว หลิงอวี๋ผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจนัก!ขันทีเซี่ยคลี่ยิ้ม “พระชายาอ๋องอี้เชิญถามขอรับ!”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกิริยางามสง่า “ขันทีเซี่ย ท่านกล่าวว่ากระดาษและมาตรฐานรูปแบบล้วนเป็นของแท้หรือ?”“ถูกต้อง!” ขันทีเซี่ยตอบไร้กังวล “และเทียบเชิญอื่น ๆ ล้วนผลิตจากกรมการผลิตในวังหลวงทั้งสิ้น ภายนอกไม่มีทางทำเลียนแบบได้ขอรับ!”“ขันทีเซี่ย ในเมื่อกระดาษมาจากในวังหลวงแล้วหมึกที่ใช้เล่า?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหัวใจขันทีเซี่ยสั่นไหว เขาชำเลืองมองหลิงอวี๋อย่างเหนือคาดพลางตอบว่า “หมึกที่ใช้ก็จัดเตรียมมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกันขอรับ!”หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม “หลิงอวี๋ไร้ความสามารถ แต่ทราบว่
หลิงอวี๋เร่งถามเร็วรี่ “พระชายาผิงหยางกล่าวว่าข้าแอบส่งคนไปขโมยแท่งหมึกฮุยโม่ที่จวนของใต้เท้าเฉิง ข้าหวังว่าใต้เท้าจะพูดอย่างสัตย์จริง!”“เป็นไปมิได้เด็ดขาด! แต่ไหนมาก็มิเคยมีการขโมยในจวนข้ามาก่อน!”“และแท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษนี้ ข้าก็ทำมาแค่ห้าชิ้นเท่านั้นและทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในวังหลวง มิเคยแพร่งพรายออกไปภายนอกได้ขอรับ!”ใต้เท้าเฉิงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว“ขันทีเซี่ย เทียบเชิญใบนี้ใช้แท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงเขียนใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามทางขันทีเซี่ยขันทีเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแสงความชื่นชมระลอกหนึ่งและผงกศีรษะกล่าวคำ“เทียบเชิญนี้ของพระชายาอ๋องอี้เขียนด้วยหมึกชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงจริงขอรับ!”“ใต้เท้าเฉิง หลิงอวี๋ยังมีคำถามข้อสุดท้าย นอกจากท่านแล้วยังมีผู้ใดสามารถใช้แท่งหมึกฮุยโม่ของท่านได้อีกหรือไม่?”หลิงอวี่เอ่ยถามต่อเนื่อง“นั่นมีเพียงศิษย์ของข้าและไทเฮาเท่านั้น… ไทเฮาทรงโปรดปรานแท่งหมึกฮุยโม่ของข้าอย่างยิ่ง ข้าได้ถวายแก่พระองค์หนึ่งแท่งก่อนหน้านี้...”“กราบทูลฝ่าบาทเพคะ! กระดาษและมาตรฐานรูปแบบเทียบเชิญของหลิงอวี๋ จนกระทั่งหมึกล้วนเป็นสิ่งของใน
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงไปกับการโกนหัวของนางซุนแล้ว!นางซุนใช้วิธีเด็ดขาดนี้มาตัดการแต่งงานครึ่งชีวิตของตนกับหลิงเสียงกังแล้วทิ้งหลิงหว่านกับหลิงเสียงกังไว้และสุดท้ายนางก็มิอาจต้านทานการเกลี้ยกล่อมของหลิงหว่านได้ จึงเลือกที่จะเป็นแม่ชีอยู่ที่อารามเล็ก ๆ ซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้‘พิธีศพ’ ของนางซุน หลิงอวี๋ก็ออกจากวังมาร่วมงานด้วยในฐานะหลานสาวสำหรับการช่วยครั้งสุดท้ายของนางซุนที่มีต่อหลิงเสียงกังกับหลิงหว่าน ทำให้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อนางหายไปสำหรับนางซุน บทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าสบายใจเช่นกันแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมีเส้นทางยาวไกลที่ตนต้องเดินไป...หลิงเสียงกังสามารถลงมาเดินได้แล้ว จึงมาร่วมงานศพนางซุนโดยมีหลิงหว่านประคองมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น เขาก็คุกเข่าให้หลิงอวี๋“ฮองเฮา เรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เป็นหลิงเสียงกังเองที่ผิด กระหม่อมเป็นหนี้นางซุนและทุกคน!”“กระหม่อมสมควรตาย แต่กระหม่อมตายมิได้ กระหม่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อชื่อเสียงของตนและแสวงหาความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารที่ติดตามกระหม่อมและต้องตายไปอย่างอยุติธรรม!”หล
มิเพียงแต่หลิงอวี๋ที่กลุ้ม ท่านอดีตเสนาบดีเองก็โกรธมาก หลิงเสียงกังยังมิทันจะเดินลงพื้นได้ ท่านอดีตเสนาบดีก็ได้ยินเขาบอกว่าจะตามนางซุนไปที่บ้านเกิด จึงพุ่งเข้าไปด่าหลิงเสียงกังที่เตียงผู้ป่วย“หลิงเสียงกัง นางซุนทำเรื่องเลวร้ายเอง นางรนหาที่ตายข้าก็ปล่อยนางไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าต้องตามนางไปด้วย?”“ข้าดูแลเจ้ามา ลำบากลำบนสอนสั่งเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าทำให้เสียเปล่าเองเช่นนี้!”หลิงเสียงกังมองท่านอดีตเสนาบดีที่แก่ลงไปมากอย่างขมขื่น พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษขอรับท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวัง!”“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า เจ้ามันอกตัญญูมิรู้คุณ...”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างปวดใจ “เจ้าอายุยังน้อย วรยุทธ์ในกายยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เจ้าไปเช่นนี้จะมิใช่การชดใช้ แต่เป็นการหลบหนี!”“ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกถอดออกจากตำแหน่ง? ก่อนหน้ามิสามารถพูดให้ชัดเจนได้ ตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นฮองเฮาแล้ว ขอเพียงเจ้าอยากพลิกคดี นางจะมิช่วยเหลือเจ้าหรือ?”“ตระกูลหลิงของเรามิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เจ้ามิคิดเพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องนึกถึงฮองเฮากับหลิงเสี่ยงบ้าง!”หลิงหว่านยืนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ นางมิ
นางซุนแขวนคอตาย!วันรุ่งขึ้นข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหลิงอวี๋ หลิงซวนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ข้างนอกพูดกันว่านางซุนทำเรื่องแย่ ๆ ไว้ มิสามารถสู้หน้าครอบครัวและฮองเฮาได้จึงยอมตายชดใช้ความผิดเพคะ!”“แต่ความจริงคือหลิงหว่านไปพบทันเวลาจึงช่วยนางซุนลงมาแล้ว!”“ท่านอดีตเสนาบดีให้คนมาส่งข่าวบอกให้ฮองเฮาถือเสียว่านางตายไปแล้วเถิด! หลิงเสียงกังก็ฟื้นแล้วบอกว่าตนทำให้นางเดือดร้อนจึงขอร้องแทนนาง บอกว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปจากเมืองหลวง นับแต่นี้ไปจะมิปรากฏตัวที่เมืองหลวงอีกเพคะ”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ทอดถอนใจ เพราะว่านางซุนมีบุญคุณต่อตน นางเองก็มิได้มีความคิดว่าจะต้องสังหารเสียให้หมดนางซุนจะฆ่าตัวตายเพราะอยากจะหลีกหนีการใส่โซ่ตรวนเดินตามถนน หลิงอวี๋เองก็มิอยากเห็นนางซุนทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด!“ความทรงจำของหลิงเสียงกังกลับมาแล้วหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แม้ว่าจะเอาก้อนเลือดออกมาสำเร็จแล้ว นางก็มิอาจรับประกันว่าประสาทของหลิงเสียงกังจะมิได้รับความเสียหาย“เห็นว่าจำได้มากแล้วเพคะ แต่ลืมรายละเอียดต่าง ๆ ไปแล้ว! อย่างน้อยเขาก็จำหลิงหว่านกั
หลิงหว่านกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาแล้วรีบเอ่ย “ขอบคุณท่านพี่เผยที่ช่วยข้ากับท่านพ่อ! แล้วก็ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเผยที่ให้เกียรติข้าก่อนหน้านี้...”“เป็นข้าเองที่มิคู่ควรกับท่านพี่เผย ขอให้ในภายภาคหน้าท่านพี่เผยได้พบกับภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมยิ่งกว่าข้า ข้าขอให้พวกท่านมีความสุข!”หลังจากพูดจบ หลิงหว่านก็หันหลังวิ่งเข้าบ้านไปเผยอวี้ตามนางไปแล้วรั้งนางไว้ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน“หว่านเอ๋อร์ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะมิยอมถอนหมั้น!”“ข้าคิดแล้ว… การแต่งงานของเราเป็นการประทานจากองค์จักรพรรดิ มีพระราชโองการลงมาแล้ว ขอเพียงองค์จักรพรรดิมิเห็นด้วย ท่านพ่อกับท่านย่าของข้าก็มิอาจคัดค้านได้!”เผยอวี้ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมที่สุด ข้ามิต้องการผู้อื่น หากต้องแต่งงานข้าก็จะแต่งกับเจ้าเท่านั้น!”“ท่านพี่เผย!”หลิงหว่านมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้น้ำใสไหลรินลงมาเป็นไปได้หรือ?นางยังแต่งงานกับเผยอวี้ได้หรือ?ท่านแม่ของนางทำเรื่องแย่กับพี่หญิงหลิงหลิงมากถึงเพียงนั้น องค์จักรพรรดิจะยังอนุญาตให้เผยอวี้แต่งงานกับตนหรือ?“เจ้าดูแลท่านพ่อของเจ้าอ
งานเลี้ยงท้องถนนจบลงแล้วใต้เท้าเถี่ยลงโทษพวกคนที่ด่าที่ชาวบ้านจับออกมาต่อหน้าทุกคน และใส่โซ่ตรวนให้เดินไปตามถนน ทุกคนถูกตัดสินให้ใช้แรงงานห้าปีเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นนางซุนเองก็ถูกระบุชื่อด้วย นางจึงก้าวมาข้างหน้าอย่างเศร้าใจแล้วคุกเข่าลงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนถูกหนานฮุ่ยข่มขู่ออกมาสุดท้ายนางซุนก็ร้องไห้พลางเอ่ย “คำพูดเหล่านั้นที่ข้าพูดที่ราชสำนักล้วนเป็นการใส่ร้ายฮองเฮา ฮองเฮามิเคยแย่งชิงทรัพย์สินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ข้าพูดโกหกเอง!”“ข้าทำผิด มิกล้าขอให้ฮองเฮาประทานอภัย ขอเพียงให้ฮองเฮาอนุญาตให้ข้าได้รอให้สามีฟื้นขึ้นมาและได้พูดกับเขามิกี่คำ แล้วข้าจะยอมตายชดใช้ความผิด!”ใต้เท้าเถี่ยประกาศออกไปอย่างเที่ยงตรง “นางซุนใส่ร้ายฮองเฮา มีความผิดโทษฐานทำลายชื่อเสียงของฮองเฮา ดังนั้นจึงต้องลงโทษไปตามความผิด!”“เห็นแก่ที่ถูกคนบีบบังคับ มีเหตุผลยอมรับได้ ได้รับการละเว้นจากโทษประหาร ให้ใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนนและรับโทษใช้แรงงานห้าปี!”บัณฑิตเหล่านั้นต่างก็ชื่นชมกับคำตัดสินของใต้เท้าเถี่ย เดิมทีทุกคนคิดว่าครานี้นางซุนจะต้องตายแน่นอนแล้วนางใส่ร้ายฮองเฮาผู้เป็นที่เคารพ แม้ว่าจะถูก
หลิงหว่านมาถึงหลังจากที่หลิงอวี๋เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ระหว่างทางนางได้ยินพวกหลู่ชิ่งพูดเรื่องที่นางซุนทำต่อหลิงอวี๋หลิงหว่านมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับท่านแม่อย่างไร ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว นางก็มิได้เข้าไปพบหน้านางซุนนางซุนเป็นมารดาของตน นางเป็นห่วงเรื่องความเป็นความตายของตนกับหลิงเสียงกังจึงถูกคนบีบให้ทำเรื่องที่เลอะเทอะเหล่านี้แต่หลิงอวี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ปกติแล้วก็ปฏิบัติต่อครอบครัวของตนอย่างดี!หลิงหว่านยอมตายแต่มิคิดจะทำร้ายหลิงอวี๋จะหน้ามือหรือหลังมือก็เนื้อเช่นกันตัดตรงไหนก็เจ็บปวด หลิงหว่านมิอาจพูดได้ว่าท่านแม่ผิด แต่ก็มิอาจยอมรับได้เช่นกันว่าท่านแม่ถูก!“ฮองเฮา หลิงเสียงกังมิเป็นไรใช่หรือไม่?”ท่านอดีตเสนาบดีเองก็เข้ามาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเช่นกันแม้ว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเป็นห่วงความเป็นความตายของลูกชายตน แต่เขาเป็นห่วงชื่อเสียงของหลิงอวี๋ยิ่งกว่า ครอบครัวของตนต่างหากที่ทำผิดต่อหลิงอวี๋เขามิสามารถให้หลิงเสียงกังทำให้หลิงอวี๋เดือดร้อนได้อีก“ท่านปู่ ข้าลงมือเอง ท่านยังมิวางใจหรือ?”หลิงอวี๋เห็นความเป็นห่วงในแววตาของท่านอดีตเสนาบดีก็ยิ้มอย่างมั่นใจพลาง
เหล่าราษฎรและบัณฑิตเปลี่ยนจากความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่กลายเป็นความเป็นห่วงแล้วเนื่องจากสิ่งนี้เป็นการผ่าตัดที่มิเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมก็มิสามารถรับประกันได้ว่าจะมิเกิดความผิดพลาดฮองเฮาที่นึกถึงราษฎรเช่นนี้ มิควรถูกคนหักล้างความดีความชอบไปเพราะการทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว!สายตาของทุกคนล้วนมองไปทางทางห้องผ่าตัดที่กั้นผ้าม่านไว้อย่างเป็นห่วง เสียงความวุ่นวายในสถานที่แห่งนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไปคนที่เป็นห่วงหลิงอวี๋ต่างก็กังวลกับหลิงอวี๋ ส่วนคนที่ด่าถูกปรามไว้นานแล้วจึงไม่มีโอกาสได้แสดงออกยามนี้เมื่อเห็นว่ามีโอกาสแล้วจึงแย่งกันตะโกนขึ้นมา“ฮองเฮา ท่านทำการรักษาจนหลิงเสียงกังตายแล้วใช่หรือไม่ รักษาเขาตายแล้วท่านก็ออกมาบอกทุกคนเถิด! มีคนมากมายที่รอฟังผลอยู่!”“ท่านอดีตเสนาบดี ท่านมิควรเชื่อฮองเฮา ใต้หล้านี้มีที่ไหนที่เปิดกะโหลกแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีก ท่านถูกนางหลอกแล้ว ท่านทำให้ลูกชายตายด้วยน้ำมือของท่านเองแล้ว!”“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงให้พวกเรารออย่างมิสิ้นสุดเช่นนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ รีบรับสั่งให้หลิงอวี๋ออกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นางซุนทำอะไรมิ
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ