ไทเฮาเหลียงกวาดมองฝูงชนรอบ ๆ อย่างสุภาพสุขุมงามสง่า เมื่อพบหลิงอวี๋ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย“ตัวข้าผู้เป็นไทเฮารู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาอวยพรให้แก่ข้า ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”“ขอบพระทัยไทเฮา!”ฝูงชนแสดงความขอบคุณและทยอยกันลุกขึ้น ก่อนนางกำนัลของวังหลวงจะพาไปยังที่นั่งหลิงอวี๋ก็ลุกขึ้นเช่นกัน เพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มของไทเฮาที่มีต่อตนนั้น ได้มลายความน่าเกรงขามอำนาจและเกียรติศักดิ์ลงไปมากอักโขนางจูงมือหลิงเยวี่ยคิดหาที่นั่งนั่งลง บัดนี้พบว่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีแบ่งที่นั่งกันเป็นสองฝั่ง ส่วนเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นไปทางฝั่งอาคันตุกะบุรุษเรียบร้อยแล้วนางจูงมือหลิงเยวี่ยไปทางฝั่งอาคันตุกะสตรี เพียงแต่ไม่มีนางกำนัลคอยนำทางตน นางเลยไม่รู้ว่าควรนั่งแห่งใดผ่านไปไม่ช้า ทุกคนล้วนนั่งลงหมดแล้ว เหลือเพียงนางกับหลิงเยวี่ยที่ยังยืนอยู่ จากนั้นทุกสายตาก็เพ่งเล็งลงบนร่างพวกนางในบัดดลหลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตารีบกวาดมองที่นั่งเหล่านั้นหมายหาที่นั่งว่างนั่งลงให้เร็วที่สุดอย่างไรเสียหลังกวาดมองไปรอบหนึ่งแล้ว กลับพบว่าที่นั่งเต็มสิ้นไม่เหลือที่นั่งว่างอย่างสิ้นเชิงหัวใจ
“หลิงอวี๋ เจ้ายังไร้ยางอายอยู่อีกรึ! ปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮามีความผิดมหันต์!”“เจ้ายังขวัญกล้าติดสินบนขันทีเซี่ย แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางรึ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิรู้มีความผิดตั้งเท่าใดแล้ว!”เจิงจื่ออวี้แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างประหลาดใจ“ได้ยินมานานว่าชายาอ๋องอี้ไร้กาลเทศะ นึกไม่ถึงว่าจะไร้กาลเทศะถึงขั้นนี้!”“ปลอมแปลงเทียบเชิญ ติดสินบนข้าราชบริพาล ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ!”“นางปลอมแปลงเทียบเชิญแค่เพื่อโผล่หน้ามาในวังหลวงรึ? มิน่า วันนี้ถึงแต่งตัวสวยพริ้งเยี่ยงนี้! นี่กำลังคิดจะล่อลวงผู้ใดอีกอยู่หรือไม่?”“ท่านอ๋องอี้พิกลพิการแล้ว บางทีอาจไม่ทำให้นางพออกพอใจได้ ฉะนั้นจึงรีบหาคนเกาะกินคนใหม่!ฝูงชนด้านล่างต่างครหากันกระจัดกระจาย วิพากษ์วิจารณ์กันทุกรูปแบบ…จักรพรรดิอู่อันฟังได้ไม่ชันเจนนัก ก่อนจะเริ่มเดือดดาลขึ้น เขาลอบมองไปทางขันทีเซี่ยด้วยแววตาไม่พอใจขันทีเซี่ยรีบคุกเข่าลงพื้นทันควันกล่าวคำ “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ไคล้พ่ะย่ะค่ะ! เทียบเชิญนั้นเป็นของจริง กระหม่อม แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางล้วนไม่เคยรับเงินของพระชายาอ๋องอี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ไยจะไม่รับ? หลิงอวี๋ยอมรับกับปากหมดแล้
ทันในนั้นพลันมีความคิดมหาศาลแวบผ่านสู่สมอง ครั้นเห็นรอยยิ้มของขันทีเซี่ย ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมดก็มลายหายไปนางกระจ่างแจ้งเจตนาของไทเฮาแล้ว นี่คือโอกาสที่ไทเฮามอบให้ตนเพื่อล้างมลทิน!หลิงอวี๋กล่าวหนักแน่น “หลิงอวี๋ขอถามขันทีเซี่ยสักสองสามคำถามได้หรือไม่?”จักรพรรดิอู่อันจับจ้องนางอย่างสนใจใคร่รู้ ถือเทียบเชิญปลอมเข้าวังมายังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่รึ?สตรีดาษดื่นเมื่อต้องเผชิญกับคำประณามจากผู้คนมากมาย คงหวาดกลัวร้องห่มร้องไห้ตั้งนานแล้ว หลิงอวี๋ผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจนัก!ขันทีเซี่ยคลี่ยิ้ม “พระชายาอ๋องอี้เชิญถามขอรับ!”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกิริยางามสง่า “ขันทีเซี่ย ท่านกล่าวว่ากระดาษและมาตรฐานรูปแบบล้วนเป็นของแท้หรือ?”“ถูกต้อง!” ขันทีเซี่ยตอบไร้กังวล “และเทียบเชิญอื่น ๆ ล้วนผลิตจากกรมการผลิตในวังหลวงทั้งสิ้น ภายนอกไม่มีทางทำเลียนแบบได้ขอรับ!”“ขันทีเซี่ย ในเมื่อกระดาษมาจากในวังหลวงแล้วหมึกที่ใช้เล่า?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหัวใจขันทีเซี่ยสั่นไหว เขาชำเลืองมองหลิงอวี๋อย่างเหนือคาดพลางตอบว่า “หมึกที่ใช้ก็จัดเตรียมมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกันขอรับ!”หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม “หลิงอวี๋ไร้ความสามารถ แต่ทราบว่
หลิงอวี๋เร่งถามเร็วรี่ “พระชายาผิงหยางกล่าวว่าข้าแอบส่งคนไปขโมยแท่งหมึกฮุยโม่ที่จวนของใต้เท้าเฉิง ข้าหวังว่าใต้เท้าจะพูดอย่างสัตย์จริง!”“เป็นไปมิได้เด็ดขาด! แต่ไหนมาก็มิเคยมีการขโมยในจวนข้ามาก่อน!”“และแท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษนี้ ข้าก็ทำมาแค่ห้าชิ้นเท่านั้นและทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในวังหลวง มิเคยแพร่งพรายออกไปภายนอกได้ขอรับ!”ใต้เท้าเฉิงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว“ขันทีเซี่ย เทียบเชิญใบนี้ใช้แท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงเขียนใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามทางขันทีเซี่ยขันทีเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแสงความชื่นชมระลอกหนึ่งและผงกศีรษะกล่าวคำ“เทียบเชิญนี้ของพระชายาอ๋องอี้เขียนด้วยหมึกชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงจริงขอรับ!”“ใต้เท้าเฉิง หลิงอวี๋ยังมีคำถามข้อสุดท้าย นอกจากท่านแล้วยังมีผู้ใดสามารถใช้แท่งหมึกฮุยโม่ของท่านได้อีกหรือไม่?”หลิงอวี่เอ่ยถามต่อเนื่อง“นั่นมีเพียงศิษย์ของข้าและไทเฮาเท่านั้น… ไทเฮาทรงโปรดปรานแท่งหมึกฮุยโม่ของข้าอย่างยิ่ง ข้าได้ถวายแก่พระองค์หนึ่งแท่งก่อนหน้านี้...”“กราบทูลฝ่าบาทเพคะ! กระดาษและมาตรฐานรูปแบบเทียบเชิญของหลิงอวี๋ จนกระทั่งหมึกล้วนเป็นสิ่งของใน
ชายาผิงหยางยื่นมือชี้ไปทางหลิงเยวี่ยพลางกล่าวด้วยดวงหน้าเหี้ยมเกรียม“บุตรนอกสมรสผู้นี้ ไร้ชื่อไร้แซ่ กระทั่งบิดาผู้ให้กำเนิดยังมิรู้ว่าคือผู้ใด!”“หลิงอวี๋ไม่รู้จักละอาย ทั้งยังพามาร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพ แต่ตัวข้าผุ้เป็นพระชายาในฐานะคนแห่งราชนิกุล ยังกลับรังเกียจที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับสตรีชั้นต่ำเยี่ยงนี้เพคะ!”“ฝ่าบาท ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ขาทั้งสองข้างพิกลพิการแล้ว! พวกเราในฐานะเครือญาติของเขาจะเพียงมองดูเขาถูกทำให้อัปยศอดสูอยู่เฉย ๆ หรือเพคะ?”“ไทเฮา ฝ่าบาท สายเลือดราชวงศ์มิควรต้องด่างพร้อย… หลิงอวี๋นำสายเลือดมาปะปนกันยุ่งสมควรประหารพันมีดหมื่นแล่(1)เพคะ!”“โปรดไทเฮา ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเพื่อท่านอ๋องอี้ในวันนี้เถิดเพคะ ประหารหลิงอวี๋หญิงสารเลวผู้นี้เพื่อให้ท่านอ๋องอี้อภิเษกสมรสครั้งใหม่กับสตรีเพียบพร้อมคุณธรรมมากความสามารถเป็นพระชายา!”เส้าเจิ้งซาน ท่านลุงกั๋วก็คว้าโอกาสเหยียดหยามดั่งคราก่อนเช่นกัน ยืนขึ้นกล่าวคำ“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับคำพูดพระชายาผิงหยาง! หลิงอวี๋หญิงไม่รู้จักละอายผิดชอบชั่วดีขาดคุณธรรมเช่นนี้ ไม่คู่ควรร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพพ่ะย่ะค่ะ”“สตรีที่ล่วงประ
คำพูดนี้กระตุ้นความคะนึงที่จักรพรรดิอู่อันมีต่อพระสนมอวิ๋นเฟย นางมากความรู้ความสามารถรอบด้าน ทั้งอ่อนโยนมีคุณธรรม ไฉนเลยจะเหมือนหลิงอวี๋ดอกหยางน้ำหญิงใจง่ายเช่นนี้!หากนางรู้ว่ามีลูกสะใภ้ไม่รู้จักอายเยี่ยงนี้ ภายในใจนางคงเศร้าสลดมากโข!ชายาผิงหยางสบโอกาสกล่าวคำเช่นกัน “ท่านอดีตเสนาบดี ท่านไม่อาจปกป้องคนผิดได้เพียงเพราะหลิงอวี๋คือหลานสาวของท่านใช่หรือไม่? ท่านอ๋องอี้ยังเป็นพระโอรส(บุตรชาย)ของฝ่าบาทและเป็นพระราชนัดดา(หลานชาย)ของไทเฮา!”“หลิงอวี๋ทำให้ท่านอ๋องอี้ต้องอัปยศอดสู! และนำความเสื่อมเสียสู่ราชวงศ์! หนังสือหย่าร้างฉบับเดียวจะสามารถทดแทนที่ผ่านมาได้เยี่ยงไร? ท่านคิดว่าราชวงศ์ไร้เกียรติศักดิ์ศรีหรือกระไร?”เมื่อชายาผิงหยางกล่าวออกมา ขุนนางท่านอื่น ๆ และสตรีในราชวงศ์ต่างทยอยผงกศีรษะตาม ๆ กัน“ถูกต้อง หากเป็นภรรยาจากครอบครัวสามัญชนทั่วไปคบชู้ล่วงประเวณี จะต้องถูกโทษจิ้นจูหลงจับถ่วงน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหลิงอวี๋คือพระสุณิสา(ลูกสะใภ้)ของราชวงศ์! การผิดประเวณียิ่งต้องทวีความร้ายแรง! ฝ่าบาทควรทรงประหารนางไปตั้งนานแล้วเสียด้วยซ้ำ!”“ใช่ ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตนางเนื่องเห็นแก่เกียรติของท่านอดีตเ
ในเวลานี้ผู้ใดจะกล้าพูดส่งเดชกันเล่า?กลัวว่าถ้ากล่าวคำมิเหมาะก็จะพัวพันถึงครอบครัวตนด้วย!เซียวหลินเทียนหลับตาลง หลิงอวี๋เป็นสตรีไม่รู้จักสำรวมกิริยา ทั้งยังขวัญกล้าเทียมฟ้า หากตายก็เป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง!นางยังกล้าเปรียบเด็กคนนี้กับจักรพรรดิ เสด็จพ่อจะยินยอมให้ลูกนอกสมรสผู้นี้มีชีวิตอยู่บนใต้หล้าอีกได้เยี่ยงไร?หลิงเยวี่ยมองตาโต จับจ้องไปทางองครักษ์มือดาบหลายนายทะยานเข้ามากุมตัวเขาและมารดาของตนแช่มช้าด้วยความสับสนมึนงงเขาหวาดกลัวจนสีหน้าขาวซีด หลิงอวี๋มองดูอย่างปวดใจ แต่เขากลับจับปกคอเสื้อของตนไว้แน่น ไม่ร่ำไห้สักแอะ และไม่ขออภัยโทษเช่นกันหลิงอวี๋กวาดสายตามองไปทั่วลาน คนที่นางมองล้วนหลบสายตากันหมดนางมองไปทางไทเฮาพบว่า ไทเฮาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้งโดยไม่อาจหยั่งรู้ได้ ท่าทีราวกับปลีกตัวออกจากสถานการณ์โดยสิ้นเชิงในใจหลิงอวี๋รู้สึกสิ้นหวัง นางคิดว่า ตนยังมีบุญคุณช่วยชีวิตไทเฮา ทั้งยังไทเฮาก็ตั้งครรภ์แปดเดือนเช่นกัน หากไม่คำนึงถึงอารมณ์หรือเหตุผล ไทเฮาควรจะเชื่อตนสิ!ผู้ใดจะรู้เล่าว่า หลิงอวี๋หยิบยกส่วนนี้มาพูดแล้ว ไทเฮาก็ยังไม่สะทกสะท้าน!ไทเฮากำลังทดสอบตนอยู่หรือไม่
ดวงหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปี่ยมด้วยเส้นโลหิตและมีเส้นเลือดดำปูดโปนบนหน้าผากเขาคิดจะลุกขึ้นหลายครา แต่ล้วนถูกพ่อลูกหลิงเสียงเซิงกดเอาไว้สุดแรงเขามองสองแม่ลูกหลิงอวี๋ถูกลากไปไกลอย่างปวดใจ ชั่วชีวิตของท่านอดีตเสนาบดีเพียงหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา เป็นคราแรกที่หางตาเปียกชื้น…หรือว่าตนผู้เป็นคนผมขาวต้องส่งคนผมดำ(1)สู่แดนมรณะจริงหรือ?เขามองลูกนอกสมรสที่ฝูงชนกล่าวถึงคนนั้น…หลิงเยวี่ยพรั่นพรึงจนดวงหน้าขาวซีด แต่กลับจับหลิงอวี๋ไว้แน่น ไม่ร่ำไห้และไม่ขออภัยโทษเช่นกันองครักษ์กองทัพหลวงสองนายฉุดลากเขาไปข้างนอกอย่างหยาบคายหลิงเยวี่ยถูกดึงล้มลงธรณี องครักษ์ไม่ได้สนใจ ใจเหี้ยมเตะเขาไปหนึ่งที ทั้งยังฉุดเขาขึ้นลากไปข้างนอกอีกหนท่านอดีตเสนาบดีมองแววตาหวาดกลัวของหลิงเยวี่ยด้วยความปวดร้าว เขายังเด็กขนาดนี้ก็ต้องมาประสบพลอยฟ้าพลอยฝนงั้นหรือ?หลิงอวี๋ถูกอุดปากไว้ สิ้นหวังหมดหนทาง ตัวนางหากตายก็ไม่เป็นไร แต่เยวี่ยเยวี่ย เด็กผู้นี้คือผู้บริสุทธิ์จริง ๆ!อีกครั้งที่นางมองไปทางท่านอดีตเสนาบดีกอดความหวังอันริบหรี่ นางไม่อ้อนวอนเขาให้ช่วยตน เพียงคิดหวังให้เขาช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเท่านั้น!แววตาสิ้นห
เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที แล้วรีบเอ่ยถามรัว ๆ อย่างร้อนใจ “เหตุใดคุณชายตระกูลเฉียวจึงอยู่ที่เมืองจงกวน? คนที่มาคือผู้ใด? หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร? เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาคือคุณชายตระกูลเฉียวจริง ๆ?”เก๋อฮุ่ยหนิงจึงเล่าเรื่องที่จื่ออวิ๋นจำเฉียวไป๋ได้ให้เขาฟัง แล้วบอกแผนการของตนให้ข้าหลวงเก๋อรู้โดยมิปิดบังด้วยสุดท้าย เก๋อฮุ่ยหนิงก็เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “ขอเพียงท่านพ่อส่งยอดมือสักสองสามคนมาแสดงร่วมกับข้า ให้ข้าได้เป็นวีรสตรีช่วยเหลือบุรุษรูปงาม เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเฉียวไป๋จะต้องรู้สึกขอบคุณข้าอย่างแน่นอน!”“เมื่อกอปรกับความสามารถและความงามของข้าแล้ว ในท้ายที่สุดคุณชายเฉียวจะต้องแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน!”เมื่อข้าหลวงเก๋อได้ยินว่าเก๋อฮุ่ยหนิงได้คิดแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในที่สุดเขาก็มองลูกสาวที่มิเป็นที่สนใจมาโดยตลอดผู้นี้ในมุมมองที่ต่างออกไป นางเป็นคนที่มีกล้าหาญ มีความฉลาด มีกลยุทธ์และมีความเด็ดขาด หากสตรีเช่นนี้มุ่งเป้ามาที่ตน ตนไม่มีทางหนีพ้นจากเงื้อมมือของนางได้แน่คุณชายตระกูลเฉียวเองก็เป็นบุรุษเช่นกัน เขาเชื่อว่าคุณชายตระกูลเฉี
ฮูหยินเก๋อมิได้เข้าใจความพยายามของข้าหลวงเก๋อในทันที และยังคงรู้สึกเสียใจกับเงินห้าพันตำลึงนี้อยู่ ข้าหลวงเก๋อเห็นว่านางมิเข้าใจ จึงลากนางเดินออกไปจากนั้นข้าหลวงเก๋อจึงบอกความตั้งใจของตนให้ฮูหยินเก๋อฟังอย่างง่าย ๆ ฮูหยินเก๋อจึงได้สติคืนมาการที่สามีได้เลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นย่อมเป็นสิ่งฮูหยินเก๋ออยากเห็นอยู่แล้ว แม้ว่านางจะทำใจมิได้แต่ก็ทำได้เพียงนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงมามอบให้หลิงอวี๋และเพื่อเป็นการดึงตัวหลิงอวี๋ให้มาทำงานกับสามี ฮูหยินเก๋อจึงพยายามพูดความดีของข้าหลวงเก๋ออย่างเต็มที่ ทั้งยังพูดออกไปอย่างมิปิดบังอีกว่า ขอเพียงหลิงอวี๋ติดตามพวกเขาไปเป็นหมอประจำตระกูลเก๋อที่เมืองหลวงแดนเทพ นางจะมิทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากอย่างแน่นอนเมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จึงได้รู้ว่าที่ข้าหลวงเก๋อให้เงินเป็นจำนวนมากนั้นเพราะมีเจตนาแอบแฝง นางจึงลังเลขึ้นมาทันทีหากพูดด้วยใจที่เป็นกลางแล้วละก็ นางมิยินยอมที่จะเป็นทาสของตระกูลเก๋อ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนางจะสูญเสียอิสรภาพไปแต่เมื่อหลิงอวี๋คิดว่า นางเองก็ต้องไปที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และบางทีก็อาจจะพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ด้วย การที่มีตระกูล
เก๋อฮุ่ยหนิงมองไปแล้วก็เกือบจะอาเจียนออกมา“คุณหนูสาม หมอเจียงได้นำถุงน้ำออกมาแล้วเจ้าค่ะ นางให้บ่าวยกออกมาให้พวกท่านดู! ตอนนี้หมอเจียงกำลังเย็บแผลของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ คงจะต้องใช้เวลาสักพักเจ้าค่ะ!”นางรับใช้ใช้ตัวน้อยยกสิ่งที่อยู่ในจานให้ทุกคนดู เมื่อฮูหยินเก๋อและคุณหนูคนอื่น ๆ เห็นก็ตกใจจนรีบเบือนสายตาไปทางอื่นในทันทีเก๋อฮุ่ยหนิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่ภายในใจ หมอที่ตนเชิญมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าเก่งกาจถึงเพียงนี้ ตนช่างมีสายตาที่หลักแหลมเสียจริง!“ยกถุงน้ำไปให้ท่านพ่อดูสิ ท่านพ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่ในที่สุดโรคของท่านย่าก็รักษาหายแล้ว!”เก๋อฮุ่ยหนิงจงใจเอ่ยขึ้นมานางรับใช้ตัวน้อยจึงทำตามคำสั่งแล้วยกไปให้ข้าหลวงเก๋อดูเก๋อฮุ่ยซินและฮูหยินเก๋อต่างก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างก็โกรธมาก ๆหากฮูหยินผู้เฒ่าหายดีแล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าฮูหยินเก๋อยังต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่ากดขี่ต่อไปอีก และจะมิได้สิทธิ์ดูแลตระกูลเก๋อด้วยทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเก๋อฮุ่ยหนิง!ในชั่วขณะหนึ่งฮูหยินเก๋ออยากจะตีนางสารเลวผู้นี้ให้ตายไปเสีย นางถึงกับแอบสาบานว่า นางจะต้องหาคู่แต่งงานที่น่ารังเกียจที่สุดให้ก
เมื่อหลิงอวี๋ไปถึงบ้านตระกูลเก๋อ ตอนนี้เก๋อฮุ่ยหนิงมองหลิงอวี๋แตกต่างออกไปแล้ว ที่แท้หมอเจียงก็มีตระกูลเฉียวสนับสนุนอยู่ นางจึงได้กล้าหาญมิเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเก๋อเช่นนี้!กระต่ายน้อยที่หลิงอวี๋ผ่าท้องไปนั้นยังมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจึงยิ่งรู้สึกสนใจที่จะให้หลิงอวี๋ทำการรักษานางแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจะรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว แต่หากยังมิผ่านการยินยอมจากลูกชายเสียก่อน นางก็มิอาจตัดสินใจเองโดยพลการได้ ข้าหลวงเก๋อจึงถูกเชิญมา นับเป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้พบกับใต้เท้าข้าหลวงเมืองจงกวนผู้นี้เขาอายุสี่สิบกว่า ดูมีชีวิตชีวา เขามีใบหน้ารูปเหลี่ยม จมูกงุ้มเล็กน้อยและมีดวงตาลึกเขามองประเมินหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หมอเจียง ท่านแม่ของข้าเทียบกับกระต่ายมิได้หรอกนะ ชีวิตของนางมีค่ามากกว่ากระต่ายตัวนั้นร้อยเท่า เจ้าแน่ใจหรือว่าการผ่าตัดให้นางจะมิเป็นอันตราย?”หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับข้าหลวงเก๋อผู้มีอำนาจ โดยมิได้แสดงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป “ท่านใต้เท้าเก๋อ แม้ว่าชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าจะล้ำค่ากว่ากระต่ายตัวนั้นแต่ก็เป็นชีวิตเจ้าค่ะ ข้าได้พ
เก๋อฮุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากที่จื่ออวิ๋นเล่ามา เนื้อตัวของเฉียวไป๋เต็มไปด้วยบาดแผล และหมอเจียงก็เป็นหมอ ดังนั้นบางทีนางอาจจะช่วยชีวิตเฉียวไป๋เอาไว้ก็ได้เฉียวไป๋อยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเกือบพันลี้ ดังนั้นขอเพียงตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เฉียวไป๋จดจำความดีของตนเอาไว้ แล้วค่อยยุให้ท่านย่าออกหน้า การแต่งงานครั้งนี้ก็จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จถึงแปดหรือเก้าในสิบแล้วแต่จะเข้าใกล้เฉียวไป๋ได้อย่างไรกัน?เก๋อฮุ่ยหนิงมิคิดว่า หากตนเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเฉียวไป๋ก่อน เขาก็คงจะสนใจนางปกติแล้วคุณชายตระกูลขุนนางเหล่านี้มักจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น หากมิใช่คนพิเศษสักหน่อย เฉียวไป๋ไม่มีทางยอมให้ตนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด!“จื่ออวิ๋น เจ้าไปสืบมาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียว เหตุใดคุณชายเฉียวจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ได้!”“และหากสืบมาได้ว่าคุณชายเฉียวชอบอะไรก็จะยิ่งดี!”เก๋อฮุ่ยหนิงรู้สึกว่า เมื่อก่อนนั้นตนยอมรับความลำบากมาโดยตลอด จึงได้ถูกเก๋อฮุ่ยซินแย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป แต่ครั้งนี้มิว่าอย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้หากว่ามิสำเร็จ นางค่อยยอมรับชะตากรรมก็ได้
จื่ออวิ๋นติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อสามปีก่อนตระกูลเก๋อได้เดินทางไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองอายุครบร้อยปีที่ตระกูลหลงจัดขึ้นที่เมืองหลวงแดนเทพตอนนั้นจื่ออวิ๋นได้ติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงไปที่เมืองหลวงแดนเทพ เดิมทีท่านย่าของตระกูลเก๋อจะใช้โอกาสนี้พูดคุยเรื่องแต่งงานให้กับเหล่าคุณหนูตระกูลเก๋อ นางจึงพาเหล่าคุณหนูไปด้วยดังนั้นจื่ออวิ๋นจึงเคยพบกับพวกคุณชายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงที่ยังมิได้แต่งงาน ในงานเลี้ยงชมบุปผาที่ทางด้านตระกูลเก๋อเป็นผู้จัดขึ้น เฉียวไป๋ก็มาเช่นกัน จื่ออวิ๋นเคยได้พบกับเขาแล้วในเวลานั้นจื่ออวิ๋นยังเคยบอกเก๋อฮุ่ยหนิงด้วยว่า เฉียวไป๋เหมาะกับเก๋อฮุ่ยหนิงมาก ทั้งคู่อายุใกล้เคียงกัน และเฉียวไป๋ก็หน้าตาหล่อเหลาด้วยเพียงแต่เมื่อดูจากภูมิหลังทางครอบครัวของตระกูลเก๋อแล้ว แม้แต่คุณหนูที่เป็นลูกสาวถูกต้องตามกฎหมายก็มิอาจเอื้อมถึงตระกูลเฉียวได้ ยิ่งมิต้องพูดถึงเก๋อฮุ่ยหนิงที่เป็นลูกสาวของอนุภรรยาเลยในตอนนั้นแม้ว่าเก๋อฮุ่ยหนิงจะชื่นชอบเฉียวไป๋เช่นกัน แต่ด้วยฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงมิอาจเอื้อม และมิได้เอามาใส่ใจแต่จื่ออวิ๋นไหนเลยจะคาดคิดว่า เฉียวไป๋คุณชายตระกูลขุน
เงื่อนไขที่เก๋อฮุ่ยหนิงต่อรองกับหลิงอวี๋คือ หลังจากที่หลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้กระต่ายแล้ว หากว่ากระต่ายตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ ข้าหลวงเก๋อก็จะต้องปล่อยลูกชายของหมอเถาไป“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว! แต่ท่านพ่อบอกว่าเขาจะต้องได้เห็นกระต่ายมีชีวิตอยู่เท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่มีทางปล่อยตัวคนไปแน่!”เก๋อฮุ่ยหนิงกลับมาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ถึงอย่างไรเจ้าก็มั่นใจในทักษะการแพทย์ของเจ้าเองมากอยู่แล้วมิใช่หรือ เช่นนั้นรออีกสักวันก็มิเป็นอะไรหรอก!”หลิงอวี๋มองออกว่าเก๋อฮุ่ยหนิงพยายามเต็มที่แล้ว นางจึงพยักหน้ากระทั่งเก๋อฮุ่ยหนิงให้นางรับใช้ไปหากระต่ายมา หลิงอวี๋กับเสี่ยวซิ่งก็นำอุปกรณ์ที่ต้องการออกมา แล้วผ่าท้องกระต่ายต่อหน้าเก๋อฮุ่ยหนิงกระต่ายถูกโอสถหมาฝู่ส่านทำให้สลบไป และทักษะที่ชำนาญของหลิงอวี๋ก็ทำให้เก๋อฮุ่ยหนิงยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น นางรู้สึกว่าหลิงอวี๋จะต้องรักษาท่านย่าของตนได้อย่างแน่นอนกระทั่งหลิงอวี๋เย็บท้องของกระต่ายเรียบร้อยแล้ว และฤทธิ์ของโอสถหมาฝู่ส่านหมดลง เมื่อเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นกระต่ายฟื้นขึ้นมา นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็อยากจะรีบไปบอกข่าวนี้กับท่านย่า“คุณหนูสาม มันดึกแล้ว ค
ทันทีที่เก๋อฮุ่ยซินได้ยินว่า เก๋อฮุ่ยหนิงคิดจะสะสางให้ตนใสสะอาด นางก็ตะโกนขึ้นมา “เจ้าอย่าได้พูดให้น่าฟังไปหน่อยเลย ใคร ๆ ก็รู้ความในใจของเจ้ากันทั้งนั้นว่าเจ้าชื่นชอบคุณชายจ้าว…”“พอแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นการที่สองพี่น้องแย่งสามีคนเดียวกันเช่นนี้ จะปกปิดก็ยังมิทัน แต่เก๋อฮุ่ยซินกลับตะโกนออกมาต่อหน้าคนนอก นี่ยังน่าอับอายมิพออีกหรือ?“เก๋อฮุ่ยซิน เจ้าออกไปเสีย!”ฮูหยินผู้เฒ่าดุด้วยความโกรธ “เจ้าถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน หากเจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้า สินสอดของเจ้าจะลดลงกึ่งหนึ่ง!”เก๋อฮุ่ยซินรู้สึกว่าชีวิตของนางกำลังถูกบีบขึ้นมาทันที นางจึงตะโกนออกไปด้วยความร้อนรน “ท่านย่า ข้าทำเพื่อท่านจริง ๆ ท่านจะเชื่อคำพูดของเก๋อฮุ่ยหนิงกับหมอหญิงผู้นี้มิได้เป็นอันขาดนะเจ้าคะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าก็จ้องมองนางอย่างเย็นชา “หากเจ้าพูดออกมาอีกคำ สินสอดของเจ้าจะหายไปทั้งหมด!”เก๋อฮุ่ยซินตกใจจนต้องปิดปากไว้พลันน้ำตาคลอ และวิ่งออกไปร้องไห้ด้วยความคับข้องใจเก๋อฮุ่ยหนิงแอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่นางมิกล้าแสดงท่าทีใด ๆ ออกไป จึงยังคงเช็ดน้ำตาอย่างเสียใจต่อไป“หนิงเอ๋อร์ ย
หลิงอวี๋มิรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเคยถามคำถามเดียวกันนี้กับหมอคนอื่นมาก่อนแล้ว และทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิเหมาะที่จะเดินทางไกลไปรับการรักษาที่เมืองหลวงแดนเทพหมอเถาถึงกับเคยบอกอ้อม ๆ ว่าฮูหยินผู้เฒ่านั้นอาจจะตายระหว่างทางก็เป็นได้ส่วนข้าหลวงเก๋อแม้ว่าจะมีอำนาจและอิทธิพล แต่ก็มิสามารถเชิญหมอที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงแดนเทพมาได้เนื่องจากหมอที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็เป็นดังที่เก๋อฮุ่ยหนิงบอก พวกเขาล้วนสูงส่ง จำเป็นต้องไปขอร้องถึงหน้าประตูและจ่ายเงินก้อนโตก่อนจึงจะยอมรักษาหากมิให้หลิงอวี๋รักษานาง ในเมืองจงกวนจะไม่มีใครที่สามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่านี้ได้ และหากเป็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่ายังใช้ชีวิตอยู่มิเพียงพอ แล้วจะทำใจจากไปเช่นนี้ได้อย่างไรแต่จะให้หลิงอวี๋ผ่าท้องของตน ฮูหยินผู้เฒ่าก็กลัวอีกหลิงอวี๋มองออกถึงความขัดแย้งในใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงเอ่ยออกไป “ฮูหยินผู้เฒ่า ยังมีวิธีที่ประนีประนอมกันได้เจ้าค่ะ…”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น นางก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที “หมอเจียง วิธีประนีประนอมอย่างไร เจ้าบอกมาเร็วเข้า!”หลิงอวี๋