ไทเฮาเหลียงกวาดมองฝูงชนรอบ ๆ อย่างสุภาพสุขุมงามสง่า เมื่อพบหลิงอวี๋ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย“ตัวข้าผู้เป็นไทเฮารู้สึกตื้นตันใจอย่างยิ่งที่ทุกท่านมาอวยพรให้แก่ข้า ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”“ขอบพระทัยไทเฮา!”ฝูงชนแสดงความขอบคุณและทยอยกันลุกขึ้น ก่อนนางกำนัลของวังหลวงจะพาไปยังที่นั่งหลิงอวี๋ก็ลุกขึ้นเช่นกัน เพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มของไทเฮาที่มีต่อตนนั้น ได้มลายความน่าเกรงขามอำนาจและเกียรติศักดิ์ลงไปมากอักโขนางจูงมือหลิงเยวี่ยคิดหาที่นั่งนั่งลง บัดนี้พบว่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีแบ่งที่นั่งกันเป็นสองฝั่ง ส่วนเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นไปทางฝั่งอาคันตุกะบุรุษเรียบร้อยแล้วนางจูงมือหลิงเยวี่ยไปทางฝั่งอาคันตุกะสตรี เพียงแต่ไม่มีนางกำนัลคอยนำทางตน นางเลยไม่รู้ว่าควรนั่งแห่งใดผ่านไปไม่ช้า ทุกคนล้วนนั่งลงหมดแล้ว เหลือเพียงนางกับหลิงเยวี่ยที่ยังยืนอยู่ จากนั้นทุกสายตาก็เพ่งเล็งลงบนร่างพวกนางในบัดดลหลิงอวี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตารีบกวาดมองที่นั่งเหล่านั้นหมายหาที่นั่งว่างนั่งลงให้เร็วที่สุดอย่างไรเสียหลังกวาดมองไปรอบหนึ่งแล้ว กลับพบว่าที่นั่งเต็มสิ้นไม่เหลือที่นั่งว่างอย่างสิ้นเชิงหัวใจ
“หลิงอวี๋ เจ้ายังไร้ยางอายอยู่อีกรึ! ปลอมแปลงเทียบเชิญของไทเฮามีความผิดมหันต์!”“เจ้ายังขวัญกล้าติดสินบนขันทีเซี่ย แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางรึ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มิรู้มีความผิดตั้งเท่าใดแล้ว!”เจิงจื่ออวี้แสร้งทำเป็นกล่าวอย่างประหลาดใจ“ได้ยินมานานว่าชายาอ๋องอี้ไร้กาลเทศะ นึกไม่ถึงว่าจะไร้กาลเทศะถึงขั้นนี้!”“ปลอมแปลงเทียบเชิญ ติดสินบนข้าราชบริพาล ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ!”“นางปลอมแปลงเทียบเชิญแค่เพื่อโผล่หน้ามาในวังหลวงรึ? มิน่า วันนี้ถึงแต่งตัวสวยพริ้งเยี่ยงนี้! นี่กำลังคิดจะล่อลวงผู้ใดอีกอยู่หรือไม่?”“ท่านอ๋องอี้พิกลพิการแล้ว บางทีอาจไม่ทำให้นางพออกพอใจได้ ฉะนั้นจึงรีบหาคนเกาะกินคนใหม่!ฝูงชนด้านล่างต่างครหากันกระจัดกระจาย วิพากษ์วิจารณ์กันทุกรูปแบบ…จักรพรรดิอู่อันฟังได้ไม่ชันเจนนัก ก่อนจะเริ่มเดือดดาลขึ้น เขาลอบมองไปทางขันทีเซี่ยด้วยแววตาไม่พอใจขันทีเซี่ยรีบคุกเข่าลงพื้นทันควันกล่าวคำ “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ไคล้พ่ะย่ะค่ะ! เทียบเชิญนั้นเป็นของจริง กระหม่อม แม่นมเว่ยและราชองครักษ์ผางล้วนไม่เคยรับเงินของพระชายาอ๋องอี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ไยจะไม่รับ? หลิงอวี๋ยอมรับกับปากหมดแล้
ทันในนั้นพลันมีความคิดมหาศาลแวบผ่านสู่สมอง ครั้นเห็นรอยยิ้มของขันทีเซี่ย ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมดก็มลายหายไปนางกระจ่างแจ้งเจตนาของไทเฮาแล้ว นี่คือโอกาสที่ไทเฮามอบให้ตนเพื่อล้างมลทิน!หลิงอวี๋กล่าวหนักแน่น “หลิงอวี๋ขอถามขันทีเซี่ยสักสองสามคำถามได้หรือไม่?”จักรพรรดิอู่อันจับจ้องนางอย่างสนใจใคร่รู้ ถือเทียบเชิญปลอมเข้าวังมายังสามารถนิ่งเฉยได้อยู่รึ?สตรีดาษดื่นเมื่อต้องเผชิญกับคำประณามจากผู้คนมากมาย คงหวาดกลัวร้องห่มร้องไห้ตั้งนานแล้ว หลิงอวี๋ผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจนัก!ขันทีเซี่ยคลี่ยิ้ม “พระชายาอ๋องอี้เชิญถามขอรับ!”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกิริยางามสง่า “ขันทีเซี่ย ท่านกล่าวว่ากระดาษและมาตรฐานรูปแบบล้วนเป็นของแท้หรือ?”“ถูกต้อง!” ขันทีเซี่ยตอบไร้กังวล “และเทียบเชิญอื่น ๆ ล้วนผลิตจากกรมการผลิตในวังหลวงทั้งสิ้น ภายนอกไม่มีทางทำเลียนแบบได้ขอรับ!”“ขันทีเซี่ย ในเมื่อกระดาษมาจากในวังหลวงแล้วหมึกที่ใช้เล่า?” หลิงอวี๋เอ่ยถามหัวใจขันทีเซี่ยสั่นไหว เขาชำเลืองมองหลิงอวี๋อย่างเหนือคาดพลางตอบว่า “หมึกที่ใช้ก็จัดเตรียมมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกันขอรับ!”หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม “หลิงอวี๋ไร้ความสามารถ แต่ทราบว่
หลิงอวี๋เร่งถามเร็วรี่ “พระชายาผิงหยางกล่าวว่าข้าแอบส่งคนไปขโมยแท่งหมึกฮุยโม่ที่จวนของใต้เท้าเฉิง ข้าหวังว่าใต้เท้าจะพูดอย่างสัตย์จริง!”“เป็นไปมิได้เด็ดขาด! แต่ไหนมาก็มิเคยมีการขโมยในจวนข้ามาก่อน!”“และแท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษนี้ ข้าก็ทำมาแค่ห้าชิ้นเท่านั้นและทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในวังหลวง มิเคยแพร่งพรายออกไปภายนอกได้ขอรับ!”ใต้เท้าเฉิงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว“ขันทีเซี่ย เทียบเชิญใบนี้ใช้แท่งหมึกฮุยโม่ชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงเขียนใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามทางขันทีเซี่ยขันทีเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแสงความชื่นชมระลอกหนึ่งและผงกศีรษะกล่าวคำ“เทียบเชิญนี้ของพระชายาอ๋องอี้เขียนด้วยหมึกชนิดพิเศษของใต้เท้าเฉิงจริงขอรับ!”“ใต้เท้าเฉิง หลิงอวี๋ยังมีคำถามข้อสุดท้าย นอกจากท่านแล้วยังมีผู้ใดสามารถใช้แท่งหมึกฮุยโม่ของท่านได้อีกหรือไม่?”หลิงอวี่เอ่ยถามต่อเนื่อง“นั่นมีเพียงศิษย์ของข้าและไทเฮาเท่านั้น… ไทเฮาทรงโปรดปรานแท่งหมึกฮุยโม่ของข้าอย่างยิ่ง ข้าได้ถวายแก่พระองค์หนึ่งแท่งก่อนหน้านี้...”“กราบทูลฝ่าบาทเพคะ! กระดาษและมาตรฐานรูปแบบเทียบเชิญของหลิงอวี๋ จนกระทั่งหมึกล้วนเป็นสิ่งของใน
ชายาผิงหยางยื่นมือชี้ไปทางหลิงเยวี่ยพลางกล่าวด้วยดวงหน้าเหี้ยมเกรียม“บุตรนอกสมรสผู้นี้ ไร้ชื่อไร้แซ่ กระทั่งบิดาผู้ให้กำเนิดยังมิรู้ว่าคือผู้ใด!”“หลิงอวี๋ไม่รู้จักละอาย ทั้งยังพามาร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพ แต่ตัวข้าผุ้เป็นพระชายาในฐานะคนแห่งราชนิกุล ยังกลับรังเกียจที่จะร่วมโต๊ะอาหารกับสตรีชั้นต่ำเยี่ยงนี้เพคะ!”“ฝ่าบาท ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ขาทั้งสองข้างพิกลพิการแล้ว! พวกเราในฐานะเครือญาติของเขาจะเพียงมองดูเขาถูกทำให้อัปยศอดสูอยู่เฉย ๆ หรือเพคะ?”“ไทเฮา ฝ่าบาท สายเลือดราชวงศ์มิควรต้องด่างพร้อย… หลิงอวี๋นำสายเลือดมาปะปนกันยุ่งสมควรประหารพันมีดหมื่นแล่(1)เพคะ!”“โปรดไทเฮา ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเพื่อท่านอ๋องอี้ในวันนี้เถิดเพคะ ประหารหลิงอวี๋หญิงสารเลวผู้นี้เพื่อให้ท่านอ๋องอี้อภิเษกสมรสครั้งใหม่กับสตรีเพียบพร้อมคุณธรรมมากความสามารถเป็นพระชายา!”เส้าเจิ้งซาน ท่านลุงกั๋วก็คว้าโอกาสเหยียดหยามดั่งคราก่อนเช่นกัน ยืนขึ้นกล่าวคำ“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับคำพูดพระชายาผิงหยาง! หลิงอวี๋หญิงไม่รู้จักละอายผิดชอบชั่วดีขาดคุณธรรมเช่นนี้ ไม่คู่ควรร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพพ่ะย่ะค่ะ”“สตรีที่ล่วงประ
คำพูดนี้กระตุ้นความคะนึงที่จักรพรรดิอู่อันมีต่อพระสนมอวิ๋นเฟย นางมากความรู้ความสามารถรอบด้าน ทั้งอ่อนโยนมีคุณธรรม ไฉนเลยจะเหมือนหลิงอวี๋ดอกหยางน้ำหญิงใจง่ายเช่นนี้!หากนางรู้ว่ามีลูกสะใภ้ไม่รู้จักอายเยี่ยงนี้ ภายในใจนางคงเศร้าสลดมากโข!ชายาผิงหยางสบโอกาสกล่าวคำเช่นกัน “ท่านอดีตเสนาบดี ท่านไม่อาจปกป้องคนผิดได้เพียงเพราะหลิงอวี๋คือหลานสาวของท่านใช่หรือไม่? ท่านอ๋องอี้ยังเป็นพระโอรส(บุตรชาย)ของฝ่าบาทและเป็นพระราชนัดดา(หลานชาย)ของไทเฮา!”“หลิงอวี๋ทำให้ท่านอ๋องอี้ต้องอัปยศอดสู! และนำความเสื่อมเสียสู่ราชวงศ์! หนังสือหย่าร้างฉบับเดียวจะสามารถทดแทนที่ผ่านมาได้เยี่ยงไร? ท่านคิดว่าราชวงศ์ไร้เกียรติศักดิ์ศรีหรือกระไร?”เมื่อชายาผิงหยางกล่าวออกมา ขุนนางท่านอื่น ๆ และสตรีในราชวงศ์ต่างทยอยผงกศีรษะตาม ๆ กัน“ถูกต้อง หากเป็นภรรยาจากครอบครัวสามัญชนทั่วไปคบชู้ล่วงประเวณี จะต้องถูกโทษจิ้นจูหลงจับถ่วงน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหลิงอวี๋คือพระสุณิสา(ลูกสะใภ้)ของราชวงศ์! การผิดประเวณียิ่งต้องทวีความร้ายแรง! ฝ่าบาทควรทรงประหารนางไปตั้งนานแล้วเสียด้วยซ้ำ!”“ใช่ ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตนางเนื่องเห็นแก่เกียรติของท่านอดีตเ
ในเวลานี้ผู้ใดจะกล้าพูดส่งเดชกันเล่า?กลัวว่าถ้ากล่าวคำมิเหมาะก็จะพัวพันถึงครอบครัวตนด้วย!เซียวหลินเทียนหลับตาลง หลิงอวี๋เป็นสตรีไม่รู้จักสำรวมกิริยา ทั้งยังขวัญกล้าเทียมฟ้า หากตายก็เป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง!นางยังกล้าเปรียบเด็กคนนี้กับจักรพรรดิ เสด็จพ่อจะยินยอมให้ลูกนอกสมรสผู้นี้มีชีวิตอยู่บนใต้หล้าอีกได้เยี่ยงไร?หลิงเยวี่ยมองตาโต จับจ้องไปทางองครักษ์มือดาบหลายนายทะยานเข้ามากุมตัวเขาและมารดาของตนแช่มช้าด้วยความสับสนมึนงงเขาหวาดกลัวจนสีหน้าขาวซีด หลิงอวี๋มองดูอย่างปวดใจ แต่เขากลับจับปกคอเสื้อของตนไว้แน่น ไม่ร่ำไห้สักแอะ และไม่ขออภัยโทษเช่นกันหลิงอวี๋กวาดสายตามองไปทั่วลาน คนที่นางมองล้วนหลบสายตากันหมดนางมองไปทางไทเฮาพบว่า ไทเฮาจ้องมองนางอย่างลึกซึ้งโดยไม่อาจหยั่งรู้ได้ ท่าทีราวกับปลีกตัวออกจากสถานการณ์โดยสิ้นเชิงในใจหลิงอวี๋รู้สึกสิ้นหวัง นางคิดว่า ตนยังมีบุญคุณช่วยชีวิตไทเฮา ทั้งยังไทเฮาก็ตั้งครรภ์แปดเดือนเช่นกัน หากไม่คำนึงถึงอารมณ์หรือเหตุผล ไทเฮาควรจะเชื่อตนสิ!ผู้ใดจะรู้เล่าว่า หลิงอวี๋หยิบยกส่วนนี้มาพูดแล้ว ไทเฮาก็ยังไม่สะทกสะท้าน!ไทเฮากำลังทดสอบตนอยู่หรือไม่
ดวงหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปี่ยมด้วยเส้นโลหิตและมีเส้นเลือดดำปูดโปนบนหน้าผากเขาคิดจะลุกขึ้นหลายครา แต่ล้วนถูกพ่อลูกหลิงเสียงเซิงกดเอาไว้สุดแรงเขามองสองแม่ลูกหลิงอวี๋ถูกลากไปไกลอย่างปวดใจ ชั่วชีวิตของท่านอดีตเสนาบดีเพียงหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา เป็นคราแรกที่หางตาเปียกชื้น…หรือว่าตนผู้เป็นคนผมขาวต้องส่งคนผมดำ(1)สู่แดนมรณะจริงหรือ?เขามองลูกนอกสมรสที่ฝูงชนกล่าวถึงคนนั้น…หลิงเยวี่ยพรั่นพรึงจนดวงหน้าขาวซีด แต่กลับจับหลิงอวี๋ไว้แน่น ไม่ร่ำไห้และไม่ขออภัยโทษเช่นกันองครักษ์กองทัพหลวงสองนายฉุดลากเขาไปข้างนอกอย่างหยาบคายหลิงเยวี่ยถูกดึงล้มลงธรณี องครักษ์ไม่ได้สนใจ ใจเหี้ยมเตะเขาไปหนึ่งที ทั้งยังฉุดเขาขึ้นลากไปข้างนอกอีกหนท่านอดีตเสนาบดีมองแววตาหวาดกลัวของหลิงเยวี่ยด้วยความปวดร้าว เขายังเด็กขนาดนี้ก็ต้องมาประสบพลอยฟ้าพลอยฝนงั้นหรือ?หลิงอวี๋ถูกอุดปากไว้ สิ้นหวังหมดหนทาง ตัวนางหากตายก็ไม่เป็นไร แต่เยวี่ยเยวี่ย เด็กผู้นี้คือผู้บริสุทธิ์จริง ๆ!อีกครั้งที่นางมองไปทางท่านอดีตเสนาบดีกอดความหวังอันริบหรี่ นางไม่อ้อนวอนเขาให้ช่วยตน เพียงคิดหวังให้เขาช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเท่านั้น!แววตาสิ้นห
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้