ดวงหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปี่ยมด้วยเส้นโลหิตและมีเส้นเลือดดำปูดโปนบนหน้าผากเขาคิดจะลุกขึ้นหลายครา แต่ล้วนถูกพ่อลูกหลิงเสียงเซิงกดเอาไว้สุดแรงเขามองสองแม่ลูกหลิงอวี๋ถูกลากไปไกลอย่างปวดใจ ชั่วชีวิตของท่านอดีตเสนาบดีเพียงหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา เป็นคราแรกที่หางตาเปียกชื้น…หรือว่าตนผู้เป็นคนผมขาวต้องส่งคนผมดำ(1)สู่แดนมรณะจริงหรือ?เขามองลูกนอกสมรสที่ฝูงชนกล่าวถึงคนนั้น…หลิงเยวี่ยพรั่นพรึงจนดวงหน้าขาวซีด แต่กลับจับหลิงอวี๋ไว้แน่น ไม่ร่ำไห้และไม่ขออภัยโทษเช่นกันองครักษ์กองทัพหลวงสองนายฉุดลากเขาไปข้างนอกอย่างหยาบคายหลิงเยวี่ยถูกดึงล้มลงธรณี องครักษ์ไม่ได้สนใจ ใจเหี้ยมเตะเขาไปหนึ่งที ทั้งยังฉุดเขาขึ้นลากไปข้างนอกอีกหนท่านอดีตเสนาบดีมองแววตาหวาดกลัวของหลิงเยวี่ยด้วยความปวดร้าว เขายังเด็กขนาดนี้ก็ต้องมาประสบพลอยฟ้าพลอยฝนงั้นหรือ?หลิงอวี๋ถูกอุดปากไว้ สิ้นหวังหมดหนทาง ตัวนางหากตายก็ไม่เป็นไร แต่เยวี่ยเยวี่ย เด็กผู้นี้คือผู้บริสุทธิ์จริง ๆ!อีกครั้งที่นางมองไปทางท่านอดีตเสนาบดีกอดความหวังอันริบหรี่ นางไม่อ้อนวอนเขาให้ช่วยตน เพียงคิดหวังให้เขาช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเท่านั้น!แววตาสิ้นห
จักรพรรดิอู่อันชะงักงันเหมือนกัน ทอดมองท่านอดีตเสนาบดีด้วยความเหลือจะเชื่อเขาเลี้ยงหลานสาวที่ไม่รู้จักอายเช่นนี้ ตนก็ไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษเขาด้วยซ้ำ แต่เขายังกล้าขอความเมตตาต่อตนอีกหรือ?ท่านอดีตเสนาบดีหนวดเคราสั่นระริกพลางถลกเสื้อคลุมขึ้น ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกจักรพรรดิอู่อันหลับตาลง จากนั้นความขึ้งโกรธก็พุ่งทะยานขึ้นท่านอดีตเสนาบดีใช้การกระทำเช่นนี้มาทักท้วงอย่างเรียบนิ่งว่าตนจะประหารหลิงอวี๋โดยไม่แยกแยะถูกผิด แสดงว่าเขาไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?ชายชราโง่เขลาผู้นี้คิดว่าตนมีคุณความดีหลายส่วน เพราะถูกตนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญน่ะหรือ จึงขวัญกล้าข่มขู่ตนงั้นสิ?จักรพรรดิอู่อันมีความคิดนับไม่ถ้วนแล่นเข้ามาในหัวสมองฉับพลัน ทันใดนั้นภายในใจก็เกิดความปรารถนาที่จะประหารเขา…เส้นโลหิตดำบนหน้าผากจักรพรรดิเต้นตุบ ๆ ขณะกำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างบางอย่างมาประหารไอ้แก่ไร้สมองนี้เสีย!ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าเข้าใจบุตรชายตนได้ดีไปกว่ามารดา!ไทเฮาเห็นสีหน้าอารมณ์ของจักรพรรดิอู่อันก็คาดเดาความคิดเขาได้ทันที นางขมวดหัวคิ้วมุ่นพลางยกมือจับเขาเอาไว้ กล่าวเสียงแผ่ว“ย
“ท่านปู่ไม่ได้ติดตามหลิงอวี๋ตลอดเวลา แต่ที่หลิงอวี๋อยากจะพูดก็คือ หลิงอวี๋จำคำสั่งสอนของท่านปู่ได้เสมอ”“ดังนั้นแม้ว่าหลิงอวี๋จะทะเลาะกับผู้อื่นอยู่ข้างนอก กระทำเรื่องไร้กาลเทศะเหล่านั้น แต่หลิงอวี๋ยึดถือคำสั่งสอนของท่านปู่ ไม่ทำเรื่องประเภทคบชู้นั่น!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “หลิงอวี๋ยอมรับว่า พิสมัยท่านอ๋องอี้ในปีนั้นและใช้กลอุบายเล็กน้อยจริง แต่หลิงอวี๋กล้าสาบานต่อสรวงสวรรค์ว่า หม่อมฉันติดตามท่านอ๋องอี้ด้วยความบริสุทธิ์ใสสะอาด!”“ท่านอ๋องอี้ ท่านตรัสอย่างยุติธรรมได้หรือไม่? ว่าครานั้นหลิงอวี๋บริสุทธิ์หรือเปล่า?”เซียวหลิยเทียนตกตะลึง ในวันนั้นที่เขาถูกหลิงอวี๋วางแผนทำร้าย เนื่องเพราะเดือดดาลมากไปเลยไม่ได้จับตาดูละเอียดว่านางบริสุทธิ์หรือไม่และเมื่อครู่หลิงอวี๋ก็กล่าวได้ถูกต้อง เขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่านางคบชู้ เพียงพึ่งความสงสัยตัดสินความผิดของนางนั้นไม่ยุติธรรม!ทุกสายตาต่างจับจ้องไปทางตนเซียวหลินเทียนค่อนข้างรู้สึกขัดแย้งที่จะยอมรับว่านางบริสุทธิ์หรือไม่ยอมรับดี?ถ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นหลิงอวี๋ก็จะถูกลากตัวไปตัดหัว!แต่หากยอมรับ นั่นมิใช่คือการช่วยหลิงอวี๋หรือ?เป็นอุบา
“ในใต้หล้านี้ มีเด็กมากมายกำเนิดก่อนสิบเดือน! เกิดก่อนกำหนดหน่อยก็เป็นเด็กนอกสมรสแล้วรึ?”“สาเหตุที่ทารกในครรภ์คลอดเร็วมีค่อนข้างมาก อย่างเช่น การหกล้มจะส่งผลให้ส่วนท้องได้รับบาดเจ็บทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด! และอารมณ์ตื่นเต้นรุนแรงในช่วงปลายระยะการตั้งครรภ์ก็ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน!”หลิงอวี๋พูดจาฉะฉานมีหลักมีฐาน “อีกทั้งยังสภาพทารกในครรภ์ก็อาจส่งผลให้คลอดก่อนกำหนดได้ อย่างเช่น การทำงานของรกไม่เพียงพอ หรือมีภาวะรกเกาะต่ำ(1)!”“หากไม่เชื่อข้าก็ลองถามหมอหลวงได้ว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่!”ชายาผิงหยางยิ้มหยันกล่าวคำ “แม้ว่าเจ้าจะพูดถูก แต่เจ้าก็แตกต่างจากคนอื่นอยู่ดี เจ้าอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องอี้เพียงแปดเดือนก็ให้กำเนิดลูกนอกสมรสนี้แล้ว!”“ถูกต้อง! หากเจ้ามีความสามารถก็อย่าเบี่ยงเบนประเด็นสิ เอาหลักฐานออกมาพิสูจน์เลยว่า ลูกนอกสมรสคนนี้เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องของข้า!”เสิ่นจวนมองหลิงอวี๋พลางพูดอย่างปากดี เพราะกังวลว่าชายาผิงหยางจะเถียงไม่สู้นางเลยช่วยพูดแทรกเข้ามาดวงตาชายาผิงหยางทอประกาย “ใช่แล้ว เจ้ากล้าตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ(2)หรือไม่! หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกนอกสมรส เจ้าต้องคุกเ
“ฝ่าบาท ทองคำแท้ไม่กลัวไฟหลอม! หลิงอวี๋ก็ไร้สิ่งใดต้องกลัวเพคะ!”หลิงอวี๋เงยศีรษะขึ้นพลางกล่าวหนักแน่น“เชิญหมอหลวง… ตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ!”ตามคำบัญชาของจักรพรรดิอู่อัน หมอหลวงก็ไปเตรียมการทันควันเซียวหลินเทียนกำลังฟังมาตลอด ครั้นได้ยินหลิงอวี๋พูดถึงสาเหตุหลายประเภทของการคลอดก่อนกำหนด หัวใจเขาก็สั่นไวถ้าหลิงอวี๋ติดตามตนด้วยความบริสุทธิ์จริง ๆ การคลอดก่อนกำหนดสองเดือนของเด็กคนนั้นก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน!ก่อนหน้าเขาโกรธแค้นหลิงอวี๋ที่มีเจตนาร้ายกับตน บีบคั้นให้ตนทิ้งคนที่รักไป ทำให้พอหลังแต่งงานกันเขาก็ไปสนามรบทันทีขณะที่เด็กเกิดเขาไม่ได้อยู่เมืองหลวง เลยไม่รู้แจ้งถึงสาเหตุที่หลิงอวี๋คลอดก่อนกำหนดในครานั้นเมื่อได้ยินข่าวลือว่า หลิงอวี๋ออกเรือนกับเขาแต่กำลังอุ้มท้องบุตรชายนอื่น ทว่านั่นคือเหตุที่ทำให้นางคลอดลูกแปดเดือน!ความโกรธเข้าครอบงำเขาในเวลานั้นจึงไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบ คิดเอาเองว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่บุตรของตน!หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดจริง?ครั้นได้ยินหลิงอวี๋กล่าวยินยอมตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ เซียวหลินเทียนพลันกำหมัดแน่นอารมณ์ตึงเครียดฉับพลัน ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดที่หลิงอวี๋เอ
“ความจริงกระจ่างแล้ว ข้าขอประกาศว่าเยวี่ยเยวี่ยคือบุตรชายของอ๋องอี้เซียวหลินเทียน! เรื่องนี้ให้มันจบลงที่นี่และวันข้างหน้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องลูกนอกสมรสอีก!”จักรพรรดิอู่อันกวาดสายตามองทั่วลานพลางป่าวประกาศอย่างไร้ทางเลี่ยงคราวนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะเล่นงานหลิงอวี๋เช่นไรแล้ว ไร้ซึ่งข้ออ้างจะประหาร!มีเพียงความยินดีปรีดาเดียวเท่านั้นคือ เด็กคนนี้มีสายเลือดของราชวงศ์โดยแท้จริง ช่วยล้างมลทินความอัปยศอดสูที่ราชวงศ์ต้องประสบมานับหลายปีลง!“หลิงอวี๋ขอขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงยืนยันฐานะของเยวี่ยเยวี่ย! ฝ่าบาท หลิงอวี๋ยังมีเรื่องจะขอกราบทูลอีกเพคะ!” หลิงอวี๋คำนับพลางกล่าวเคร่งขรึมจักรพรรดิอู่อันทอดมองท่านอดีตเสนาบดีที่ยังคงคุกเข่าอยู่พลางนึกถึงความปรารถนาประหารแม่ลูกหลิงอวี๋อันแรงกล้าเมื่อครู่…หลิงอวี๋ช่างหัวมัน! จะฆ่าหรือไม่ไม่สำคัญ!แต่เด็กมีสายเลือดราชวงศ์และถือเป็นหลานชายตน!ท่านอดีตเสนาบดีแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ความหลงใหลเกียรติศักดิ์ศรีของจักรพรรดิอู่อันพึงพอใจยิ่งยวด!ถือว่าเห็นแก่เด็ก และให้หน้าหลิงอวี๋เล็กน้อย!จักรพรรดิอู่อันผงกศีรษะแสดงความเคาร
จักรพรรดิอู่อันตกตะลึงต่อฉากนี้จนพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นความบันเทิงที่ไม่เคยพบในวังหลวงมาก่อน!เมื่อชายาผิงหยางคุกเข่าลง เขาถึงได้สติคืนพลางมองค้อนไปยังหลิงอวี๋อย่างไม่พอใจ กล่าวตำหนิว่า “หลิงอวี๋ ขอประทานอภัยต่ออ๋องผิงหยางเสีย!”หลิงอวี๋ตอบอย่างหัวรั้น “ฝ่าบาท หลิงอวี๋มิใช่กล่าวสิ่งใดผิด! หลิงอวี๋กล้าเอาศีรษะเป็นประกันเลยเพคะ! ว่าท่านอ๋องผิงหยางประสบภาวะมีบุตรยาก!”“หมอหลวงก็อยู่ที่นี่ โปรดฝ่าบาทอนุญาตให้เขาวินิจฉัยท่านอ๋องผิงหยางเถิด! หากยืนยันได้ว่า หลิงอวี๋ใส่ไคล้ หลิงอวี๋ไม่เพียงจะโขกหัวแสดงความขออภัยเท่านั้น แต่ยังจะให้ศีรษะที่อยู่บนคอนี้ถวายพวกเขาด้วยเพคะ!”เมื่อวาจานี้ได้เผยออกมา ทุกคนต่างเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกาหลิงอวี๋กระทั่งเอาหัวตัวเองมาเดิมพันเช่นนี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?ท่านอดีตเสนาบดีเดิมทีคิดไกล่เกลี่ยยุติขัดแย้งให้หลิงอวี๋ ทว่าวาจาห้ามปรามยังมิทันเอ่ย หลิงอวี๋ก็โพล่งออกมาซะแล้วเขานึกถึงความคับแค้นระหว่างตนกับท่านอ๋องอี้ แล้วก็นึกถึงฉากสองแม่ลูกหลิงอวี๋เมื่อครู่เกือบจะถูกพระชายาผิงหยางฆ่าตาย เขาก็ส่ายหัวสักพักไม่คิดเตือนใด ๆ แล้ว“ฝ่าบาท พระชายาผิง
เมื่อหลิงอวี๋เห็นสถานการณ์ก็แทบอ้าปากตาค้าง ทว่าท้ายที่สุดยั้งกิริยาไว้ได้!คำก็ชินอ๋อง(1) สองคำก็อ๋องเพียงอาศัยสายสัมพันธ์ญาติพี่น้องกล่าวอ้างว่าการตรวจสายเลือดราชวงศ์ไม่ได้แม่นยำเสมอไป แต่อย่างไรเสียชายาผิงหยางควรถูกหย่าร้างก็เพียงพอแล้ว!นางยังไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขั้นจะให้ชายาผิงหยางอยู่ในสภาพจิ้นจูหลงแน่นอน!สามารถไว้ชีวิตคนได้ก็ไว้ไปเถอะ!ครั้นทุกคนเห็นสถานการณ์ต่างปิดหน้าละอายแทนตระกูลอ๋องผิงหยางไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวด!“ข้าก็บอกแล้วว่าบุตรชายนางเป็นลูกนอกสมรส! พวกเจ้าไม่เห็นหรือ? อธิราชน้อยผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนท่านอ๋องผิงหยางสักนิด!”“ใช่แล้ว เจ้าไม่เห็นรึ บุตรชายของท่านอ๋องอี้ผู้นั้นมีมารยาท สุภาพและวางตัวดี! ถูกกรีดมือก็ไม่งอแงเลย! ”“ไฉนเลยจะเหมือนลูกนอกสมรสผู้นี้ ครั้นถูกกรีดมือก็ด่าคน… แถมยังด่าหมอหลวงเป็นทาสด้วย! ไม่เข้าใจเรื่องมรรยาทเลยสักนิดเดียว!”“เมื่อกี้พวกเจ้าไม่เห็นมารยาทบนโต๊ะของเขาหรือ? ยัดทุกสิ่งอย่างเข้าปาก! ราวกับผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดก็ไม่ปาน!”“ลูกนอกสมรสก็คือลูกนอกสมรสนั่นแหละ! ไฉนเลยจะเทียบเคียงสายเลือดแห่งราชวงศ์ได้!”หลิงอวี๋ได้ยิน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็
"ข้ามีวิธีช่วยหมิงจู พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ รอสักครู่!"หลิงอวี๋ยังไม่มีเวลาปรุงยาแก้พิษ ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า "อย่าเพิ่งรบกวนข้า มินานข้าก็จะปรุงยาแก้พิษให้หมิงจูสำเร็จแล้ว!"หลิงอวี๋พิงผนังรถม้าแล้วเข้าไปในมิติปี้ซงเห็นหลิงอวี๋ดูเหมือนหลับไปก็มองหวงฝู่หลินอย่างประหลาดใจเล็กน้อย"ท่านเจ้าวัง นางหลับได้อย่างไร? นางควรจะรีบปรุงยาให้เจ้าวังน้อยมิใช่หรือ?"หวงฝู่หลินเหลือบมองหลิงอวี๋แวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า "ใต้หล้านี้มีของวิเศษบางอย่างที่ภายในเป็นพระสุเมรุ บรรจุสรรพสิ่งไว้มากมาย หยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ก็เป็นของวิเศษประเภทนี้!""นางต้องเข้าไปในนั้นเพื่อปรุงยาให้หมิงจูอย่างแน่นอน!""ข้าเชื่อในตัวนาง เจ้ารอดูเถอะ!"ปี้ซงก็เคยได้ยินตำนานทำนองนี้เช่นกันแต่มิเคยเห็นกับตา เขาจ้องมองหลิงอวี๋เขม็งก็มิเห็นนางขยับเขยื้อนเลยปี้ซงสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง ข้างในหยกหล้าสุขาวดีนั้นเป็นแบบไหนกันแน่?ด้านนอก หลงจิ้งตามหลงเพ่ยเพ่ยทันแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยมองดูว่าไม่มีทหารไล่ตามมาจึงกล่าวเสียงเบา"พี่สาม ถึงแม้พวกเราจะมิได้เปิดเผยตัวตน แต่มิช้ามหาปราชญ์ก็ต้องเดาตัวตนของพวกเราออกแน่ แล้วพวกเราจ
หลงเพ่ยเพ่ยกวาดตามอง เห็นเจ้าสำนักซิงหลัวถอยห่างออกไปสิบกว่าเมตรแล้ว ส่วนมือสังหารเหล่านั้นถูกเสือปีกกาฬกัดทึ้งจนมิกล้าเข้าใกล้“พวกเราถอย!”หลงเพ่ยเพ่ยสั่งการองครักษ์เงาให้ดึงจ้าวซวนกับลู่หนานกลับมา และให้พลธนูคุ้มกันด้านหลังคนของเก๋อเฟิ่งฉิงได้หามเก๋อเฟิ่งฉิงรวมถึงเซียวหลินเทียนที่หมดสติไปด้านหลังแล้วหลิงเฟิงและหานอวี้ได้นำพลธนูมาถึงแล้ว ทั้งสองรีบสั่งการให้องครักษ์จัดวางแนวป้องกันของพลธนูหลิงเฟิงพุ่งเข้ามาสมทบกับหลิงอวี๋ ลู่หนานและคนอื่น ๆ พร้อมกับองครักษ์หลายนายเกือบจะพร้อมกันนั้น เย่หรงและหลงจิ้งก็มาถึงเช่นกัน ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือหามเซียวหลินเทียน เก๋อเฟิ่งฉิงที่สลบอยู่และคนอื่น ๆ ขึ้นรถม้า“พวกท่านไปก่อน พวกเราจะคุ้มกันด้านหลังให้!”หลงจิ้งประเมินสถานการณ์แล้วออกคำสั่งทันทีไหนเลยมหาปราชญ์จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ เขารีบรวบรวมมือสังหารที่เหลืออยู่แล้วก็กระหนาบโจมตีเข้ามาทว่าพลธนูเหล่านี้ใช่พวกกระจอกเสียที่ไหน เมื่อมิสามารถโจมตีระยะประชิดได้ ก็แสดงอานุภาพของการโจมตีระยะไกลออกมา กอปรกับลูกศรของพลธนูหลิงเฟิงล้วนฉาบไว้ด้วยยาสลบชนิดรุนแรง ขอเพียงถูกยิงเข้า มือสังหารท
“พี่ใหญ่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นท่ามิดี จึงพุ่งเข้ามาผลักเซียวหลินเทียนออกไปพร้อมใช้ร่างของตนเองรับฝ่ามือนี้แทนเซียวหลินเทียน...พลังฝ่ามือของเจ้าสำนักซิงหลัวกระแทกเข้าใส่ร่างของเก๋อเฟิ่งฉิง ร่างของนางราวกับปุยหลิวลอยออกไปเซียวหลินเทียนอยู่ในสภาพหมดแรงแล้ว การโจมตีเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไปจนหมดสิ้นเขามองตาค้างเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวออกไป แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะเข้าไปกอดรับนางไว้ความรู้สึกที่เก๋อเฟิ่งฉิงมีต่อตนนั้นเซียวหลินเทียนจะมิเข้าใจได้อย่างไรเช่นเดียวกันกับหลิงอวี๋ในอดีต นางเองพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำดีต่อเขาบัดนี้นางถึงขั้นสละชีวิตเพื่อช่วยตน หากในใจเขาไม่มีหลิงอวี๋อยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับความรักมั่นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะมิซาบซึ้งใจได้อย่างไร!“หากข้ายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ สิ่งที่ติดค้างเจ้า ข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่!”เซียวหลินเทียนเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก ภาพเบื้องหน้ามืดลงและล้มตึงไปทันทีคนรอบข้างล้วนกำลังวุ่นอยู่กับการรับมือมหาปราชญ์และเจ้าสำนักซิงหลัว ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปดูอาการของเซียวหลินเทียนได้มู่ตงหัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ยเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวถอ
ภายใต้แสงสว่างของคบเพลิงโดยรอบ ตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าพร้อมสะท้อนแสงโลหะอันเย็นเยียบออกมา…ตาข่ายยักษ์ครอบลงมายังเสือปีกกาฬหลิงอวี๋เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ นางพุ่งเข้าไปพร้อมกระบี่ในมือโดยมิลังเลก่อนหน้านี้นางเห็นสถานการณ์การต่อสู้ตึงเครียด จึงได้ส่งหวงฝู่หมิงจูให้เถาจื่อแบกไว้ก่อนแล้วบัดนี้หลิงอวี๋พุ่งเข้ามาใช้กระบี่ตวัดเกี่ยวตาข่ายนั้น พยายามจะฉีกเปิดช่องว่างให้เสือปีกกาฬหนีออกมาได้แต่ตาข่ายเหล็กของเจ้าสำนักซิงหลัวหนักเกินไป หลิงอวี๋ใช้สุดแรงกำลังก็ยังมิอาจดึงตาข่ายเหล็กให้เปิดออกได้หวงฝู่หลินก็รู้ว่าหากเสือปีกกาฬถูกตาข่ายคลุมไว้ ย่อมไม่มีทางหนีออกมาได้แน่นอน จึงล้มเลิกการโจมตีมหาปราชญ์ จึงหันมาอีกด้านหนึ่งแล้วใช้กระบี่ของตนตวัดเกี่ยวตาข่ายเหล็กเช่นกันหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ร่วมแรงกันอย่างหนักจนเปิดช่องแคบได้เสือปีกกาฬแสนรู้ ตาข้างเดียวกวาดมองแล้วก็พุ่งออกไปทางช่องนั้นทันทีเจ้าสำนักซิงหลัวเห็นดังนั้นก็ดึงตาข่ายสุดแรง แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เสือปีกกาฬขยับตัวกระแทกพื้นกระโจนออกไปทางช่องแคบนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแม้ว่าความเร็วของมันจะสูงมาก แต่ตาข่ายเหล็กที่รัด