ดวงหน้าของท่านอดีตเสนาบดีเปี่ยมด้วยเส้นโลหิตและมีเส้นเลือดดำปูดโปนบนหน้าผากเขาคิดจะลุกขึ้นหลายครา แต่ล้วนถูกพ่อลูกหลิงเสียงเซิงกดเอาไว้สุดแรงเขามองสองแม่ลูกหลิงอวี๋ถูกลากไปไกลอย่างปวดใจ ชั่วชีวิตของท่านอดีตเสนาบดีเพียงหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา เป็นคราแรกที่หางตาเปียกชื้น…หรือว่าตนผู้เป็นคนผมขาวต้องส่งคนผมดำ(1)สู่แดนมรณะจริงหรือ?เขามองลูกนอกสมรสที่ฝูงชนกล่าวถึงคนนั้น…หลิงเยวี่ยพรั่นพรึงจนดวงหน้าขาวซีด แต่กลับจับหลิงอวี๋ไว้แน่น ไม่ร่ำไห้และไม่ขออภัยโทษเช่นกันองครักษ์กองทัพหลวงสองนายฉุดลากเขาไปข้างนอกอย่างหยาบคายหลิงเยวี่ยถูกดึงล้มลงธรณี องครักษ์ไม่ได้สนใจ ใจเหี้ยมเตะเขาไปหนึ่งที ทั้งยังฉุดเขาขึ้นลากไปข้างนอกอีกหนท่านอดีตเสนาบดีมองแววตาหวาดกลัวของหลิงเยวี่ยด้วยความปวดร้าว เขายังเด็กขนาดนี้ก็ต้องมาประสบพลอยฟ้าพลอยฝนงั้นหรือ?หลิงอวี๋ถูกอุดปากไว้ สิ้นหวังหมดหนทาง ตัวนางหากตายก็ไม่เป็นไร แต่เยวี่ยเยวี่ย เด็กผู้นี้คือผู้บริสุทธิ์จริง ๆ!อีกครั้งที่นางมองไปทางท่านอดีตเสนาบดีกอดความหวังอันริบหรี่ นางไม่อ้อนวอนเขาให้ช่วยตน เพียงคิดหวังให้เขาช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเท่านั้น!แววตาสิ้นห
จักรพรรดิอู่อันชะงักงันเหมือนกัน ทอดมองท่านอดีตเสนาบดีด้วยความเหลือจะเชื่อเขาเลี้ยงหลานสาวที่ไม่รู้จักอายเช่นนี้ ตนก็ไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษเขาด้วยซ้ำ แต่เขายังกล้าขอความเมตตาต่อตนอีกหรือ?ท่านอดีตเสนาบดีหนวดเคราสั่นระริกพลางถลกเสื้อคลุมขึ้น ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกจักรพรรดิอู่อันหลับตาลง จากนั้นความขึ้งโกรธก็พุ่งทะยานขึ้นท่านอดีตเสนาบดีใช้การกระทำเช่นนี้มาทักท้วงอย่างเรียบนิ่งว่าตนจะประหารหลิงอวี๋โดยไม่แยกแยะถูกผิด แสดงว่าเขาไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?ชายชราโง่เขลาผู้นี้คิดว่าตนมีคุณความดีหลายส่วน เพราะถูกตนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญน่ะหรือ จึงขวัญกล้าข่มขู่ตนงั้นสิ?จักรพรรดิอู่อันมีความคิดนับไม่ถ้วนแล่นเข้ามาในหัวสมองฉับพลัน ทันใดนั้นภายในใจก็เกิดความปรารถนาที่จะประหารเขา…เส้นโลหิตดำบนหน้าผากจักรพรรดิเต้นตุบ ๆ ขณะกำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างบางอย่างมาประหารไอ้แก่ไร้สมองนี้เสีย!ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าเข้าใจบุตรชายตนได้ดีไปกว่ามารดา!ไทเฮาเห็นสีหน้าอารมณ์ของจักรพรรดิอู่อันก็คาดเดาความคิดเขาได้ทันที นางขมวดหัวคิ้วมุ่นพลางยกมือจับเขาเอาไว้ กล่าวเสียงแผ่ว“ย
“ท่านปู่ไม่ได้ติดตามหลิงอวี๋ตลอดเวลา แต่ที่หลิงอวี๋อยากจะพูดก็คือ หลิงอวี๋จำคำสั่งสอนของท่านปู่ได้เสมอ”“ดังนั้นแม้ว่าหลิงอวี๋จะทะเลาะกับผู้อื่นอยู่ข้างนอก กระทำเรื่องไร้กาลเทศะเหล่านั้น แต่หลิงอวี๋ยึดถือคำสั่งสอนของท่านปู่ ไม่ทำเรื่องประเภทคบชู้นั่น!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “หลิงอวี๋ยอมรับว่า พิสมัยท่านอ๋องอี้ในปีนั้นและใช้กลอุบายเล็กน้อยจริง แต่หลิงอวี๋กล้าสาบานต่อสรวงสวรรค์ว่า หม่อมฉันติดตามท่านอ๋องอี้ด้วยความบริสุทธิ์ใสสะอาด!”“ท่านอ๋องอี้ ท่านตรัสอย่างยุติธรรมได้หรือไม่? ว่าครานั้นหลิงอวี๋บริสุทธิ์หรือเปล่า?”เซียวหลิยเทียนตกตะลึง ในวันนั้นที่เขาถูกหลิงอวี๋วางแผนทำร้าย เนื่องเพราะเดือดดาลมากไปเลยไม่ได้จับตาดูละเอียดว่านางบริสุทธิ์หรือไม่และเมื่อครู่หลิงอวี๋ก็กล่าวได้ถูกต้อง เขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่านางคบชู้ เพียงพึ่งความสงสัยตัดสินความผิดของนางนั้นไม่ยุติธรรม!ทุกสายตาต่างจับจ้องไปทางตนเซียวหลินเทียนค่อนข้างรู้สึกขัดแย้งที่จะยอมรับว่านางบริสุทธิ์หรือไม่ยอมรับดี?ถ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นหลิงอวี๋ก็จะถูกลากตัวไปตัดหัว!แต่หากยอมรับ นั่นมิใช่คือการช่วยหลิงอวี๋หรือ?เป็นอุบา
“ในใต้หล้านี้ มีเด็กมากมายกำเนิดก่อนสิบเดือน! เกิดก่อนกำหนดหน่อยก็เป็นเด็กนอกสมรสแล้วรึ?”“สาเหตุที่ทารกในครรภ์คลอดเร็วมีค่อนข้างมาก อย่างเช่น การหกล้มจะส่งผลให้ส่วนท้องได้รับบาดเจ็บทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด! และอารมณ์ตื่นเต้นรุนแรงในช่วงปลายระยะการตั้งครรภ์ก็ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน!”หลิงอวี๋พูดจาฉะฉานมีหลักมีฐาน “อีกทั้งยังสภาพทารกในครรภ์ก็อาจส่งผลให้คลอดก่อนกำหนดได้ อย่างเช่น การทำงานของรกไม่เพียงพอ หรือมีภาวะรกเกาะต่ำ(1)!”“หากไม่เชื่อข้าก็ลองถามหมอหลวงได้ว่าข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่!”ชายาผิงหยางยิ้มหยันกล่าวคำ “แม้ว่าเจ้าจะพูดถูก แต่เจ้าก็แตกต่างจากคนอื่นอยู่ดี เจ้าอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องอี้เพียงแปดเดือนก็ให้กำเนิดลูกนอกสมรสนี้แล้ว!”“ถูกต้อง! หากเจ้ามีความสามารถก็อย่าเบี่ยงเบนประเด็นสิ เอาหลักฐานออกมาพิสูจน์เลยว่า ลูกนอกสมรสคนนี้เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องของข้า!”เสิ่นจวนมองหลิงอวี๋พลางพูดอย่างปากดี เพราะกังวลว่าชายาผิงหยางจะเถียงไม่สู้นางเลยช่วยพูดแทรกเข้ามาดวงตาชายาผิงหยางทอประกาย “ใช่แล้ว เจ้ากล้าตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ(2)หรือไม่! หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกนอกสมรส เจ้าต้องคุกเ
“ฝ่าบาท ทองคำแท้ไม่กลัวไฟหลอม! หลิงอวี๋ก็ไร้สิ่งใดต้องกลัวเพคะ!”หลิงอวี๋เงยศีรษะขึ้นพลางกล่าวหนักแน่น“เชิญหมอหลวง… ตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ!”ตามคำบัญชาของจักรพรรดิอู่อัน หมอหลวงก็ไปเตรียมการทันควันเซียวหลินเทียนกำลังฟังมาตลอด ครั้นได้ยินหลิงอวี๋พูดถึงสาเหตุหลายประเภทของการคลอดก่อนกำหนด หัวใจเขาก็สั่นไวถ้าหลิงอวี๋ติดตามตนด้วยความบริสุทธิ์จริง ๆ การคลอดก่อนกำหนดสองเดือนของเด็กคนนั้นก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน!ก่อนหน้าเขาโกรธแค้นหลิงอวี๋ที่มีเจตนาร้ายกับตน บีบคั้นให้ตนทิ้งคนที่รักไป ทำให้พอหลังแต่งงานกันเขาก็ไปสนามรบทันทีขณะที่เด็กเกิดเขาไม่ได้อยู่เมืองหลวง เลยไม่รู้แจ้งถึงสาเหตุที่หลิงอวี๋คลอดก่อนกำหนดในครานั้นเมื่อได้ยินข่าวลือว่า หลิงอวี๋ออกเรือนกับเขาแต่กำลังอุ้มท้องบุตรชายนอื่น ทว่านั่นคือเหตุที่ทำให้นางคลอดลูกแปดเดือน!ความโกรธเข้าครอบงำเขาในเวลานั้นจึงไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบ คิดเอาเองว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่บุตรของตน!หรือว่าเขาจะเข้าใจผิดจริง?ครั้นได้ยินหลิงอวี๋กล่าวยินยอมตรวจหยาดเลือดรู้ญาติ เซียวหลินเทียนพลันกำหมัดแน่นอารมณ์ตึงเครียดฉับพลัน ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดที่หลิงอวี๋เอ
“ความจริงกระจ่างแล้ว ข้าขอประกาศว่าเยวี่ยเยวี่ยคือบุตรชายของอ๋องอี้เซียวหลินเทียน! เรื่องนี้ให้มันจบลงที่นี่และวันข้างหน้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องลูกนอกสมรสอีก!”จักรพรรดิอู่อันกวาดสายตามองทั่วลานพลางป่าวประกาศอย่างไร้ทางเลี่ยงคราวนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะเล่นงานหลิงอวี๋เช่นไรแล้ว ไร้ซึ่งข้ออ้างจะประหาร!มีเพียงความยินดีปรีดาเดียวเท่านั้นคือ เด็กคนนี้มีสายเลือดของราชวงศ์โดยแท้จริง ช่วยล้างมลทินความอัปยศอดสูที่ราชวงศ์ต้องประสบมานับหลายปีลง!“หลิงอวี๋ขอขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงยืนยันฐานะของเยวี่ยเยวี่ย! ฝ่าบาท หลิงอวี๋ยังมีเรื่องจะขอกราบทูลอีกเพคะ!” หลิงอวี๋คำนับพลางกล่าวเคร่งขรึมจักรพรรดิอู่อันทอดมองท่านอดีตเสนาบดีที่ยังคงคุกเข่าอยู่พลางนึกถึงความปรารถนาประหารแม่ลูกหลิงอวี๋อันแรงกล้าเมื่อครู่…หลิงอวี๋ช่างหัวมัน! จะฆ่าหรือไม่ไม่สำคัญ!แต่เด็กมีสายเลือดราชวงศ์และถือเป็นหลานชายตน!ท่านอดีตเสนาบดีแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ความหลงใหลเกียรติศักดิ์ศรีของจักรพรรดิอู่อันพึงพอใจยิ่งยวด!ถือว่าเห็นแก่เด็ก และให้หน้าหลิงอวี๋เล็กน้อย!จักรพรรดิอู่อันผงกศีรษะแสดงความเคาร
จักรพรรดิอู่อันตกตะลึงต่อฉากนี้จนพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นความบันเทิงที่ไม่เคยพบในวังหลวงมาก่อน!เมื่อชายาผิงหยางคุกเข่าลง เขาถึงได้สติคืนพลางมองค้อนไปยังหลิงอวี๋อย่างไม่พอใจ กล่าวตำหนิว่า “หลิงอวี๋ ขอประทานอภัยต่ออ๋องผิงหยางเสีย!”หลิงอวี๋ตอบอย่างหัวรั้น “ฝ่าบาท หลิงอวี๋มิใช่กล่าวสิ่งใดผิด! หลิงอวี๋กล้าเอาศีรษะเป็นประกันเลยเพคะ! ว่าท่านอ๋องผิงหยางประสบภาวะมีบุตรยาก!”“หมอหลวงก็อยู่ที่นี่ โปรดฝ่าบาทอนุญาตให้เขาวินิจฉัยท่านอ๋องผิงหยางเถิด! หากยืนยันได้ว่า หลิงอวี๋ใส่ไคล้ หลิงอวี๋ไม่เพียงจะโขกหัวแสดงความขออภัยเท่านั้น แต่ยังจะให้ศีรษะที่อยู่บนคอนี้ถวายพวกเขาด้วยเพคะ!”เมื่อวาจานี้ได้เผยออกมา ทุกคนต่างเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกาหลิงอวี๋กระทั่งเอาหัวตัวเองมาเดิมพันเช่นนี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?ท่านอดีตเสนาบดีเดิมทีคิดไกล่เกลี่ยยุติขัดแย้งให้หลิงอวี๋ ทว่าวาจาห้ามปรามยังมิทันเอ่ย หลิงอวี๋ก็โพล่งออกมาซะแล้วเขานึกถึงความคับแค้นระหว่างตนกับท่านอ๋องอี้ แล้วก็นึกถึงฉากสองแม่ลูกหลิงอวี๋เมื่อครู่เกือบจะถูกพระชายาผิงหยางฆ่าตาย เขาก็ส่ายหัวสักพักไม่คิดเตือนใด ๆ แล้ว“ฝ่าบาท พระชายาผิง
เมื่อหลิงอวี๋เห็นสถานการณ์ก็แทบอ้าปากตาค้าง ทว่าท้ายที่สุดยั้งกิริยาไว้ได้!คำก็ชินอ๋อง(1) สองคำก็อ๋องเพียงอาศัยสายสัมพันธ์ญาติพี่น้องกล่าวอ้างว่าการตรวจสายเลือดราชวงศ์ไม่ได้แม่นยำเสมอไป แต่อย่างไรเสียชายาผิงหยางควรถูกหย่าร้างก็เพียงพอแล้ว!นางยังไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขั้นจะให้ชายาผิงหยางอยู่ในสภาพจิ้นจูหลงแน่นอน!สามารถไว้ชีวิตคนได้ก็ไว้ไปเถอะ!ครั้นทุกคนเห็นสถานการณ์ต่างปิดหน้าละอายแทนตระกูลอ๋องผิงหยางไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวด!“ข้าก็บอกแล้วว่าบุตรชายนางเป็นลูกนอกสมรส! พวกเจ้าไม่เห็นหรือ? อธิราชน้อยผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนท่านอ๋องผิงหยางสักนิด!”“ใช่แล้ว เจ้าไม่เห็นรึ บุตรชายของท่านอ๋องอี้ผู้นั้นมีมารยาท สุภาพและวางตัวดี! ถูกกรีดมือก็ไม่งอแงเลย! ”“ไฉนเลยจะเหมือนลูกนอกสมรสผู้นี้ ครั้นถูกกรีดมือก็ด่าคน… แถมยังด่าหมอหลวงเป็นทาสด้วย! ไม่เข้าใจเรื่องมรรยาทเลยสักนิดเดียว!”“เมื่อกี้พวกเจ้าไม่เห็นมารยาทบนโต๊ะของเขาหรือ? ยัดทุกสิ่งอย่างเข้าปาก! ราวกับผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดก็ไม่ปาน!”“ลูกนอกสมรสก็คือลูกนอกสมรสนั่นแหละ! ไฉนเลยจะเทียบเคียงสายเลือดแห่งราชวงศ์ได้!”หลิงอวี๋ได้ยิน
“องค์หญิงใหญ่ เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ตั๊กแตนจับจิ้งหรีด นกเหยี่ยวรอจับตั๊กแตนหรือไม่?”หลิงอวี๋หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะโง่ ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลย แล้วขึ้นเขามาตาย?”“ลองหันไปดูข้างหลังสิ ข้างหลังท่านมีอะไรบ้าง?”องค์หญิงใหญ่หันหลังไปโดยสัญชาตญาณ ก็เห็นกองทัพหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ พวกเขาสวมเครื่องแต่งกายแปลก ๆ แต่ธนูที่ถืออยู่ล้วนเล็งมาที่พวกนาง“วางอาวุธลง มิเช่นนั้นจะฆ่ามิเลี้ยง”เผยอวี้นำหน้า ทหารตะโกนพร้อมกัน เสียงดังกังวานมาจากทุกทิศทุกทาง ดูเหมือนว่ามิใช่เสียงของคนหลายสิบคน แต่เป็นเสียงของคนหลายร้อยคน“พวกเจ้าถูกล้อมแล้ว! วางอาวุธลง ฮองเฮาของเราทรงเห็นว่าพวกเจ้าถูกผู้อื่นหลอกใช้ จึงจะเมตตามิลงโทษ หากยังดื้อดึงก็มีแต่รนหาที่ตาย!” อิ้งเฉิงตะโกนเสียงดังเหล่ามือสังหารมองหน้ากันและต่างพากันลังเล เพื่อเงินมิกี่ร้อยตำลึงแลกกับชีวิต คุ้มค่าหรือ? แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะสัญญาว่า หากสำเร็จจะให้พวกเขาเลื่อนตำแหน่ง ทว่าหากตายไปแล้วสัญญาเหล่านั้นก็ไร้ค่า!“เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว องค์ชายคังทำให้ทหารหลายพันนายตายโดยไร้ซึ่งความผิด คนโหดร้ายเช่นนี้ พวกเจ้ายังอย
เรือนจำราชสำนักฝ่ายในที่ทั้งมืดมนและชื้นแฉะ ห้องขังมืดมิดมิเคยมีแสงแดดเล็ดลอดเข้ามาองค์ชายคังนอนมิหลับมาหลายคืน ผ่ายผอมลงไปสิบกว่าจินทุกครั้งที่หลับตาลง เขาจะได้ยินเสียงคนตะโกนขอชีวิตอยู่ข้างหูเดิมทีเขาคิดว่ามีคนแกล้งหลอกให้หวาดกลัว แต่รอบ ๆ กลับไม่มีใครเลยบางครั้งเขายังเห็นแม้กระทั่งเงาผีล่องลอยไปมา เมื่อเรียกทหารยาม ทหารยามก็บอกว่ามิเห็นอะไรทั้งยังเยาะเย้ยว่าเขาน่าจะเห็นผีเข้าแล้ว!หลังจากหลายคืนที่ถูกหลอกหลอนเช่นนี้ นานเข้าจิตใจขององค์ชายคังก็รับมิไหว บางครั้งก็สติฟั่นเฟือน บางครั้งก็ปกติยามสติฟั่นเฟือนก็เอาหัวโขกกำแพง เวลาปกติก็ด่ากราดกระทบหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนในคุกที่จริงแล้วมีคนแกล้งหลอกหลอนองค์ชายคังจริง ๆและคนที่แกล้งหลอกหลอนนั้นก็คือทหารที่แม่ทัพสือส่งมา พวกเขาคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ขนส่งเบี้ยหวัดทหารในเวลานั้นแม่ทัพสือเองก็เกลียดชังองค์ชายคังที่ฆ่าน้องชายของตนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้แม่ทัพสือฝันร้ายถึงน้องชายที่ตายอย่างน่าอนาถมาตลอดหลายปีส่วนผู้รอดชีวิตเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็หมดอนาคตเพราะเรื่องเบี้ยหวัดทหารหาย และยังต้องแบกรับภาระทาง
เผยอวี้ได้ประโยชน์จากกองพยัคฆ์เหินหาวได้ชุดลายพรางมาด้วย เขาใส่แล้วรู้สึกว่าตนมีพลังขึ้นมา แล้วก็รู้สึกอิจฉาอิ้งเฉิงขึ้นมาทันทีที่ได้เป็นผู้นำกองกำลังชั้นยอดเช่นนี้อิ้งเฉิงมองออกถึงความมิพอใจของเขาจึงยิ้มพลางเอ่ย “ฮองเฮาได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ข้าเป็นผู้นำค่ายกองทหารเสือก็เพียงพอแล้ว กองพยัคฆ์เหินหาวนี้ข้าแค่มาดูแลเพียงชั่วคราวเท่านั้น!”“แม่ทัพเผย หากเจ้าอยากเป็นผู้นำกองพยัคฆ์เหินหาว เช่นนั้นต่อไปก็มาเข้าร่วมการฝึกเถิด ขอเพียงเจ้าเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน เช่นนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการก็จะเป็นของเจ้า!”เผยอวี้สนใจขึ้นมาทันที จึงซักถามอิ้งเฉิงว่ามีรายการอะไรบ้างกระทั่งรู้ว่ากองพยัคฆ์เหินหาวต้องเรียนรู้มากมาย เผยอวี้ก็มิได้ตกใจจนล่าถอย แต่กลับยิ่งสนใจมากขึ้นอีกเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า กองกำลังชั้นยอดจำเป็นต้องเรียนรู้มากมายถึงเพียงนี้ นี่มิใช่สิ่งที่หลิงอวี๋พูดมาเปล่า ๆ แต่ล้วนเป็นทักษะที่แท้จริงทั้งนั้นหากเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้ กองกำลังนี้ก็จะเป็นกองกำลังชั้นยอดในสี่แคว้นแผ่นดินใหญ่ผู้ที่สามารถเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังชั้นยอดนี้ได้จึงจะคู่ควรกับการเป็นแม่ทัพใหญ่อย่างแท้จ
เดิมทีจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้หาแพะรับบาปไว้แล้ว และมิกังวลว่าเรื่องนี้จะโยงมาถึงตนแต่จ้าวฮุยถูกเซียวหลินเทียนพาตัวกลับเมืองหลวง เช่นนั้นแม้ว่าตนจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจน แต่สุดท้ายแล้วก็หลีกเลี่ยงมิได้ที่จะถูกจ้าวฮุยทำให้เดือดร้อนหรืออาจเป็นเรื่องดีกับตนที่หลิงอวี๋มาถึงประตูเองเช่นนี้!จ้าวเฉียงฮั๋วให้ตนบุกเข้าวังมิใช่หรือ? สังหารหลิงอวี๋ตอนนี้และรีบบุกเข้าวังก็มีผลเช่นเดียวกัน!“จ้าวเฉียงฮั๋ว ได้ยินหรือไม่ หลิงอวี๋มาถึงหน้าประตูเองแล้ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยทันที “รีบพาคนของเจ้าตามข้าไป วันนี้เราจะสังหารหลิงอวี๋กัน!”“หนานฮุ่ย เจ้าไปเรียกเฉียวเค่อมาประเดี๋ยวนี้ แล้วให้เขาร่วมมือกับข้าจัดการหลิงอวี๋!”จ้าวเฉียงฮั๋วตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความยากลำบาก เขามองออกว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การจะเอาป้ายตระกูลจ้าวทำได้เพียงเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมมือกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงอวี๋ เช่นนี้จึงจะปกป้องตระกูลจ้าวได้“สุ่ยเหอ เจ้าพาคนไปเฝ้าห้องกลั่นโอสถไว้ อย่าให้ใครบุกรุกเข้าไปเป็นอันขาด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งนางรับใช้อีกคนกระทั่งจัดการเสร็จส
“เจ้าอยากเป็นจักรพรรดิหรือ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองปราดเดียวก็เห็นความคิดของจ้าวเฉียงฮั๋วได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นางจึงยิ้มเยาะเย้ยจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าการเป็นจักรพรรดิง่ายเหมือนกับที่เขาทำการค้าหรืออย่างไร?หากเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็สามารถเป็นจักรพรรดิได้หมดแล้ว!“มีอะไรมิได้!”จ้าวเฉียงฮั๋วเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “ข้าแข็งแกร่งกว่าองค์ชายคังผู้ขี้ขลาดของเจ้าเป็นร้อยเท่า เขาเป็นจักรพรรดิได้ เหตุใดข้าจะเป็นมิได้!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย คนที่มีไหวพริบก็จะส่งมอบป้ายกับรายชื่อมาให้เอง เห็นแก่ที่เราคือคนตระกูลเดียวกัน ข้าเป็นจักรพรรดิแล้ว เจ้าก็ยังคงเป็นพระชายาคัง!”เขากวาดสายตามองคนที่ตนพามาด้วยเพื่อเป็นการเตือนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าอย่าบังคับให้ตนลงมือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหลือบมองผู้ติดตามรูปร่างกำยำเหล่านั้นอย่างดูถูกจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าจะอาศัยคนเหล่านี้มาจัดการตนได้หรือ เขาประเมินตนต่ำไปหรือไม่?จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับอารมณ์ของตนไว้ พลางเอ่ยอย่างอดทน “จ้าวเฉียงฮั๋ว การเป็นจักรพรรดิมิง่ายอย่างที่เจ้าคิด แม้ว่าข้าจะให้รายชื่อกับเจ้าไป แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เจ้าจะให้พวกเขาเชื่อฟังเจ้า!”“เจ้าให้เวลาข้าอีกคืนเดียว!
หากจ้าวฮุยถูกพาตัวกลับเมืองหลวงจะหมายความว่าอย่างไร?คนตระกูลจ้าวต่างก็รู้ดีว่าหากจ้าวฮุยถูกนำตัวกลับมา ตระกูลจ้าวก็จะต้องจบลงจ้าวฮุยเป็นผู้นำตระกูลจ้าว ภายใต้การคุ้มครองของจ้าวฮุยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลจ้าวได้ทำสิ่งน่าอับอายไว้มากมายหากเซียวหลินเทียนจัดให้มีการสอบสวนอย่างละเอียด ตระกูลจ้าวก็มิสามารถต้านทานการสอบสวนได้เมื่อถึงเวลานั้นการยึดบ้านและกวาดล้างจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้!ทันทีที่คนตระกูลจ้าวได้รับข่าว ไหนเลยจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ต่างก็รีบไปหาไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเพื่อหารือ อยากจะอาศัยตอนที่เซียวหลินเทียนยังมิกลับมารีบจัดการหลิงอวี๋แล้วเข้าวังไปก่อนวันนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย นางกำลังเตรียมเครื่องยาสมุนไพรอยู่ในห้องกลั่นโอสถ เตรียมไว้เมื่อคนส่งยามาถึงก็จะกลั่นยาอายุวัฒนะทันที และจะเลื่อนขั้นไปดินแดนที่เจ็ดตระกูลจ้าวขอเข้าพบ นางก็ให้หนานฮุ่ยไปไล่อย่างรำคาญแต่ครานี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลจ้าว ลุงรองและจ้าวเฉียงฮั๋วลูกพี่ลูกน้องของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่าทีของทั้งสองคนแข็งกร้าวนัก มิใช่คนที่คนรับใช้คนหนึ่งเช่นหนานฮุ่ยจะไล่ไปได้“จ้าวหรุ่ยหร
หลังจากที่ทั้งสองบรรลุข้อตกลงกันแล้ว หลิงอวี๋ก็ให้คนไปเชิญขันทีโม่กับแม่นมอูมา แล้วแนะนำให้พวกเขารู้จักกับเย่หรงขันทีโม่มิอยากจะเชื่อเลยว่าหลิงอวี๋จะชักชวนลูกชายผู้มิสนใจสิ่งใดของตระกูลเย่ผู้นี้ได้ เขามีข้อสงสัยและกังวลว่าเย่หรงแสร้งทำเป็นยินดีแล้วจงใจหลอกลวงหลิงอวี๋นับตั้งแต่ที่แม่นมอูถูกหลงหมิงหลอก นางก็มิชอบบุรุษหน้าตาหล่อเหล่าเช่นนี้นัก จึงเอ่ยมิกี่คำพอเป็นพิธีแล้วก็ออกไปท่าทีของขันทีโม่กับแม่นมอูที่มีต่อเย่หรงทำให้หลิงอวี๋รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เย่หรงมิสนใจ เขาได้พบกับการจ้องมองอย่างเย็นชาจากตระกูลเย่มามากพอแล้ว เขาเคยชินกับมันแล้ว“พี่หรง เจ้าไม่มีปัญหาที่จะจัดการกับเฉียวเค่อใช่หรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกังวลเย่หรงส่งเสียงเย็นชา “พลังของนายน้อยตระกูลเฉียวนั้นยังมิสู้ข้าเลย เขาอาศัยว่าเกิดมาในตระกูลดีจึงได้เป็นนายน้อย หากมาเปลี่ยนสถานะกับข้า คาดว่าเขาคงมิสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงอายุเท่านี้หรอก!”หลิงอวี๋ฟังดูจากคำพูดของเย่หรงก็รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ในตระกูลเย่อย่างมิดีนัก แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาถามเกี่ยวกับอดีตของเขา ทำได้เพียงค่อยถามในภายหลังเท่านั้น“เช่นนั้นเฉียวเค่อกั
“ข้า...”เย่หรงมองไปทางหลิงอวี๋ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไปเขาพูดมิได้ หากพูดเรื่องมารดาผู้ให้กำเนิดตนก็ต้องเล่าภูมิหลังชีวิตของตนด้วย เขามิอยากพูดถึงอดีตที่ทนมิได้เหล่านั้นแล้ว“พี่หรง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าคนเรามีชาติก่อนและชาตินี้?”หลิงอวี๋เพิ่งจะรู้จักเย่หรงได้มินานนัก รู้ว่าเย่หรงมิสามารถพูดเรื่องที่เขาถูกข่มขู่ออกมาโดยไม่มีเหตุผลได้ จึงเอ่ยอย่างอดทน“เมื่อคืนตอนที่เห็นเจ้าพุ่งเข้ามาตรงที่ซ่อนตัวของข้า มีชั่วครู่หนึ่งที่ข้าคิดจะลงมือ! แต่ข้าก็มิทำ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”“เพราะเหตุใด?”“เพราะข้ามักจะฝันในแบบเดียวกัน ในฝันข้ารู้จักเจ้า… เจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ชื่อว่าหลิงหรง!”“ใบหน้าของเจ้าดูเหมือนกับที่ข้าเห็นในความฝันทุกประการ!”หลิงอวี๋ยังมิอาจแน่ใจได้ว่าเย่หรงคู่ควรที่จะเชื่อใจหรือไม่ จึงมิกล้าเล่าเรื่องยุคปัจจุบันของตนออกไป ดังนั้นจึงใช้ข้ออ้างว่าเคยเห็นเขาในความฝัน“เจ้าจำคำแรกที่ข้าพูดกับเจ้าในตอนนั้นได้หรือไม่? ก่อนหน้านี้ข้ามิเคยพบเจ้ามาก่อน แต่ข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวหรง!”เย่หรงนึกขึ้นได้แล้ว ตอนนั้นหลิงอวี๋เห็นตนแล้วเรียกตนว่าเสี่ยวหรงจริง ๆ ทั้ง
เดิมทีราษฎรธรรมดาไม่มีความผิด แต่เมื่อมีหยกในครอบครองก็ถือเป็นโทษ!หลิงอวี๋มิได้มีความจำเป็นต้องครอบครองหยกหล้าสุขาวดีชิ้นนี้ แต่โชคชะตากลับมอบให้นางโดยมิให้โอกาสนางได้เลือกนางได้ชีวิตนี้กลับคืนมาใหม่ นางมิอยากตาย นางไม่มีทางให้ใครมาทำเรื่องที่โหดร้ายกับตนเช่นนี้แน่เย่หรงเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของหลิงอวี๋ แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสแอบพูดกับตนก่อนออกเดินทาง แล้วก็เชื่อไปครึ่งหนึ่งเขาพูดมิออกอยู่ครู่หนึ่ง มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรเย่หรงเป็นดังที่ขันทีโม่บอกไว้ เขาทำการสิ่งใดมิคล้ายคนที่อยู่ในความถูกต้องของตระกูลเย่ เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแต่เขาก็มีขอบเขตของตน และจะมิสังหารผู้บริสุทธิ์!หากหลิงอวี๋เป็นคนเช่นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แม้ว่าเย่หรงจะได้ยินว่าจำเป็นต้องใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้เพื่อเอาหยกหล้าสุขาวดีออกมา เขาก็ไม่มีทางขมวดคิ้วแต่เย่หรงมาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้ว และได้รู้จักหลิงอวี๋อยู่บ้าง เขาจะให้หลิงอวี๋ไปตายเช่นนี้ได้อย่างไร!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลิงอวี๋มีดวงตาที่คุ้นเคยและสนิทสนมคู่นี้อยู่!ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เย่หรงลังเล นี่เป็นเหตุผลหลักที่เขาตกลง